หลังจากเฉินชางออกไป แม้จ้าวซิงจะบ่นงึมงำ แต่…นึกถึงที่เมื่อกี้เฉินชางค่อนข้างร้อนรนกระวานกระวายอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงดูแผ่นฟิล์มให้ละเอียดอีกครั้ง
หรือว่าเราจะหาสัญญาณผิดปกติอะไรไม่เจอจริงๆ แต่…เฉินชาง คุณเป็นหมอแผนกฉุกเฉินคนหนึ่ง คุณผ่าตัดเก่งไม่ได้หมายความว่าคุณจะอ่านฟิล์มเก่งนะ ถึงอย่างไรแต่ละแผนกก็ถนัดไม่เหมือนกัน!
จ้าวซิงอดแขวะไม่ได้ แต่เขาก็ยังเริ่มอ่านฟิล์มอย่างละเอียดอยู่ดี!
จริงดังคาด หลังจากเขาเปลี่ยนแผ่นฟิล์มแผ่นแล้วแผ่นเล่าก็ผงะไปทันที!
กรอบ…กรอบด้านบนขวาขยายขึ้นเล็กน้อยแบบนี้มันเกิดอะไรขึ้น
ผิดปกติไหมนั่น
จ้าวซิงไม่เคยเห็นจริงๆ พอคิดถึงตรงนี้ เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วเริ่มเปิดตำราข้อมูล
เขาหาอยู่นานยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
ทันใดนั้นในใจจ้าวซิงก็เริ่มกระวนกระวายยิ่งขึ้น
หรือเฉินชางจะอ่านฟิล์มเอกซเรย์เป็นด้วยจริงๆ A ดูออกว่ามีอะไรผิดปกติแล้วหรือ
พอคิดถึงตรงนี้ จ้าวซิงก็ค่อนข้างร้อนใจ
หรือจะ…ไปขอโทษเฉินชางดี
ไม่ใช่!
ขอโทษอะไรเฉินชาง จะขอโทษก็ต้องขอโทษผู้ป่วย…
พอจ้าวซิงคิดถึงตรงนี้ ความจริงในใจโทษตัวเองไปบ้างแล้ว ตนคงต้องจัดการให้ดีจริงๆ
คิดมาถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกฟิล์มเอกซเรย์แผ่นหนึ่ง เพิ่มใบรายงานไปอีกหนึ่งใบ
‘เงาหัวใจขนาดปกติ กรอบด้านขวาบนนูนขึ้นอย่างผิดปกติ กำลังรอการตรวจสอบ? พิจารณาให้…แนะนำให้ตรวจซีทีสแกนหัวใจเพื่อวินิจฉัยได้ครบถ้วน…’
หลังจากเขียนเสร็จ จ้าวซิงลุกขึ้นวิ่งไปแผนกฉุกเฉินอย่างรีบร้อน
ต่อให้เฉินชางกำลังสงสัยว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะหลอดเลือดใหญ่หัวใจสลับขั้วร่วมกับหัวใจผิดรูปแต่กำเนิด แต่ยังไม่มั่นใจมากนัก
ตอนนี้ยังควรรีบวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนโดยเร็วที่สุด
จ้าวซิงไม่มีทางคิดว่าเฉินชางไม่ได้กล่าวโทษ ถึงอย่างไรความสามารถก็ห่างชั้นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องการไปหาหัวหน้าสือเทาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเสียหน่อย
เฉินชางถึงขั้นหาทางลงให้อีกฝ่ายเอง บอกว่าอาจเป็นเพราะเด็กจัดท่าไม่เรียบร้อย แล้วจึงช่วยจัดท่าให้เรียบร้อยเอง แต่จ้าวซิงไม่เข้าใจเจตนาของเฉินชางสักนิด กลับกันยังรู้สึกว่าเฉินชางกังขาทักษะของตน จึงตั้งใจกลั่นแกล้ง นี่ก็ไร้เหตุผลอยู่บ้าง
พูดกันตามเหตุผล บุคลากรทางการแพทย์ควรมุ่งมั่นทุ่มเทไปด้วยกัน แต่เฉินชางเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า คุณยังทำตัวอวดดีแบบนี้ ก็ออกจะดูงี่เง่า
เมื่อคุณเป็นหมอ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรับผิดชอบผู้ป่วย จะทรยศความเชื่อใจของผู้ป่วยไม่ได้!
ถ้าวันนี้ไม่ใช่เฉินชาง เปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นเอารายงานของจ้าวซิงไปอาจจะไม่เป็นไร ก็อย่างหลัวโจวที่ไม่พบปัญหา ถึงอย่างไรคุณก็ไม่ได้เชี่ยวชาญรังสีวิทยา เทียบกับความสามารถของตนแล้ว คุณยิ่งต้องเชื่อการตัดสินรวมถึงผลสรุปที่ออกมาจากเขาที่เป็นหมอเฉพาะทาง!
อืม ถ้าหลายปีต่อมาจู่ๆ ผู้ป่วยอาการกำเริบอีก ก็อาจจะไม่ได้โทษจ้าวซิง ถึงอย่างไรผลการตรวจก็มีข้อจำกัด
ถ้าเป็นผู้ป่วยเร่งด่วน อาจจะไม่ใช่แค่เอกซเรย์ทรวงอกแผ่นเดียว ยังต้องตรวจสิ่งที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย
พอพูดขึ้นมา หมอบางคนก็ไม่ให้ความสำคัญกับการตรวจเล็กๆ อย่างเอกซเรย์ทรวงอกเท่าไร การวินิจฉัยโรคโดยอิงจากประสบการณ์กำลังอยู่ในกระแส จึงไม่ไปตั้งใจอ่านฟิล์มอยู่แล้ว
แต่ในฐานะหมอแผนกตรวจหาโรค ยังควรต้องทำภาระหน้าที่ของตัวเองให้ลุล่วงอย่างสุดกำลัง วินิจฉัยผู้ป่วยให้แน่ชัด อย่างน้อยเตือนเสียหน่อยก็พอ
อย่างน้อยนี่ก็เป็นการให้เกียรติลายเซ็นที่ตัวเองเซ็นกับมือ!
……
จ้าวซิงที่เพิ่งออกมาข้างนอกก็คิดไปคิดมาแล้วจึงวกกลับไป
ถึงอย่างไรถ้าตอนนี้ตนเอารายงานฉบับนี้ส่งไปแล้วก็จะผลักภาระออกไปให้พ้นตัว แต่…ไปแล้วก็วินิจฉัยโรคให้แน่ชัดไม่ได้ เฉินชางก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ สู้ถามผู้เชี่ยวชาญพวกนั้นดูดีกว่าว่าวินิจฉัยออกมาได้ไหม
ต่อให้ตนชักช้าไปแล้วก็จริง แต่อย่างน้อยก็ให้คำอธิบายกับผู้ป่วยได้! และยังทำให้เฉินชางรู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ป่วย พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง ปากก็บ่นงึมงำ เฉินชางเอ๋ยเฉินชาง ผมไม่ได้กลัวคุณหรอก ผมคิดถึงผู้ป่วยต่างหาก!
คนคนนี้เป็นหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญการเอกซเรย์ที่เขารู้จักสมัยฝึกงานที่โรงพยาบาลทั่วไปแห่งเขตทหารเสิ่นหยางคนหนึ่ง เขาเชี่ยวชาญเรื่องฟิล์มเอกซเรย์ทรวงอกมาก
ความสัมพันธ์ของเขากับหัวหน้าสวีในตอนนั้นไม่เลว พอคิดถึงตรงนี้ เขาจึงโทรหาวีแชทหัวหน้าสวีทันที
“หัวหน้าสวีครับ สวัสดีครับๆ ผมจ้าวซิงนะครับ! อืม ขอโทษที่รบกวนคุณนะครับ มีเรื่องอยากถามคุณหน่อย เป็นฟิล์มเอกซเรย์ทรวงอกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ผมดูแล้วรู้สึกไม่มีปัญหาอะไร แต่…ออกจะรู้สึกแปลกๆ อยู่ดี คุณช่วยผมดูหน่อยนะครับ”
พอเขาวางโทรศัพท์ จ้าวซิงก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปแล้วส่งรูปทั้งหมดไปทีเดียว
ผ่านไปสองสามนาที อีกฝ่ายก็โทรหาเอง
“จ้าวซิงเอ๋ย ภาพนี่…เอ๊ะ? ไม่ใช่สิ! เงาหัวใจแปลกมาก ดูเหมือนปกติ แต่…ผมรู้สึกว่าเหมือนหลอดเลือดแดงใหญ่สลับขั้วหน่อยๆ คุณดูส่วนที่นูนขึ้นมาตรงกรอบขวาบนนี่ เหมือนหลอดเลือดแดงใหญ่ไหม คนปกติไม่มีส่วนที่นูนขึ้นเป็นรูปโค้งแบบนี้นะ…เป็นไปได้! เป็นไปได้ว่านี่จะเป็นฟิล์มของโรคที่เรียกว่าหลอดเลือดแดงใหญ่หัวใจสลับขั้วอะไรนั่น!”
“นี่เป็นเคสที่หายากเคสหนึ่ง คุณติดตามหน่อยจะดีที่สุด ผลออกแล้วบอกผมที”
พอได้ยินหัวหน้าสวีหนานพูดแบบนี้ จ้าวซิงก็งงไปทันที!
มีปัญหาจริงด้วย!
หลอดเลือดแดงใหญ่สลับขั้วเหรอ
นี่…ถือเป็นโรคที่ร้ายแรงถึงชีวิตเลยนะ!
พอคิดถึงตรงนี้ จ้าวซิงก็พลันอายหน้าแดง สีหน้าหวาดหวั่น!
ฟิล์มแบบนี้เราบอกว่าไม่เป็นไรงั้นเหรอ
พอคิดถึงตรงนี้ จ้าวซิงก็อยากตบหน้าตัวเองสักที!
ถ้าทำให้ผู้ป่วยพลาดโอกาสผ่าตัดที่ดีที่สุดไปเพราะตน นี่ก็เป็นความผิดของตนเสียแล้ว
มิหนำซ้ำ พอเขานึกถึงคำพูดของเฉินชางเมื่อกี้ จ้าวซิงก็กลัวมากทันที อดโทษตัวเองขึ้นมาไม่ได้
ให้ตายสิ จ้าวซิงเอ๊ยจ้าวซิง นายทำตัวอวดดีอะไรของนายเนี่ย
จริงๆ แล้วตนมีความสามารถระดับไหนกัน
ถ้าทำให้หนูน้อยคนนั้นรักษาได้ล่าช้า แบบนี้ก็ผิดมหันต์เสียแล้ว
เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฟิล์มที่ดูเหมือนธรรมดาแผ่นหนึ่ง เบื้องหลังจะถึงกับมีปัญหายากที่ใหญ่โตแบบนี้อยู่!
พอคิดถึงตรงนี้ จ้าวซิงก็อับอายมาก จึงกลับตำหนิตัวเองอย่างหนัก!
เขารีบพิมพ์ใบรายงานออกมาใหม่อีกหนึ่งแผ่น เขียนลงไปตามการสันนิษฐานของสวีหนาน รีบร้อนลุกขึ้นวิ่งไปที่แผนกฉุกเฉิน
ในใจกำลังภาวนาไม่หยุด หนูน้อยอย่าเพิ่งออกไปเด็ดขาดเลยนะ ไปแล้วฉันต้องโทษตัวเองไปทั้งชีวิตแน่
จ้าวซิงยิ่งร้อนรนก็ยิ่งกังวลใจ แผ่นหลังถึงกับเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา
ในใจก็สาบานไม่หยุดว่าหลังจากครั้งนี้ไปต้องตั้งใจยิ่งขึ้นอีก!
วันนี้เขาเพิ่งรับรู้ได้อย่างแท้จริงว่าสิ่งใดเรียกว่า…เป็นหมอเหมือนตกลงไปในหุบเหวลึก แต่ละก้าวเหมือนเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ!
เป็นแบบนี้จริงๆ!