มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่รู้ว่าอลิซมีเจตนาอะไรกันแน่ แต่เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของเธอทำให้คาเมดะอิจิโร่ถูกฟันแขนขวาจนขาด หากไม่ใช่เพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่มีกำลังในประเทศจีนมากพอให้ใช้งาน เกรงว่าคาเมดะอิจิโร่คงถูกเขาฆ่าไปแล้ว
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคนนี้ไม่เพียงแต่จะมีความสามารถที่ทำให้ผู้คนตื่นตะลึง ที่สำคัญก็คือเขาเป็นเฒ่าสารพัดพิษคนหนึ่ง เป็นคนที่มีสมองอยู่บ้าง ถ้าเป็นคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคงไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือคนที่มีสมองอันเจ้าเล่ห์ นี่เป็นอะไรที่รับมือไม่ง่ายเลย
เมื่อเห็นว่าอลิซเดินไปยังประตูแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็กำหมัดแน่น เขาโกรธมาก ประการแรกโกรธเพราะฮิคาวะซึ่งเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตนถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตาย ประการที่สองเป็นเพราะอลิซไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M ความจริงสิ่งที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่รู้ก็คือ คนแบบเขา ถ้าไม่ได้เป็นสุนัขของประเทศ M แล้วจะเป็นอะไรได้?
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะครับ ทำไม ทำไมไม่ฆ่าเธอ…” คาเมดะอิจิโร่กุมแขนขวาของตน กัดฟันพูดออกมา
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นหันไปมองคาเมดะอิจิโร่ แขนขวาของคาเมดะอิจิโร่ถูกเขาฟันขาดไปแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นยิ้มอย่างเย็นชา สะบัดมือขวาเบาๆ คาเมดะอิจิโร่ถึงกับไม่รู้สึกเจ็บแขนขวาอีก เมื่อมองไปยังแขนขวาของตนอีกครั้งถึงกับสมบูรณ์ไม่เสียหาย นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ถ้างั้นเมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น?
ความรู้สึกแขนขาดเช่นนั้น ภาพที่มีเลือดไหลออกมาชัดเจนถึงขนาดนั้น คาเมดะอิจิโร่สาบานได้เลย เขารู้สึกว่าแขนขาดไปจริงๆ เจ็บจนแทบขาดใจ แต่ตอนนี้ทำไมถึงดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
“ผู้อาวุโส…นี่ผม…” คาเมดะอิจิโร่เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและแปลกใจ
“ฉันจะบอกอะไรแกให้ ถ้าครั้งนี้ฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แกกับฉันก็อย่าได้คิดจะมีชีวิตกลับไปอีกเลย ฉันไม่มีหน้ากลับไปพบจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของฉัน ส่วนแก ฉันก็จะฆ่าแกด้วยมือของฉันเอง!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“ครับ ขอบคุณผู้อาวุโสที่ไม่ฆ่าผม!” คาเมดะอิจิโร่พูดภาษาจีนออกมาอย่างคล่องแคล่ว
“ต่อให้พูดภาษาจีนดีแค่ไหนก็พิชิตคนจีนพวกนี้ไม่ได้ มีแต่ต้องอาศัยการฆ่าฟันถึงจะเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุด!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดอย่างดุดัน
“ครับ!” คาเมดะอิจิโร่รีบตอบ
ตอนนี้เอง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่แล้วจึงกลับมานั่งที่ตำแหน่งของตนอีกครั้ง การตายของฮิคาวะทำให้เขารู้สึกโกรธมากจริงๆ และเรียกได้ว่าสั่นสะท้านเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตน อย่างน้อยก็เรียกได้ว่าสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของประเทศจีนได้ ถึงกับตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉิน ดูท่าทางเย่เทียนเฉินคนนี้จะไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่จะทำอะไรก็ได้ นับว่าเป็นพวกกระดูกแข็งคนหนึ่ง!
“ไปหาหญิงบริสุทธิ์หลายคนมาให้ฉันซะ วันนี้ฉันจะเริ่มกินเนื้อแล้ว!” สายตาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอำมหิต พูดออกมาด้วยความหื่นกระหาย
เมื่อคาเมดะอิจิโร่ได้ยินคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง เขาไม่ได้ยิ้มออกมาอย่างหื่นกระหายเช่นเดียวกับอีกฝ่าย หากเป็นเมื่อก่อน คนถ่อยที่มีนิสัยหื่นกามอย่างคาเมดะอิจิโร่จะต้องร่วมเสพสุขไปกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเคร่งเครียดเป็นพิเศษ เอ่ยถามอย่างจริงจังว่า
“ผู้อาวุโสครับ คุณคิดจะลงมือเองเหรอ?”
“หึ ถ้าฉันไม่ลงมือด้วยตัวเอง หรือจะให้ทำแบบที่ยัยกะหรี่อลิซพูดจริงๆ จะให้ส่งลูกน้องออกไปตายอีกรึไง?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ทำไมเมื่อกี้คุณถึงไม่ฆ่ายัยกะหรี่นั่นซะ น่ารังเกียจจริงๆ เธอถึงกับเปลี่ยนฝั่งไปช่วยเย่เทียนเฉิน สมควรตาย!” คาเมดะอิจิโร่เอ่ยปากพูดอย่างโหดเหี้ยม
“ไม่ พวกเราฆ่านังกะหรี่นั่นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่กล้าฆ่า แต่ฉันคิดว่าปล่อยเธอทิ้งไว้ยังจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ปล่อยให้รัฐบาลประเทศ M จัดการเธอด้วยตัวเองเถอะ ฉันคิดว่าคงจะมีเรื่องสนุกให้ดูแน่ เมื่อกี้ฉันแค่ใช้วิชาลวงตาที่แข็งแกร่ง ทำให้พวกแกสองคนตกอยู่ในภาพลวงตา ส่วนจุดประสงค์ก็คือทำให้นังกะหรี่นั่นรู้ว่าฉันโกรธมาก ไม่งั้นถ้าเธอมาวุ่นวายเรื่องของพวกเราคงไม่ดี ฉันไม่อยากทำตามคำสั่งของนังกะหรี่แบบนั้น!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยอย่างเย็นชา
ที่แท้ในตอนที่อลิซเข้ามา มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็คาดเดาได้แล้วว่าคงไม่มีเรื่องดีแน่นอน เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีข่าวร้ายแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดแขนคาเมดะอิจิโร่ด้วยความโกรธ สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ หากอลิซออกคำสั่งให้พวกเขาไปทำอะไรแล้วจะทำยังไง? ให้เชื่อฟังหรือ เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ ไม่อาจข้ามผ่านด่านนี้ของตนได้ แต่ถ้าไม่เชื่อฟังก็เกรงว่าจะอธิบายกับทางประเทศ M ไม่ได้ มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น!
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสามารถทำให้คาเมดะอิจิโร่และอลิซซึ่งเป็นยอดฝีมือทั้งสองคนตกอยู่ในภาพลวงตาได้โดยไม่รู้ตัว ไม่กล่าวไม่ได้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ แข็งแกร่งจนถึงขั้นยากจะรับมือ ถ้าเขาลงมือ เย่เทียนเฉินคงมีอันตรายแล้ว
“ได้ครับ ผมจะรีบไปหาหญิงบริสุทธิ์มาเดี๋ยวนี้!” คาเมดะอิจิโร่พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น
“หามาสามคน วันนี้ฉันจะกินพวกเธอให้หมด ทำให้พลังต่อสู้ของฉันฟื้นฟูไปถึงจุดสูงสุด ถึงตอนนั้นฉันจะฆ่าเย่เทียนเฉินเหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง ใครที่กล้ามาเป็นศัตรูกับสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเราจะต้องตายทุกคน!” เขาพูด ในดวงตาไปด้วยไอสังหาร
คาเมดะอิจิโร่พยักหน้า จากนั้นจึงเดินออกไปนอกประตู เขาจะไปหาหญิงบริสุทธิ์มาให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็น สิ่งที่เรียกว่าหญิงบริสุทธิ์ก็คือผู้หญิงที่เพิ่งจะอายุ 12 ปีเต็มและเคยมีประจำเดือนมาครั้งหนึ่งแล้ว พวกเธอจะถูกพวกเขาเรียกว่าผู้หญิงบริสุทธิ์ ส่วนการกินเนื้อนั้นย่อมไม่จำเป็นต้องอธิบาย มันก็คือการทำลายความบริสุทธิ์ของผู้หญิงพวกนี้ โหดเหี้ยมมากจริงๆ
แต่การฝึกฝนของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นในสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ ในชั่วขณะที่เขาทำลายเยื่อพรหมจรรย์ของหญิงบริสุทธิ์ ดูดกินไอหยินในร่างกายของพวกเธอมาจนหมด นี่จะทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟื้นฟูพลังภายในได้ ตอนนี้เขาอายุ 70 ปีแล้ว หากต้องการฟื้นฟูพลังการต่อสู้ไปยังจุดที่แข็งแกร่งที่สุดจำเป็นต้องต้องทำลายเยื่อพรหมจรรย์ของหญิงบริสุทธิ์สามคนถึงจะฟื้นฟูจนถึงขีดสูงสุดได้ จินตนาการได้เลยว่าในตอนที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นใช้วิธีการโหดเหี้ยมฝึกฝน ไม่รู้ว่ามีหญิงบริสุทธิ์ของประเทศชิบะมากน้อยแค่ไหนที่ถูกทำลาย จะอย่างไรพวกประเทศชิบะอย่างพวกเขาก็ไม่มีความเป็นมนุษย์และหื่นกระหายมากอยู่แล้ว ฝึกฝนกันจนเป็นปกติ แน่นอนว่าย่อมไม่สนใจ เดิมทีนี่ก็เป็นชนชาติที่หื่นกามมากอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันในคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่ เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างสระน้ำของคฤหาสน์มาครึ่งค่อนวันแล้ว ไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน เขากำลังรักษาบาดแผล ขณะเดียวกันก็ควบคุมกระบี่เซียวหยวน กระบี่ไท่อา และกระบี่อวี๋ฉางให้ลึกล้ำมากขึ้น รวมกับที่เพิ่งจะทะลวงขอบเขตไปเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิ จำเป็นต้องทำให้พลังบ่มเพาะลึกล้ำและมั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อน นั่งทำให้พลังการบ่มเพาะเสถียรมาโดยตลอด
ทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ต่างยืนอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉินอย่างเรียบร้อย พวกเขาวิ่งวุ่นกันมาหลายวันหลายคืน น่าเสียดายที่หาที่อยู่ของพวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่พบ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาต่างรู้เรื่องที่สถานที่สองสามแห่งที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินถูกโจมตีแล้ว
“พี่ใหญ่ ขอโทษครับ ผมคิดไม่รอบด้านเอง เกือบทำให้ครอบครัวและเพื่อนของคุณถูกทำร้ายแล้ว!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างรู้สึกผิด
อู๋เสวี่ยเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ นี่เป็นคนที่เย่เทียนเฉินเลือกด้วยตัวเอง ที่สำคัญเป็นเพราะอู๋เสวี่ยมีจิตใจมั่นคง ฝีมือแข็งแกร่ง ทำงานด้วยความคิด ในตอนที่เย่เทียนเฉินไม่อยู่เรื่องต่างๆ ของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์นั้นเรียกได้ว่าเป็นไปตามคำพูดของเขา ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาย่อมต้องรับผิดชอบ กล้าทำกล้ารับถึงจะเป็นผู้นำที่ดี
เย่เทียนเฉินลืมตาขึ้น มองไปยังอู๋เสวี่ยแล้วส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องนี้ตำหนิพวกแกไม่ได้ เป็นฉันที่ให้พวกแกออกไปหาเบาะแสของพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวเอง ตอนนี้มีเบาะแสอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ทุกคนต่างก็ส่ายหน้า ความสามารถของพวกเขาไม่นับว่าต่ำต้อย แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นยอดแต่กลับไม่สามารถหาพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวของประเทศชิบะพบ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ความสามารถจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ทั้งสามที่เกี่ยวข้องพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินถูกโจมตี หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินมีผู้หนุนหลัง เกรงว่าครอบครัวของเขาคงถูกทำร้ายไปแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ คงไม่มีอะไรชดเชยได้
“พี่ใหญ่ พวกเราไร้ความสามารถ หาไม่พบครับ!” หวังเจี๋ยพูดขึ้น
“ไม่ว่าพวกแกหรอก ฉันมีข่าวอย่างหนึ่ง ที่เรียกให้พวกแกมาก็เพราะอยากจะแบ่งปันกับพวกแกสักหน่อย ทุกคนตั้งใจให้ดี!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
หลักการของเย่เทียนเฉินก็คือใช้คนไม่สงสัยสงสัยไม่ใช้คน กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์นี้เรียกได้ว่าแต่ละคนเคยผ่านตาเขามาแล้ว ทุกคนต่างเป็นยอดฝีมือ เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกว่าปริมาณไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภาพ!
เขาไม่เคยสงสัยในความสามารถของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวส่งยอดฝีมือมาสามสิบคน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบมาคุมด้วยตัวเอง นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนถึงระดับยากจะคาดเดา หากหาพวกเขาได้ง่ายขนาดนั้นยังจะต้องมีการต่อสู้ดุเดือดรุนแรงอีกหรือ เพียงแค่ฮิคาวะคนเดียวก็ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกรับมือยากแล้ว
เย่เทียนเฉินมองไปยังกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แล้วเอ่ยปากต่อไป
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพวกสำนักโฮคุชินอิตโตริวซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ฉันเคยประมือกับคนของพวกมันมาก่อน บอกพวกแกได้แค่ว่า คนของพวกมันแข็งแกร่งมาก ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าพวกแกเลย ฉันไม่ใช่คนที่ชอบหลอกลวง ทุกการต่อสู้และภารกิจฉันจะบอกกับพวกแกตามความจริงเสมอ และยังคงยืนยันตามประโยคเดิม คนที่กลัวให้ถอยไปซะ ฉันจะไม่ว่าพวกแก ฉันเป็นพี่ใหญ่ ไม่อาจทนเห็นพวกแกถูกส่งไปตายได้… คนที่เป็นหัวหน้าพวกมันก็คือน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ชื่อว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็น ความสามารถจะแข็งแกร่งลึกล้ำมากขนาดไหนฉันเองก็ไม่รู้ บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าพวกเราทุกคน บางทีพวกเราทุกคนร่วมมือกันก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ฉันก็จะสู้กับเขาเหมือนเดิม ฉันมั่นใจว่าจะฆ่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้ จะปล่อยให้พวกสารเลวชนะได้ยังไง!”
………………………………
ฉัวะ!
ในมือขวาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นปรากฏปราณดาบขึ้นสายหนึ่ง ในตอนที่ปราณดาบนั้นปรากฏออกมา กระทั่งอลิซก็ยังถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ เธอไม่รู้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ แต่เคยได้ยินโทมัสกล่าวว่าเดิมทีพรสวรรค์โดยกำเนิดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นสูงส่งกว่าจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของเขา เพียงแต่น่าเสียดายที่เขามั่นใจในตัวเองเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีไออำมหิตมากเกินไป ดังนั้นหัวหน้าสำนักโฮคุชินอิตโตริวเมื่อปีนั้นจึงไม่ได้ให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นสืบทอดสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่กลับมอบตำแหน่งให้พี่ชายของเขาซึ่งก็คือจักรพรรดิดาบในปัจจุบัน มิฉะนั้นหัวหน้าสำนักของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นใคร
จะเห็นได้ว่าความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ต่ำต้อยกว่าจักรพรรดิดาบมากเท่าไหร่นัก จักรพรรดิดาบเป็นหนึ่งในสิบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบน จินตนาการถึงความสามารถของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้เลยทีเดียว แล้วเย่เทียนเฉินจะเป็นคู่ต่อสู้ได้หรือ?
ทั่วทั้งห้องฟุ้งกระจายไปด้วยปราณดาบ ปราณดาบนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก มีกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันฟุ้งกระจายออกมา โชคดีที่คาเมดะอิจิโร่และอลิซอยู่ที่นี่ จะมากจะน้อยก็ยังมีความสามารถที่จะกดข่มไอสังหารอันน่ากลัวนี้ได้บ้าง หากเป็นคนอื่นเกรงว่าคงทรุดไปนานแล้ว คงถูกไอสังหารอันบ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้ตกใจตายไปแล้ว
“อย่า อย่าฆ่าผม ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ อย่าฆ่าผม…” คาเมดะอิจิโร่ตกใจจนผงะถอยหลังไป ขาทั้งสองคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าเคลื่อนไหว สั่นไปทั้งร่าง ชายชราอายุห้าหกสิบปีคนหนึ่งยังกลัวความตายเช่นนี้ ไม่มีศักดิ์ศรีแม้แต่น้อย ทำให้คนอื่นอับจนคำพูดจริงๆ กระทั่งสายตาของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็ยังเต็มไปด้วยความดูถูก
วูบ!
ประกายดาบส่องสว่าง อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอย่างตื่นตกใจหาใดเปรียบ เธอมองไม่ชัดเจนว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นลงมืออย่างไรกันแน่ หลังจากประกายกระบี่ส่องสว่าง สิ่งที่เห็นก็คือแขนมนุษย์ข้างหนึ่งกระเด็นออกมา เลือดสดๆ พุ่งกระฉูด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดของคาเมดะอิจิโร่ น่าอนาจจนทนมองไม่ได้ แขนขวาของเขาถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟันขาดด้วยดาบเดียว ภาพนี้เกิดขึ้นในพริบตา ใช้เวลาไปไม่ถึง 1 วินาทีด้วยซ้ำ นี่ทำให้อลิซยิ่งรู้สึกตื่นตะลึง มัตสึโมโตะชิโมะเค็นคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
หากจะพูดถึงคาเมดะอิจิโร่ แม้จะกล่าวว่าเขาไม่ได้มีความสามารถแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริว มีความสามารถสู้ฮิคาวะไม่ได้ แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ ในตอนที่เขาต่อสู้กับเย่เทียนเฉินที่บ้านตระกูลจาง แม้เขาจะฆ่าเย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่ตอนนั้นเย่เทียนเฉินก็ฆ่าเขาไม่ได้ เรียกได้ว่าทั้งสองสู้เสมอกัน เพียงแต่ตอนนี้ความสามารถของเย่เทียนเฉินเพิ่มพูนขึ้นแล้ว ทะลวงไปถึงขอบเขตของผู้มีพลังพิเศษระดับจักรพรรดิแล้ว ตอนนี้จึงพูดได้ไม่ชัดเจน
“นี่แค่สั่งสอนแกเท่านั้น ต่อไปนี้ถ้ากล้าโกหกฉันอีก ฉันจะตัดหัวแกซะ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปยังคาเมดะอิจิโร่ที่ร้องโอดควรญทั้งยังกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น พูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชา
“ขะ ขอบคุณผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ ขอบคุณผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ!” คาเมดะอิจิโร่ถูกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นฟันแขนขาดแต่กลับไม่กล้าบ่นว่าแม้แต่ครึ่งคำ ทำได้เพียงกล่าวขอบคุณ เขามีชีวิตอยู่มาเกินครึ่งชีวิตแล้ว อะไรที่เรียกว่าศักดิ์ศรี อะไรที่เรียกว่าความภาคภูมิใจล้วนไม่มีแล้ว ยังจะมีความหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเหรอ?
“ยังไม่รีบลุกขึ้นมาบอกเรื่องทุกอย่างที่แกรู้ออกมาอีก?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวเสียงเย็น
ในตอนนี้คาเมดะอิจิโร่ลุกขึ้นยืนจากบนพื้น ใบหน้าขาวซีด บาดแผลบริเวณที่ถูกตัดแขนมีกระดูกโผล่ออกมาให้เห็น เลือดไหลเป็นทาง แต่ไม่นานเลือดก็หยุด นี่ทำให้อลิซยิ่งรู้สึกแปลกใจ เพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ มิน่าล่ะในหมู่กลุ่มอำนาจในประเทศชิบะ สำนักโฮคุชินอิตโตริวถึงได้หยิ่งยโสที่สุด พวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งของรัฐบาลประเทศชิบะก็ยังได้ เมื่อครู่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้ออกแรงแม้แต่น้อย ทำเพียงใช้ปราณดาบก็สามารถตัดแขนขวาของคาเมดะอิจิโร่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงความเร็วเลย กระทั่งอำนาจยังมหาศาลมาก เห็นได้ว่ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นลงมือไว้ไมตรีแล้ว มิฉะนั้นคาเมดะอิจิโร่คงตายไปแล้ว เมื่อมองไปยังบาดแผลของคาเมดะอิจิโร่อีกครั้งพบว่าเลือดหยุดไหลแล้ว เห็นได้ชัดว่าดาบนี้รวดเร็วมาก เร็วจนกระทั่งมีเลือดไหลออกมาไม่มาก เรียกได้ว่าหากต้องการฆ่าคนโดยไม่รู้ตัวก็ยังทำได้ ฟาดฟันดาบออกไปครั้งหนึ่ง คุณยังไม่ทันได้รู้สึกอะไร เมื่อกลับมาบ้าน วันที่สองวันที่สามอาจจะตัวระเบิดตายก็เป็นได้ เพียงแค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
“ครับ ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ เรื่องเป็นแบบนี้ ตอนนั้นผมพาคนมาที่เมืองหลวงของประเทศจีน ได้รับการจ้างวาจากคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงให้ไปฆ่าคนที่บ้านหลังหนึ่ง ไหนเลยจะรู้ว่าต้องเจอกับเย่เทียนเฉิน ผมสู้กับเขา เจ้าคนน่ารังเกียจนี่แข็งแกร่งจริงๆ อายุยังน้อยแต่ความสามารถด้านการต่อสู้ทำให้ตื่นตะลึงได้เลย แต่ความสามารถของเขาควรจะต่างจากผมไม่มาก พวกเราสู้เสมอกัน ดังนั้นจึงพูดได้ว่าผมไม่เชื่อว่าเขาจะฆ่าผู้อาวุโสซาโต้ได้ และยิ่งฆ่าฮิคาวะไม่ได้ด้วย…” คาเมดะอิจิโร่ยังคงพูดอย่างไม่เชื่อนัก
คาเมดะอิจิโร่ย่อมไม่เชื่อแน่นอน ความสามารถของซาโต้และฮิคาวะเหนือกว่าเขามาก เขาสามารถสู้เสมอกับเย่เทียนเฉินได้ แล้วทำไมซาโต้และฮิคาวะถึงตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉินได้ล่ะ? นี่จะทำให้เขาไม่กล้าเชื่อเกินไปหรือเปล่า?
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองคาเมดะอิจิโร่ครู่หนึ่ง สายตาเย็นชาอยู่บ้าง จากนั้นจึงเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งพลางขมวดคิ้ว เดิมทีเขาคิดว่าการมาประเทศจีนในครั้งนี้ตนพายอดฝีมือชั้นสูงทั้งสามสิบคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมาด้วย ขอเพียงกองทัพจีนไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่ากลุ่มอำนาจใดพวกเขาก็สามารถกำจัดได้ ไหนเลยจะรู้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น สูญเสียอย่างต่อเนื่อง ทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นรู้สึกโกรธและอยากลงมือด้วยตัวเองแล้ว
เริ่มจากการกำจัดตระกูลหลิง สองพ่อลูกหลิงเยว่และหลิงอวี่สวิ๋นถูกทหารอันแข็งแกร่งของประเทศจีนช่วยออกไปได้ในเวลาสำคัญ จากนั้นเขาจึงแบ่งกำลังออกเป็นสามทางไปลอบสังหารญาติมิตรของเย่เทียนเฉิน แต่กับฆ่าไม่ได้แม้แต่คนเดียว ไม่เพียงแต่จะฆ่าไม่ได้ ตามคำพูดของอลิซ ยอดฝีมือเหล่านั้นที่ตนส่งออกไปล้วนตายกันหมดแล้ว กระทั่งฮิคาวะก็ยังถูกเย่เทียนเฉินฆ่า แล้วคนอื่นยังจะต้องพูดถึงอีกเหรอ?
“เรื่องที่แกสู้กับเย่เทียนเฉินเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเดือนกว่าแล้ว แกคิดจะบอกฉันว่าในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียว ไอ้หนุ่มที่ชื่อเย่เทียนเฉินจะพัฒนาความสามารถขึ้นมาจนฆ่าซาโต้และฮิคาวะได้เลยเหรอ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกล่าวเสียงต่ำด้วยความโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบ
“นี่…ผมไม่รู้ครับ…ตอนที่ผมสู้กับเขา เขาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ …” คาเมดะอิจิโร่ตกใจจนเหงื่อออกเต็มหน้า รีบร้อนเอ่ยปากพูด
“ดูท่าทางแกจะไม่ได้พูดความจริงกับฉัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันคงทำได้เพียงเก็บกวาดสำนักให้สะอาดแทนพี่แล้ว…” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดพลางมองไปทางคาเมดะอิจิโร่
ความจริงมัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่เชื่อโดยเด็ดขาด ความสามารถของคาเมดะอิจิโร่เป็นอย่างไรเขาย่อมรู้ดี ไม่สามารถสู้ซาโต้และฮิคาวะได้เลย ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือนกว่าเย่เทียนเฉินสู้เสมอกับคาเมดะอิจิโร่ ไม่ว่าใครก็ฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินและคาเมดะอิจิโร่ต่างกันไม่มาก ไม่ต้องพูดถึงระยะเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียวเลย ต่อให้เป็นเวลาสามปีก็เกรงว่าจะไม่อาจพัฒนาความสามารถจนแข็งแกร่งเท่าซาโต้และฮิคาวะได้ จะมีผู้มีพรสวรรค์ขนาดนี้ได้อย่างไร? มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่เชื่อ เขาไม่เต็มใจเชื่อ ถ้าเป็นเช่นนั้น ภารกิจที่เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นต้องทำในประเทศจีนคราวนี้คงดำเนินไปอย่างยากลำบากแล้ว
“มัตสึโมโตะ ความสามารถของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งจริงๆ แกจะลงมือเองหรือเปล่า?” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วเอ่ยถาม
ตอนนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นขมวดคิ้ว เขาเองก็เป็นเฒ่าสารพัดพิษคนหนึ่ง เขาย่อมไม่ล่วงเกินอลิซง่ายๆ และไม่เชื่ออีกฝ่ายง่ายๆ ด้วย ทำได้เพียงรักษาความสัมพันธ์ให้สมดุล หากล่วงเกินอลิซจนทำให้รัฐบาลประเทศ M กล่าวโทษอะไรประเทศชิบะ เขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงรับผิดชอบไม่ไหว
“ใช่แล้ว คุณอลิซ ผมได้ยินว่าคุณเริ่มได้รับความเชื่อใจจากเย่เทียนเฉินแล้วและยังเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาด้วย คราวนี้คนของผมลอบสังหารตระกูลเย่ แต่ในเวลาสำคัญดูเหมือนว่าคุณจะลงมือขัดขวาง ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันเพราะอะไร?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา เห็นได้ชัดว่าในใจไม่พอใจมาก เพียงแต่ไม่ได้ระเบิดออกมาเท่านั้น
อลิซเองก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ดูท่าทางมัตสึโมโตะชิโมะเค็นคงได้รับข่าวมาบ้าง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าฮิคาวะเองก็จะถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตายเท่านั้น ชายชราคนนี้ดูผิวเผินเพียงแค่ถามขึ้นมาลอยๆ แต่ความจริงในใจไม่พอใจมาก หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ฐานะหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ของตน เกรงว่าชายชราคนนี้คงลงมือกับตนไปแล้ว
“นี่เป็นเรื่องของฉัน ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้แกฟัง นอกจากนี้สิ่งที่ฉันอยากจะบอกแกก็คือ ถ้าพวกแกจะฆ่าเย่เทียนเฉินฉันจะไม่ขวางแต่ก็จะไม่ช่วย ฉันเองก็ต้องฆ่าเย่เทียนเฉินเหมือนกัน แต่วิธีการของพวกเราไม่เหมือนกัน ไม่ขวางทางกันและไม่ช่วยเหลือกันก็พอ!” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วพูดขึ้น เธอเชื่อว่าแม้ชายชราคนนี้จะโกรธแค่ไหนก็ไม่กล้าลงมือกับเธอ
“หึ งั้นเหรอ? คุณอลิซ ถ้าไม่ใช่เพราะการขัดขวางของคุณ คนของผมคงฆ่าครอบครัวของเย่เทียนเฉินได้แล้ว คงไม่กลับมามือเปล่าแน่ นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าไม่ขัดขวางกันเหรอ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นถามเสียงเย็น
“แกคิดจะสอบสวนฉันหรือไง? ฉันควรรายงานให้ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะฟังหรือเปล่า?” อลิซถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณ…คุณอลิซ พวกเราเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน ตอนนี้คุณทำแบบนี้ หรือคิดกลับใจไปจะช่วยเหลือเย่เทียนเฉินแล้ว?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจ้องไปทางอลิซแล้วถามขึ้น
“นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับแก ฉันยังคงพูดประโยคเดิม ไม่ขวางทางกัน ไม่ช่วยเหลือกัน!” อลิซพูดอย่างเย็นชา
“ถ้างั้นคุณอลิซมาที่นี่หมายความว่าอย่างไร?”
“ฉันแค่จะมาบอกแกว่าเรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้พวกแกมายุ่ง และอย่าได้มาล่วงเกินฉัน นอกจากนี้…เย่เทียนเฉินไม่ได้รับมือง่ายอย่างที่แกคิด หากต้องการฆ่าเขา แกต้องลงมือด้วยตัวเอง แกจะส่งคนของพวกแกไปอีกกี่คนก็เป็นการส่งไปตายเปล่า!” อลิซพูดอย่างไม่พอใจ
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองไปทางอลิซอย่างดุดัน ในใจรู้สึกโกรธมาก เพียงแต่ยังคงกัดฟันพูดออกไป “แบบนี้พวกเราคงต้องขอบคุณในเจตนาดีของคุณอลิซแล้ว ผมไม่ส่งนะครับ!”
………………………………..
“ตอนที่พวกแกบุกรุกประเทศจีนเมื่อปีนั้นไม่รู้ว่าทำร้ายผู้หญิงชาวจีนไปมากน้อยแค่ไหน จนถึงตอนนี้ผู้หญิงในประเทศชิบะของพวกแกมีแต่พวกหื่นกระหาย แม้แต่พวกแกเองก็ยังไม่ชอบ หรือพวกแกไม่ได้รับบทเรียนเลยรึไง?” อลิซพูดอย่างไม่ไว้หน้ามัตสึโมโตะชิโมะเค็นแม้แต่น้อย
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมองอลิซ เขาคือน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ ความสามารถแข็งแกร่งมาก นั่นเป็นสิ่งไม่ต้องสงสัยเลย ตนรู้ดีว่าด้วยฐานะของอลิซ ต่อให้คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมาเคลื่อนไหวในประเทศจีนเพราะการบงการของรัฐบาลประเทศ M และอลิซเองก็อยู่ในเมืองหลวงของประเทศจีน แต่ท่าทีที่แสดงให้เห็นภายนอก เรียกได้ว่าอำนาจในภารกิจครั้งนี้ล้วนมีเขามัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
ประเทศชิบะเป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M นี่เป็นเรื่องที่ทั่วโลกรู้ดี แต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นมีตำแหน่งสูงส่งและมีอำนาจมากมายในสำนักโฮคุชินอิตโตริว ทั้งยังเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ เมื่อได้ยินอลิซพูดเช่นนี้ในใจก็รู้สึกไม่พอใจมาก อย่างไรก็ตามเขายังคงคิดว่ารัฐบาลประเทศ M ไม่อาจล่วงเกินได้ อดทนไว้ก่อนจะเป็นการดี จึงทำได้เพียงยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้สนใจและไม่ได้เถียง
“ไม่ทราบว่าคุณอลิซมาด้วยตัวเองแบบนี้มีอะไรจะชี้แนะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา
“ฉันจะมาบอกแกว่าเย่เทียนเฉินกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว!” อลิซเอ่ยปากพูด
“อะไรนะ? ไอ้หนูนี่กลับมาเมืองหลวงแล้ว? มันถึงกับกล้ากลับมาเมืองหลวงด้วย?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพูดด้วยความแปลกใจ
เดิมทีหลังจากที่พวกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นมาถึงเมืองหลวง แม้จะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลประเทศ M ให้เก็บกวาดตระกูลหลิง แต่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่น เขาอยากแก้แค้นให้ซาโต้ ต่อให้ไม่มีความรู้สึกของเพื่อนร่วมชาติมากนักแต่ก็ยังอยากทำเพื่อชื่อเสียงของสำนักโฮคุชินอิตโตริว เขาต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน
ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากมาถึงเมืองหลวง เขาก็ส่งยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ออกไป ค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่กลับไม่พบเบาะแสของเย่เทียนเฉิน อย่างมากก็หาสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินทั้งสามแห่งพบ นั่นก็คือบ้านเดิมตระกูลเย่ บ้านตระกูลเย่และคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินอาศัยอยู่คนเดียว ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้เช่นนี้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจึงสั่งให้คนของตนลงมือ ส่งยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ไปยังตระกูลหลิง ฆ่าคนตระกูลหลิงทั้งหมด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่ารัฐบาลประเทศจีนจะลงมือช่วยหลิงอวี่สวิ๋นและหลิงเยว่สองพ่อลูกมาได้ แน่นอนว่านี่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเรื่องใหญ่อะไร เรื่องของตระกูลหลิง เดิมทีรัฐบาลประเทศ M ก็ต้องการแสดงเจตนาข่มขู่ให้ตระกูลหลิงรู้ว่าหากคิดจะฉีกหน้าจริงๆ หากจะกลับมาพัฒนาธุรกิจในประเทศจีนจริงๆ รัฐบาลประเทศ M ก็มีความสามารถที่จะฆ่าคนทั้งหมดของตระกูลหลิง เมื่อถึงตอนนั้นก็อย่ามาตำหนิว่ารัฐบาลประเทศ M ลงมือโหดเหี้ยม นี่คือสิ่งที่ประเทศพัฒนาแล้วเรียกขานว่าความยุติธรรมและความสงบ บนโลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรมและความสงบที่แท้จริง ขอเพียงไม่แตะถูกผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พวกเขาถึงจะหลับตาข้างลืมตาข้าง
หลังจากทำลายตระกูลหลิงแล้ว มัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็รู้สึกไม่พอใจจริงๆ ความโกรธในใจของเขาไม่อาจสงบมาโดยตลอด ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้เดี๋ยวนั้น ในตอนที่ออกมาจากประเทศชิบะ เขายังจดจำสายตาอันโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของตนได้อย่างชัดเจน เกือบ 40 ปีแล้วที่จักรพรรดิดาบไม่เคยโกรธ คราวนี้กลับโกรธมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังบอกมัตสึโมโตะชิโมะเค็นว่าให้เขาจัดการแนวหน้าให้ดี อีกไม่นานเขาจักรพรรดิดาบจะมาประเทศจีนด้วยตัวเอง บุญคุณความแค้นระหว่างสำนักโฮคุชินอิตโตริวและพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนยังไม่สิ้นสุดลง
เพียงแต่น่าเสียดาย เมื่อค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงแล้วกลับหาเย่เทียนเฉินไม่พบ นี่ทำให้คนทั้งหมดของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคิดว่าเย่เทียนเฉินหนีไปแล้ว คิดว่าอีกฝ่ายกลัวเพราะรู้ว่าตัวเองฆ่าซาโต้แล้วสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมาแก้แค้นแน่นอน เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ดังนั้นไอ้หมอนี่จึงออกไปจากเมืองหลวง ตัวมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเองก็คิดเช่นนี้ ที่สำคัญก็คือเขาเองก็คิดเช่นเดียวกับลูกศิษย์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคนอื่นๆ ที่ว่าเย่เทียนเฉินฆ่าซาโต้ได้เพราะโชคดีเท่านั้น ไม่ได้เก่งอย่างที่ลือกัน ตอนนี้เย่เทียนเฉินเพิ่งจะอายุ 20 ปีหากมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งห้าวหาญเช่นนั้นจริงๆ เย่เทียนเฉินในตอนนี้คงนับว่าไม่อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดิดาบในวัยหนุ่มเลย นี่จะน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“พวกแกคิดว่าเย่เทียนเฉินกลัวพวกแกจริงๆ หรือไงถึงได้ออกไปจากเมืองหลวง? ฉันจะบอกแกตามจริง เขามีเรื่องต้องทำถึงได้ออกไปจากเมืองหลวง ตอนนี้เพิ่งจะกลับมา!” อลิซเอ่ยปากอย่างเย็นชา
“ฮ่าๆๆๆ กลับมาได้พอดี ฉันอยากให้เขาตายตอนนี้เลย ต่อให้ไม่ตาย หลังจากกลับมาถึง สิ่งที่จะได้เห็นก็มีแค่ความตายของตระกูลเย่ทั้งตะโกน ญาติมิตรทั้งหมดของเขาล้วนตายทั้งหมดแล้ว ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าไอ้ลูกเต่านั่นจะเสียใจจนมีสภาพยังไง!” แม้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะมีความแปลกใจปรากฏในดวงตาแต่ไม่นานก็หัวเราะแล้วพูดออกมา
เมื่ออลิซได้ยินคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นก็มองไปยังชายคนนั้นด้วยสายตาเรียบเฉย เธอมีความประทับใจไม่ดีต่อชายคนนี้ หรือพูดตรงๆ ก็คือเธอมีความประทับใจไม่ดีต่อพวกสารเลวของประเทศชิบะทั้งหมด เนื่องจากเธอมีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษของประเทศ M จะมากจะน้อยก็ต้องติดต่อกับพวกสารเลวของประเทศชิบะ จะอย่างไรประเทศชิบะก็เป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M ผู้เป็นเจ้านายยังต้องใส่ใจดูแลเป็นบางเวลา ความประทับใจที่อลิซมีต่อพวกสารเลวนี่ก็คือโลภมากเห็นแก่ตัว หยิ่งยโส ที่สำคัญก็คือไม่มีมนุษยธรรมแม้แต่น้อย เชื่อว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครคิดอยากจะไปมาหาสู่กับพวกเชื้อชาตินี้
การที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นหัวเราะและพูดอย่างมั่นใจเช่นนี้ อลิซรู้ดีว่าเป็นเพราะมัตสึโมโตะชิโมะเค็นส่งยอดฝีมือจำนวนมากไปสังหารคนของบ้านเย่เทียนเฉินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีฮิคาวะที่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอยู่ด้วย ความสามารถของเขาไม่อาจประเมิน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบุคคลผู้มีความสามารถที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นและจักรพรรดิดาบให้ความสำคัญมาก กระทั่งยอมรับในใจไปแล้วว่าฮิคาวะจะเป็นผู้สืบทอดสำนักโฮคุชินอิตโตริวรุ่นต่อไป
“แกคิดว่ายอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่แกส่งไปลอบสังหารเย่เทียนเฉินจะทำสำเร็จเหรอ? คิดว่าไอ้หมอนั่นฆ่าได้ง่ายๆ หรือไง?” อลิซอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“หึ คุณอลิซ ผมยอมรับว่าไอ้หนูนั่นมีความสามารถอยู่บ้าง แต่เพียงแค่นิ้วเดียวของผมก็ฆ่ามันได้แล้ว บางทีลูกศิษย์คนอื่นอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ความสามารถของฮิคาวะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ลูกศิษย์รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของพวกเรา มีความสามารถกระทั่งประมือกับผมได้หลายกระบวนท่า เรียกได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีความสามารถ ถ้ามีเขาอยู่ เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนก็ต้องหัวขาดเหมือนคนอื่นๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นแค่นเสียงเย็น พูดออกมาอย่างไม่พอใจ ในตอนที่พูดถึงฮิคาวะ ในดวงตายังเต็มไปด้วยสายตาชื่นชม ดูแล้วคงให้ความสำคัญกับลูกศิษย์คนนี้มาก
“ฉันไม่อยากขัดแกหรอกนะ แต่จำเป็นต้องบอกแกว่าฮิคาวะตายแล้ว…” อลิซมองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“อะไรนะ? ได้ยังไง?”
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นพลันนั่งไม่ติดที่อีกต่อไป ลุกพรวดขึ้นมาจากม้านั่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ จ้องมองไปทางอลิซ มีไอสังหารอยู่จางๆ เขาไม่เต็มใจจะเชื่อเลยจริงๆ เพียงแต่ต่อให้อลิซจะดูถูกพวกเขาแต่ก็ไม่หลอกพวกเขาแน่นอน ดังนั้นนี่จึงทำให้มัติสึโมโตะใจสั่น ฮิคาวะตายแล้วเหรอ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตน ความสามารถแข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็นตนที่มีความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ หากคิดจะเอาชนะฮิคาวะในเวลาสั้นๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากจักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายของตนจะลงมือด้วยตัวเองถึงจะมีความสามารถเช่นนี้
การมาปฎิบัติภารกิจในประเทศจีนครั้งนี้ ตอนแรกมัตสึโมโตะชิโมะเค็น ไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของฮิคาวะ เนื่องจากเขามีความเชื่อมั่นในความสามารถของฮิคาวะเป็นอย่างมาก และไม่เชื่อว่าในประเทศจีนจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดนั้น หรือต่อให้ศัตรูร้ายกาจขนาดไหนฮิคาวะก็มีความสามารถพอที่จะปกป้องตัวเอง คงไม่ถูกฆ่าตายโดยเด็ดขาด ในตอนที่เขาออกมาจากประเทศชิบะ จักรพรรดิดาบผู้เป็นพี่ชายได้กำชับตนมาแล้วว่าพรรควรยุทธโบราณของประเทศจีนลึกล้ำไม่อาจหยั่ง อย่าได้ดูถูกโดยเด็ดขาด ในนั้นมีคู่ต่อสู้ที่กระทั่งจักรพรรดิดาบก็ไม่อาจดูถูกได้อยู่ด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่มัตสึโมโตะชิโมะเค็นไม่ได้เก็บคำพูดเหล่านี้ไปใส่ใจและยังไม่เห็นคนจีนอยู่ในสายตาด้วย เขากับฮิคาวะก็เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและหยิ่งยโสเช่นเดียวกัน ตอนนี้ฮิคาวะตายไปแล้ว เขาจะบอกกับจักรพรรดิดาบอย่างไร? ต้องทราบว่ากว่าสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะบ่มเพาะฮิคาวะขึ้นมาได้ต้องสิ้นเปลืองความพยายามไปไม่น้อย
“ใคร? ใครฆ่าฮิคาวะ?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากถามอย่างดุดัน
“แกคิดว่านอกจากเย่เทียนเฉินแล้วยังจะมีใครอีกล่ะ?” อลิซพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
มัตสึโมโตะชิโมะเค็นกำหมัดแน่น จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวของตนจะตกตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉิน นี่เป็นบุคคลสำคัญอันดับสองของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่กลับตายอยู่ในมือของเย่เทียนเฉินไปแล้ว หากพูดถึงเรื่องคุณค่าและความสำคัญ ฮิคาวะย่อมสำคัญกว่าซาโต้มาก เดิมทีซาโต้ก็แก่แล้ว คงอยู่ได้ไม่นาน ตายไปก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย เพียงแค่ทำให้สำนักโฮคุชินอิตโตริวขายหน้าเท่านั้น แต่การตายของฮิคาวะกลับทำให้สำนักโฮคุชินอิตโตริวสูญเสียสายเลือดใหม่ นี่จะทำให้มัตสึโมโตะชิโมะเค็นโกรธเกรี้ยวระดับไหนกัน
ตู้ม!
คาเมดะอิจิโร่ถูกถีบจนกระเด็นออกไปก่อนจะร่วงลงพื้นอย่างรุนแรง มือซ้ายกุมท้องของตน มุมปากมีเลือดไหลออกมา มองไปยังมัตสึโมโตะชิโมะเค็นด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว กล่าวว่า “ผู้อาวุโสมัตสึโมโตะ คุณ…ผม…”
“ไอ้โง่ ไอ้สวะ แกบอกว่าความสามารถของเย่เทียนเฉินไม่เท่าไหร่ไม่ใช่เหรอไง? แกเคยประเมินกับมันมาไม่ใช่รึไง?” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นจ้องไปทางคาเมดะอิจิโร่ด้วยความโกรธเกรี้ยวหาใดเปรียบแล้วตะโกนขึ้น หากไม่ใช่ว่าฮิคาวะตายไปแล้วทำให้ตอนนี้ในประเทศจีนนี้ไม่มีคนที่เขาจะปรึกษาแผนการได้อีก เกรงว่าเขาคงฆ่าผู้อาวุโสไร้ประโยชน์อย่างคาเมดะอิจิโร่ไปแล้ว
คาเมดะอิจิโร่คุกเข่ากับพื้นด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแต่ความสามารถไม่อาจเทียบกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นได้เลย ที่สำคัญก็คือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นเป็นน้องชายของจักรพรรดิดาบ ในสำนักโฮคุชินอิตโตริว นอกจากจักรพรรดิดาบแล้วใครจะกล้าไม่ฟังคำพูดของมัตสึโมโตะชิโมะเค็นอีกล่ะ? ดังนั้นเมื่อเห็นมัตสึโมโตะชิโมะเค็นโกรธเข้าจริงๆ คาเมดะอิจิโร่จึงคุกเข่าลงกับพื้น คุกเข่าอย่างดี ไม่กล้าหายใจแรงแม้แต่น้อย
“ในเมื่อนอนไม่หลับก็มาคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยเป็นไง?” เย่เทียนเฉินมองไปยังอลิซแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“คุยเหรอ คุยอะไร?” อลิซเอ่ยปากถาม
“คุยกันว่าเธอเป็นใครกันแน่? มาหาฉันมีเรื่องอะไร?” เย่เทียนเฉินยังคงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
อลิซชะงักไปครู่หนึ่ง มือทั้งสองอดไม่ได้ที่จะกำแน่นโดยไม่รู้ตัว เย่เทียนเฉินมองออกแล้ว อย่างไรก็ตามเขายังคงไม่มีการเคลื่อนไหว ความประทับใจที่เขามีต่ออลิซไม่เลวเลย คิดว่าอลิซไม่ใช่คนโฉดชั่วอะไร ต่อให้อีกฝ่ายคิดไม่ดีกับตน แต่นานเพียงนี้แล้วก็ยังไม่ได้ทำร้ายหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวิน แม้แต่ฉีหรูเสวี่ยที่เธอมักจะมีปากมีเสียงกันก็ยังช่วยเหลือ ถ้าหากคนคนนี้เป็นคนเลวก็คงไม่ทำแบบนี้แน่ กลับกัน คนคนหนึ่งต่อให้โหดเหี้ยมขนาดไหน แต่หากในใจไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างแท้จริงก็จะไม่ได้โหดเหี้ยมถึงขนาดนั้น
ความจริงตอนแรกเย่เทียนเฉินก็สงสัยในฐานะของอลิซแล้ว การพบกันระหว่างเขากับอลิซคล้ายกับเป็นการเตรียมการมาอย่างดี อลิซติดตามตนกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลเย่แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรอื่นอีก อลิซบอกพวกเขาว่าเธอเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว มักจะอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยจากไป เป็นลูกครึ่งประเทศ M และประเทศจีน แต่เย่เทียนเฉินกลับรู้สึกว่าไม่ธรรมดาขนาดนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากเขาหวังว่าจะสามารถทำให้อลิซค่อยๆ เปลี่ยนแปลงได้
จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็ไม่ใช่คนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม แน่นอนว่าไม่ใช่คนที่รักหยกถนนบุปผา เพียงแต่เขาไม่อยากฆ่าฟันมากเกินไป คนที่ไม่มีอะไรจะไปฆ่าคนอื่นเล่นทำไมกัน? สนุกหรือไง?
“ฉันก็คือฉัน? มาหานายทำไมน่ะเหรอ? นายจะหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า!” อลิซได้สติกลับมา มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยามแล้วเอ่ยขึ้น
“งั้นเหรอ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่มีอะไรฉันไปก่อนล่ะ ฉันไม่ได้เป็นบอดี้การ์ด!”
พูดจบ อลิซก็เปิดประตูคฤหาสน์เดินออกไป เย่เทียนเฉินมองไปยังแผ่นหลังของอลิซ ไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงแม้เขาจะสงสัยอลิซแต่ก็ยังไม่ได้ลงมือ เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้กำลังมาแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่คิดว่าความสัมพันธ์และความรู้สึกค่อนข้างซับซ้อน
หลังจากทำให้ผมแห้งแล้วเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้พักผ่อน เขาเดินมาข้างสระน้ำของคฤหาสน์แล้วนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น กระบี่เทพทั้งสามเล่มค่อยๆ ปรากฏออกมาจากร่างกายของเขา กระบี่ไท่อาและกระบี่อวี๋ฉางลอยไปอยู่ทั้งสองข้าง ส่วนกระบี่เซียวหยวนลอยอยู่เหนือศีรษะ กระบี่เทพทั้งสามเล่มนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยเหลือเสี้ยวหยาในครั้งนี้ และยังช่วยเหลือแม่และน้องสาวของเย่เทียนเฉินด้วย
ที่แท้ในตอนที่เย่เทียนเฉินไปพบท่านผู้นำสูงสุดด้วยกันกับเฮยเมี่ยน ถึงแม้เขาจะรู้ว่าตระกูลหลิงเกิดเรื่องและเป็นห่วงหลิงอวี่สวิ๋นอยู่บ้าง แต่นี่ก็ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ในพริบตา คราวนี้ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวมากันมาก ความสามารถของคนเหล่านี้ไม่อาจดูถูกได้เลย พวกเขาสามารถหาตำแหน่งของตระกูลหลิงได้และฆ่าคนทั้งหมดของตระกูลหลิงไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นจะต้องหาคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตนได้แน่นอน หากเป็นแบบนั้นพวกเขาคงมีอันตรายเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในตอนที่ถึงทางแยก เย่เทียนเฉินจึงทิ้งเฮยเมี่ยนไว้ ให้เฮยเมี่ยนรอเขาอยู่ที่นั่นชั่วโมงกว่า นั่นก็เพื่อมาที่คฤหาสน์ที่แม่และน้องสาวอาศัยอยู่แล้วนำกระบี่อวี๋ฉางไปทิ้งไว้ที่นั่นเพื่อคุ้มครองพวกเธอ ส่วนทางด้านคฤหาสน์ที่ตนอาศัยอยู่ ในตอนที่ออกมาเย่เทียนเฉินก็ทิ้งกระบี่ไท่อาไว้แล้ว มิฉะนั้นด้วยความสามารถของฮิคาวะ จะทำลายคฤหาสน์ด้วยหมัดเดียวก็ไม่มีปัญหาอะไร
นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเฮยเมี่ยนถึงบอกว่าเย่เทียนเฉินไม่เป็นห่วงครอบครัวของตัวเอง เป็นสาเหตุที่เย่เทียนเฉินมีความสงบนิ่ง และเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมหลังจากที่เย่เทียนเฉินออกมาจากห้องทำงานของท่านผู้นำสูงสุดแล้วจึงรีบเดินทางไปยังบ้านเดิมตระกูลเย่ก่อนเป็นที่แรก เนื่องจากมีแค่ที่นั่นที่ไม่มีการคุ้มครอง เพียงแต่น่าเสียดายที่แม้เขาจะคาดเดาเรื่องเหล่านี้ได้แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหาที่ซ่อนตัวของยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ หากไม่ฆ่าคนเหล่านั้นให้หมด ย่อมเป็นความคุกคามที่มีต่อเขาและคนทั้งเมืองหลวง
“ขอบคุณพวกแกมาก!” เย่เทียนเฉินมองไปยังกระบี่ไท่อา กระบี่อวี๋ฉาง และกระบี่เซียวหยวน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เย่เทียนเฉินเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บ การต่อสู้กับฮิคาวะไม่เพียงแต่จะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่ยังได้รู้ด้วยว่ายอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาในคราวนี้มีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังมีมัตสึโมโตะชิโมะเค็นมาด้วย หากเย่เทียนเฉินรู้ว่ามีคาเมดะอิจิโร่มาด้วยเขาคงไม่กังวลขนาดนั้น คาเมดะอิจิโร่เคยสู้กับเขามาก่อน เย่เทียนเฉินรู้จักฝีมือของคาเมดะอิจิโร่เป็นอย่างดี ไม่ได้จะกล่าวว่าหากพูดถึงผู้อาวุโสในสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็จะคิดว่าพวกเขามีพลังการบ่มเพาะสูงส่ง แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา คนอื่นเขามีประสบการณ์มากกว่าตน จะอย่างไรอายุก็มากกว่า แต่คนที่สามารถเป็นผู้อาวุโสได้ไม่ใช่ว่าจะมีความสามารถแข็งแกร่งทุกคน ก็เหมือนกับคาเมดะอิจิโร่ ความสามารถของเขาสู้ฮิคาวะไม่ได้ ดังนั้นพระเย่เทียนเฉินจึงไม่เห็นคาเมดะอิจิโร่อยู่ในสายตา เขารู้ว่าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือมัตสึโมโตะชิโมะเค็นที่เป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบ คนคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหน จะร้ายกาจขนาดไหน เขาเองก็ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ
ในตอนนี้อลิซมาที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งบริเวณชายขอบเมืองหลวง เปลี่ยนรถแท็กซี่ไปหลายคัน เธอไม่ได้ฆ่าคนขับรถที่มาส่งเธอถึงเป้าหมาย เพียงแค่ทำให้สลบไป จากนั้นก็เดินไปยังเมืองเล็กๆ ที่อยู่เบื้องหน้า
แม้จะบอกว่าเป็นเมืองเล็กๆ แต่ความจริงเป็นเพียงถนนสายหนึ่ง เมื่อถึงบริเวณทางเลี้ยวยังมีถนนอีกสายหนึ่ง นั่นก็คือเมืองเล็กๆ แห่งนั้น บ้านเรือนในเมืองต่างผุผัง แต่ยังคงมีทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน ร้านขายของชำ ร้านขนม ร้านเหล้า โรงแรม แต่ละอย่างล้วนมีครบ อลิซมองไป จากนั้นจึงเดินเข้าไป ตอนนี้ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว มีร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เปิดทำการแล้ว อลิซมองไปยังเมืองเล็กๆ อันว่างเปล่า จากนั้นจึงเดินไปที่ร้านของกิน
“มากี่ท่านครับ? รับอะไรดีครับ?” ชายคนหนึ่งเดินมาต้อนรับ มองอลิซแล้วเอ่ยถาม
“ฉันไม่กินอะไรทั้งนั้น เอาน้ำเปล่ามาให้ฉันแก้วหนึ่ง!” อลิซพูดอย่างเรียบเฉย
ชายคนนั้นมองอลิซ จากนั้นจึงพูดกับคนที่อยู่ด้านในห้อง “น้ำเปล่าแก้วหนึ่ง!”
เพียงไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งถือน้ำเปล่าเดินออกมา นำมาวางไว้เบื้องหน้าอลิซแล้วหมุนตัวเดินจากไป แต่ในขณะที่อลิซยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำนั้น ผู้หญิงคนนั้นพลันหันมา ในมือปรากฏมีดเล่มหนึ่งแทบจะในเวลาเดียวกันแล้วแทงมีดไปที่หัวใจของอลิซ
ดูเหมือนว่าอลิซจะคาดเดาได้นานแล้วจึงสาดน้ำแก้วนั้นไปยังใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว พริบตานั้นผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมา ในแก้วน้ำถึงกับไม่ใช่น้ำดื่มแต่เป็นน้ำกรด หากดื่มลงไปแม้แต่เทพเซียนก็คงช่วยไม่ได้
เสียงปังดังขึ้น อลิซถีบโต๊ะจนกระเด็นแล้วโจมตีผู้หญิงที่มาเสิร์ฟน้ำคนนั้นจนกระเด็นออกไป ตอนนี้เอง มีผู้ชายหลายคนพุ่งออกมาจากในร้านอาหาร ต่างก็มองอลิซด้วยท่าทีโหดเหี้ยม ในมือถือดาบทหารสไตล์ชิบะเอาไว้ทั้งหมด ดาบทหารอันเปล่งประกายมองแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งนัก อลิซอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหลายก้าว ตั้งท่าเตรียมลงมือ
“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกแกรู้หรือเปล่าว่าเธอคือใคร? ยังไม่รีบขอโทษคุณอลิซอีก?” ตอนนี้เอง เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น ทำให้มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่เดิมทีคิดจะเข้าไปสู้ต้องหยุดมือ คนคนนี้ก็คือคาเมดะอิจิโร่ที่เกลียดเย่เทียนเฉินเข้ากระดูกดำ
ยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวหลายคนที่ถือดาบทหารอยู่ในมือได้ยินคำพูดของคาเมดะอิจิโร่ต่างก็สบตากันแล้วจึงเก็บดาบทหารในมือกลับไป ยืนอยู่เบื้องหน้าอลิซด้วยท่าทีนอบน้อมแล้วพูดว่า “ขออภัยด้วยครับคุณอลิซ!”
อลิซไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ เดินไปเบื้องหน้าคาเมดะอิจิโร่แล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “มัตสึโมโตะชิโมะเค็นล่ะ?”
“อ้อ ท่านมัตสึโมโตะกำลังนอนหลับอยู่ ผมจะส่งคนไปเรียนท่านให้รีบมาพบคุณอลิซ!” คาเมดะอิจิโร่พูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ฉันไม่มีเวลามารอเขาหรอก พาฉันไปซะ!” อลิซพูดพลางเดินไปเบื้องหน้า คาเมดะอิจิโร่มองอลิซด้วยความลำบากใจแต่กลับไม่กล้าปฏิเสธ ทำเพียงเดินตามไปอย่างรวดเร็ว พยายามถ่วงเวลาไว้
“ไม่ทราบว่าคุณอลิซมาถึงเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ?”
“คุณอลิซจะรับอาหารเช้าก่อนหรือไม่ครับ?”
“ดื่มชาสักหน่อยเป็นไงครับ?”
“แกดื่มเองเถอะ!”
เสียงปังดังขึ้น อลิซไม่ได้สนใจคาเมดะอิจิโร่ ใช้เท้าถีบประตูห้องให้เปิดออกเนื่องจากด้านในห้องนี้มีเสียงอันหื่นกระหายดังแว่วมา ในตอนที่อลิซใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออก พบว่ามีชายชราอายุประมาณ 60-70 ปีคนหนึ่ง ร่างกายยังดูแข็งแรง กำลังคร่อมอยู่บนร่างของผู้หญิงผิวขาวก้นใหญ่คนหนึ่ง เคลื่อนไหวอย่างดุดัน ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้องออกมา ร่างกายท่อนล่างมีเลือดไหล แต่ชายชรายังคงไม่ยอมปล่อย หวังจะกระทำจนตาย
เมื่อได้ยินเสียงถีบประตู ชายชราคนนั้นก็ไม่พอใจมาก ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหาร แต่เมื่อเขาเห็นอลิซก็เพียงแค่มีสีหน้ามืดครึ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร หันไปกระทำคนใกล้ตายนั้นอย่างดุดันอีกหลายครั้งถึงจะถอนร่างออกมาแล้วสวมกางเกง ผู้หญิงที่ร่างกายท่อนล่างเต็มไปด้วยเลือดคนนั้นสั่นไปทั้งตัว ดูท่าทางคงยืนไม่ขึ้นแล้ว เธอกัดฟันคิดจะลุกขึ้นยืน แต่ชายชราไม่ให้โอกาสนั้น เขาตวัดดาบฆ่าเธอทันที ตายอย่างน่าอนาจ
“อ้อ คุณอลิซนี่เอง ไม่รู้ว่ามาหาผมมีธุระอะไร?” ชายชราคนนั้นสวมกางเกงตัวใหญ่ แม้จะอายุประมาณ 70 ปีแต่ยังดูแข็งแรงมาก นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่ง มิฉะนั้นคงไม่มีร่างกายแบบนี้ในขณะที่อยู่ในวัยที่แทบจะก้าวขาเข้าไปในโลงแบบนี้
“หึ มัตสึโมโตะ แกนี่มีความสุขจริงๆ ตอนนี้แล้วยังมีอารมณ์หยอกล้อผู้หญิงอีก?” อลิซแค่นเสียงเย็นแล้วกล่าวขึ้น
“เฮ้อ พอมาถึงประเทศจีนก็ไม่คุ้นเคยกับอะไรหลายๆ อย่าง ไอ้เศษสวะเย่เทียนเฉินนั้นก็ไม่ยอมโผล่หัวออกมา ผมเลยไม่มีอะไรทำ แต่ผู้หญิงชาวจีนดีกว่าผู้หญิงชาวชิบะมากจริงๆ!” มัตสึโมโตะชิโมะเค็นเอ่ยปากอย่างหื่นกระหาย
นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่อลิซได้พบกับมัตสึโมโตะชิโมะเค็น พบว่าชายชราคนนี้สูงประมาณ 160 เซนติเมตร มีร่างกายหยาบกร้านและแข็งแกร่ง สายตาหื่นกามมองไปทั่วรามกับผู้หญิงคนนั้นยังไม่ทำให้เขาพึงพอใจ กระทั่งอลิซเขาก็ยังกล้ามองสำรวจอยู่นาน รูปร่างอันยั่วยวนของอลิซดึงดูดมากจริงๆ
ในตอนที่ผู้หญิงทั้งสามที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่อย่างหลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ย ถูกมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวไล่สังหารจนหนีไม่พ้น อลิซที่ไม่เคยเปิดเผยฝีมือมาโดยตลอดถึงกับลงมือช่วยเหลือพวกหลัวเยี่ยนในตอนนี้ นี่ทำให้พวกหลัวเยี่ยนทั้งสามคิดไม่ถึงว่าอลิซจะมีฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้ ส่วนมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนก็รู้สึกสงสัย หากกล่าวกันตามเหตุผล อลิซควรจะช่วยพวกเขาฆ่าผู้หญิงสามคนนี้ถึงจะถูก ต้องฆ่าคนข้างกายเย่เทียนเฉินทั้งหมดถึงจะถูก ทำไมกลับช่วยเหลือเย่เทียนเฉินได้?
อลิซเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ไม่เพียงแต่จะมีฝีมือแข็งแกร่ง ที่สำคัญก็คือสมองและฝีมือในการสืบหาข้อมูลของเธอสูงมาก เธอได้รับคำสั่งมาจากโฮบาม่าให้แทรกซึมเข้ามาในประเทศจีน ตามหาเย่เทียนเฉินและคิดวิธีฆ่าเขาซะ ตอนที่อยู่ในวอชิงตันเย่เทียนเฉินก่อเรื่องไปมาก นี่เป็นการตบหน้าโฮบาม่าอย่างแรง ทำให้โฮบาม่ากล้ำกลืนมาโดยตลอด หากไม่ฆ่าเย่เทียนเฉินเขาคงไม่สามารถดับโทสะในใจได้ ดังนั้นจึงให้อลิซซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษลงมือด้วยตัวเอง คิดจะฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้เพื่อล้างอายให้กับรัฐบาลประเทศ M
เคร้งๆๆ!
มีดและดาบทหารปะทะกัน ฝีมือของอลิซแข็งแกร่งมาก แน่นอนว่ามือสังหารสารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนนั้นก็ไม่ใช่พวกกินหญ้า เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมอลิซจึงขัดขวางพวกเขาและไม่กล้าลงมือเต็มกำลัง ประเทศชิบะเป็นสุนัขรับใช้ของรัฐบาลประเทศ M ไหนเลยจะกล้าล่วงเกินคนของรัฐบาลประเทศ M หากทำร้ายอลิซแล้วเรื่องแพร่ออกไปเกรงว่าจะกลายเป็นสุนัขที่ถูกเจ้านายตบตีจนฟันร่วงหมดปาก
ตู้ม!
อลิซถีบมือสังหารคนหนึ่งจนกระเด็นออกไป ในขณะเดียวกันเธอก็พุ่งออกไปด้วยความรวดเร็ว คิดจะใช้มีดเฉือนคอของมือสองหารผู้นั้น
เคร้ง!
มือสังหารคนนั้นก็มีฝีมือแข็งแกร่งมาก ตวัดดาบทหารมาขวางมีดในมืออลิซด้วยความรวดเร็ว มีดในมือทั้งสองของอลิซถูกกดลงมาในพริบตา ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากแต่ยังคงห่างจากหลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยอยู่บ้าง
“ไป!” อลิซกล่าวเสียงเย็น
“ทำไมต้องช่วยเย่เทียนเฉิน?” มือสังหารผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ
“ฉันย่อมมีแผนของตัวเอง หากพวกแกยังไม่ไปฉันจะฆ่าพวกแกซะ!”
อลิซเตะไปยังศีรษะของมือสังหารผู้นั้น มือสังหารผู้นั้นหลบอย่างรวดเร็ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่าอลิซไม่ได้ล้อเล่นแต่คิดจะฆ่าเขาจริงๆ จึงกัดฟันหลบลูกถีบของอลิซแล้วรีบลุกขึ้นจากพื้น มองไปยังหลัวเยี่ยน ฉีหรูเสวี่ยและเย่เชี่ยนเหวิน ก่อนจะกล่าวกับมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอีกสองคน “พวกเราไป!”
มือสังหารทั้งสามของสำนักโฮคุชินอิตโตริวถูกอลิซโจมตีจนล่าถอยไป หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยจึงผ่อนคลายลงบ้าง ต่างมองไปทางอลิซด้วยท่าทีแปลกใจ กล่าวได้ว่าอลิซใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเย่มาได้ประมาณสองสัปดาห์แล้ว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้ เพียงสองสามหมัดก็ทำให้มือสังหารทั้งสามล่าถอยไปได้ นี่ทำให้พวกหลัวเยี่ยนทั้งสามคนตื่นตะลึงจริงๆ
“พวกคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” อลิซเดินมาเบื้องหน้าพวกหลัวเยี่ยน เก็บมีดทหารในมือแล้วเอ่ยถาม
“มะ ไม่เป็นไร อลิซ คิดไม่ถึงว่าเธอจะร้ายกาจขนาดนี้!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว พี่อลิซ พี่เก่งขนาดนี้ได้ยังไง สอนหนูสักสองสามท่าได้ไหมคะ?” เย่เชี่ยนเหวินเอ่ยปากถามด้วยท่าทีกระตือรือร้น
ฉีหรูเสวี่ยมองไปยังอลิซแต่ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงหมุนตัวเดินไปเบื้องหน้า เธอและอลิซเรียกได้ว่าเป็นศัตรูความรักกัน ต่างอยากจะแย่งชิงเย่เทียนเฉิน อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงเก่งทั้งคู่ ย่อมไม่ยอมขอบคุณในบุญคุณช่วยชีวิตของอลิซแน่นอน
“เธอจะไปไหน? ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย?” อลิซเดินมาเบื้องหน้าฉีหรูเสวี่ยแล้วเอ่ยปากขึ้น
“ร่างกายของฉัน ฉันมีอิสระ ต้องให้เธอมาสนใจด้วยรึไง? หลีกไป!” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
“หึ เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเธอคงกลายเป็นศพไปแล้ว ยังมาทำปากดีอีก!” อลิซพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันไม่ได้ขอให้เธอช่วยสักหน่อย ต้องให้ฉันขอบคุณด้วยเหรอไง?”
พูดจบฉีหรูเสวี่ยก็เดินไปเบื้องหน้า อลิซก็ไม่ได้หยุดเธออีกเนื่องจากอลิซรู้ว่าไม่มีอันตรายอะไรแล้ว เมื่อเธอพูด นอกจากมัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นต่อให้มือสังหารคนอื่นจะร้ายกาจขนาดไหนก็ไม่กล้าปฏิเสธคำพูดของเธอ จะอย่างไรประเทศชิบะก็เป็นสุนัขรับใช้ของประเทศ M เป็นสุนัขรับใช้ย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้านาย มิฉะนั้นจะถูกฆ่า เหตุผลนี้ทุกคนต่างเข้าใจเป็นอย่างดี ดังนั้นอลิซจึงไม่กังวลว่าจะมีมือสังหารมาลอบโจมตีอีก
ตอนนี้เองมีเงาร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาอยู่เบื้องหน้าพวกหลัวเยี่ยนแล้ว คนคนนี้ก็คือเย่เทียนเฉินนั่นเอง เย่เทียนเฉินเห็นว่าหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่และเย่เชี่ยนเหวินน้องสาวไม่เป็นอะไรจึงได้ผ่อนคลายลง ระหว่างทางมาเขาลองเรียกกระบี่อวี๋ฉางแล้ว พบว่ากระบี่อวี๋ฉางส่งพลังออกมาแต่กลับไม่ได้ปกป้องพวกหลัวเยี่ยน เช่นนั้นเย่เทียนเฉินจึงตัดสินใจได้ว่าคฤหาสน์ตระกูลเย่จะต้องถูกลอบโจมตีแน่นอน ทั้งยังเป็นยอดฝีมืออีกด้วย มิฉะนั้นคงไม่อาจหยุดยั้งกระบี่อวี๋ฉางได้ ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงร้อนใจ รีบรีดเร้นเคล็ดวิชาเทพท่องจนถึงขีดสุดพุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจบาดแผลบนร่างของตน
“พวกเราไม่เป็นไร เทียนเฉิน ลูกได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?” หลัวเยี่ยนเห็นเย่เทียนเฉินมีเลือดท่วมตัวก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามด้วยความร้อนใจและเจ็บปวดใจ
“ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร แม่กับน้องไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!” เย่เทียนเฉินตอบด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากให้แม่เป็นกังวล
“ไม่เป็นไรจริงเหรอ? ลูกมีเลือดเต็มไปหมด!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยความปวดใจ
“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ เลือดพวกนี้เป็นเลือดของศัตรู ไม่ใช่ของผม…”
เย่เทียนเฉินอยากจะพูดพร้อมขยับสองสามครั้งให้แม่วางใจ แต่เขาพบว่าบาดแผลของตนไม่เบาเลยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่พาฮิคาวะบินออกไปนอกขอบเขตเมืองหลวงและถูกอัดไปหลายหมัด เดิมทีความสามารถของฮิคาวะก็แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว รวมกับที่เขากินยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันเข้าไป พลังของหมัดจะมากมายเพียงใดจินตนาการได้เลยทีเดียว หากเป็นคนธรรมดาเกรงว่าเพียงหมัดเดียวก็คงถูกต่อยจนระเบิดไปแล้ว แต่ดีที่เย่เทียนเฉินเป็นคนให้ความสำคัญกับการฝึกฝนร่างกาย ถูกต่อยไปหลายหมัดขนาดนี้ หากเป็นยอดฝีมือห้องอื่นก็ไม่แน่ว่าจะรับไหว
“กระบี่ที่นายทิ้งไว้ดูเหมือนจะไม่ได้ร้ายกาจมากมายอะไร หากไม่ใช่เพราะฉัน แม่และน้องสาวของนาย แล้วยังมีผู้หญิงที่รักนายข้างเดียวคนนั้นคงต้องตายไปนานแล้ว นายควรจะขอบคุณฉันนะ!” อลิซเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน กรอกตาครั้งหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น
เย่เทียนเฉินมองไปยังอลิซ ในสายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจราวกับมองอะไรบางอย่างออก แต่ไม่นานก็มีปฏิกิริยากลับมา หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวขึ้นว่า “พูดแบบนี้ ฉันคงต้องขอบคุณเธอจริงๆ …”
“อย่าไปขอบคุณเธอเทียนเฉิน ต่อให้เธอไม่ลงมือนายก็มาทันเวลา…” ฉีหรูเสวี่ยเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน เข้ามาเกาะแขนเย่เทียนเฉินในพริบตาราวกับจะประกาศสงครามและข่มขู่อลิซอย่างไรอย่างนั้น
“งั้นเหรอ? งั้นทำไมคนที่แอบรักข้างเดียวอย่างเธอเกือบจะตายแล้วล่ะ? หากไม่ใช่เพราะฉันลงมือก็คงตายไปแล้ว!” อลิซเองก็ไม่นับว่าเป็นคนดีอะไร มองไปยังฉีหรูเสวี่ยด้วยความไม่พอใจแล้วเอ่ยขึ้น
“เธอ…ใคร ใครแอบรักข้างเดียวกัน ฉันจะบอกเธอตามตรง ฉันกับเทียนเฉินหมั้นกันแล้ว พวกเราคือสามีภรรยาในอนาคต!” ฉีหรูเสวี่ยโกรธจนหน้าแดง มองไปยังอลิซแล้วพูดขึ้นอย่างดุดัน
อลิซมองไปยังฉีหรูเสวี่ยแล้วจึงมองไปยังเย่เทียนเฉิน เม้มปากเล็กๆ อันเซ็กซี่ สะบัดผมสีทองของตนแล้วเอ่ยว่า “ไม่ถูกมั้ง ทำไมฉันได้ยินว่ามีครอบครัวของใครบางคนดูถูกตระกูลเย่และดูถูกเย่เทียนเฉิน ดังนั้นจึงจะถอนหมั้นให้ได้ พวกเธอสองคนถอนหมั้นกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ยังจะมาพูดว่าเป็นสามีภรรยาในอนาคตอีก นี่ไม่ค่อยถูกมั้ง?”
“ใคร เธอได้ยินใครพูดมา?” ฉีหรูเสวี่ยโกรธจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“เขาก็รู้กันทั่วทั้งเมืองหลวงนั่นแหละ หรือเธอคิดจะปิดบัง? ฉันว่านะ ถอนหมั้นแล้วก็คือถอนหมั้น แล้วยังเป็นการถอนหมั้นที่ตระกูลฉีของเธอเป็นคนขอเองด้วย ส่งผลเสียต่อตระกูลเย่มากทีเดียว ฉันว่าเธออย่าหาเรื่องลำบากใจเลยดีกว่านะ?” อลิซมองไปยังฉีหรูเสวี่ยอย่างเหยียดหยามแล้วพูดขึ้น
“เธอ…”
“นี่ๆ ฉันว่านะ พวกเธอสองคนยังเอะอะกันไม่พออีกเหรอ? คิดว่าพวกเรายังอันตรายไม่พอ ยังวุ่นวายไม่พออีกรึไง? ไปเถอะ!” เย่เทียนเฉินขวางอยู่หน้าฉีหรูเสวี่ยและอลิซ กล่าวขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
ฉีหรูเสวี่ยและอลิซต่างมองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงเดินตามหลังเย่เทียนเฉินไป เย่เทียนเฉินเข้าไปดูแลหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวิน คฤหาสน์ตระกูลเย่ทั้งหลังถูกทลายแล้ว แม่และน้องสาวจึงได้รับความตกใจไม่น้อย เย่เทียนเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่าคนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวที่มาในคราวนี้จะร้ายกาจขนาดนี้ เขายังไม่ได้เผชิญหน้ากับมัตสึโมโตะชิโมะเค็นซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดิดาบก็ต้องพบกับการต่อสู้เป็นตายครั้งใหญ่แล้ว ถ้างั้นมัตสึโมโตะชิโมะเค็นจะร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ จะมีพลังการบ่มเพาะอยู่ในระดับไหนกัน? จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าการที่จักรพรรดิดาบถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสิบผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกนั้นนับว่าไม่เสียชื่อเลยจริงๆ!
เย่เทียนเฉินพาหลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซกลับไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตน ในตอนที่พวกเธอมาถึงก็เป็นเวลาตีห้ากว่าแล้ว ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยเป็นผู้หญิงธรรมดา ได้รับความตกใจมามากจึงง่วงมากแล้ว ไม่นานต่างก็พากันหลับไป โชคดีที่คฤหาสน์ของเย่เทียนเฉินมีห้องอยู่จำนวนมากเพียงพอ อย่างไรก็ตามในตอนที่เย่เทียนเฉินไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดออกมา เขาพบว่าอลิซเพิ่งจะเปิดประตูใหญ่ของคฤหาสน์เตรียมจะเดินออกไปข้างนอก
“ฟ้าใกล้จะสว่างแล้วไม่นอนหน่อยเหรอ?” เย่เทียนเฉินเช็ดผมของตนพลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ยังไงซะก็ใกล้จะสว่างแล้ว ฉันคงนอนไม่หลับ รวมกับที่ถูกคนไม่ดีทำให้โกรธ จะหลับลงได้ยังไง ฉันจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย!” อลิซหันมามองเย่เทียนเฉิน ในดวงตาสีทองมีความแปลกประหลาดแต่กลับบอกไม่ได้ว่าแปลกประหลาดอย่างไร
ฮิคาวะแพ้แล้ว เย่เทียนเฉินสามารถเอาชนะยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของรุ่นใหม่ในสำนักโฮคุชินอิตโตริวได้ ในความคิดของเย่เทียนเฉิน ฮิคาวะแพ้เพราะใจของตัวเอง เขาแข็งแกร่งมาก ไม่ด้อยไปกว่าตนเลย แต่สิ่งที่ขาดก็คือความกล้าหาญที่จะมุ่งหน้าไปสู่จิตใจอันไร้คู่ต่อกร นี่เป็นสาเหตุที่ฮิคาวะพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่ทำอะไรบุ่มบ่าม เขามั่นใจในตัวเอง เชื่อในความสามารถของตัวเองและมีหัวใจที่ไร้คู่ต่อกร ก็เหมือนกับตอนที่สู้กับซาโต้ ซาโต้แข็งแกร่งกว่าเขามาก เพียงแต่ความคิดของเขา หัวใจที่ไร้คู่ต่อสู้ของเขาและสายตาทีไร้ศัตรูของเขาสามารถค้ำยันเขาไม่ให้ล้ม บางครั้งหัวใจที่ไร้คู่ต่อกรก็สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เนื่องจากมันทำให้ศักยภาพของผู้คนปะทุออกมาไม่หยุด ทำให้คู่ต่อสู้สัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้าน
เชื่อมั่นในตัวเองแต่ไม่บุ่มบ่าม รู้จักความสามารถของตัวเองและศัตรูเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าวเนื่องจากมีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เย่เทียนเฉินสามารถชนะในการต่อสู้เป็นตายหลายครั้งและรอดมาได้ ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นไม่แข็งแกร่งมากพอหรือมีความสามารถสู้เย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่พวกเขาขาดสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งจำเป็นต้องเตรียมให้ดี รู้เพียงแต่แสวงหาความสามารถอันแข็งแกร่งแต่กลับขาดหัวใจของผู้บ่มเพาะ
สรุปแล้วนี่ก็เทียบได้กับนักเรียนที่ได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งของห้องมาโดยตลอด ทุกครั้งที่สอบ คะแนนของเขาล้วนเป็นอันดับหนึ่ง อาจารย์ก็ยินดีมากและมีผู้หญิงแอบรักเขามาก เพียงแต่อยู่มาวันหนึ่งเขากลับสอบไม่ได้ที่หนึ่งของห้อง แต่ความจริงก็ไม่ได้แย่ เพียงแค่ได้อันดับสองของห้องเท่านั้น แต่ความภาคภูมิใจของเขาได้รับผลกระทบอย่างหนัก ยอมรับความน้อยเนื้อต่ำใจและความพ่ายแพ้ไม่ได้แม้แต่ครึ่งส่วน ตั้งแต่นั้นก็ล้มโดยไม่อาจลุกได้ นี่คือปัญหาเรื่องของจิตใจ
ตอนนี้เย่เทียนเฉินไม่ได้หันกลับไป พูดจบก็จากมาเลย ถึงแม้จะเหนื่อยและบาดเจ็บสาหัสแต่เขาไม่ได้หยุด เขาเป็นห่วงแม่ของตนและน้องสาว แล้วยังมีฉีหรูเสวี่ยและอลิซอีกด้วย ส่วนชายร่างกำยำที่พุ่งออกมาช่วยสกัดแมงมุมตัวใหญ่สีดำที่เกิดจากพลังชั่วร้ายเอาไว้ อีกทั้งยังมีความไม่พอใจและดูถูกตนคนนั้น เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ถามอะไรเขาให้มาก เนื่องจากเขาคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้จากคำพูดของชายคนนั้นแล้ว คงเป็นเพราะเขาไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากขุนพลระดับทัพฟ้าจึงทำให้คนจำนวนหนึ่งไม่พอใจและอยากให้ตนไปท้าทายด่านทดสอบของขุนพลระดับทัพฟ้า หรือพูดให้ชัดเจนก็คืออยากจะสั่งสอนเขาเย่เทียนเฉินนั่นเอง
ตามที่ชางหลางบอกเย่เทียนเฉิน กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศจีนก็คือกองกำลังของขุนพลระดับทัพฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นคือ หากคิดจะเป็นขุนพลระดับทัพฟ้ายังต้องฝ่าด่านทัพฟ้าอีกด้วย ด่านทัพฟ้านั้นอันตรายและเข้มงวดเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่ามียอดฝีมือตายไปในด่านมากน้อยเพียงใด ตอนที่ได้ยินดังนั้นเย่เทียนเฉินก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไปฝ่าด่านขุนพลระดับทัพฟ้าสักหน่อย ดูสิว่าจะร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ เขาเป็นคนที่ชอบเสี่ยงอันตรายคนหนึ่ง เพียงแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเหล่านี้ทำให้เย่เทียนเฉินเสียเวลา มิฉะนั้นเขาคงไปลองนานแล้ว ดังนั้นเรื่องที่จะไปทดสอบก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
ตู้มๆ!
สิ่งที่เย่เทียนเฉินไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาจากมา ชายร่างกำยำคนนั้นก็ต่อยออกไปอีกสองหมัด กำจัดแมงมุมตัวใหญ่สีดำที่เกิดจากพลังชั่วร้ายนั้นจนสิ้นซาก ความจริงเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มีความสามารถที่ร้ายกาจยิ่ง หากเย่เทียนเฉินอยู่ด้วยคงต้องตื่นตะลึงหนัก
“หึ แค่ของพรรคนี้ก็กำจัดไม่ได้ ยังคิดจะไปฝ่าด่านทัพฟ้าอีก รนหาที่ตายแท้ๆ หัวหน้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถึงกับส่งฉันที่เป็นรองหัวหน้ามาลงมือด้วยตัวเอง จะให้ความสำคัญกับไอ้หนูเย่เทียนเฉินเกินไปหรือเปล่า? ไอ้หนูนี่คงทำให้เขาผิดหวังแล้ว มีความสามารถไม่เท่าไหร่!” หลังจากที่ใช้หมัดฆ่าแมงมุมตัวใหญ่สีดำไปแล้วชายร่างกำยำคนนั้นก็พูดขึ้นมาแล้วส่ายหน้า
ในขณะเดียวกันที่บ้านของเย่เทียนเฉินซึ่งเป็นสถานที่ที่หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซทั้งสี่คนอาศัยอยู่ ตอนนี้กำแพงถูกทำลายแล้ว ที่นี่เองก็ถูกโจมตีจากยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเช่นกัน สำหรับผู้หญิงสี่คนนี้แล้ว นอกจากอลิซที่มีฝีมือแข็งแกร่งและพอมีความสามารถอยู่บ้าง คนอื่นๆ อันได้แก่หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน และฉีหรูเสวี่ยต่างไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่
คราวนี้สำนักโฮคุชินอิตโตริวมีคนมาสามสิบคน แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นสูงในสำนักโฮคุชินอิตโตริว นอกจากต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้แล้วยังมีภารกิจในการช่วยเหลือรัฐบาลประเทศ M ต่อต้านการย้ายกลับมาพัฒนาธุรกิจที่ประเทศตัวเองของตระกูลหลิงอีกด้วย การที่ครั้งนี้จักรพรรดิดาบส่งยอดฝีมือทั้งสามสิบคนนี้มา สาเหตุที่สำคัญก็คือต้องการฝึกฝนความสามารถของคนรุ่นใหม่ในสำนักโฮคุชินอิตโตริว การบุกรุกประเทศจีนเมื่อปีนั้นจักรพรรดิดาบยังไม่ได้เป็นเจ้าสำนักโฮคุชินอิตโตริว เขาก็เหมือนกันกับฮิคาวะ เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นใหม่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวในตอนนั้น เขาเอาชนะยอดฝีมือไปเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ในตอนที่ท้าทายวัดเส้าหลินเขาพบกับสามเณรรูปหนึ่ง การต่อสู้ของทั้งสองดำเนินไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแต่ก็เสมอกัน ทำให้ผู้อาวุโสของสำนักโฮคุชินอิตโตริวและยอดฝีมืออาวุโสของพรรควรยุทธโบราณของจีนที่ได้เห็นต่างก็ตกตะลึงหาใดเปรียบ ชายหนุ่มสองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแทนของพลังคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศจีนและประเทศชิบะ ทั้งสองต่างก็แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งตายในการประลองครั้งนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ไม่อาจชดเชยของทั้งสองประเทศ ดังนั้นสุดท้ายพวกเขาทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสและถูกยอดฝีมือคนอื่นจับแยก
หลายปีมานี้จักรพรรดิดาบต้องการแก้แค้นมาโดยตลอด สามเณรน้อยของวัดเส้าหลินรูปนั้นกลายเป็นปมในใจของเขาแล้ว ถ้าเอาชนะสามเณรน้อยรูปนั้นไม่ได้ ถ้าฆ่าเขาไม่ได้ จักรพรรดิดาบก็ไม่สามารถทำลายปมในใจของตนได้ ไม่สามารถทะลวงไปยังขอบเขตที่ลึกล้ำสูงส่งยิ่งขึ้น ดังนั้นหลายปีมานี้จักรพรรดิดาบล้วนฝึกฝนเพลงดาบของสำนักโฮคุชินอิตโตริวอย่างยากลำบากมาโดยตลอด หากพูดตามคำพูดของเขาก็คือ จะช้าจะเร็วก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาจะมาเยือนประเทศจีนอีกครั้งและทำลายวัดเส้าหลินให้ราบเป็นหน้ากลอง เอาชนะสามเณรน้อยในปีนั้นให้ได้ ตั้งแต่เรื่องในปีนั้นเป็นต้นมา จักรพรรดิดาบก็ให้ความสำคัญกับวรยุทธของจีนเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่ากว้างขวางลึกล้ำจริงๆ เขาเองก็คิดหาวิธีทำความเข้าใจและพัฒนาไปมากมาย ดังนั้นจึงให้คนของสำนักตัวเองมาฝึกฝนที่ประเทศจีน ให้สัมผัสและเรียนรู้ความสมบูรณ์แบบวรยุทธของประเทศจีน เพื่อที่ว่าในวันที่ต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้งจะได้ช่วยเขากำจัดวัดเส้าหลินและล้างแค้นในปีนั้นได้
“กรี้ด…”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น นั่นเป็นเสียงของฉีหรูเสวี่ย ทั่วทั้งคฤหาสน์ตระกูลเย่ถูกทำลายไปแล้ว หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวิน ฉีหรูเสวี่ย และอลิซต่างก็กำลังหนี เพียงแต่พวกเธอสามคนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีแรงแม้แต่จะฆ่าไก่ จะหนีพ้นได้อย่างไร เพียงไม่นานก็ถูกไล่ทัน สารเลวของสำนักโฮคุชินอิตโตริวฟาดฟันดาบไปยังฉีหรูเสวี่ย ฉีหรูเสวี่ยตกใจจนทรุดลงนั่งกับพื้น หลบไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว รอความตายมาเยือน
เคร้ง!
เสียงอาวุธกระทบกันดังขึ้น ฉีหรูเสวี่ยลืมตามอง ในดวงตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ เธอคิดไม่ถึงว่าคนที่ขวางอยู่เบื้องหน้าเธอและช่วยชีวิตเธอจะถึงกับเป็นอลิซ
ระยะเวลาที่อลิซและฉีหรูเสวี่ยอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลเย่แห่งนี้ต่างก็ทะเลาะกันทั้งทางลับทางแจ้ง แสดงความรักความชื่นชมที่มีต่อเย่เทียนเฉินออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อม ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่งดงาม การแต่งตัว รูปร่าง ส่วนโค้งส่วนเว้า หรือจะเป็นฝีมือการทำอาหาร การทำงานบ้านต่างๆ นาๆ ทั้งสองต่างก็ลอบเปรียบเทียบกันอย่างรุนแรง ทำให้หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ แน่นอนว่าพวกเธอก็ดีใจมาก เนื่องจากช่วงนี้พวกเธอไม่ต้องทำอาหารและทำงานบ้าง
อลิซคนนั้นถึงกับช่วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือของเธอยังแข็งแกร่งขนาดนี้ด้วย เหมือนกับเป็นยอดฝีมือทางด้านศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง พริบตาเดียวก็สกัดมือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวเอาไว้ได้ แล้วยังถีบอีกฝ่ายจนกระเด็นออกไป ก่อนหน้านี้พวกฉีหรูเสวี่ยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถแบบนี้ อลิซเองก็เพิ่งจะเปิดเผยตอนนี้
“ยังตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่ไปอีก?” อลิซมองไปยังฉีหรูเสวี่ยอย่างไม่พอใจแล้วพูดขึ้น
ตอนนี้หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินสองแม่ลูกย้อนกลับมาแล้ว ประคองฉีหรูเสวี่ยขึ้นมา ทุกคนมองไปยังอลิซด้วยความแปลกใจ เนื่องจากอลิซในตอนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นสาวงามผมทองคนหนึ่ง แต่ยังมีมีดทหารอยู่ในมือทั้งสองอีกด้วย ดูแล้วไม่ได้อ่อนแอเลย ดูชำนาญเป็นอย่างมาก ให้ความรู้สึกเหมือนฮีโร่สาว
“ถ้าพวกคุณยังไม่ไปอีกจะต้องตายกันหมดที่นี่แน่!” อลิซพูดเสียงต่ำ
ฉัวะๆๆ มือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนยืนอยู่เบื้องหน้าอลิซ ในมือต่างมีดาบทหารสไตล์ชิบะอยู่ พากันเสือกแทงดาบไปยังอลิซ ในดวงตาเต็มไปด้วยไอสังหารและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ครั้งนี้พวกเขามาลอบโจมตีคฤหาสน์ตระกูลเย่ด้วยกันทั้งหมดหกคน แต่ละคนล้วนเป็นคนที่แข็งแกร่ง เดิมทีคิดว่าหากจะฆ่าผู้หญิงสี่คนนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่พวกเขาหกคนลงมือ กลับมีประกายกระบี่สายหนึ่งส่องสว่างฆ่ายอดฝีมือของพวกเขาไปหนึ่งคนโดยไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำ ส่วนยอดฝีมืออีกสองคนที่เหลือก็ถูกสังหารด้วยกระบี่อันไร้คู่ต่อกรนั้นอย่างสิ้นหวัง สุดท้ายพวกเขาสามคนจึงรวมพลังกันทำลายคฤหาสน์และไล่สังหารผู้หญิงสี่คนนี้ นี่มันจะขายหน้าเกินไปแล้ว เสียหายมากจริงๆ คนที่มาทำภารกิจที่ประเทศจีนในครั้งนี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือชั้นสูงรุ่นเยาว์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริว การที่จะฝึกยอดฝีมือรุ่นใหม่ออกมานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ตอนนี้ตายไปสามคนแล้วทำให้พวกเขาโกรธมาก
“ใครก็ไปไม่ได้ทั้งนั้น อย่ามาตำหนิพวกเราเลย ถ้าคิดจะโทษก็โทษความสัมพันธ์ระหว่างพวกแกกับเย่เทียนเฉินเถอะ ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเย่เทียนเฉินต้องตายทั้งหมด!” หนึ่งในนั้นพูดอย่างเย็นชา
“หากจะฆ่าพวกเธอก็ต้องดูก่อนว่าพวกแกผ่านด่านฉันไปได้หรือเปล่า!” อลิซพูดเสียงเย็น
มือสังหารคนหนึ่งมองอลิซอย่างดุดัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ของรัฐบาลประเทศ M นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ดี และก่อนมาเขาก็รู้ว่าอลิซซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของประเทศ M มาตรวจสอบและลอบสังหารเย่เทียนเฉินที่ประเทศจีน ทำไมตอนนี้อลิซไม่ช่วยพวกเขาฆ่าแม่และน้องสาวของเย่เทียนเฉินแต่กลับหันดาบมาหาพวกเขาได้?
“ถ้าพวกแกไม่ลงมืองั้นก็ให้ฉันฆ่าพวกแกซะเถอะ!”
อลิซเห็นมือสังหารทั้งสามคนสงสัยก็ขมวดคิ้ว กำมีดทหารในมือแน่น พุ่งเข้าไปหามือสังหารของสำนักโฮคุชินอิตโตริวทั้งสามคนด้วยความรวดเร็ว…