บทที่ 3 ตอนที่ 6
วันที่ 6 ของวันหยุดหน้าร้อน
ผมกำลังเงยหน้ามองดูม้องฟ้าที่มีเมฆอึมครึม ขณะที่รอนัดเจอกับคู่หูตะวันออก-ตะวันตกที่หน้าสถานีนิชิ-ฮาชิโอจิ
ก้อนเมฆฝนหนาทึบปกคลุมท้องฟ้า บดบังพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินจนมิด
ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่สวมชุดยูกาตะที่อยู่รอบๆตัวผม ต่างก็มองท้องฟ้าด้วยสีหน้าแสดงความกังวล
ท้องฟ้านี่ จะเป็นอะไรไหมเนี่ย ฝนคงจะไม่ตกใช่ไหม…..? เพราะวันนี้มีเทศกาลดอกไม้ไฟซะด้วย…..
「โย่ มาโร่!」
「ไม่เจอกันซักพักแล้วสินะฮิกาชิโนะ อะนี่ ของฝากจากตอนไปเที่ยว」
「โอ้! แต้งกิ้ว!」
พอผมยื่นของฝากจากการไปเที่ยวให้ ฮิกาชิโนะก็มองดูมันอย่างมีความสุข
「ข้างในมีอะไรเนี่ย?」
「’โทษทีแต่ไม่ใช่ของแพงอะไรหรอก เป็นคุกกี้กับแท่งน้ำผึ้งที่ทำจากน้ำผึ้งท้องถิ่นน่ะ เพราะขนมที่ได้ตอนอยู่ห้องพักมันอร่อยดี」
「ไม่หรอก พอเหลือเฟือแล้ว! ขอบใจมาก」
ฮิกาชิโนะพูดแล้วเอาของฝากที่ผมให้ เก็บใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว
「อะ ใช่ใช่ ได้ดูมอนโคโลเมื่อวันก่อนแล้วนะ เป็นการแข่งแท็คทีมที่หาดูยากเลยนะเนี่ย」
「อา…..」
แล้วผมก็นึกถึงการแข่งรอบที่แล้วขึ้นมาได้
ในการแข่งรอบที่แล้ว เป็นการแข่งแบบแท็คทีมที่นับว่าเป็นของแรร์สำหรับแคทไฟท์
แท็คทีม จะเป็นการนำผู้เข้าแข่งขัน 4 คนมาทำการสุ่มจับคู่และทำการสู้โดยใช้การ์ดคนละ 2 ใบ
ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมี 1 ไลฟ์ที่แชร์กัน ดังนั้นถ้าหากว่าผู้เข้าแข่งขันที่มาคู่ด้วยมีฝีมือไม่ดีก็จะเป็นตัวถ่วง
คู่ของผมในครั้งนี้เป็นหน้าใหม่ที่เพิ่งมาแข่งเป็นครั้งที่ 2 (แถมในการแข่งครั้งแรกยังแพ้มาด้วย) ส่วนคู่ต่อสู้คือคู่ของผู้เข้าแข่งขันมากประสบการณ์ทั้ง 2 คน
ถึงแม้ว่าจะสามารถเอาชนะการแข่งมาได้ด้วยการคุ้มกันเด็กใหม่ แต่ปัญหาก็คือการนำเอาแท็กทีมมาใช้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่ถูกใช้บ่อยในแคทไฟท์
แท็คทีมนั้น การใช้มันมีจุดประสงค์หลักที่การกระจายอัตราต่อรอง เมื่อความนิยมในตัวผู้เข้าแข่งขันมีความแตกต่างมากเกินไป
ด้วยการใช้วิธีการนี้ก็สื่อได้ว่า จำนวนของคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับผมได้ลดน้อยลง
แคทไฟท์ เป็นรายการที่เหล่า 3 ดาวมาต่อสู้กันโดยใช้แค่การ์ดเด็กผู้หญิง การผสานกันของการ์ดที่มีบ่อยที่สุดก็คือ ตัวหลักเป็นการ์ดแรงค์ C, และตัวสนับสนุนเป็นการ์ดแรงค์ D 2 ใบ
พอเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ใช้การ์ดแรงค์ C 3 ใบแล้ว จะมีจำนวนผู้เข้าแข่งขันอยู่ในแคทไฟท์ไม่มาก ทำให้รูปแบบการจับคู่มาแข่งขันกันมีน้อยลงตาม
จำนวนของรูปแบบที่มีจำกัด นั่นก็หมายถึงการที่ผู้ชมจะเบื่อได้ง่าย
แคทไฟท์นั้นยังมีรายการย่อยอย่าง『แคทไฟท์โปร!』ที่นำเสนอนักผจญภัยในระดับมืออาชีพหรือสูงกว่า แต่การจะเชิญพวก 4 ดาวมาจากรายการนั้นก็ค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่
การครอบครองใบอนุญาตมืออาชีพนั้นหมายความว่าคนๆนั้น ได้ทำการลุยเดี่ยวและพิชิตเขาวงกตแรงค์ C แล้ว ซึ่งไม่ใช่คู่มือสำหรับนักผจญภัยมือใหม่
ต่อให้เป็นคนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องของลิงค์ ก็ต้องรู้ถึงกำแพงสูงใหญ่ที่ขวางกั้นระหว่างมือใหม่กับมืออาชีพ
หรือก็คือ การเดิมพันที่เป็นตัวสำคัญ จะไม่สามารถนำมาใช้ได้กับการแข่งขันระหว่าง 3 ดาวและ 4 ดาว
ตัวของแท็คทีมจึงเป็นมาตรการที่เข้าตาจน เมื่อความแตกต่างของความสามารถ(และความนิยม) ระหว่างผู้เข้าแข่งขันมีมากเกินไป มันช่วยให้การเดิมพันมีมูลค่ามากพอด้วยการฉุดรั้งตัวผู้เข้าแข่งขันที่เป็นที่นิยมเอาไว้
ในครั้งนี้เองผมก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการต่อสู้อยู่บ้าง เพราะแบบนั้นแท็คทีมจึงอาจจะถูกนำมาใช้เป็นหลักตั้งแต่นี้เป็นต้นไปก็เป็นได้
แล้วในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงทำนองเพลงดังออกมาจากลำโพง เป็นการประกาศเวลา 5 โมงเย็น
「…..นิชิดะ มาช้าจริงแหะ หายากนะเนี่ยที่หมอนั่นจะมาสาย」
「สงสัยจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ปกติจะมาก่อนเวลา 5 นาทีด้วยซ้ำ」
พวกผมต่างเอียงคอด้วยความสงสัย
「โอ่~ย มาโร่ ฮิกาชิโนะ!」
「มาช้า…..ซะจริง นิชิ, ดะ…..」
พอผมหันหลังกลับไป ก็ถึงกับพูดไม่ออกกับสิ่งที่ไม่คาดว่าจะได้เห็น
นิชิดะสวมชุดยูกาตะสำหรับผู้ชาย และที่อยู่ข้างๆคือเด็กผู้หญิงที่สวมชุดยูกาตะ
เป็นหญิงสาวสวยที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา ตัวเล็กเมื่อเทียบกับคนรอบข้าง มีรูปร่างและความน่ารักราวกับสัตว์ตัวเล็กๆ
「ซ-ซากุราอิซัง…..ทำไม, มากับนิชิดะ」
ฮิกาชิโนะพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
เด็กผู้หญิงที่นิชิดะพามาด้วย คือซากุราอิซังที่เคยอยู่ห้องเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ต่อคำถามของฮิกาชิโนะ นิชิดะก็ตอบด้วยสีหน้าเขินอาย
「ความจริงแล้ว…..พวกเราเริ่มคบกันอยู่น่ะ」
-ก๊อง- ราวกับว่าถูกฟาดเข้าที่ศรีษะอย่างแรง
บ้าน่า…..นิชิดะนี่นะ มีแฟน…..งั้นเหรอ?
ใช้วิธีการอะไรกัน? แอปสะกดจิตงั้นรึ?
「โกหก, ใช่ไหม…..? นี่ใช้ลูกเล่นอะไรกันแน่? แอปสะกดจิตงั้นเหรอ?」
ไม่เหมือนกับผมที่สามารถอดกลั้นไม่พูดอะไรออกไปได้ ฮิกาชิโนะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เอ่อล้นไปด้วยความอิจฉา
ว่ากันตามตรง ดูจากรอบนอกแล้วมันน่าอายจริงๆ มันเลยทำให้ผมรู้สึกดีใจที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
「พูดอะไรหยาบคายจริงเชียว…..ก็นะ มันก็แค่งานอดิเรก นั่นล่ะนะ」
「งานอดิเรก? ไม่ยักจะรู้เลยว่านายมีงานอดิเรกที่สามารถดึงดูดผู้หญิงได้」
งานอดิเรกของหมอนี่ น่าจะมีแค่เล่นเกมกับวาดภาพโลลินี่นา
ด้านซากุราอิซังทำตัวยุกยิก แล้วตอบด้วยท่าทางเขินอาย
「ค-ความจริงแล้วชั้น มีงานอดิเรกเป็นการแต่งคอสเพลย์น่ะ…..」
「แล้ว มันก็เริ่มต้นจากตอนที่ชั้นส่งภาพวาดลงไปใน SNS ที่ริกะใช้งานอยู่ ถึงตอนนั้นจะยังไม่รู้ว่าเป็นบัญชีของริกะก็เถอะนะ」
ป-เป็นงั้นเองหรอกเหรอ…..
จะว่าไป ตัวเองวาดภาพโมเอะไปให้เพื่อนร่วมชั้นนี่มันก็ออกจะน่าขนลุกอยู่…..
หรือว่ามีเพราะมีความเข้ากันได้อย่างปาฏิหาริย์? ยังกับว่า เป็นการพบกันด้วยโชคชะตาเลย
「ก็เพราะแบบนั้นแหละแต่ว่าขอโทษที วันนี้คงต้องขอตัวไปกันแค่ 2 คนจะได้ไหม?」
「อ-อา…..มีแฟนแล้วก็คงช่วยไมไ่ด้ เนอะ? ฮิกาชิโนะ」
「………………..」
ไม่มีการตอบสนอง เป็นแค่ซากศพเท่านั้น
「ถ้าเป็นมาโร่ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องพูดแบบนี้ งั้นก็ไปล่ะนะ」
「ข-ขอโทษนะ?」
「…..ไม่หรอกไม่หรอก อะ นี่ ของฝากจากตอนไปเที่ยว ทั้ง 2 คนจะกินกันก็ได้นะ…..」
「โอ้! แต้งกิ้ว!」
「คิทากาว่าคุง ขอบใจนะ」
หลังจากบอกลาทั้ง 2 คนด้วยรอยยิ้ม ผมก็เขย่าไหล่ของฮิกาชิโนะ
「โอ่ย ฮิกาชิโนะตั้งสติเอาไว้」
「……….นิชิดะ มาช้าจริงแหะ สงสัยว่ารถไฟจะดีเลย์ โทรไปเช็คดีไหม?」
「จ-ใจเย็นๆไว้ เมื่อกี้มันไม่ใช่ภาพหลอนหรอกนะ」
พอเอาสติของฮิกาชิโนะที่พยายามหลีกหนีความจริงพร้อมกับแววตาไร้ชีวิตกลับมาได้ เขาก็เข่าทรุดลงไปกับพื้น
「บ-บ้าน่า…..นิชิดะมันมีแฟน, งั้นเหรอ?」
「บอกตามตรง…..ชั้นเองก็ช็อคน่าดูเหมือนกันแหละ」
「…..ชั้น คิดอยู่เสมอว่าคนที่จะมีแฟนคนแรกจะต้องเป็นมาโร่ เพราะงั้นก็เลยมีการเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว แต่ว่านี่มันทำเอาตกใจจริงๆ」
เอาจริงๆ ผมเองก็คิดว่าตัวเองน่าจะมีแฟนเป็นคนแรกเหมือนกัน…..เป็นความคิดที่หลงตัวเองซะจริง
「…..แล้วเอายังไงกันดีฮิกาชิโนะ? จะไปดูดอกไม้ไฟกันรึเปล่า?」
「ผู้ชายไปกัน 2 คนอะนะ? ถ้า 3 คนมันก็ไม่เป็นอะไรหรอก แต่แค่ 2 คนมันก็เกินไปหน่อย…..」
「ก็ว่างั้นแหละ…..」
ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้…..
แล้วในตอนนั้นเอง
「อาเร๊ะ? รุ่นพี่ ทำอะไรอยู่เหรอส์คะ?」
「…..อันนา, ซาโยะ!」
หันหน้าไปทางเสียงที่คุ้นหู แล้วที่ตรงนั้นก็ได้เห็นรุ่นน้องทั้ง 2 คนจากชมรมนักผจญภัย
ทั้ง 2 คนต่างก็ใส่ชุดยูกาตะ อันนาใส่ชุดสีฟ้าคราม ส่วนโอริเบะใส่ชุดสีชมพูอ่อน ให้ความรู้สึกว่าสีประจำตัวของทั้ง 2 คนสลับกันอยู่
「ชั้นหลังจากเรียนเสริมเสร็จก็เลยมาดูงานเทศกาลดอกไม้ไฟส์น่ะ」
「ส่วนชั้นก็ได้อันนาชวนมาค่ะ」
「…..รุ่นพี่มาด้วยกันกับเพื่อนส์เหรอคะ?」
อันนาที่ถามคำถามมาก็「ผู้ชาย 2 คนไปเที่ยวงานเทศกาลดอกไม้ไฟเนี่ยนะ…..?」มีดวงตาที่จะสื่อว่างั้น
「ไม่ใช่หรอก อันที่จริงแล้วควรจะมีมาอีกคน แต่…..มายกเลิกไปนาทีสุดท้ายน่ะ」
มันคงจะน่าสมเพชเกินไปถ้าบอกว่าไม่มาเพราะว่าพาแฟนมาด้วย ผมก็เลยบอกไปแบบนั้น
「งั้นเหรอส์ค่ะ ถ้างั้นมารวมกลุ่มไปด้วยกันไหม?」
「แน่นอนครับ!!」
ที่ตอบไปไม่ใช่ผม แต่คือฮิกาชิโนะ
「มาโร่เองก็แน่นอนว่าตกลงใช่ไหม!?」
「อ-อา…..」
ดวงตาของฮิกาชิโนะนั้น「ถ้าไม่ตอบตกลงล่ะก็เดี๋ยวจะฆ่าทิ้งซะ」สื่อออกมาแบบนั้น ผมจึงพยักหน้าตกลงไปโดยอัตโนมัติ
ผมทำการกระซิบคุย
(นี่แก จะเอาเป็นเอาตายเกินไปหน่อยไหม…..?)
(เจ้าบื้อ! นี่แกกลายเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่? แกมันไม่น่าจะใช่คนที่ปล่อยโอกาศที่จะได้เที่ยวงานเทศกาลกับรุ่นน้องให้หลุดมือไปได้นี่นา…..! หรือว่าได้กลายเป็นโลลิค่อนไปแล้วจริงๆห๊ะ!?)
ฮิกาชิโนะพูดด้วยความรุนแรงที่ราวกับว่าจะเข้ามาคว้าคอเสื้อของผมให้ได้ แล้วผมก็-ห๊ะ-เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
จริงด้วย โอกาศที่จะได้ไปเที่ยวงานเทศกาลกับรุ่นน้องที่เป็นสาวสวยลูกครึ่งกับสาวสวยสายคูล ถ้าเป็นเมื่อปีก่อนล่ะก็ เป็นสถานการณ์ที่ต้องดีใจสุดๆแน่นอน!
(ฮิกาชิโนะ…..ชั้น ผิดไปแล้ว)
(ฟุ…..นี่แหละถึงจะสมเป็นมาโร่เพื่อนของชั้น ไหนๆก็อยู่ด้วยแล้ว ช่วยแนะนำให้ซักคนด้วยสิ)
(เรื่องนั้นต้องขอปฏิเสธ)
จนกว่าผมจะมีแฟน นายก็ได้โปรดอยู่คนเดียวไปเรื่อยๆเถอะ
「จะว่าไปแล้ว รุ่นพี่ตอนอยู่ในห้องเรียนนี่เป็นยังไงบ้างงั้นเหรอคะ?」
ขณะที่ทั้ง 4 คนเดินเกาะกลุ่มกันเพื่อไปยังสถานที่จัดงานดอกไม้ไฟ พอบทสนทนาดำเนินไป อันนาก็ถามคำถามกับฮิกาชิโนะ
「ไม่ล่ะ ผมไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้ว แต่ว่ากับห้องอื่นๆแล้วก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเสียๆหายๆอะไร ไม่ได้ทำอะไรที่ทำให้ใครเกลียดเป็นพิเศษ แล้วก็เป็นฮีโร่ที่ช่วยล้างแค้นให้เพื่อนร่วมชั้นน่ะ」
「แต่นั่นก็หมายความว่ายังพอมีความเห็นด้านลบอยู่สินะคะ」
ทำไมถึงอยากจะได้ยินเรื่องแย่ๆของผมมากขนาดนั้นล่ะครับ อันนาซัง? ได้ยินแค่เรื่องดีๆนี่ไม่พองั้นเหรอ
ฮิกาชิโนะยิ้มแห้งๆแล้วตอบ
「นั่นสินะ ถ้าเด่นเอามากๆ มันก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะอิจฉา ก็เป็นพวกน่าขยะแขยงที่เอาแต่สะสมการ์ดเด็กผู้หญิงบ้างล่ะ, เพราะว่าไม่เป็นที่นิยมในหมู่มนุษย์ก็เลยจะสร้างฮาเร็มจากการ์ดบ้างล่ะ, อันที่จริงแล้วไปคบอยู่กับคันนาซูกิบ้างล่ะ」
ม-มีพูดกันลับหลังแบบนั้นอยู่ด้วยเรอะ…..พูดก็พูดเถอะ ไม่นับ 2 อย่างแรก แต่ไอ้อย่างสุดท้ายนี่ต้องขอปฏิเสธสุดชีวิตเลย!
「แล้วก็…..ไม่สิ ไม่มีอะไรหรอก」
「อะไรกันเล่า ไหนบอกมาซิ ถ้าเก็บเงียบไว้แสดงว่าต้องเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ๆเลยสิเนี่ย」
พอผมพูดกระตุ้น ฮิกาชิโนะที่ดูเป็นห่วงทางนี้จึงได้พูดออกมา
「ก็นะ ไม่คิดว่านายควรจะใส่ใจอะไรกันอันนี้หรอก…..ก็มีแบบ ปล่อยให้ชิชิโดตายบ้างล่ะ, แล้วก็เห็นว่า เพราะในวันที่ชิชิโดตายเป็นวันเดียวกันกับที่ชิโนมิยะถูกทำร้าย ได้ไปช่วยเด็กผู้หญิงแต่กลับทิ้งชิชิโดก็เพราะว่าไม่ชอบขี้หน้า แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีหน้าไปบอกว่าแก้แค้นให้ชิชิโด ทำให้เวลามีใครพูดเรื่องนี้จึงทำให้รู้สึกหมั่นไส้ บ้างล่ะ…..แต่ก็มีแค่คนที่สนิทกับชิชิโดเท่านั้นที่พูดแบบนี้ล่ะนะ」
「………………..」
…..ก็นะ มันต้องมีบางคนที่พูดแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะ
ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่พอเพื่อนสนิทของตัวเองต้องเสียชีวิตไปแล้วจะรับกันได้ง่ายๆแบบ อ๋อเหรอ กันหรอก
ถ้าหากว่าผมไม่ได้คลี่คลายคดี มันก็คงจะกลายเป็นแค่อุบัติเหตุที่น่าเศร้าและถูกลืมเลือนไป แต่เพราะว่าผมเข้าไปเกี่ยวข้องในการคลี่คลายคดีแล้ว เพราะงั้นก็น่าจะสามารถช่วยชิชิโดเอาไว้ได้ไม่ใช่เหรอ? มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความคิดเช่นนี้ออกมา
ถ้าหากว่าเป็นผมที่อยู่ในฐานะเดียวกับพวกเขาเหล่านั้น โดยที่คนที่เสียชีวิตเป็นคู่หูตะวันออก-ตะวันตก ส่วนคนที่คลี่คลายคดีเป็นมินามิยาม่าแล้วล่ะก็ ก็เป็นไปได้ที่ผมจะมีความคิดเช่นนั้นผุดขึ้นมา ถึงแม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม
「แต่ก็นะ นั่นมันก็แค่คนส่วนน้อยที่ไม่เคยได้คุยกับมาโร่จริงๆ กับคนส่วนใหญ่แล้วต่างก็ยอมรับในตัวนายกันเพราะงั้นวางใจเถอะ」
ฮิกาชิโนะพูดเสริมขึ้นมา ทางด้านรุ่นน้องที่เป็นคนยกหัวข้อนี้ขึ้นมา อาจจะเพราะว่ารู้สึกผิดจึงช่วยพูดเสริมตาม
「ใช่แล้วใช่แล้ว มีคนคุยลับหลังบ้างนิดหน่อยนั่นแหละถึงจะดี เพราะนั่นหมายถึงเหล่าคนที่เป็นมิตรด้วยจะมีความคิดที่ดีต่อรุ่นพี่นั่นแหละส์ค่ะ」
「นั่นสินะ กับชั้นที่ยังไม่มีคนมาคุยด้วยในห้องเรียนเลย ทั้งๆที่น่าจะมีส่วนในการคลี่คลายคดีด้วยแท้ๆ แต่ระดับการประเมินกลับไม่ได้ดีขึ้นอะไรเลย」
「…..ซาโยะอย่างน้อยน่าจะต้องแก้ไขวิธีการพูดจริงๆแล้วล่ะ อย่างตอนที่ทำกิจกรรมชมรมนักผจญภัยก็ทำได้ดีออก」
โอริเบะ คุณเธอได้เสียสละชีวิตโรงเรียนไปทั้งหมดก็เพื่อคาแรกเตอร์ เด็กแนวสุดๆ…..
「จะว่าไปแล้ว ชื่อเสียงของมาโร่ในหมู่รุ่นน้องนี่เป็นยังไงบ้างล่ะ?」
「ในปีหนึ่งงั้นเหรอส์คะ? ก็ไม่ได้แย่อะไรนัก พอพูดขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนจะมีนักผจญภัยที่สุดยอดมากกว่าในชั้นปีอื่นอยู่อีกมาก…..ก็นะ เพราะว่ามีคนที่เหนือกว่าในทุกๆด้านอยู่ ก็เลยไม่เป็นที่สะดุดตาต่อพวกผู้หญิงมากนักนั่นแหละค่ะ」
「กับอาจารย์แล้วเอาชนะไมไ่ด้ซักทางเลยน่ะสิ」
พอผมถอนหายใจ ฮิกาชิโนะก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม
「อ้าวแหม มันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นก็ได้น้า กับอุทามาโร่ของมาโร่แล้ว ไม่น่าจะมีชาวญี่ปุ่นคนไหนทัดเทียมได้เลยล่ะ」
「แก…..!」
มันใช่ของอะไรที่ควรเอามาพูดต่อหน้าเด็กผู้หญิงไหม!?
「อุทามาโร่ของรุ่นพี่…..? หมายถึงอะ…..อ๊า!」
อันนาที่รู้สึกตัวช้า อายหน้าแดงขณะที่จ้องมองมาที่เป้าของผม ประธานชมรมของพวกเราดูจะมีจุดอ่อนกับมุขใต้สะดือล่ะนะ
แต่กับโอริเบะนั้นไม่เหมือนกัน
「ของรุ่นพี่ มันถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ?」
「ไม่ขอลงรายละเอียดของขนาดหรอกนะแต่ ช่วงที่มาโร่อยู่ปีหนึ่งตอนคาบเรียนว่ายน้ำ เป็นแค่คนเดียวที่โรงเรียนอนุญาตให้สวมชุดว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีขายในท้องตลาด แทนที่จะเป็นชุดว่ายน้ำของทางโรงเรียน…..ก็ขอตอบแค่นี้ละกัน」
「เอ๋ ถึงระดับส์นั้นเลยเหรอคะ!?」
「พอเลย! คาบเรียนว่ายน้ำมันเป็นปมฝังใจของชั้นเลยนะ!」
ความรู้สึกที่ถูกโดดเดี่ยวจากการสวมชุดว่ายน้ำที่ไม่เหมือนคนอื่น แล้วก็สีหน้าตกใจของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นในตอนที่รู้เหตุผลว่าทำไม!
ถึงแม้ว่าพวกเด็กผู้ชายจะอิจฉาอยู่เป็นบางครั้ง แต่โดยพื้นฐานแล้วมันถือว่าเป็นหนึ่งในปมด้อยของผมเลย
ขณะที่พวกเรากำลังคุยไร้สาระกันมาเรื่อยๆ ก็ได้มาถึงสถานที่จัดงานเทศกาลดอกไม้ไฟ
สถานที่เต็มไปด้วยชายหญิงในชุดยูกาตะ ทำให้ยากที่จะเดินไปข้างหน้า
ถ้าเป็นปีก่อนๆก็คงได้ร่วมไปกับพวกเขาแล้วชมดอกไม้ไฟกันข้างถนน ทว่าปีนี้มันแตกต่างไปเพราะว่ามีเงิน
เข้าไปยังพื้นที่รับชมที่ถูกกั้นเอาไว้อย่างไม่ลังเล
อันนานั่งลงไปบนผืนผ้าปิคนิคที่ฮิกาชิโนะนำออกมาจากกระเป๋า ชี้ไปทางร้านอาหารแผงลอยแล้วพูดกับผม
「อะ รุ่นพี่ มีร้านแผงลอยด้วยล่ะ ตัวชั้น ไม่เคยได้ลองทานอะไรจากร้านอาหารแผงลอยแบบนี้มาก่อนเลย~ ช่วยซื้ออะไรอย่างแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลมาให้หน่อยสิคะ」
「เธอนี่ เงินก็มีอยู่แท้ๆ…..ช่วยไม่ได้น้า จะซื้ออะไรมาให้ทุกคนด้วยเลยละกัน รอแป๊ปนะ」
「ขอบคุณมากค่า!」「’โทษทีนะ!」「ขอบคุณค่ะ」
แอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาล, ช็อคโก้บานาน่า, ยากิโซบะ, ไก่เสียบไม้ ขณะที่เดินซื้อของไปทั่ว บนท้องฟ้าก็ได้มีดอกไม้ไฟส่องสว่างขึ้นไปแล้ว
แย่ล่ะสิ…..ซื้อมากเกินไปหน่อย ในขณะที่กำลังเกาหัวอยู่นั้นเอง…..
「รุ่นพี่」
「อะซาโยะ」
「เดี๋ยวช่วยถือให้ค่ะ」
「ขอโทษทีนะ」
ด้วยความขอบคุณ ส่งแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลและช็อคโก้บานาน่าให้ไป
「จะเอาของที่ซื้อมาแล้วกลับไปหาทุกคนก่อนก็ได้นะ?」
「ไม่หรอกค่ะ ไหนๆก็มาแล้วก็ต่อแถวด้วยกันเลยก็ได้」
「งั้นเหรอ…..」
ผมเองอยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาๆ จึงตัดสินใจรับเอาข้อเสนอของโอริเบะไว้
พวกเรา 2 คนยืนต่อแถวพร้อมกับมองดูดอกไม้ไฟที่ระเบิดอยู่บนท้องฟ้า
ไม่เหมือนกับการดูจากตรงอัฒจันทร์ บางส่วนถูกบดบังเอาไว้ด้วยมุมตัวอาคาร แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่ามันไม่ได้ทำให้รำคาญใจอะไรเลย
「…..รุ่นพี่」
「หืม?」
จู่ๆ โอริเบะก็พึมพำขึ้นมา
ครู่หนึ่ง เธอดูจะมีความลังเลถึงสิ่งที่จะพูดออกมา ทำการเล่นปลายผมของตัวเองที่ตัดอย่างเรียบร้อยจนเสมอคาง…..แล้วในที่สุด
「คือว่า…..เรื่องที่สัญญานี่เป็นยังไงแล้วบ้างคะ?」
「สัญญา?」
ผมกับโอริเบะมีสัญญาอะไรไว้ด้วยงั้นเหรอ?
โอริเบะมีหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ แล้วพูดกระซิบออกมา
「ก็แบบ…..หนังสยองขวัญ, ที่จะไปดูด้วยกัน…..ไงค่ะ」
「อะ! อ๊า!」
พอพูดมาแล้ว ระหว่างการสืบคดี ก็ได้มีบทสนทนาแบบนั้นอยู่ด้วยนี่นา
แต่เพราะว่าไม่ได้กำหนดวันที่แน่ชัดอะไร ก็เลยคิดว่ามันเป็นแค่การคุยกันตามมารยาทซะอีก…..
「นั่นสินะ ช่วงนี้มีหนังสยองขวัญอะไรดีๆบ้างรึเปล่าล่ะ?」
พอผมถามคำถามนั้นไป เธอก็พูดตอบราวกับว่าได้รอคอยคำถามนี้อยู่นานแล้ว
「จริงๆแล้วก็มีหนังสยองขวัญรีเมคที่อ้างอิงจากนิยายของสตีเฟ่น คิง ที่เพิ่งออกมาหน้าร้อนนี้อยู่ค่ะ ชั้น ชอบตัวต้นฉบับมาก่อนหน้าตัวรีเมคนี่อยู่แล้ว แล้วก็อยากจะดูให้ได้มาตลอดเลย กำหนดฉายแต่เดิมทีคือปีที่แล้ว แต่เพราะนักแสดงและทีมงานเกิดประสบกับเหตุร้ายต่างๆนาที่ไม่สามารถอธิบายได้ ทำให้มันถูกเลื่อนมา 1 ปีเลย…..」
โอริเบะพูดเบาๆ แต่แก้มของเธอนั้นแดงและดูมีความสุข
มันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวของเธอที่ถูกอาบด้วยแสงจากดอกไม้ไฟ ที่ดึงดูดสายตาของผมไปมากกว่าตัวดอกไม้ไฟเสียอีก
【Tips】แรงค์ของการ์ด และพลังต่อสู้เริ่มต้น
แรงค์ของการ์ด สามารถแบ่งออกได้อย่างกว้างๆ 6 ระดับ ทว่ามันไม่ได้ถูกระบุเอาไว้ในตัวการ์ดแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่การจัดประเภทคร่าวๆที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ คิดจากพลังต่อสู้เริ่มต้นและชั้นที่มันปรากฏอยู่
ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีการ์ดที่น่าจะมีแรงค์สูงกว่าจากสกิลที่มีอยู่ รวมถึงมีการ์ดที่ดูค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับแรงค์ของมัน
A – 1000 ขึ้นไป
B – มากกว่า 500 และต่ำกว่า 999
C – มากกว่า 200 และต่ำกว่า 499
D – มากกว่า 100 และต่ำกว่า 199
E – มากกว่า 50 และต่ำกว่า 99
F – น้อยกว่า 49