เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย 55 เรื่องเล่าหน้าร้อนของอาจารย์ใหญ่นั้นช่างอันตราย – 1

ตอนที่ 55 เรื่องเล่าหน้าร้อนของอาจารย์ใหญ่นั้นช่างอันตราย - 1

บทที่ 3 ตอนที่ 1

 

    —–ถ้าจะให้อธิบายเป็นอะไรบางอย่างแล้วล่ะก็ มันเหมือนกับความฝันอันเลือนลางที่คนได้เห็นขณะนอนหลับ

 

    ผมล่องลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด พร้อมด้วยความเป็นไปได้จำนวนนับไม่ถ้วนยืดยาวอยู่เบื้องหน้า และตามทางเหล่านั้นก็มีบานหน้าต่างนับไม่ถ้วนอยู่

    เส้นทางสู่ความเป็นไปได้ที่ใกล้ที่สุดนั้นกว้างและมองเห็นได้ชัด แต่เส้นทางสู่ความเป็นไปได้ที่อยู่ห่างไปนั้นแคบและมีภาพเบลอจนยากจะมองเห็น ยิ่งไปกว่านั้น บางส่วนของเส้นทางยังแตกสลายอีกด้วย

    การที่เส้นทางนั้นแตกสลาย หมายความว่าในตอนนี้ผมยังไม่สามารถคว้าความเป็นไปได้นั้นได้

    ตอนที่ได้มองดูเส้นทางสู่ความเป็นไปได้เหล่านั้นเมื่อวันก่อน มันยังเชื่อมต่อกันอยู่แน่ๆ ในทางกลับกัน ก็มีบางเส้นทางที่เพิ่งเชื่อมต่อในวันนี้

    สิ่งนี้ หมายถึงว่าโชคชะตาของคนเราจะแปรเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนที่ของดวงดาวในแต่ละวัน

    ไม่ใช่สิ่งที่ความพยายามของใครคนหนึ่งจะสามารถไปแก้ไขมันได้

    ไม่ว่าผู้คนจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถจะคว้าความเป็นไปได้ของเส้นทางที่ถูกตัดขาด ในทางกลับกัน ต่อให้เส้นทางสู่ความเป็นไปได้นั้นเชื่อมต่ออยู่ การที่จะสามารถเดินไปบนเส้นทางนั้นได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับ『โชค』

    ทว่า—-ในตอนนี้ ผมสามารถเห็นเส้นทางสู่ความเป็นไปได้เหล่านั้นและคว้าเอาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมาได้ นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่จะใช้『โชคดี』เพื่อเติมเต็มและเชื่อมต่อเส้นทางที่ถูกตัดขาดไปได้

    อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ตามที่ต้องการ

    คน 1 คนมี『โชคดี』ที่จำกัด หากหลบเลี่ยงความเจ็บปวด แล้วเลือกเส้นทางที่ง่ายไปเรื่อยๆแล้วล่ะก็『โชคดี』ก็จะหมดในไม่ช้า และแต่ไหนแต่ไรแล้วก็ไม่สามารถเดินไปใน 『ความเป็นไปได้ที่ไม่มีตัวตนอยู่』

    พูดง่ายๆคือ ไม่ว่าผมจะใช้『โชคดี』ไปมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปได้

    อีกทั้ง…..

 

「………………..」

 

    ผมหรี่ตา พยายามมองไปที่เส้นทางที่อยู่ไกลมากกว่านี้

    แต่ไม่ว่าจะพยายามหรี่ตามองมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้เกินกว่าจุดๆหนึ่ง

    โดยพื้นฐานแล้ว ยิ่งเป็นความเป็นไปได้ของอนาคตที่ห่างออกไปมากแค่ไหน มันก็ยิ่งแตกแขนงและไม่คงที่มากขึ้นตาม

    เพราะแบบนั้นจึงเข้าใจได้ว่ายิ่งอนาคตห่างไปไกลเท่าใด มันก็ยิ่งคาดเดาได้ยากมากเท่านั้น แต่ ที่สะกิดใจก็คือเส้นทางที่อยู่เบื้องหน้าซึ่งปกคลุมไปด้วยความมืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นได้นั้น เป็นของอีกหลายเดือนข้างหน้า

    ในตอนแรก คิดว่ามันคือขีดจำกัดของความสามารถผมในการมองอนาคต แต่หลังจากได้ทดสอบพลังดูอีกหลายครั้ง ก็พบว่ามันไม่ใช่แบบนั้น

    ยกตัวอย่าง ถ้าหากผมสามารถมองเห็นอนาคตได้จนถึงอาทิตย์หน้า ถ้าหากว่าผ่านไป 1 วันแล้วแต่กลับไม่สามารถมองเห็นอนาคตที่ไกลกว่าเดิมได้ นั่นจะเป็นเรื่องแปลก

    แต่ว่าเจ้าความมืดมิดนี่ ไม่ยอมหายไปไหนไม่ว่าจะผ่านไปกี่วัน ในทางกลับกัน มันกลับจะยิ่งเข้าใกล้มามากขึ้นเรื่อยๆ

    หรือว่านี่มัน จะหมายถึง『ความตายของผม』อย่างงั้นเหรอ…..

    เมื่อคิดแบบนั้นจึงได้ลองปรึกษากับเร็นกะ แต่เธอบอกว่าถ้าหากจะต้องตายแล้วล่ะก็ ความเป็นไปได้นั้นก็ต้องแจ่มชัด เพราะงั้นจึงไม่น่าจะเป็นแบบนั้น

    ถ้างั้นแล้ว เจ้าความมืดมิดนี่มันคืออะไรกัน…..

    ผมหรี่ตามากขึ้น พยายามที่จะแยกแยะตัวตนที่แท้จริงของความมืดมิดนี่

 

    —-ผิ๊ง!

 

「…..คุ่ก!!」

 

    ในตอนนั้นเอง ผมก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงแล้วสูญเสียการควบคุมความสามารถ

    รู้สึกได้ถึงจิตสำนึกที่ค่อยๆลอยขึ้นสู่พื้นผิว

    -ห๊ะ-! แล้วพอลืมตาขึ้น ก็พบว่ากำลังอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง

    จากนอกหน้าต่างที่เปิดอยู่ สามารถได้ยินเสียงร้องของจ้๊กจั่น

    ทั่วทั้งตัวของผมเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อทีเชิ้ตรู้สึกหนักราวกับว่าถูกราดน้ำใส่ทั้งหัว

    ขณะที่กำลังดันตัวอันหนักอึ้งขึ้นมา จู่ๆก็รู้สึกมีอะไรบางอย่างร้อนที่จมูก พอรีบเอามือเข้าไปรอง ก็เริ่มมีของเหลวสีแดงไหลหยดออกมา

    แย่ล่ะ! เลือดกำเดาไหลอีกแล้ว!

 

「—-เอานี่」

 

    ในตอนนั้น -ฟุ่บ-กล่องทิชชู่ถูกส่งมาให้

 

「โอ้ แต๊งส์!」

 

    ก่อนอื่นเอาทิชชู่หลายๆแผ่นมาอุดจมูกแล้วมองไปทางเจ้าของมือที่ส่งมาให้ ที่ตรงนั้นมีเด็กสาวผมสีดำที่สวมเสื้อทีเชิ้ตผู้ชายแบบไม่พอดีตัวและกางเกงคาร์โก้ กำลังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้พร้อมมังงะในมือ

    เด็กสาวที่มีใบหน้าสมบูรณ์แบบราวกับตุ๊กตา ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดและมองมาทางนี้

 

「…..ให้ตายสิ นี่จำเป็นต้องถึงขั้นเลือดกำเดาไหลทุกวันเลยงั้นเหรอ?」

 

    ที่หว่างคิ้วของเธอเกิดรอยย่นขึ้นเล็กน้อย ผมรู้สึกผิดนิดหน่อยแล้วตอบไป

 

「มันช่วยไม่ได้นี่นา เจ้าความสามารถ『เพอร์เฟคลิงค์』นี่เป็นไพ่ตายสำหรับตอนฉุกเฉิน จะต้องฝึกไปเรื่อยๆเพื่อที่จะได้ใช้งานได้ทุกเมื่อที่ต้องการ」

 

    —-เพอร์เฟคลิงค์(Perfect Link)

 

    นั่นคือชื่อที่ตัดสินใจตั้งให้กับพลังใหม่ที่ตื่นขึ้นมาในการต่อสู้กับหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด

    เจ้าเพอร์เฟคลิงค์นี่ แม้แต่อาจารย์เองก็ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมัน เป็นลิงค์พิเศษที่ผมค้นพบด้วยตัวเอง

    มีความเป็นไปได้ว่ากองกำลังป้องกันตัวเองจะค้นพบมันและได้ตั้งชื่อเป็นทางการให้ไปแล้ว แต่ถ้าเป็นข้อมูลที่ยังไม่ส่งต่อแก่นักผจญภัย ผมในฐานะผู้ที่ค้นพบจึงไม่มีทางเลือกที่จะตั้งชื่อเอง

    ลิงค์ที่นักผจญภัยค้นพบและพัฒนาขึ้นมาด้วยตัวเอง จะถูกเรียกว่า『เพอร์ซันนอลลิงค์(Personal Link/ลิงค์ส่วนตัว)』

    เพอร์ซันนอลลิงค์นั้น ว่ากันว่าโดยส่วนใหญ่จะถูกค้นพบไปแล้วโดยกองกำลังป้องกันตัวเอง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ถูกค้นพบแม้แต่โดยทางประเทศ

    ด้วยเหตุนี้ เพอร์ซันนอลลิงค์คือพลังที่ถือได้ว่าเป็นไพ่ตายสำหรับนักผจญภัยที่ได้ใช้มัน แล้วในความเป็นจริง เจ้า『เพอร์เฟคลิงค์』ก็มีพลังที่คู่ควรจะถูกเรียกเช่นนั้น

    แต่ว่า…..

 

「นี่นาย เข้าใจจริงๆรึเปล่า? เลือดนั่นไม่ได้เป็นแค่การเลือดออกธรรมดาหรอกนะ แม้แต่โพชั่นหรือเวทมนตร์ฟื้นฟูก็ไม่สามารถรักษาได้ นั่นหมายถึงว่าเป็นภาระที่เกิดต่อดวงวิญญาณเอง…..」

 

    เร็นกะเอามือเท้าสะเอวแล้วจ้องมาที่ผม ผมทำการหลบสายตาอย่างรวดเร็วแล้วนิ่งเงียบ

    เจ้าเพอร์เฟคลิงค์สามารถเป็นไพ่ตายของผมได้ก็จริงอยู่ แต่พลังนั่นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สมน้ำสมเนื้อเช่นกัน

    ตัวเพอร์เฟคลิงค์ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดที่รู้กันโดยทั่วไปของซิงโครลิงค์(อัตราการซิงโคร 99%) เป็นลิงค์ที่ได้ซ้อนทับการ์ดและวิญญาณอย่างสมบูรณ์

    นี่ทำให้การ์ดสามารถดึงความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่ามีออกมาได้ แต่มันก็สร้างภาระมหาศาลแก่วิญญาณของมาสเตอร์เช่นกัน

    การสัมผัสกับจิตวิญญาณที่เหนือกว่าอย่างเทพหรือปีศาจ วิญญาณของมนุษย์อันเปราะบางไม่สามารถจะทนรับได้

    เพราะแบบนั้น ทุกครั้งที่ใช้งานเพอร์เฟคลิงค์ วิญญาณของมาสเตอร์จะค่อยๆเสียหายและถูกดูดซับเข้าไปในการ์ด มีความอันตรายที่ในที่สุดจะกลายเป็นศพมีชีวิตไป

 

「…..แต่ถึงอย่างนั้น การฝึกก็แสดงผลออกมา ช่วงเวลาของเพอร์เฟคลิงค์เพิ่มขึ้น ความสามารถของเธอเองก็ทำความเข้าใจได้มากขึ้น แล้วอีกอย่าง ฝนอมฤตก็ช่วยรักษาบาดแผลของวิญญาณด้วย ใช่ไหมล่ะ?」

 

    ใน 1 เดือนที่ผ่านมา ด้วยผลจากการฝึกเพอร์เฟคลิงค์แทบทุกวัน ทำให้เริ่มที่จะมองเห็นแก่นแท้ของความสามารถของเร็นกะ

 

    ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับโชคของเร็นกะสามารถจำแนกออกกว้างๆได้ 3 อย่าง

 

    ความสามารถอย่างแรก 『เพิ่มโชคดี』อย่างต่อเนื่อง

    สมมติว่าโชคดีกับโชคร้ายของคนเรา จะมีความสมดุลกันเป็น ±0 ในระยะยาว ด้วยการอวยพรของเร็นกะ จะทำให้ผมอยู่ในสถานะ + เล็กน้อยอยู่เสมอ นี่หมายถึงผมจะได้รับการเพิ่มอัตราดรอปที่มากกว่านักผจญภัยอื่นโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย

 

    ความสามารถอย่างที่สอง『สะสมโชคดี』

    ด้วยการจงใจระงับโชคดีที่สามารถเกิดขึ้นได้ จะสามารถสร้างโชคดีที่มากยิ่งกว่า หมายความว่าสามารถสะสมโชคดีเล็กๆน้อยๆในแต่ละวัน…..และเมื่อปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว จะสามารถดึงดูดโชคดีมหาศาลที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ออกมาได้ หรือไม่ก็ทำให้โชคร้ายใหญ่หลวงหายไปได้ด้วยการหักล้างกับโชคดี

 

    กับความสามารถทั้ง 2 อย่างนี้ไม่มีข้อเสียใดๆ เพราะมันเหมือนเป็นการปกปักษ์จากเร็นกะที่เป็นเทพแห่งโชคลาภ

    แต่ว่า…..

 

「ที่เสี่ยงน่ะไม่ใช่แค่ความเสียหายต่อดวงวิญญาณหรอกนะ แต่เป็นความบิดเบือนต่อความสัมพันธ์แห่งเหตุและผลต่างหากที่เป็นปัญหา」

 

    ความสามารถอย่างที่สาม—-『ควบคุมโชคชะตา』มันคือความสามารถที่ต่างจากความสามารถ 2 อย่างแรกที่ไม่มีความเสี่ยง สามารถเรียกได้ว่าเป็นดาบ 2 คม

    ความสามารถนี้สามารถใช้ได้ขณะใช้งานเพอร์เฟคลิงค์เท่านั้น เป็นเหมือนกับขั้นที่เหนือกว่าของความสามารถอย่างที่สอง

    ความสามารถอย่างที่สองที่สะสมโชคดีนั้น เป็นพลังงานด้านบวกที่คลุมเครืออย่างมาก และผลลัพธ์ของมันเป็นแบบสุ่มโดยสมบูรณ์ อาจจะทำให้ถูกล็อตเตอรี่ หรือได้พบเนื้อคู่ หรือถ้าอย่างแย่ที่สุดก็อาจจะได้ถูกรางวัลจากแท่งไอติมฟรีติดกัน 100 แท่งก็ได้

    ความสามารถอย่างที่สามนี้ จะเป็นการมอบทิศทางให้แก่พลังงานโชคดีแบบสุ่มนั้น

 

    ในอดีตที่ผมใช้เวลาเป็นเดือนอยู่ในเขาวงกตแห่งเดิม พยายามที่จะหาไลแคนโทรปผู้หญิง แต่กลับต้องเจอแต่ไลแคนโทรปผู้ชายอยู่ซ้ำๆ

    แต่ว่าในตอนนี้ หากผมสะสมโชคดีก่อนจะลองดูอีกครั้งล่ะก็ จะสามารถได้มาด้วยการลองเพียงครั้งเดียวแน่

    ด้วยการลงทุนโชคดีในผลลัพธ์ที่ต้องการ ทำให้สามารถคว้าความเป็นไปได้ของอนาคตที่ดีที่สุดได้โดยไม่เสียเปล่า

    อีกทั้งด้วยผลข้างเคียงของมัน ทำให้ผมสามารถมองเห็นอนาคตได้แม้เพียงจะเล็กน้อยมากก็ตาม นั่นเพราะหากไม่รู้ถึงผลลัพธ์ก็จะไม่สามารถลงทุนได้

    ภาพที่สามารถเห็นได้ชัดที่สุดนั้น เป็นเพียงแค่ผลลัพธ์ของการกระทำของตนเองส่วนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าจะเห็นอนาคตชัดเจนทั้งหมด แต่บางครั้งก็สามารถสรุปกระบวนการจากภาพที่เห็นได้

 

    …..มองแว่บแรกความสามารถนี้อาจจะดูทำได้ทุกอย่าง แต่แน่นอนว่ามันมาพร้อมกับความเสี่ยง

    มันคือ ความบิดเบือนต่อความสัมพันธ์แห่งเหตุและผล กับผลย้อนกลับที่จะตามมา

 

    ความสัมพันธ์ระหว่างโชคดีและโชคร้ายนั้น คล้ายกันกับเกมเก้าอี้ดนตรี

    ในตอนที่มีใครซักคนได้นั่งเก้าอี้ที่โชคดี มันก็จะต้องมีคนที่ไม่ได้นั่งอยู่เสมอ

    นั่นก็เพราะว่าเก้าอี้ที่ไม่ว่าใครก็สามารถนั่งได้นั้น ย่อมไม่ถือว่าเป็นเก้าอี้โชคดีอีกแล้ว

    โชคดีจะมีอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีคนที่มีโชคไม่ดีมาเปรียบเทียบ

    การควบคุมโชคชะตาจากเพอร์เฟคลิงค์ของเร็นกะ จะเหมือนกับการขโมยหรือเช่าเก้าอี้ที่โชคดีนั้นมา แน่นอนว่าโชคชะตาของผู้ที่ถูกผลักออกจากเก้าอี้นั้นย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไป

 

    ยกตัวอย่างเช่น มีล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ที่มีมูลค่า 1 พันล้านอยู่ แล้วผมควบคุมโชคชะตาเพื่อให้ถูกรางวัลนั้น

    ในตอนนั้น คนที่แต่ดั้งเดิมจะถูกรางวัลที่ 1 นั้นเพียงคนเดียว จะลงเอยเป็นต้องแบ่งกับผม 500 ล้าน

    ผลลัพธ์คือ โชคชะตาของคนที่แต่ดั้งเดิมจะได้เงิน 1 พันล้าน จะถูกเปลี่ยนเป็น 500 ล้าน

    บริษัทที่น่าจะไปรอดด้วยเงิน 1 พันล้านจะกลับกลายเป็นล้มละลายเพราะมีแค่ 500 ล้าน, เด็กที่มีโรคร้ายที่สามารถรักษาได้ด้วยเงิน 1 พันล้าน แต่ด้วยเงินแค่ 500 ล้านก็ไม่อาจจะช่วยเอาไว้ได้

    ในทางกลับกัน หากคิดว่าสูญเสียเงินไป 500 ล้านแล้วใช้เงินที่มีอย่างระมัดระวัง ก็อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าหมายโดยกลุ่มที่เป็นอันตรายได้ หากปิดบังความจริงที่ถูกรางวัลล็อตเตอรี่ไว้ ก็อาจจะไม่ต้องรับมือกับการคุกคามของครอบครัวและคนรู้จักได้, ถ้าหากว่ามี 1 พันล้านก็อาจจะตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง แต่หากเป็น 500 ล้านก็อาจจะไม่ตกเป็นเหยื่อก็เป็นได้

    ไม่ว่าจะยังไง เส้นทางของคนคนนั้นและคนที่อยู่รอบข้างจะเลือกเดิน จะถูกบิดเบือนไปอย่างแน่นอน

 

    นี่ก็คือ ความบิดเบือนต่อความสัมพันธ์แห่งเหตุและผล

 

    ถ้าหากความบิดเบือนต่อความสัมพันธ์แห่งเหตุและผลมีขนาดเล็ก มันจะได้รับการแก้ไขไปเองตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป

    แต่ทว่า การควบคุมโชคชะตาซ้ำๆ จะทำให้ความบิดเบือนค่อยๆถูกสะสมขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อมันถึงจุดจุดหนึ่ง ความบิดเบือนที่สะสมนั้น จะไหลย้อนไปสู่ผู้ที่สร้างมันโดยตรงในรูปแบบของ『บททดสอบ』

 

    บททดสอบ…..หรือพูดอีกอย่างคือ โชคร้ายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

    บททดสอบนั้นไม่มีทางหนีพ้น ไม่สามารถหักล้างด้วยพลังแห่งโชคดี ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าและไม่สามารถเตรียมการรับมือ หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

    แต่ว่าในอีกด้านหนึ่ง บททดสอบ สามารถก้าวผ่านได้ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าและความพยายามที่สั่งสมมา

 

    ใช่แล้ว เหมือนกันกับตอน『ชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน』เมื่อนานมาแล้วนั่นแหละ…..

 

    อีกทั้ง โชคชะตายังจะมอบรางวัลที่เหมาะสมให้แก่ผู้ที่ก้าวผ่านบททดสอบอีกด้วย

    ที่ผมเรียกผลย้อนกลับจากความบิดเบือนต่อความสัมพันธ์แห่งเหตุและผล ว่าบททดสอบแทนที่จะเรียกเป็นแค่โชคร้ายหรือผลข้างเคียงก็เพราะเหตุนี้

 

    ……….สิ่งที่น่าสะพรึงที่สุดของความสามารถนี้ก็คือ มันสามารถ『ยืมโชคดีล่วงหน้า』ได้

    ถึงแม้ว่าจะเป็นปาฏิหาริย์ที่ปกติแล้วผมไม่สามารถดึงออกมาได้ด้วยโชคดีที่มีอยู่ ด้วยการนำโชคดีที่ควรจะเกิดในอนาคตมาจะสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้

    เมื่อควบคุมโชคชะตาด้วยโชคดีที่สะสมมา ความบิดเบือนต่อความสัมพันธ์แห่งเหตุและผลที่เกิดขึ้นจะมีเพียงเล็กน้อย แต่การควบคุมโชคชะตาด้วย『โชคดีที่ยืมมา』จะสร้างความบิดเบือนต่อความสัมพันธ์แห่งเหตุและผลขนาดใหญ่

    เป็นความบิดเบือนที่รุนแรงถึงขนาดเรียกบททดสอบออกมาได้ในทันที

    เจ้าความสามารถนี้ เป็นสิ่งล่อใจ

    ราวกับว่าจะดีกว่าถ้าหากไม่สามารถใช้งานมันได้เลยตั้งแต่แรก เพราะมันเป็นการเชิญชวนไปสู่หนทางแห่งการทำลายตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง

    อาจจะคิดว่า ถ้างั้นก็ผนึกมันเอาไว้ด้วยตัวเองก็ไม่เป็นอะไรแล้วนี่ แต่ทว่ามนุษย์นั้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้น่ะสิ

    ยกตัวอย่าง ถ้าหากครอบครัวหรือคนรักของคุณมีโชคชะตาที่ต้องตายล่ะก็ แล้วคุณสามารถใช้ความสามารถนี้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาได้ล่ะ คุณจะสามารถต้านทานไม่ใช้มันได้รึเปล่า…..?

    ถ้าหากทำไม่ได้ตั้งแต่แรกล่ะก็ ก็คงทำใจรับโชคชะตาได้

    ทว่าหากเป็นการทอดทิ้งใครซักคนในตอนที่มีหนทางจะช่วยเหลืออยู่ ความจริงนั้นย่อมไปทรมานจิตใจอย่างแน่นอน

    ไม่ควรใช้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องใช้มัน เป็นพลังต้องห้าม…..

    ราวกับว่า คือพลังที่เรียกได้ว่าเป็นการล่อลวงของปีศาจ

 

    แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ในความจริงก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นความสามารถที่อันตรายอะไร

    นั่นก็เพราะ…..

    ผมส่งยิ้มให้กับเร็นกะ

 

「—–แต่ว่าถ้าเกิดแย่ขึ้นมาจริงๆ ในตอนนั้นเธอก็จะทุ่มสุดตัวเพื่อหยุดมันเอาไว้ใช่ไหมล่ะ?」

 

    นั่นก็เพราะความสามารถนี้เองก็เป็นส่วนหนึ่งของเร็นกะ

    เพราะแบบนั้น ความสามารถนี้จะไม่ทำลายผม

    ถึงแม้จะต้องมองดูอย่างเจ็บปวด ถึงแม้จะเป็นตอนที่ผมจะถูกกลืนกินด้วยความโลภ ก็มั่นใจว่าเธอจะเข้ามาหยุดไว้ ต่อให้ต้องอัดกระเด็นก็ตาม

    มีความมั่นใจอยู่เช่นนั้น

    ถ้าอย่างนั้นหน้าที่ของผมก็คือ เตรียมความสามารถนี้เอาไว้ให้พร้อมใช้งานเมื่อเวลาที่ต้องการนั้นมาถึง

 

「……….ฮ่า~」

 

    พอเห็นผมยิ้ม เร็นกะก็ถอนหายใจออกมายาวๆ

    มันเป็นการถอนหายใจแบบที่คนเป็นแม่ได้เห็นลูกไปงอแงอยู่ที่แผนกของเล่น หรือไม่ก็เป็นของพนักงานออฟฟิศสาวถอนหายใจตอนได้เห็นแฟนหนุ่มนักดนตรีรายได้ต่ำที่อยู่ด้วยกัน….. เป็นการถอนหายใจที่ทำให้ทางนี้รู้สึกว่าตัวเองเล็กลงแปลกๆ

 

『ให้ตายสิ ทำไมถึงได้กลายมาเป็นเด็ก(คน)แบบนี้กันนะ ก็รู้อยู่หรอกว่าต้องเข้มงวดมากขึ้นกว่านี้แต่…..ช่วยไม่ได้ที่สุดท้ายก็ต้องใจอ่อนให้ทุกทีเลย』

 

    สายตาบอกมาว่างั้น

 

「…..เอาเถอะ ตอนนี้ก็ช่างมันไป จะยังไงก็แล้วแต่ ไม่ใช่ว่าเวลาขนาดนี้มันแย่แล้วหรอกเหรอ?」

「อะ แย่ล่ะ」

 

    ด้วยคำของเร็นกะที่ดึงสติกลับมา พอมองดูนาฬิกา ก็เห็นว่าเกือบที่จะสายแล้ว

    ผมรีบเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบ คว้ากระเป๋าเปล่าๆที่ไม่มีหนังสือเรียน แล้วรีบออกจากห้องไป

 

    วันที่ วันที่ 18 เดือน 7 วันที่มีพิธีปิดการศึกษา

 

 

 

 

【Tips】เพอร์ซันนอลลิงค์(Personal Link)

 

    ลิงค์ต้นฉบับที่นักผจญภัยพัฒนาขึ้นมาด้วยตนเอง เกือบทั้งหมดได้ถูกค้นพบแล้วโดยทางประเทศหรือทางการทหาร เป็นเพียงรูปแบบที่ด้อยกว่าซีเคร็ทลิงค์ที่มีอยู่ แต่ในหมู่นั้นก็มีบ้างที่ยอดเยี่ยมและเป็นต้นฉบับจริงๆ

    เพราะว่าเพอร์ซันนอลลิงค์คือไพ่ตายาำหรับผู้ที่ค้นพบมัน ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บเป็นความลับส่วนตัว มันก็มีอยู่บางทีมที่สอนให้กันและกันอย่างแข็งขัน

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

Score 10
Status: Completed
ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ในโลกคู่ขนานของญี่ปุ่น จู่ๆ เขาวงกตได้ปรากฏขึ้น ที่ซึ่งมอนสเตอร์โผล่ออกมา ในช่วงแรกเริ่มนั้นเขาวงกตไม่ได้ต่างอะไรไปจากภัยพิบัติ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทรัพยากรที่เขาวงกตผลิต และตัวตนของ 'การ์ด' ที่ตกจากมอนสเตอร์ กลายเป็นช่วงแห่งการกอบโกย การ์ดมอนสเตอร์ที่สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาได้ดั่งใจนึก เหล่านักผจญภัยที่ใช้พลังของการ์ดเพื่อพิชิตเขาวงกต ถ่ายทอดสถานการณ์เหล่านั้นด้วยดันเจี้ยนTV, โคลอสเซียมที่มอนสเตอร์ต่อสู้กัน..... สิ่งเหล่านี้กระตุ้นความสนใจในตัวผู้คน แล้วก่อนที่จะรู้ตัวนักผจญภัยก็กลายเป็นอาชีพที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเป็น คิทากาว่า・อุทามาโร่ เด็กม.ปลายสายม็อบ เห็นเพื่อนที่น่าจะเป็นสายม็อบเดียวกัน หลังจากที่เป็นนักผจญภัยแล้วกลับถีบตัวไปอยู่ในกลุ่มท็อบได้ จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักผจญภัยด้วยตัวเอง อุทามาโร่ เพื่อที่จะได้แรร์การ์ดไปอวดทุกคนได้จึงเดิมพันชีวิตกับกาชาสุดบ้าระห่ำราคา 1 ล้านเยน ทว่า---?

Options

not work with dark mode
Reset