บทที่ 3 ตอนที่ 7
วันที่ 7 ของวันหยุดหน้าร้อน
ในวันนี้ เป็นการแข่งขันมอนโคโลรอบแรกหลังจากที่ห่างหายไปนาน
จากการแข่งรอบล่าสุดก็ผ่านมาได้ 3 อาทิตย์แล้ว จนถึงเดี๋ยวนี้มักจะมีการแข่ง 1 รอบทุกอาทิตย์ ไม่ก็ทุก 2 อาทิตย์ เพราะแบบนั้นจึงนับว่าห่างหายไปซักพักได้
เพราะเรื่องคดี คุณค่าของผมในฐานะผู้เข้าแข่งขันก็น่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย แต่จากความจริงที่ว่าห่างหายไปซักพัก ก็คิดได้ว่าทางรายการคงจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเฟ้นหาคู่ต่อสู้ที่จะมาสู้กับผม
ต่อให้จะพยายามใช้การแท็คทีมมาอุดช่องว่างความนิยม แต่ถ้าใช้มันไปทุกครั้งคนดูก็จะเบื่อเอาได้
คู่ต่อสู้ในครั้งนี้ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ได้ยินมาว่าจะเป็นการสู้แบบ 1 ต่อ 1 ด้วยกฏมาตรฐาน
เพียงแต่ คราวนี้ทางรายการได้ขออะไรบางอย่างที่แปลกไปจากเดิม โดยการเจาะจงการ์ดที่จะให้ใช้สำหรับการต่อสู้เป็นซาชิกิวาราชิ, ไลแคนโทรป, และแวมไพร์
บางทีว่าอาจจะเป็นการพยายามทำให้อัตราต่อรองมีเท่าๆกันโดยที่ใช้การ์ดที่มีความได้เปรียบกับของผม
ด้วยความคิดที่มีเช่นนั้น ผมก็มุ่งหน้าไปสู่เวที—-
『—-สำหรับแคทไฟท์ในวันนี้ จะเป็นรายการพิเศษครับ! โดยเป็นการร่วมมือกับกับ『วันอาทิตย์ Down Down』และนี่ก็คือทฤษฏีที่เราจะพิสูจน์กันในคราวนี้! ถ้าหากว่าเป็นนักผจญภัยมืออาชีพแล้วล่ะก็ ด้วยการใช้การ์ดใหม่เอี่ยมในการรับมือกับการ์ดที่ฝึกฝนมาอย่างดีของมือใหม่ คิดว่าจะไปได้สวยหรือไม่~!』
『โออออ้~~!』
หัวข้อที่คล้ายคลึมกันได้ถูกแสดงบนป้ายไฟ แล้วพอพิธีกรพูดประกาศ ทางผู้ชมก็ส่งเสียงเชียร์ดังสนั่น
พอได้ยินเข้า ผมก็「อย่างงี้นี่เอง…..เป็นงั้นสินะ」พูดพึมพำออกมา
『ในครั้งนี้ นักผจญภัยมืออาชีพจะได้ใช้การ์ดที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับการ์ดหลักของนักผจญภัยมือใหม่ โดยมีทางรายการเป็นผู้จัดเตรียมมาให้ การ์ดเหล่านี้ถูกจัดซื้อมาหลังจากที่มีารดรอปแล้วถูกขายมาเลยทั้งๆแบบนั้น ด้วยค่าพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นจากการใช้เวทมนตร์เลเวลอัพเท่านั้น ทำให้มันแทบจะเหมือนกับการ์ดใหม่เอี่ยม ด้านสกิลเรียนรู้จะไม่ถูกเปิดเผยรายละเอียด แต่ว่าไม่มีสกิลด้านลบอยู่』
หรือก็คือ นี่เป็นการแข่งแบบต่อให้
ถ้าหากว่ามือใหม่ไปสู้กับมืออาชีพกันตามปกติ มันก็ไม่มีโอกาศที่จะเอาชนะได้เลย
ตรงจุดนั้น ด้วยการให้ต่อสู้โดยที่ใช้การ์ดใหม่ที่เป็นแบบเดียวกันกับการ์ดหลักของมือใหม่ ก็จะทำให้ผลลัพธ์คาดการณ์ได้ยาก บางทีอาจจะเป็นแผนการณ์เช่นนั้น
ที่มืออาชีพจะใช้ คือการ์ดธรรมดาที่ไม่มีสกิลด้านลบซึง่ทางรายการเป็นผู้จัดเตรียมมา ในทางกลับกัน ที่ผมใช้คือการ์ดที่ได้ตั้งชื่อและพัฒนามาแล้ว มิหนำซ้ำยังมีซาชืกิวาราชิที่มีหวนคืนจิตวิญญาณอีก
ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ต่อให้มีช่องว่างความแตกต่างของผีมือผู้เข้าแข่งขัน มันก็น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ดีได้ล่ะมั้ง…..?
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกคิดไว้
แต่ว่า วันอาทิตย์ Down Down งั้นเหรอ…..
จริงอยู่ว่าการแข่งแนวนี้ เป็นอะไรที่รายการนั้นน่าจะวางแผนขึ้นมาได้
ว่ากันตามตรง ผมเองก็สนใจอยู่เหมือนกัน
ว่าในตอนนี้ผม เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้มืออาชีพที่ใช้การ์ดแบบเดียวกัน จะทำได้ถึงขนาดไหน…..
ถ้าจะมีอะไรที่กังวลก็มีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเร็นกะและยูคิของผม ได้โกงแรงค์ตัวเองไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เมื่อได้ขึ้นเป็นระดับมืออาชีพแล้ว แม้แต่กับการ์ดที่เพิ่งจะได้มาใหม่ก็สามารถทำฟูลซิงโคร หรืออย่างน้อยก็สามารถซิงโครที่อัตรา 90% ได้
แต่ถึงแม้ว่าฟูลซิงโครจะสามารถดึงเอาพลังต่อสู้ออกมาได้มากกว่าตามปกติถึง 2 เท่า มันก็ยังคงลำบากอยู่ดีถ้าหากค่าพลังตั้งต้นมันแตกต่างกัน
เร็นกะกับยูคินั้น มีพลังต่อสู้ที่มากกว่าเผ่าพันธุ์เดียวกันเองถึง 2 เท่าได้ แล้วตัวผมเองก็สามารถฟูลซิงโครได้ 1 ใบ
ตรงๆเลย ในด้านของการเพิ่มพลังต่อสู้ด้วยซิงโคร ระหว่างผมกับมืออาชีพแล้วมันไม่มีความแตกต่างกัน
เมื่อเป็นเช่นนั้น ปัญหาก็จะกลายมาเป็นความแตกต่างของสกิลเรียนรู้…..
กับผมที่คิดกังวลอยู่นั้น ก็ได้เริ่มเปิดตัวผู้เข้าแข่งขันกัน
『ก่อนอื่นจากทางประตูแดง ผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่า อุทามาโร่ ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีครับ! ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ธรรมดาๆของเขา เขาคือผู้เข้าแข่งขันดาวรุ่ง ผู้ที่มีประเด็นให้ต้องพูดถึงกันอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบหวนคืนจิตวิญญาณ หรือความพยายามในการไขคดีอันตราย! แวมไพร์ผู้พิทักษ์สุดแกร่ง, มนุษย์หมาป่าคุโนอิจิผู้ใช้วิชานินจา, และซาชิกิวาราชิกับหวนคืนจิตวิญญาณ จะมาทำการท้าทายด้วยทีมอันสมบูรณ์แบบคร้าบ~!』
ไอ้รูปลักษณ์ธรรมดาๆ นี่ไม่ต้องมีมาก็ได้
ขณะที่ผมเบะปาก อีกฝ่ายที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกมองว่าธรรมดาๆ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
『เผชิญหน้ากับทางประตูขาว ผู้ที่เป็นประเด็นร้อนจากที่ว่าเป็นลูกศิษย์ของ REIKA คนนั้น! ผู้เข้าแข่งขัน REINA ครับ!』
ที่ปรากฏออกมาจากประตูขาวนั้น คือสาวสวยอายุประมาณ 20 ปลายๆ
ผมยาวสีน้ำตาลที่มีแสงกระทบเป็นวงแหวนนางฟ้า ใบหน้าออกดุดันนิดหน่อยแต่ก็คงความสวยงามไว้อยู่ ชุดที่สวมเป็นชุดรัดรูปที่เน้นทรวดทรงอันเย้ายวน
เพียงแค่เธอยิ้มแล้วโบกมือไปทางผู้ชม ก็ดูเหมือนจะมีออร่าตามแบบฉบับคนดังประกายออกมา
โอ่ยโอ่ย เอาจริงดิ เรย์นะจังตัวจริงเสียงจริงเหรอ…..
เรย์นะนั้น เป็นนักผจญภัยผู้มีพรสววรค์ที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างมากอยู่ในปัจจุบัน
ดั้งเดิมทีแล้วเธอเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้ผสมหญิง ถ้าว่ากันตามตรงในช่วงเวลาที่เธอยังเล่นกีฬาอยู่นั้น ตัวเธอจะให้ความสำคัญไปทางรูปลักษณ์เสียมากกว่า และไม่ค่อยมีความชำนาญในฐานะนักสู้มากนัก แต่ตัวเธอก็เป็นนักสู้ที่มีความสวยงาม เป็นที่รู้จัก และมีฐานแฟนคลับอยู่มาก
ภาพของนักแข่งที่แข็งแกร่งและสวยงาม หรือภาพของสาวสวยที่ถูกอัดจนน่วม มันมักจะมีความต้องการเช่นนั้นอยู่จำนวนหนึ่ง
สุดท้ายแล้ว เพราะรู้ได้ถึงขีดจำกัดความสามารถของตัวเองจึงได้ถอนตัวไป แต่แล้วเธอก็ได้เปลี่ยนงานแล้วกลายเป็นนักผจญภัยและดันเจี้ยนทูเบอร์
ตัววิดีโอนั้น พูดง่ายๆก็คือการเลียนแบบวิดีโอของ REIKA เป็นหนึ่งในผู้คนที่ถูกเรียกว่า เด็กๆของ REIKA
ถึงกระนั้น จากการที่เธอเป็นที่รู้จักอยู่ก่อนในระดับหนึ่ง และด้วยความสวยของเธอ ทำให้เธอเป็นดันเจี้ยนทูเบอร์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในหมู่เด็กๆของ REIKA แถมยังมีการถ่ายทำร่วมกับ REIKA เป็นครั้งคราวอีก
ตัวเธอที่เป็นเช่นนั้น ก็ได้มาถึงจุดพลิกผันในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยที่ทั้งหมดมันเริ่มจากตอนที่เธอได้ใบอนุญาตของมืออาชีพ
ท่ามกลางเด็กๆของ REIKA จำนวนนับไม่ถ้วน เรย์นะถือเป็นคนแรกที่ได้เป็นมืออาชีพ ตามโทรทัศน์ต่างก็ยกย่องและเรียกเธอว่า『ลูกศิษย์ของ REIKA!』
…..ทว่า เกี่ยวกับการอ้างตัวเป็น『ลูกศิษย์ของ REIKA!』นั้น กับในหมู่แฟนๆตัวยงของ REIKA แล้วยังคงเป็นที่เคลือบแคลงอยู่
อย่างแรก ถึงแม้ว่าหลังจากที่ผ่านการสอบมืออาชีพจะได้รับข้อความแสดงความยินดีจาก REIKA และในวิดีโอเก่าๆที่เคยทำร่วมกันก็มีได้รับการสั่งสอนบางอย่าง แต่ทว่าก็ไม่เคยมีการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเธอคือลูกศิษย์
อย่างที่สอง ในขณะที่ตัว REIKA เรียกตัวเองว่าเป็นนักผจญภัยประเภทศาตราจารย์ และพูดอย่างเปิดเผยว่าตัวเธอจะกลับไปสำรวจเขาวงกตเมื่อมีเวลา ตัวของเรย์นะเห็นได้ชัดว่าเป็นประเภทกราดิเอเตอร์ที่มีเวทีหลักอยู่กับมอนโคโล และมุ่งเน้นไปที่ด้านการใช้พรสวรรค์กับสายอาชีพ
จากจุดนี้ ทำให้หมู่แฟนๆตัวยงของ REIKA มองเรย์นะว่าอาจจะเป็นลูกศิษย์ในฐานะของดันเจี้ยนทูเบอร์ แต่ไม่ได้ยอมรับว่าเป็นลูกศิษย์ในฐานะของนักผจญภัย
สำหรับผมโดยส่วนตัวแล้ว เรื่องความคิดที่ว่าเรย์นะเป็นลูกศิษย์ของ REIKA ถึงแม้จะมองในฐานะของนักผจญภัย มันก็ให้ความรู้สึกแบบ『อืม…..?』
เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่นอกวิดีโอนั้นก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก แต่จากในวิดีโอแล้ว ก็ไม่เห็นว่าเรย์นะจะได้รับการสั่งสอนอะไรเป็นพิเศษจาก REIKA
อีกทั้งในด้านของเนื้อหาวิดีโอ ในขณะที่ REIKA มีเป้าหมายเพื่อ『ทำให้บุคคลทั่วไปมีความสนใจในเขาวงกตและการ์ด』 วิดีโอของเรย์นะดูจะมีเป้าหมายเพื่อ『ทำให้คนมาสนใจในตัวเธอที่เป็นนักผจญภัย』เสียมากกว่า
ก็นะ นี่มันอาจจะเป็นแค่เพราะผมเป็นแฟนของ REIKA เลยทำให้ตัดสินแบบลำเอียงก็ได้…..
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เรื่องที่เรย์นะลุยเดี่ยวและพิชิตเขาวงกตแรงค์ C จนได้ใบอนุญาตมืออาชีพมาก็เป็นเรื่องจริง
ทำอาชีพนักผจญภัยมาแล้วกว่า 5 ปี ทั้งประสบการณ์และความสามารถทางด้านลิงค์มีมากกว่าผมอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงแม้ว่าการ์ดของทางนี้จะเหนือกว่าในด้านของคุณภาพ แต่ก็ควรจะเข้าต่อสู้โดยที่พึงระลึกเอาไว้ว่ายังคงมีสิ่งที่ให้เรียนรู้อยู่
「วันนี้ฝากตัวด้วยน่ะ คิทากาว่าคุง」
「ต้องขอความกรุณาด้วยครับ ผมเองก็ได้ติดตามดูทาง TV อยู่เสมอเช่นกัน」
ก่อนเริ่มการแข่ง ทำการจับมือกันที่ตรงกลางเวที ตามปกติแล้วจะไม่ได้ทำอะไรแบบนี้แต่ในคราวนี้เรย์นะได้เดินออกมาแล้วยื่นมือให้ ทางผมเองจึงทำการตอบสนองกลับไป
พอได้มองเห็นเรย์นะในระยะใกล้แล้ว ก็รู้สึกได้ว่าเธอมีความสวยและอ่อนวัยกว่าที่คาดเอาไว้ ในฐานะที่เป็นนักผจญภัยมืออาชีพคนดังแล้ว คงจะต้องใช้เงินจำนวนมากไปกับการเสริมความงาม แถมด้วยหน้าอกยังใหญ่มาก
「ทางนี้เองก็เช่นกัน รู้จักเธออยู่นะ นักผจญภัย 3 ดาวที่มีประสบการณ์ไม่ถึงปีแต่อยู่ในระดับที่เกือบจะเป็นมืออาชีพแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะออมมือให้ได้หรอกนะ ขอโทษด้วยละกัน?」
「ไม่หรอกครับ นี่เป็นโอกาศที่จะได้เห็นความสามารถของมืออาชีพแบบใกล้ชิด ดังนั้นจะทำให้สุดความสามารถเลยครับ」
ทำการแลกเปลี่ยนรอยยิ้ม เสร็จแล้วจึงกลับเข้าประจำที่
…..สมแล้วที่เป็นนักผจญภัยมืออาชีพอดีตนักสู้ ในตอนที่ได้จับมือรู้สึกหยาบกระด้างและแข็งแรงกว่าที่คาดเอาไว้
นี่มัน อาจจะยากกว่าที่คิดเอาไว้ก็ได้…..
—–และแล้วการแข่งก็เริ่มต้นขึ้นโดยที่ผมมีความเสียเปรียบ
สกิลเรียนรู้และข้อมูลอื่นๆของการ์ดของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะถูกปิดบังเอาไว้
เหล่าผู้ชมที่ไม่รู้ถึงความโกงของสกิลของพวกเร็นกะ บางทีคงจะคิดว่าถึงแม้จะมีหวนคืนจิตวิญญาณ ความแตกต่างที่มีเพียงเล็กน้อยในด้านคุณภาพของการ์ด คงไม่สามารถจะเทียบได้กับความแตกต่างในด้านของความสามารถระหว่างมืออาชีพและมือใหม่ได้
…..หรือบางที มันอาจจะเป็นแค่ความแตกต่างด้านความโด่งดังของผมกับเรย์นะก็เป็นได้
『ถ้าเช่นนั้นแล้วเริ่มการแข่งขันได้! ทั้งคู่กรุณาอัญเชิญการ์ดออกมาได้เลยครับ!』
『—-อัญเชิญ!』
ทันทีที่พิธีกรให้สัญญาณเริ่มการแข่งขัน พวกเราต่างก็อัญเชิญการ์ดออกมา
เอาล่ะ ก่อนอื่นก็เริ่มจากการแสดงสำหรับผู้ชม ทว่าขณะที่ผมกำลังคิดอยู่แบบนั้น
『!? มาสเตอร์!』
เอลิซ่าทำการป้องกันการโจมตีทีเผลอใส่เร็นกะ จากมนุษย์หมาป่าของศัตรูด้วยโล่แห่งการอุทิศตนได้ทันเวลา
「เริ่มเปิดฉาก! โจมตีทีเผลอ…..!」
บางทีอาจจะเพราะไม่รู้ถึงกฏที่ไม่ถูกกล่าวถึงของแคทไฟท์ในการทำแฟนเซอร์วิสก่อน หรือบางทีอาจจะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่การเคลื่อนไหวแรกของเรย์นะก็คือการโจมตีทีเผลอ
มนุษย์หมาป่าขนสีแดงที่กำลังปะทะดาบอยู่กับเอลิซ่าได้ทำการยิ้มออกมา
『ขอโทษด้วยน้า คิทากาว่าคุง หวนคืนจิตวิญญาณมันออกจะตึงมือไปหน่อย เลยต้องขอจัดการให้เร็วที่สุดซะแล้วล่ะ』
ขณะเดียวกันนั้นเอง-กึก- ความสามารถทางกายภาพของมนุษย์หมาป่าก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว…..จู่ๆก็ฟูลซิงโครเลยงั้นรึ!
ทางนี้เองก็โต้กลับด้วยการฟูลซิงโครกับเอลิซ่าเช่นกัน
เรย์นะในตัวมนุษย์หมาป่ารับรู้ได้จึงขมวดคิ้ว
『มู สามารถใช้ฟูลซิงโครได้แล้วงั้นเหรอเนี่ย จะได้ใจเกินไปแล้ว…..!』
ระหว่างมนุษย์หมาป่าที่ไม่ได้แปลงร่างเนื่องจากไม่ใช่คืนจันทร์เต็มดวง กับแวมไพร์ที่มีเลือดกักเก็บไว้ ดูแล้วความสามารถทางกายภาพของทางนี้จะสูงกว่า
ทำการผลักกลับไปในอึดใจเดียวแล้วทำการจับกดเอาไว้อย่างนั้น—-
『!?』
—-ขณะที่กำลังจะทำเช่นนั้น เธอกลับสามารถหลบการโจมตีได้อย่างช่ำชองแล้วทำการเข้าล็อคข้อต่อ
…..สัญชาตญาณการต่อสู้ดีมาก! สมแล้วที่อีกฝ่ายมีความได้เปรียบในการต่อสู้ระยะประชิด!
รีบทำการเปลี่ยนแขนให้เป็นหมอกแล้วหนีการโจมตี
มนุษย์หมาป่าของอีกฝ่ายทำการเดอะลิ้นเบาๆ แล้วรีบถอยกลับไปยังฐานของตัวเอง
กลับมาสู่จุดเริ่มต้น ทำการจ้องตากันและกัน
ขณะที่ผมเองไม่ได้ยินแม้แต่เสียงพากษ์ ทางด้านเรย์นะดูจะสงบและผ่อนคลาย
ที่ใบหน้าแสดงให้เห็นว่ามั่นใจในความได้เปรียบของตัวเองจากการเข้าปะทะกันเมื่อครู่
ในความจริง ก็เป็นทางนั้นที่มีความได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้ระยะประชิด
ทักษะการต่อสู้ของมาสเตอร์ และสกิลศิลปการต่อสู้ มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างง่ายๆ
สกิลศิลปการต่อสู้คือการรวบรวมพื้นฐานของศิลปการต่อสู้ที่มีอยู่ทั่วโลก ทั้งในอดีตและปัจจุบัน การเคลื่อนไหวแบบใดที่จะดึงศักยภาพออกมาได้นั้น ขึ้นอยู่กับความรู้สึกและประสบการณ์ของการ์ดและมาสเตอร์
ในแง่นี้ เหล่าผู้ที่มีประสบการณ์ในศิลปการต่อสู้อยู่แล้วก็จะมีท่วงท่าเป็นของตนเอง ดังนั้นจึงสามารถดึงเอาการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดออกมาจากศิลปการต่อสู้ได้
พูดอย่างง่ายๆเลยก็คือ การ์ดที่มีสกิลศิลปการต่อสู้ก็เหมือนตัวละครในเกม ผลของการต่อสู้กันระหว่างตัวละครที่มีความสามารถเหมือนๆกันนั้นก็ย่อมขึ้นกับเซนต์ของผู้เล่น และประมาณการฝึกฝน
…..อย่างที่คิดว่าคงไม่สามารถออมมือเอาไว้ได้ ต้องใช้หวนคืนจิตวิญญาณ
มีคิดอยู่ว่าถ้าเกิดใช้หวนคืนจิตวิญญาณแล้วสามารถเอาชนะมืออาชีพจะทำให้ดูไม่ดีได้แต่….. ดูจะเป็นการห่วงที่ไม่จำเป็น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
『เร็นกะ หวนคืนจิตวิญญาณ』
『รับทราบ』
เร็นกะ กลายร่างจากเด็กสาวผมสีดำ กลายเป็นหญิงสาวโฉมงาม
กลิ่นของดอกบัวล่อยลอยไปทั่ว แรงสั่นสะเทือนอันเป็นเอกลักษณ์ของการ์ดเทพได้แพร่กระจายออก
เมื่อเรย์นะเห็นเช่นนั้น สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป
เอาล่ะ จากนี้ไปคือการต่อสู้ของจริงล่ะ
ผมดึงเอาพลังใจกลับคืนมา แล้วใช้พลังทั้งหมดเข้าต่อสู้กับผู้เข้าแข่งขันเรย์นะ
และแล้ว—-
ไม่กี่นาทีต่อมา
ผมอยู่ภายในห้องรอของผู้เข้าแข่งขันเพียงคนเดียว กำลังก้มหัวเอามือปิดหน้าไว้
—-จบในพริบตา…..
ทำมากเกินไปสุดๆ
พลังต่อสู้ของเร็นกะหลังจากใช้หวนคืนจิตวิญญาณคือ 2,300 โดยสามารถแบ่งได้เป็น พลังต่อสู้เริ่มต้นของคิชโชเต็ง x 2(1,500) + การเติบโตของซาชิกิวาราชิ (700) + หวนคืนจิตวิญญาณ (100)
ด้วยตัวเลขนี้ ได้ทะลุขีดจำกัดการเติบโตแม้แต่กับการ์ดแรงค์ B ระดับสูงสุดไปแล้วด้วยซ้ำ
ยังจำได้ดีเลยตอนที่พยายามลองทดสอบ โดยเล็งยิงไลท์นิ่งไปที่มนุษย์หมาป่า แล้วเพียงแค่นัดเดียวก็ทำเอาลงไปกองเกือบตาย
พอผู้เข้าแข่งขันเรย์นะได้เห็นแบบนั้น…..จากใบหน้ามั่นอกมั่นใจ…..กลับกลายเป็นบูดบึ้งไปในทันที
หลังจากนั้น เธอก็รีบใช้เวทฟื้นฟูอย่างรวดเร็วซึ่งก็เป็นอะไรที่น่าประทับใจแต่….. นึกไม่ถึงเลยว่าผู้เข้าแข่งขันเรย์นะจะสามารถใช้ฟูลซิงโครได้แค่ 1 ใบเท่านั้น
พอมาลองคิดดูแล้ว แม้แต่กับมืออาชีพเอง คนที่สามารถใช้ฟูลซิงโครกับการ์ด 3 ใบหรือมากกว่ามันก็มีอยู่จำนวนน้อยมาก
มันอาจจะดูเหมือนกับการเพิ่มค่าอัตราซิงโครกับการ์ดหลายใบ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเทคนิคที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ถ้าให้ยกตัวอย่าง อัตราการซิงโครก็เปรียบได้กับเทคนิคในการเขียนตัวอักษรออกมาได้ดี ส่วนการซิงโครพร้อมๆกันก็คือเทคนิคการเขียนตัวอักษรคนละแบบด้วยมือคนละข้าง
แน่นอนว่า ยิ่งซิงโครตัวอักษรเยอะมากแค่ไหน มันก็ยิ่งมีความยากมากขึ้นเท่านั้น หากมือทั้ง 2 ข้างถูกใช้ไปแล้วตัวเลือกที่มีอยู่ก็คือใช้เท้า หรือใช้ปากในการเขียนตัวอักษร
เมื่อคำนึกถึงเรื่องที่เธอเพิ่งเป็นมืออาชีพได้ไม่ถึงปี จึงไม่น่าแปลกใจที่จะยังไม่สามารถใช้ฟูลซิงโครกับการ์ดหลายใบได้ในเวลาเดียวกัน
ในอีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งเรามีคิชโชเต็งพลังต่อสู้ 2,300, ไลแคนโทรปพลังต่อสู้ 1,600, และแวมไพร์ที่ฟูลซิงโคร โดยรวมแล้วมีพลังต่อสู้มากยิ่งกว่าการฟูลซิงโครการ์ด 3 ใบซะอีก
พอผู้เข้าแข่งขันเรย์นะรู้สึกตัว ใบหน้าของเธอก็แบบ『เดี๋…..นี่ฟูลซิงโครได้ 3 ใบเลยเหรอ』
ถ้าหากหยุดฟูลซิงโครแล้วอ่อนข้อให้กลางคันมันจะทำให้ดูแปลกไปได้ จึงตัดสินใจทะลวงเข้าไปโดยใช้อาศัยแค่พลังของเร็นกะ แต่ว่าแบบนั้นมันก็เป็นการเอาชนะที่ไม่ค่อยจะดีนัก
แม้ว่ามันจะเป็นการแข่งแบบต่อให้ การที่ไปเอาชนะมืออาชีพแบบท่วมท้นเกินไปมันก็อาจจะทำให้หาคู่ต่อสู้อีกไม่ได้ แล้วต้องถูกปล่อยทิ้งเอาไว้
แคทไฟท์ ถือว่าเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการหาเงินด้วยความเสี่ยงที่จะลอสต่ำ แต่ว่า…..
「คิทากาว่าซัง ขอเวลาซักหน่อยจะได้ไหม?」
ขณะที่ผมเอามือกุมหัว สต๊าฟรายการหน้าคุ้นตา ทานากะซัง ก็ได้เข้ามาหา
เขาเป็นคนที่ติดตามผมใน Twitter มาตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะลงแข่งทัวร์นาเมนต์นักเรียน แล้วพวกเราก็ได้คุยกันเป็นบางครั้งช่วงระหว่างรอ
วันนี้เองก็คิดว่าจะเป็นเหมือนอย่างเคย ทว่าสีหน้าแสดงอาการขอโทษของเขาบ่งบอกเป็นอีกอย่าง
「มีอะไรงั้นเหรอครับ? ทำท่าดูจริงจังแบบนั้น」
「ก็น้า~ มีเรื่องที่อยากจะขอร้องคิทากาว่าซังอยู่นิดหน่อยน่ะสิ」
「เรื่องขอร้อง?…..หรือว่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับวันอาทิตย์ Down Down เหรอครับ?」
「อะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางนั้นหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง…..ความจริงแล้ว พวกเรากำลังวางแผนรายการพิเศษหน้าร้อนให้กับแคทไฟท์อยู่น่ะ」
「รายการพิเศษหน้าร้อน」
「อือ รวบรวมเอานักผจญภัย 3 ดาวจำนวนมากมา แล้วแข่งกันเพื่อดูว่าใครจะสามารถพิชิตเขาวงกตแรงค์ D ได้เร็วที่สุด ก็เป็นรายการประมาณนั้นแหละ」
จากการเกริ่นนำนั้น ทานากะซังก็เริ่มอธิบายแผนการมาอย่างย่อๆ
…..ฟุมุ สรุปง่ายๆคือ เป็นการแข่งขันที่ผสานเอาระหว่างการวิ่งแข่งกับแบทเทิลรอยัลเข้าด้วยกัน
รวบรวมผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 100 คนมาเพื่อแข่งขันกันในเขาวงกตแรงค์ D 3 แห่ง เพื่อหาคนที่เร็วที่สุดโดยใช้แค่การ์ดเด็กผู้หญิง
ผู้เข้าแข่งขันแต่ล่ะคนจะมีแต้มที่เรียกว่า『ดาว』ซึ่งเอาไว้ใช้พนันกันและกันระหว่างการแข่งขัน
เจ้า『ดาว』นี้ถือได้ว่าเป็นค่าธรรมเนียมที่ทางรายการจ่ายให้กับผู้เข้าแข่งขัน และสามารถใช้เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรือการ์ดได้หลังจากสิ้นสุดการแข่งขัน นอกเหนือไปจากดาว 10 ดวงที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะได้รับในตอนที่เริ่ม ผู้เข้าแข่งขันจะสามารถได้รับดาวจำนวนมากโดยขึ้นอยู่กับลำดับที่ทำได้ในการแข่งทำเวลา
อัตราแลกเปลี่ยนของดาว 1 ดวงคือ 1 ล้านเยน ดังนั้นค่าธรรมเนียมสำหรับการไปปรากฏตัวของผู้เข้าแข่งขันแต่ล่ะคนก็คือ 10 ล้านเยน
สำหรับค่าธรรมเนียมที่ไปปรากฏตัวในมอนโคโลแล้ว นับว่าค่อนข้างดีอยู่ เพียงแต่โอกาศที่จะเกิดการลอสนั้นมันมีมากกว่าในแคทไฟท์ธรรมดา
「นอกเหนือไปจากการรับสมัครทั่วไปผ่านทางหน้าเว็ปแล้ว ทางรายการก็ยังมีการเตรียมช่องสำหรับแขกรับเชิญพิเศษเพื่อรักษาเรตติ้งให้สูงเอาไว้ด้วย แล้วทีนี้ก็มี 1 คนที่สุดท้ายแล้วไม่สามารถจะมาปรากฏตัวได้อยู่」
「เพราะงั้นก็เลยเลือกตัวผม สินะ」
「อือ พวกเบื้องบนที่ได้ดูการแข่งเมื่อครู่บอกว่า『น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเลยไม่ใช่เหรอไง』ต้องขอโทษที่เป็นเรื่องกะทันหันไปหน่อย แต่…..」
「จะเริ่มถ่ายทำกันเมื่อไหร่เหรอครับ?」
「มันก็…..เอาจริงๆก็หลังจากนี้อีก 1 อาทิตย์น่ะ」
「1 อาทิตย์ อืม…..」
วิ่งแข่งมอนโคโล่งั้นเหรอ…..ว่ากันตามตรงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจไปซะทั้งหมด เพียงแต่อาทิตย์หน้านี้ออกจะยากไปหน่อย ไหนจะเรื่องค่ายฝึกของชมรมนักผจญภัยอีก
พอทานากะซังเห็นผมทำท่าลังเลเล็กน้อย ก็ทำการพนมมือแล้วโค้งศรีษะมา!
「ขอร้องล่ะ! เพราะตารางเวลามันกระชั้นชินมากก็เลยถูกบอกมาว่าต้องให้คิทากาว่าซัง OK มาให้ได้เลยน่ะสิ~ ดูนี่สิ รางวัลออกจะหรูหราอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ได้โปรดลองดูซักหน่อยก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเถอะ! นะ?」
ทำการดูไปที่หนังสือกติกาและรายการของรางวัลที่ถูกยื่นมาราวกับว่าถูกบังคับ
ของที่เด่นสุดก็คือ การ์ดแรงค์ B คิมาริส(Kimaris)* ที่แลกเปลี่ยนด้วยดาว 600 ดวง เนื่องจากที่ 1 จะได้ดาว 500 ดวง เพราะงั้นจึงต้องต่อสู้ประมาณหนึ่งเพื่อหาที่เหลือ
คิมาริสเป็นการ์ดที่เป็นที่รู้จักกันว่าเป็น 1 ใน 72 เสาหลักของโซโลมอน ตัวของ 72 เสาหลักของโซโลมอนจะมีความสามารถ『อัญเชิญกองทัพ』ซึ่งถือว่าเป็นสกิลขั้นสูงกว่าของการอัญเชิญวงศ์วานอยู่ อัญเชิญกองทัพนั้นสามารถวงศ์วานจำนวนมากที่มีความสามารถในการอัญเชิญวงศ์วานอีกที เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาล
ในหมู่นั้น คิมาริสยังเป็นการ์ดที่มีสกิลแปลงอุปกรณ์ที่หาได้ยากอีก ไม่ใช่การ์ดที่จะสามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน 600 ล้านเยน ราคาของมันอย่างต่ำก็ต้องมากกว่านั้นถึง 2 – 3 เท่าเลย
ดูเหมือนว่าถ้าเอาดาวไปแลกเป็นเงิน มูลค่าของดาวก็จะน้อยกว่า แต่ถ้าเลือกแลกการ์ดมูลค่าของดาวก็จะมากขึ้น
คิมาริสก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่ว่ากันตามตรง ไม่คิดว่าจะคุ้มค่ากับความเสี่ยงในการลอสจากที่ไปเข้าร่วมแข่งขันหรอก…..ก็ขณะที่คิดอยู่แบบนั้นแล้วพลิกหน้ากระดาษดูรายการไปเรื่อยๆ ผมก็เกือบจะส่งเสียงร้องตกใจออกมา
โอ่ยโอ่ย เอาจริงดิ นี่เร็นกะไม่ได้ควบคุมโชคชะตาอยู่นี่นา ใช่ไหม?
—-ที่ตรงนั้น มีซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่นอยู่ในรายการล่ะ
【Tips】มัลติซิงโคร
ด้วยการใช้ซิงโครลิงค์ เป็นเทคนิคในการซิงโครพร้อมๆกันหลายใบในเวลาเดียวกัน ไม่เหมือนกับฟูลซิงโครที่เป็นการจดจ่ออยู่กับเพียง 1 ใบ มัลติซิงโครมีความต้องการการทำงานที่พร้อมๆกัน
โดยใช้การเขียนตัวอักษรเป็นตัวอย่าง หากว่าอัตราการซิงโครที่สูงเป็นตัววัดความสวยงามในการเขียนตัวอักษรแล้วล่ะก็ มัลติซิงโครก็คือเทคนิคการเขียนตัวอักษรคนละตัวด้วยมือแต่ละข้าง
มีแนวโน้มว่าผู้ชายสามารถทำฟูลซิงโครได้ดีกว่า ใน๘ระที่ผู้หญิงสามารถทำมัลติซิงโครได้ดีกว่า
ข้อมูลเพิ่มเติม
คิมาริส / Kimaris
ปีศาจตนที่ 66 จากกุญแจย่อยของโซโลมอน
อัศวินปีศาจขี่ม้าสีดำ ดำรงตำแหน่งขุนนาง สามารถหาสมบัติลับที่ซ่อนอยู่ และสอนการใช้ภาษา, ตรรกศาสตร์, และการใช้คำพูด เพื่อทำให้คนเป็นนักรบแบบเดียวกับเขา
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Lesser_Key_of_Solomon