บทที่ 3 ตอนที่ 2.1
「—-งั้นเหรอครับ อย่างที่คิดว่าคงจะยากเกินไป」
「ครับ ต้องขออภัยด้วยที่ไม่สามารถเป็นกำลังให้ได้」
วันแรกของวันหยุดหน้าร้อน
ที่ร้านกาแฟของสถานีฮาชิโอจิ ผมมานัดเจอกับตัวแทนจำหน่ายการ์ดโทโน่ซัง
หัวข้อของบทสนทนาก็คือ ซัคคิวบัสที่ได้ฝากให้หาเอาไว้ก่อนหน้านี้
เพราะได้เงินจำนวนมหาศาล 500 ล้านมาแบบไม่คาดคิด จึงทำการคิดหนักอยู่นานว่าจะเอาไปใช้ยังไงดี แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจใช้มันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับปาร์ตี้เหมือนอย่างที่เคยทำมา
ใช่แล้ว หรือก็คือได้เวลาของการแรงค์อัพของเมอาที่ได้ถูกเลื่อนมาอย่างยาวนาน
การที่เอลิซ่ากับยูคิที่เป็นแรงค์ D เหมือนกันได้แรงค์อัพไปแล้ว แถมด้วยซุซูกะที่มาเข้าร่วมทีหลังก็ยังเป็นแรงค์ C ทุกๆคนในปาร์ตี้ต่างก็รู้สึกได้ถึงความกระวนกระวายอย่างหนักของเธอ
จนถึงตอนนี้มันได้ถูกพักเอาไว้เนื่องจากขาดแคลนเงินทุนและโอกาศที่จะได้มา ทว่าในตอนนี้ได้เงินมาไว้ในมือแล้ว แถมได้รับการแนะนำตัวกับโทโน่ซัง ดังนั้นการจะพักเรื่องแรงค์อัพของเธอต่อไปคงไม่ใช่ความคิดที่ดี
เหนือสิ่งอื่นใด เธอได้เสี่ยงชีวิตในตอนที่หนีจากผู้ใช้หมาล่าเนื้อ แถมด้วยหลังจากนั้นก็ทุ่มเทให้กับปาร์ตี้ด้วยสกิลที่มอบความเจ็บปวดต่อตัวเธออย่าง『หากสาปแช่งใครก็ต้องเตรียมหลุมไว้ 2』 ตัวผมเองอยากจะมอบรางวัลให้
ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่เรื่องจบลงก็ได้ทำการติดต่อกับโทโน่ซังแต่….. จนถึงตอนนี้ความคืบหน้าเป็นไปไม่ค่อยจะดีนัก
「…..พอมาเป็นการ์ดยอดนิยมอย่างซัคคิวบัสกับเอฟล์แล้ว มันไม่ใช่อะไรที่จะสามารถหามาได้ถ้ามีเงินอยู่ล่ะนะครับ แต่ถ้าเป็นการ์ดปกติทั่วไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย…..」
โทโน่ซังพูดมาแบบนั้นแล้วมองมาทางนี้ ผมทำการส่ายหน้าแล้วนึกขอโทษอยู่ในใจ
「ไม่ครับ—-ต้องขอโทษด้วยแต่ถ้าไม่ใช่『ซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่น』แล้วคงไม่ได้」
「งั้นเหรอครับ…..」
โทโน่ซังลดคิ้วต่ำลงด้วยความผิดหวังเล็กน้อย ผมรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยแต่ปฏิเสธที่จะยอมแพ้
จากมุมมองของเขา คำขอของผม『การกระทำที่ไม่ยั้งคิดของเด็กที่ได้เงินจำนวนมากมาไว้ในมือและไม่รู้ถึงความเป็นจริง』คงจะมองเป็นแบบนั้นไม่ผิดแน่
แต่ว่าสำหรับมุมมองของผมแล้ว มันคือเส้นที่ไม่อาจประนีประนอมได้อย่างเด็ดขาด
ในจุดนี้ มันจะเป็นการง่ายหากจบเรื่องด้วยการ์ดซัคคิวบัสปกติ เงินทุนมี 500 ล้านในขณะที่ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 100 – 200 ล้าน เมอาเองก็จะได้ดีใจ
ทว่า ในกรณีนั้น ศักยภาพในการเติบโตของเธอก็จะจบลงที่ตรงนั้น
ซัคคิวบัสที่ว่ากันว่ายากที่จะได้มา แต่พอเป็นระดับที่สูงขึ้นไปอย่างลิลิม ระดับความยากในการได้มันมาจะยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าได้ยากแล้ว ควรจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้มาเลยจะดีกว่า
อีกทางด้านหนึ่งจากเส้นทางหลักของปีศาจฝันอย่างลิลิม ก็ยังมีเส้นทางของเฮคาที*ที่เป็นจ้าวแห่งเอ็มพูซา ทว่าการ์ดนั้นก็มีราคาเป็นพันล้าน และถึงแม้ว่าความยากจะไม่เท่ากับลิลิม แต่การจะได้มาก็ยังคงยากอยู่
หรือก็คือ การที่เมอาจะได้พลังของการ์ดแรงค์ B มานั้น มีหนทางเดียวก็คือหวนคืนจิตวิญญาณหรือ…..ทำลายขีดจำกัดที่ยังคงไม่รู้เงื่อนไขแน่ชัด
เพื่อที่จะลดระยะห่างของช่องว่างด้านพลังต่อสู้ภายในปาร์ตี้ อันเนื่องมาจากเร็นกะได้สกิลทำลายขีดจำกัดมา—- และเพื่อเมอาที่พยายามจะยืนเคียงข้างกับเร็นกะที่เป็นเพื่อนรัก อยากจะเปิดโอกาศของหวนคืนจิตวิญญาณเอาไว้ให้สำหรับเธอ
「เกี่ยวกับซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่น จะใช้เส้นสายที่มีอยู่ทำการค้นหาต่อไป แต่ว่าการจะได้มาหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับดวง คงต้องขอให้อดทนรอครับ…..」
「ขอความกรุณาด้วยครับ」
「แล้วก็ อาจจะเรียกว่าเป็นอะไรที่เรียกว่าของแทนที่…..」
ในขณะนั้นเอง โทโน่ซังได้นำกล่องเคสของไมโคร SD การ์ดออกมาจากกระเป๋า
「คำขออีกอย่างทางเราสามารถดำเนินการได้สำเร็จแล้ว ด้านนี้คือข้อมูลที่ทำการร้องขอมา โปรดรับเอาไว้ด้วยครับ」
「โอ้! ขอบคุณมากครับ!」
ผมรับไมโคร SD การ์ดมาแล้วนำมันใส่กับสมาร์ทโฟนทันที
จากนั้นทำการอ่านคร่าวๆ…..
「…..อย่างงี้นี่เอง อย่างที่คิดว่าถึงแม้จะแรงค์อัพภายใต้เงื่อนไขเดียวกันก็มีทั้งกรณีที่สกิลร่วงหล่นถูกส่งต่อและไม่ส่งต่อ แล้วก็สกิลหวนคืนจิตวิญญาณก็เปลี่ยนกลับกลายไปอยู่ในสภาพร่วงหล่น…..งั้นรึ」
ข้อมูลที่ผมได้ขอกับโทโน่ซังไปก็คือ『ข้อมูลการค้นคว้าของสกิลร่วงหล่นและหวนคืนจิตวิญญาณ』
ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตนั้นมีข้อมูลน่าสับสนเกี่ยวกับสกิลหวนคืนจิตวิญญาณอยู่มาก อีกทั้งรายละเอียดเองก็ไม่แน่ชัด จึงได้ขอให้โทโน่ซังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมัน
เพราะว่าข้อมูลยังไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะจึงมีค่าใช้จ่าย 10 ล้าน แต่ว่าก็คุ้มค่า
จากข้อมูลนี้ สามารถแยกคุณลักษณะของหวนคืนจิตวิญญาณออกมาได้ 6 อย่าง
อย่างที่ 1, ถ้าหากการ์ดที่ใช้แรงค์อัพมีสกิลร่วงหล่น สกิลร่วงหล่นจะไม่หายไปเมื่อแรงค์อัพ(หรือก็คือ ด้วยการใช้ซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่นแล้วไปใช้แรงค์อัพ เมอาเองก็จะมีสกิลร่วงหล่นด้วย)
อย่างที่ 2, พลังต่อสู้ที่ลดลงจากสกิลร่วงหล่นะแตกต่างไปตามแรงค์ ที่แรงค์ B คือ 200, แรงค์ C คือ 100, แรงค์ D คือ 50, แรงค์ E คือ 25 หรือก็คือลดครึ่งหนึ่ง ในปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันในกรณีสกิลร่วงหล่นของแรงค์ A กับแรงค์ F และค่าเหล่านี้จะกลายเป็นบวกเมื่อเปลี่ยนเป็นหวนคืนจิตวิญญาณ
อย่างที่ 3, เมื่อทำการแรงค์อัพให้การ์ดที่มีสกิลร่วงหล่นหรือหวนคืนจิตวิญญาณ การที่สกิลร่วงหล่นจะถูกส่งต่อหรือไม่นั้นเป็นการสุ่ม(ยังไม่พบหลักเกณฑ์ใดๆ) โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ถูกส่งต่อ ถ้าหากหวนคืนจิตวิญญาณถูกส่งต่อ มันจะย้อนกลับไปเป็นสกิลร่วงหล่น
อย่างที่ 4, เมื่อแรงค์อัพการ์ดที่มีหวนคืนจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะได้รับหรือไม่ได้รับสืบทอดสกิลร่วงหล่น จะได้รับสกิลที่เรียกว่าเสริมแกร่งวิญญาณ ถ้าไม่ทำการหวนคืนจิตวิญญาณแล้วแรงค์อัพขณะที่เป็นสกิลร่วงหล่น จะไม่ได้รับสกิลนี้
อย่างที่ 5, ต่อให้มอบคีย์ไอเทมกับการ์ดในขณะที่กำลังทำการหวนคืนจิตวิญญาณ การแรงค์อัพ『ขั้นที่ 2』จะไม่เกิดขึ้น(อย่างเร็นกะในขณะที่หวนคืนจิตวิญญาณเป็นคิชโชเต็ง จะไม่แรงค์อัพไปมากกว่านั้น)
อย่างที่ 6, ต่อให้การ์ดมีแนวทางการแรงค์อัพหลายทาง โดยทั่วไปแล้วมันจะมีการตอบสนองกับคีย์ไอเทมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทว่าก็มีกรณีหายากที่การ์ดจะมีการตอบสนองกับคีย์ไอเทมหลายอย่าง และสามารถแปลงร่างไปได้หลายทาง
เหล่านี้คือกฏพื้นฐานที่สามารถเรียนรู้มาได้จากการทดลอง ข้อมูลส่วนที่เหลือดูจะเป็นข้อมูลของคีย์ไอเทมของการ์ดแต่ล่ะใบ
ตัดสินใจว่าค่อยดูข้อมูลพวกนี้ไว้ทีหลัง หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าข้อมูลแทบทั้งหมดที่ต้องการอยู่ภายใน ก็หันหน้าไปทางโทโน่ซังแล้วยิ้ม
「ขอบคุณมากครับ ช่วยได้มากทีเดียว」
「ไม่ครับไม่ครับ…..ข้อมูลเหล่านี้ถูกขายให้แค่เฉพาะกับบริษัทที่ทำสัญญาไว้กับทางเราเท่านั้น เพราะงั้นได้โปรดอย่าเผยแพร่ออกมากจนเกินไปด้วยนะครับ」
「เข้าใจแล้วครับ」
โทโน่ซังบอกเตือนกันเอาไว้ก่อน ซึ่งก็ทำการพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
ข้อมูลนี้ เขาได้ใช้เส้นสายในฐานะของตัวแทนจำหน่ายการ์ด เพื่อทำการซื้อมันมาจากสถาบันวิจัยระดับชาติ
ถ้าหากว่าสิ่งนี้ที่ยังไม่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ เกิดแพร่กระจายออกไปบนอินเทอร์เน็ตหรือที่ไหนซักแห่ง ไม่ใช่แค่โทโน่ซังจะสูญเสียความน่าเชื่อถือในตัวผม แต่ความน่าเชื่อถือของตัวเขาเองในฐานะตัวแทนจำหน่ายการ์ดก็จะสูญเสียไปด้วย
แต่ไหนแต่ไรแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะเอาข้อมูลที่อุตส่าห์จ่ายไปถึง 10 ล้านไปแจกฟรีๆหรอก
จะเก็บข้อมูลนี้เอาไว้อย่างปลอดภัยที่บ้านแล้วไม่เอาออกไปดูที่อื่น
จู่ๆ สีหน้าของโทโน่ซังก็ผ่อนคลายลงแล้วพูด
「…..ก็นะ ภายใน 2 ~ 3 ปี บางบริษัทก็คงจะเริ่มนำมาขายในรูปแบบของแอพ แล้วข้อมูลก็จะรู้กันอย่างกว้างขวางเองนั่นแหละครับ」
แต่จะให้รอนานขนาดนั้นไม่ได้ ผมในตอนนี้ ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับหวนคืนจิตวิญญาณ
สิ่งที่ซื้อมา ก็รวมไปถึงเวลา 2 ~ 3 ปีนั่นด้วย
「…..แต่ถึงกระนั้นแล้ว ลำบากแย่เลยนะครับ นึกไม่ถึงว่าโรงเรียนจะมีเขาวงกตปรากฏขึ้นมา」
ขณะที่กำลังพักหลังจากการเจรจาซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว จู่ๆโทโน่ซังก็พูดขึ้นมา
「จริงๆเลยครับ…..โชคยังดีที่เป็นประเภทโลกอื่นทั่วไป ถ้าหากว่าเป็นประเภทพิเศษแบบโตเกียวโดมแล้วล่ะก็ นักเรียนทั้งหมดคงได้ถูกย้ายโรงเรียนแน่ๆเลย」
ถ้าหากว่าเขาวงกตปรากฏขึ้นที่บ้านหรือสำนักงาน เจ้าของสถานที่จะถูกมอบตัวเลือกว่าจะยอมย้ายไปยังสถานที่ซึ่งรัฐบาลจัดเอาไว้ หรือจะอยู่อาศัยต่อโดยยอมแลกกับการให้ติดตั้งเกท
โดยส่วนใหญ่แล้ว หากเขาวงกตปราฏขึ้นที่บ้านธรรมดา เจ้าของจะเลือกอย่างแรก แต่ถ้าไปปรากฏในตึก, โรงเรียน, หรือสำนักงานอื่นๆ เจ้าของจะเลือกอย่างหลัง แต่ทว่าทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเขาวงกตที่ปรากฏ เจ้าของอาจจะถูกบังคับให้ต้องเลือกอย่างแรกได้
นั่นก็คือเขาวงกตประเภทพิเศษที่ผสานเข้ากับพื้นที่และอาคารที่มีอยู่ก่อนแล้วให้กลายเป็นดันเจี้ยน อย่างเช่นโตเกียวโดมที่เป็นที่ตั้งสำหรับมอนโคโล
ถ้าเป็นเขาวงกตประเภทโลกอื่นทั่วไปแบบที่พวกผมไปกันอยู่เป็นปกติ ก็เป็นไปได้ที่ภาคเอกชนจะดูแลมันได้ ตราบเท่าที่ทางเข้าถูกควบคุมเอาไว้ด้วยเกท แต่ตัวเขาวงกตประเภทพิเศษจะรุกล้ำไปยังพื้นที่รอบๆ แปรเปลี่ยนให้กลายเป็นดันเจี้ยน มันจึงมีความเสี่ยงที่แม้แต่เด็กๆก็สามารถบุกรุกเข้าไปได้ถ้าหากว่าต้องการ
ด้วยเหตุนี้ จึงมีกฏอยู่ว่าเขาวงกตประเภทพิเศษทุกแห่ง ไม่มีข้อยกเว้น จะถูกทางประเทศยึดเอาไว้แล้วล้อมรอบด้วยกำแพงสูงเพื่อควบคุมจัดการ
แน่นอนว่าหากเขาวงกตประเภทพิเศษปรากฏขึ้นที่โรงเรียน เหล่านักเรียนที่ไปเรียนโรงเรียนนั้นจะต้องถูกจับแยกไปยังหลายๆโรงเรียน
แม้มันจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับนักเรียนที่ต้องถูกบังคับให้ย้ายโรงเรียน และต้องแยกจากโรงเรียนและเพื่อนๆที่คุ้นเคย
「ที่มาเกิดเรื่องก่อนวันหยุดหน้าร้อนก็ถือว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายเลยนะครับ」
「ครับ แต่ว่านะ ในแต่ละปีก็มีเกิดขึ้นประมาณ 200 แห่งได้ แล้วเขาวงกตเองก็มีแนวโน้มจะปรากฏในสถานที่ที่มีคนชุกชุมอีกด้วย」
「ได้ทราบแรงค์ของเขาวงกตแล้วรึยังครับ?」
「ไม่เลย ยังคงทำการสำรวจกันอยู่ล่ะนะ」
「โฮ่…..ถ้าใช้เวลามากกว่า 1 อาทิตย์ ก็คงเป็นแรงค์ C ขึ้นไปหรือไม่ก็ดันเจี้ยนลับ นี่น่าจะเป็นข่าวดีสำหรับคิทากาว่าซังรึเปล่าครับ?」
「เป็นงั้นเหรอครับ…..?」
ด้วยคำของโทโน่ซัง ผมจึงเอียงคอ
「สถานที่จำพวกโรงเรียน มักจะไม่ชอบให้บุคคลภายนอกผ่านเข้าไป ในกรณีส่วนใหญ่แล้ว นักผจญภัยมืออาชีพจะได้รับการว่าจ้างเพื่อดูแลเขาวงกต แต่ถึงอย่างนั้น การว่าจ้างมืออาชีพก็ไม่ได้ฟรีเช่นกัน …..ถ้างั้นแบบนั้นแล้ว?」
「อย่างงี้นี่เอง…..ด้วยการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่าง นักผจญภัยภายในโรงเรียนจะทำให้ฟรีๆ ไม่ก็ในราคาที่ต่ำเพื่อช่วยเหลือด้านการดูแลจัดการ สินะ」
「แน่นอนว่า เว้นแต่จะถูกอนุมัติให้เป็นดันเจี้ยนลับล่ะนะครับ」
ฟุมุ ถ้าหากเป็นไปตามที่โทโน่ซังว่ามา ชมรมนักผจญภัยก็จะมีเขาวงกตแรงค์ C 1 แห่งผูกขาดเป็นของตัวเอง
การที่สามารถลงสำรวจโดยที่ไม่ต้องแข่งขันกับทีมมืออาชีพอื่น ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับพวกเราที่เป็นทีมมืออาชีพหน้าใหม่
ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทางโรงเรียน แต่บางทีชมรมนักผจญภัยก็อาจจะได้รับการอนุมัติก่อตั้งอย่างเป็นทางการก็ได้…..
อย่างงี้นี่เอง…..เพราะแบบนี้อันนาถึงได้ไม่มีสมาธิจดจ่อกับการเรียนเพื่อทำการสอบสินะ ในใจของผมเองก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง
『ในที่สุดก็จบแล้วสินะ…..คุยกันนานจริงเชียว』
ทันทีที่บอกลาโทโน่ซังแล้วออกมาจากคาเฟ่ ก็มีเสียงพูดกับผม
เสียงของคนที่มองไม่เห็นตัวดังก้องมาที่ในหัวโดยตรง ผมทำการตอบกลับไปด้วยความคิดเช่นกัน
『ก็ถึงได้บอกไงว่าให้รออยู่ข้างในการ์ดน่ะ…..เร็นกะ』
『อยู่ข้างในจนเบื่อแล้ว เพราะงั้นก็เลยไปมองดูลูกค้าคนอื่นๆในร้านดีกว่าน่ะสิ』
『เป็นงั้นหรอกรึ ถ้างั้นแล้วได้ยินอะไรน่าสนใจมารึเปล่าล่ะ?』
『อืม…..นั่นสินะ มีชายแก่กับผู้หญิงวัยรุ่นนั่งอยู่เฉียงๆกับนายใช่ไหมล่ะ?』
『อา…..พอคิดดูแล้วมันก็มีชายแก่ดูท่าทางเหนื่อยๆกับเด็กผู้หญิงที่ดูน่าจะอยู่ม.ปลายอยู่นะ…..』
จำเกี่ยวกับตาลุงไม่ค่อยได้ แต่จำเด็กผู้หญิงได้ว่าค่อนข้างน่ารักแล้วก็มีหน้าอกใหญ่
『อืม ตาลุงคนนั้นน่ะ ดูเหมือนจะตื่นขึ้นมาเช้านี้แล้วเจอว่าเมียหนีตามชู้ไปแล้วเอาเงินทั้งหมดไปอีก』
『เอาจริงดิ』
อุหวา…..ช่างน่าเศร้า
『แถมด้วยอีกฝ่ายนั้นยังเป็นลูกน้องคนโปรดอีกด้วย…..』
『น่าเศร้าแบบดับเบิ้ลเลย…..งั้น ได้คุยเรื่องพวกนี้กับตัวลูกสาวงั้นเหรอ?』
『หืม? ผู้หญิงนั้นไม่ใช่ลูกสาวหรอกนะ แต่เป็นเมียน้อยของตาลุงต่างหาก』
ห๊ะ? บ้าจริง เห็นใจไปโดยเปล่าประโยชน์เลย
ขณะที่มุ่งหน้าไปสถานีก็ทำการฟังเรื่องราวที่เร็นกะไปได้เห็นกับได้ยินมาจากลูกค้าคนอื่นๆ
『…..แล้ว วางแผนจะไปที่ไหนล่ะ?』
『อืม อา ไปกิลล์ล่ะ อยากจะเปิดแพ็คหลังจากที่ผ่านมาได้แล้วซักพัก』
พอผมบอกไป ตัวตนของเร็นกะที่ส่งผ่านทางลิงค์มาก็รู้สึกเปลี่ยนไป
『หรือว่า วางแผนจะใช้ไอ้นั่นรึ?』
『อา เพอร์เฟคลิงค์…..อยากจะลองควบคุมโชคชะตาภายนอกเขาวงกตดูน่ะ』
『โอ่ยโอ่ย นี่นาย จะดูถูกการบิดเบือนของความสัมพันธ์แห่งเหตุและผลมากไปหน่อยไหม?』
『รู้ถึงความเสี่ยงดีอยู่หรอก เพราะงั้นเลยจะไม่ควบคุมโชคชะตาไปมากเกินกว่าโชคดีที่ทำการสะสมมา แบบนั้นจะทำให้เกิดการบิดเบือนน้อยที่สุดใช่ไหมล่ะ?』
พลังของเพอร์เฟคลิงค์และการควบคุมโชคชะตา จริงอยู่ว่ามีความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
『บททดสอบ』ที่โผล่ออกมาจากการสะสมของการบิดเบือนของความสัมพันธ์แห่งเหตุและผล บางครั้งมันจะเข้าจู่โจมในรูปของโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่เกินไปกว่าปาฏิหาริย์ ที่ได้นำมาด้วยการควบคุมโชคชะตาเสียอีก
ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสมแล้วล่ะก็ จะนำมาซึ่งการทำลายตัวเอง
แต่ทว่านั่น หากมองในมุมมองที่แตกต่างออกไปแล้วล่ะก็ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้งานมันยังไง
ตราบเท่าที่ไม่ได้ยืมโชคดีมาล่วงหน้า การบิดเบือนของความสัมพันธ์แห่งเหตุและผลก็จะมีเล็กน้อย
การบิดเบือนเล็กน้อยนี่ จะหายไปเมื่อเวลาผ่านไป 2 – 3 อาทิตย์
หรือก็คือ ตราบเท่าที่ยังอยู่ในอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแล้วใช้มันเดือนละครั้ง ก็สามารถใช้ความสามารถนี้ได้โดยปราศจากความเสี่ยง
『แล้ว ทำไมต้องเป็นแพ็คของกิลล์ด้วย? ไม่สนับสนุนให้ใช้ความสามารถนี้กับการพนันเสี่ยงดวงหรอกนะ』
『ทั้งหมดทั้งมวลก็จากการคำนึงถึงประสิทธิภาพและความเสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหลไงล่ะ』
หากเป็นการได้การ์ดมาจากการสำรวจเขาวงกตแล้ว ผมที่ส่วนใหญ่ทำได้แค่การโซโล่แรงค์ D นั่นหมายถึงว่าการ์ดที่ดีที่สุดที่จะได้ก็คือการ์ดแรงค์ C
ในกรณีที่ไปท้าทายเขาวงกตแรงค์ C ก็มีโอกาศจะได้การ์ดแรงค์ B อยู่ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพิชิตด้วยตัวคนเดียว แล้วของรางวัลก็จำเป็นต้องแบ่งให้กับนักผจญภัยที่ทำการสำรวจด้วยกัน
พวกอันนาเองก็ต้องรู้สึกตัวเกี่ยวกับความสามารถของเร็นกะแน่ๆ ถ้าหากว่าการ์ดแรงค์ B ที่น่าจะดรอปได้ยาก เริ่มมีการได้มาในทุกๆเดือนๆ
ถึงแม้ว่าจะบอกเรื่องขลุ่ยของฮาเมลินกับทุนคนในชมรมนักผจญภัยไปแล้ว แต่อย่างที่คิดว่าไม่อยากจะบอกเรื่องความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของเร็นกะ
ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจพวกเธอ แต่การเชื่อใจมันไม่ได้หมายความว่าต้องเปิดเผยทุกอย่าง
ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงสถาณการณ์ทุกอย่างแล้ว ผลประโยชน์สูงสุดที่สามารถได้จากการพิชิตเขาวงกต คำนวณแล้วจะออกมาได้เป็นการ์ดแรงค์ C 1 ใบต่อเดือน
เช่นนั้นแล้ว พอมาเป็นเรื่องการ์ดแพ็คของกิลล์ จะมีโอกาสประมาณ 30% ที่จะได้การ์ดแรงค์ D, และต่ำกว่า 1% ที่จะได้การ์ดแรงค์ C
มองแว่บแรกคือโอกาศที่จะได้การ์ดแรงค์ C จาก 1 แพ็คราคา 1 ล้านนั้นมีต่ำกว่า 1% แต่เพราะว่าผมสามารถควบคุมโชคชะตาได้ นี่ถือว่ามีโอกาศที่สูงมาก
นั่นเพราะว่าอัตราการดรอปการ์ดแรงค์ C นั้นอยู่ที่ประมาณ 0.1%
สำหรับพวกผมที่สามารถเปลี่ยนอัตราดรอปของการ์ดแรงค์ C ให้เป็น 100% ด้วยการแลกเปลี่ยนโชค 1 เดือน การจะเปลี่ยนโอกาสต่ำกว่า 1% ให้เป็น 100% ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
อีกทั้ง การ์ดแพ็คของกิลล์นั้น ในทุกๆ 12 ล็อต จะมีอย่างน้อยการ์ดแรงค์ B 1 ใบ หรือไม่ก็การ์ดที่เป็นที่นิยมอย่างเอลฟ์หรือซัคคิวบัสอยู่
นี่เทียบเท่ากับการถูกรางวัลล็อตเตอรี่โดยที่มีรางวัลที่ 1 เป็นแรงค์ B, และมีซัคคิวบัสและเอฟล์เป็นรางวัลที่ 2 และ 3
เนื่องจากแพ็ค 1 ล็อตจะถูกทำขึ้นมาในแต่ละเดือน งั้นในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งของ 1 ปี จะมีการเติมซองที่ถูกรางวัลไป 1 ครั้ง
การเติมจะถูกทำไปเรื่อยๆไม่ว่าจะซองที่ถูกรางวัลจะถูกหยิบออกไปแล้วหรือไม่ในปีก่อน
『หรือก็คือ?』
『—-มีโอกาศที่ซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่นจะยังคงหลับไหลอยู่ภายในแพ็คไงล่ะ』
กว่าที่ผมจะค้นพบหวนคืนจิตวิญญาณ แรร์การ์ดที่อยู่ภายในการ์ดแพ็ค ส่วนใหญ่แล้วจะมีสกิลด้านลบอย่างสกิลร่วงหล่น
ด้วยการค้นพบหวนคืนจิตวิญญาณ แพ็คของกิลล์จำนวนมากได้ถูกซื้อไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกซื้อไปทั้งหมดหรอก
ในหมู่นั้น『ซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่น』จะยังคงหลับไหลอยู่ ความเป็นไปได้ก็ไม่ได้เป็นศูนย์ซะทีเดียว
…..ก็นะ ถึงความเป็นไปได้จะไม่ใช่ศูนย์ แต่ความเป็นไปได้มันก็เกือบจะเป็นศูนย์นั่นแหละ
ต่อให้จะยังเหลืออยู่ การจะได้มาก็คงยากต่อให้ใช้การควบคุมโชคชะตาก็ตามที
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่มีหนทางอื่นที่จะได้มาซึ่ง『ซัคคิวบัสที่มีสกิลร่วงหล่น』แล้ว มันเป็นหนทางเดียว
ใช่ เพื่อเมอาแล้ว ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากไปเปิดแพ็คเท่านั้น!
『—–แล้ว ความจริงล่ะ?』
หลังจากที่ผมอธิบายยืดยาวไปทั้งหมด เร็นกะก็ตอบมาด้วยคำพูดแสนเย็นชา
ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นได้เพราะว่าผลของสกิลซ่อนแอบ แต่ก็สามารถเห็นภาพเธอกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาแบบที่กำลังมองหมูที่อยู่ในฟาร์ม ผมจึงรู้สึกลนลาน
『ค-ความจริงอะไร…..เมื่อกี้ก็คือที่คิดจริงๆแล้วไงล่ะ? ความจริงล้วนๆไม่มีโกหกเลยนี่นา?』
『เลิกตอแหลไปเลย ดวงตานั่นลุกโชนไปด้วยความอยาก นายน่ะ ก็แค่อยากจะเปิดกาชาเท่านั้นใช่ไหมล่ะ』
『อุ่ก…..!?』
โดนเข้าเต็มๆ ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องคราง
อย่างที่คิด เจตนาของผมมันเห็นกันได้ชัดๆ
ใช่ อย่างที่เธอบอก ถึงจะสาธยายไปมากมาย แต่อันที่จริงผมก็แค่อยากจะเปิดแพ็ค
นับตั้งแต่ครั้งเดียวที่ได้พวกเร็นกะมา ผมก็ไม่ได้ซื้อแพ็คอีกเลย
นั่นเพราะ ส่วนหนึ่งคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกรางวัลใหญ่หลายๆรอบ และอีกส่วนก็เพราะกังวลว่าถ้าถูกรางวัลอีก จะคุมตัวเองไม่อยู่
ความรู้สึกนั้นในตอนที่เดิมพันเงิน 1 ล้านเยนที่เป็นเงินที่มีทั้งหมด แล้วจับได้พวกเร็นกะมา…..
ความประหลาดใจ, ความปลาบปลื้ม, ความสุข, ความรู้สึกสำเร็จ…..สามารถรู้สึกได้อย่างแจ่มชัดถึงสารบางอย่างที่ไม่น่าจะถูกหลั่งออกมาจากสมองได้
มันคือ การเสพติดอย่างหนึ่ง…..
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงตัดสินใจที่จะอยู่ให้ห่างจากการ์ดแพ็คของกิลล์
แม้ในตอนที่ได้เป็น 3 ดาวแล้วและสามารถซื้อการ์ดแพ็คได้จำนวนมากก็ตาม ไม่เคยพยายามที่จะซื้อมันเลย
หากว่าซื้อการ์ดแพ็คแล้วสะสมการ์ดโดยไม่ต้องลงแรงใดๆ อาศัยแค่เพียงโชคจากเร็นกะ ผมคงจะต้องตกลงสู่ความเสื่อมโทรมแน่ๆ…..มีลางสังหรณ์อยู่แบบนั้น
เพราะงั้น ผมจึงตัดสินใจลืมเรื่องการ์ดแพ็คแล้วพยายามอย่างหนักมาจนถึงตอนนี้
……….แต่ว่า มัน ถึงขีดจำกัดแล้ว! ขีดจำกัดของความอดทน!
มันจะมีใครหน้าไหนที่ไม่ไปเล่นพนันทั้งๆที่รู้ว่าจะสามารถชนะได้แน่นอนอยู่บ้าง?
อย่างน้อยผมก็ทำไม่ได้ล่ะ
นี่น่ะมันคือ โบนัส…..! สำหรับความพยายามอย่างหนักที่ทำมาจนถึงตอนนี้ รางวัลประจำเดือนไงละ…..!
มันจะต้องนำไปสู่การเพิ่มกำลังรบได้แน่ๆ อันที่จริงแล้วถ้าไม่ไปเปิดมันน่าจะแย่กว่า…..!
ใช่ นี่น่ะมันคือหน้าที่ไปแล้ว…..!
เป็นส่วนหนึ่งของงานในฐานะมาสเตอร์…..!
『เพราะแบบนั้นแล้ว ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ผมก็จะเปิดแพ็คล่ะ…..!』
『อืม…..สงสัยว่าจะเป็นผลย้อนกลับจากที่อดกลั้นเอาไว้ ทะลักออกมาในคราวเดียวสินะ』
พอได้เห็นผมประกาศกร้าว เร็นกะก็เอามือกุมขมับ(รู้สึกได้ผ่านลิงค์)
『แต่ว่า ไม่ได้หรอก นายน่ะ โชคชะตามันเหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงมากเกินไป ควรจะเก็บโชคดีเอาไว้เผื่อตอนโชคร้ายที่คาดไม่ถึง』
พอเร็นกะพูดแบบนั้นมา ก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจนั้นผ่านมาทางลิงค์
คุ…..ต่อให้อยากจะใช้ควบคุมโชคชะตามากขนาดไหน แต่ถ้าปราศจากความร่วมมือของเร็นกะแล้วก็ไม่สามารถทำเพอร์เฟคลิงค์ได้
ถ้าเป็นแบบนี้งั้นก็ไม่มีทางอื่น
ผมมองไปรอบๆ แล้วมุ่งลึกเข้าไปในตรอกร้าง
เมื่อผมถึงทางตันที่ไร้ซึ่งผู้คนและไม่มีกล้องวงจรปิด เร็นกะก็ปรากฏตัวออกมาในชุดกิโมโน
เธอมองลงมาขณะที่กำลังเอามือกอดอก ผมพนมมือเข้าไว้ด้วยกันแล้วก้มหัวลงต่ำ
『ข-ขอร้องล่ะ! ขอแค่ครั้งนี้ ขอลองใช้แค่ครั้งนี้เท่านั้น! การทดลองมันก็จำเป็นไม่ใช่เหรอ?』
『ไม่จำเป็นต้องทดลองหรอก ตอนหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ดก็ใช้งานได้ปกติดี หรือว่าไม่เชื่อใจในพลังของชั้นงั้นรึ?』
『เปล่านะ เชื่อใจอยู่แล้ว! แต่ว่า มันอาจจะมีอะไรแตกต่างกันระหว่างภายในกับภายนอกเขาวงกตน่ะสิ! ถ้าหากว่าใช้ขณะอยู่นอกเขาวงกตในตอนที่จะเกิดเรื่องหรืออุบัติเหตุแล้วใช้ไม่ได้ผล มันจะเป็นปัญหาเอาได้ไม่ใช่เหรอ?』
『ถ้าถึงตอนนั้นชั้นจะเข้าช่วยเอง』
คุ เอาไม่ลงเลย…..! เร็นกะนี่หัวรั้นมากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก
…..ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะทำแบบนี้เลย
ผมตัดสินใจ ใช้มาตรการสุดท้ายต่อเร็นกะ
『เร็นกะ~~! อย่าพูดแบบนั้นสิ ตอนนี้ก็ช่วยหน่อยเถอะ~』
—-ท่าไม่ตายลับ ร้องไห้งอแง…..!
ผม-หมับ-เข้าไปกอดขาอันเรียบเนียนของเร็นกะเอาไว้
『ขอร้องล่ะขอร้องล่ะขอร้องล่ะ! ถ้าทำให้ครั้งนี้ ต่อไปจะงดไป 6 เดือนเลย~』
『เดี๊- นี่นาย!?』
เร็นกะตกใจแล้วคว้าหัวของผมไว้ แต่ก็ไม่ได้ดึงออกหรือเตะทิ้งแต่อย่างใด
แยงกี้ซาชิกิวาราชิตนนี้ กับคนที่เปิดใจให้ครั้งหนึ่งแล้วจะใจอ่อนอย่างมาก
『นี่นาย ทำแบบนี้ไม่อายบ้างรึไง! ในฐานะผู้ชายน่ะ!』
『ยัยบ้า! มันก็ต้องอายแน่นอนอยู่แล้วสิ!』
เร็นกะหน้าแดงแล้วตะโกน ผมก็-ชิ้ง-เบิกตากว้างแล้วตะโกนกลับ
『คิดว่าผมอายุเท่าไหร่กัน! 16 แล้วนะรู้ไหม!? ไม่ใช่ 6ขวบ! ถ้าถูกเห็นแบบนี้ล่ะก็ คงอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้อีกแล้วแน่ๆ!』
『เอ๋อ๋…..? งั้นก็เลิกทำสิ…..』
『ถึงมันจะน่าอายแต่…..ทำเท่ไปมันก็ไม่ได้อะไร! ถ้าหากว่าสามารถได้ผลลัพธ์แล้วล่ะก็ ชื่อเสียงจะทิ้งไปได้ จะให้ผมเลียเท้าเธอก็ได้ ไอ้เจ้านี่!』
『เอ๋อ๋~…..? ห-หรือว่าดูแล้วสมชายดี…..?』
เร็นกะดูท่าทางสับสนจริงๆ ซึ่งหาได้ยาก นี่มัน…..ได้เรื่องแล้ว! กระแสมันกำลังมาทางนี้!
ผมลดโทนเสียงลง มองช้อนขึ้นด้วยแววตาละห้อย
『นะ? ขอร้องล่ะ…..เป็นคำขอร้องชั่วชีวิตเลย นะ?』
『มูมูมู…..』
เร็นกะลังเลอยู่พักหนึ่ง ริมฝีปากเล็กๆของเธอกระตุก แต่แล้วก็พูดออกมา
『ช่วยไม่ได้น้า…..แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ』
พูดมาราวกับว่ายอมแพ้พร้อมกับลูบหัวของผม
…..ทำได้แล้ว!
【Tips】เขาวงกตแบบพิเศษ
ไม่เหมือนกับเขาวงกตปกติที่เป็นมิติอันแตกต่างซึ่งอยู่ผ่านเกทไป มันคือคำสามัญสำหรับเขาวงกตที่เข้ารุกล้ำพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีอยู่ก่อน ให้กลายเป็นรูปแบบของเขาวงกตนั้นไป
เขาวงกตแบบพิเศษจะมีคุณลักษณะคือ ไม่มีมอนสเตอร์หรือกับดักใดๆระหว่างทาง ,และมีเพียงจ้าวแค่ 1 ตัวปรากฏขึ้นเท่านั้น เพื่อเป็นการชดเชย จ้าวที่เขาวงกตสร้างขึ้นมาจะมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าบบปกติทั่วไป
อีกทั้ง แม้ว่าภายนอกจะมองดูแล้วปกติ แต่ก็มีหลายกรณีที่เมื่อก้าวเท้าเข้าไปแล้ว ภายในกลับขยายออกกว้างขึ้นอย่างมาก ดันเจี้ยนโตเกียวโดมเองก็เช่นกันที่ภายในมีสนามกีฬาอยู่จำนวนมาก ถูกเปลี่ยนให้เป็นสนามประลอง ซึ่งแต่ละรายการโทรทัศน์จะมีสนามเป็นของตัวเองและมีการจัดงานแข่งขันกันทุกวัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
เฮคาที / Hecate
จากตำนานกรีก, เทพีแห่งเวทมนตร์ ไสยศาสตร์ มนตร์ดำ เครื่องราง วิญญาณและทางแยก (ทางสามแพร่ง)
https://en.wikipedia.org/wiki/Hecate