เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย 54 เด็กเหลือขอที่ถูกปลดปล่อย

ตอนที่ 54 เด็กเหลือขอที่ถูกปลดปล่อย

บทที่ 2 ตอนที่ 27

 

「จะว่าไปแล้ว ในระดับชั้นของรุ่นพี่ดูจะมีนักเรียนย้ายส์มาสินะคะ」

 

    หลังเลิกเรียน ขณะที่พวกเรากำลังคุยกันเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ร้านอาหารครอบครัวร้านประจำ จู่ๆอันนาก็เอ่ยขึ้นมา

 

「ก็ดูจะเป็นแบบนั้นนะ」

 

    ตอบไปอย่างเรียบเฉยขณะที่หยิบมันฝรั่งทอดขึ้นมา อันนาเอียงคอด้วยความสงสัย

 

「อาเร๊ะ? ดูจะไม่ค่อยสนใจเลยส์นะคะ ถ้าเป็นช่วงม.ต้นก็ว่าไปอย่างแต่นักเรียนที่ย้ายมาช่วงม.ปลายนี่ออกจะหายาก ไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรหน่อยเหรอส์คะ?」

 

    มันก็จริง ทำการพยักหน้ารับ ความจริงแล้วตอนที่ได้รู้เรื่องนักเรียนย้ายมาก็มีตื่นเต้นอยู่

    ในมังงะกับไลท์โลเวล นักเรียนย้ายมาถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นเรื่องหายาก

    แตกต่างจากม.ต้นที่สามารถย้ายโรงเรียนได้โดยไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไร แต่ในม.ปลายมันมีเรื่องอย่างหน่วยกิตและความสามารถทางการศึกษาเข้ามาเกี่ยวด้วย ไม่ใช่อะไรที่สามารถทำได้ง่ายๆ

    แต่ว่า…..

 

「นักเรียนแลกเปลี่ยนที่ว่านั่น มีข่าวลือว่าเป็นหนุ่มหล่อพอตัว  จนแม้แต่สาวๆของห้องชั้นอุตส่าห์ถ่อไปดูด้วยเลยค่ะ」

「อา…..อย่างงี้นี่เอง」

 

    ด้วยคำของโอริเบะ อันนาทำการมองผมแล้วพยักหน้าเห็นด้วย

 

「โอ่ย สีหน้าแบบนั้นมันอะไรกัน ทำยังกับว่ากำลังมองดักแด้ที่ยังไม่ลอกคราบอยู่น่ะ!」

「แหม ไม่ได้มองแบบนั้นส์ซักหน่อย….. รุ่นพี่เนี่ย มีปมกับหน้าตาจนน่าตกใจเลยนะคะ…..ทั้งๆที่ไม่ได้น่าเกลียดอะไรขนาดนั้นเลย」

 

    อันนามองมาด้วยสายตาแสดงความเห็นใจ

    ผมก็ -หึ- ฮึดจมูกแล้วถามคำถามกลับ

 

「งั้นถ้าผมสารภาพรักกับเธอแล้ว จะตอบตกลงไหมล่ะ?」

「ขอโทษด้วยค่ะ」

「อย่าให้คำตอบกลับมาในทันทีเซ่! อย่างไวเชียว!」

 

    ถึงจะไม่ได้จริงจังแต่มันก็เจ็บปวดนะ!

    เมื่อผมตอบไปอย่างเคียดแค้น อันนาก็หัวเราะแล้วพูด

 

「ก็แหม~ ขอโทษด้วยค่ะ อันที่จริง มีข้อห้ามเรื่องรักๆใคร่ๆภายในชมรมนักผจญภัยอยู่ ปัญหาความรักมันเป็นสาเหตุทำให้ชมรมแตกได้ล่ะนะคะ」

 

    …..ห้ามเรื่องความรักภายในชมรม?

    ผมกับโอริเบะต่างมองหน้ากัน

    จู่ๆก็พูดเรื่องที่ดูยุ่งยากขึ้นมา ตอนที่เข้าร่วมไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี่ไว้เลย ก็ไม่ได้เล็งสาวๆในชมรมหรืออะไรไว้หรอกแต่…..

    สื่อสารด้วยสายตากับโอริเบะ แล้วเธอก็ -พงก- พยักหน้าตอบรับ…..โย้ช จัดไป

    ผมทำการลุกขึ้นอย่างช้าๆแล้วพูด

   

「ห้ามเรื่องความรักภายในชมรมเหรอ? จริงเหรอเนี่ย ถ้างั้นคงต้องออกจากชมรมนักผจญภัยซะแล้วล่ะ」

「ว๊อท!?」

「ชั้นเองก็ต้องออกด้วย เพราะว่าชอบรุ่นพี่ยังไงล่ะ」

「ห๊าา!?」

 

    โอริเบะตามน้ำผม แล้วขณะที่กำลังจะลุกออกจากที่นั่ง อันนาก็รีบเข้ามาห้ามไว้

 

「ด-เดี๋ยเดี๋ยเดี๋ยเดี๊ยวก่อนสิ! เอ๊ตโต มุกไง! ก็แค่ล้อเล่นเอง! ไม่เอาน่า อย่าทำเป็นจริงเป็นจังไปสิ! ชั้นเองก็ยินดีรับเรื่องรักๆใคร่ๆและความสัมพันธ์ชายหญิงอยู่น้า! จัดไปกันให้เต็มที่ได้เลย!…..จ-จะว่าไปแล้ว ทั้ง 2 คนคบมานานแค่ไหนแล้ว…..?」

 

    อันนามีท่าทางเป็นห่วงจริงๆ ผมจึงแสยะยิ้มแล้วเผยความจริง

 

「ล้อเล่นหรอกน่า ก็แค่ถ้าเพิ่มกฏแปลกๆอะไรเข้ามาภายหลังก็เลยทำการเตือนเอาไว้เท่านั้นเอง」

「…..อ-อะไรกั~น แหม เป็นห่วงจริงๆน่ะเนี่ย ทั้งๆที่ผ่านพ้นความยากลำบากมาขนาดนั้นแล้ว แต่กลับจะมายุบชมรมกันเพราะเรื่องแบบนี้」

「ก็นะ แต่จะยุบหรือทำอะไรมันก็ไม่ได้อยู่ดีเพราะว่ายังไม่ทันได้สร้างเลยนี่นา」

 

    โอริเบะใช้หลอดดูดน้ำแล้วตบมุขมา ทำให้อันนาถึงกับคอตก

 

「ท้ายที่สุด แม้แต่กลุ่มก็ไม่ได้รับการอนุมัติส์เลย」

「ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ…..มีนักเรียนสูญเสียขึ้นมาด้วยนั่นแหละ」

「อา อุตส่าห์วางแผนจับตัวคนร้ายแล้วได้รางวัลจากความสำเร็จเป็นการยอมรับทั้งที」

 

    ยัยนี่ วางแผนแบบนั้นเอาไว้จริงๆด้วยสินะ…..

 

「ก็นะ ถ้าหากว่าไขคดีเล็กๆมันก็คงเป็นไปได้ แต่คดีนี่มันใหญ่มากเกินไปน่ะสิ คงจะคิดกันไปว่าถ้าหากยอมรับผลงานที่ได้ทำการไขได้ไป นักเรียนคนอื่นบางคนจะไปทำเลียนแบบเอาได้」

「แต่ไหนแต่ไร…..ความจริงของคดีเองก็ยังเป็นปริศนาอยู่ด้วยค่ะ」

 

    พอโอริเบะพูดขึ้น ความเงียบอันหนักอึ้งก็เข้าปกคลุม

    หลังจากการต่อสู้กับหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด ก็ผ่านมาแล้ว 1 เดือน

    ตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อยังคงไม่ได้สติ

    ด้วยการตรวจอย่างละเอียดของโรงพยาบาลก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆต่อร่างกายและสมอง แต่กลับยังอยู่ในสภาวะโคม่าอย่างเป็นปริศนา

    ถ้าหากว่านี่คือผลข้างเคียงของการอัญเชิญอิเรกูล่าร์เอ็นเคาเตอร์แล้วล่ะก็ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะไม่ฟื้นกลับมาอีกเลย

    พูดอีกอย่างคือ ความจริงเกี่ยวกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อว่ามีความคิดและจุดประสงค์อะไรที่ทำให้ก่อเหตุเหล่านี้ขึ้น จะไม่มีวันถูกเผยออกมาจากปากเจ้าตัว

    อย่างไรก็ดี ในตอนที่จับกุมตัวคนร้ายได้ก็มีบางอย่างได้กระจ่างขึ้นมาอยู่

    ตัวอย่างเช่นภูมิหลัง ชื่อจริงคือ ยากิ นานาโกะ อายุ 24 ปี เป็นหัวหน้ากลุ่มแอนตี้เขาวงกตหัวรุนแรง…..และเป็นลูกสาวของ อินุไค เรียวเฮย์ ผู้ที่ถูกสมาคมพระแม่ดาราจับบูชายัญ ชื่อยากินั้นเป็นนามสกุลของทางฝั่งแม่

    ท่ามกลางหลักฐานที่ตรวจยึดมาได้จากห้องของเธอ มีทั้งการ์ดและอุปกรณ์เวทที่เชื่อได้ว่าเป็นของที่แย่งชิงมาจากเหยื่อ ทั้งยังพบสแครปบุ๊ค(scrapbook)* เกี่ยวกับคดีความในอดีตที่เกี่ยวข้องกับสมาคมพระแม่ดารา และไดอารี่ที่อัดแน่นไปความไม่พอใจต่อสมาคม

    จากสิ่งเหล่านี้ ดูเหมือนว่ายากิจะเชื่อว่าพ่อของตนถูกฆ่าโดยสมาคมพระแม่ดารา ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนของกลุ่มแอนตี้เขาวงกต

    ทว่าในความเป็นจริง อินุไค เรียวเฮย์ นับได้ว่าเป็นแกนนำของกลุ่มแอนตี้เขาวงกต แถมยังดูเหมือนว่าจะมีความใกล้เคียงในการเป็นผู้บงการเบื้องหลังการโจมตีสมาคมพระแม่ดาราอีกด้วย

    หรือก็คือ ภาพที่ยากิเชื่อว่าพ่อของตนเป็นเหยื่อผู้น่าสงสารนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

    ด้วยเหตุนี้ ในมุมมองสาธารณะ「การแก้แค้นต่อสมาคมพระแม่ดาราของกลุ่มแอนตี้เขาวงกต」เป็นที่ยืนยันออกมา

    ด้านสมาคมพระแม่ดารา จากที่เคยถูกปฏิบัติราวผู้ต้องสงสัย มาตอนนี้กลับกลายเป็นถูกปฏิบัติราวกับเหยื่อที่ถูกใส่ความโดยกลุ่มแอนตี้เขาวงกต

    พวกสื่อที่ราวกับว่าได้ลืมสิ่งที่ตัวเองได้ปฏิบัติกับสมาคมพระแม่ดาราราวกับผู้ต้องสงสัย ก็นำกิจกรรมการกุศลของสมาคม—-อย่างการเลี้ยงอาหารเด็กๆ, การช่วยคนไร้บ้านให้กลับสู่สังคมได้ด้วยการเป็นนักผจญภัย—-เริ่มนำออกมารายงาน แล้วไปโจมตีพวกแอนตี้เขาวงกตแทน

    ตามอินเทอร์เน็ตก็เช่นกัน ตาม SNS ที่มีคนดังๆอยู่ มีการออกความเห็นต่อต้านกลุ่มแอนตี้เขาวงกตกันอย่างแพร่หลาย

    ในบางความเห็นยังมีบอกว่า คดีการบูชายัญที่เกิดในอดีต เป็นการขัดแย้งกันเองภายในของกลุ่มแอนตี้เขาวงกต แล้วโยนความผิดไปให้สมาคมพระแม่ดารารึเปล่า…..? ไปไกลถึงขนาดนั้นเลย

    ด้านนักบุญของสมาคมพระแม่ดารา ที่มีใบหน้าสวยมากจนเทียบเท่าได้กับการ์ดทำให้เริ่มมีดึงดูดความสนใจไปในด้านนั้นด้วย ซึ่งในตอนนี้ก็ถูกทำจนเป็นราวกับไอดอลบนโลกอินเทอร์เน็ต เรื่องที่เธอเป็นคนกลุ่มลัทธิแล้วถูกมองไม่ดีใส่กลับกลายเป็นเรื่องอดีตไป

    …..แต่ว่าคำถามที่สำคัญๆอย่าง ผู้ใช้หมาล่าเนื้อไปได้การ์ดของอิเรกูล่าร์เอ็นเคาเตอร์มาจากไหน, หาเงินทุนและทรัพยากรจำนวนมากอย่างอนูบิสและการ์ดแรงค์ C มาได้ยังไง, และเหนือสิ่งอื่นใด ทำลายเขาวงกตได้ยังไง และเรื่องการมีอยู่ของการ์ดของอิเรกูล่าร์เอ็นเคาเตอร์ไม่แม้แต่จะถูกรายงานด้วย

    อย่างไรก็ดี เรื่องอนูบิสจำนวนมากนั้นหามาได้ยังไง พอจะมีความคิดอยู่ลางๆ

    ยังไม่รู้แน่ชัดจนกว่าจะได้『อุปกรณ์เวทแปลงการ์ด』มาลองใช้งานจริงๆ บางทีผมเองก็อาจจะทำได้ก็ได้

 

「ถือวิสาสะปฎิบัติตัวราวกับว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แต่พอกลับกลายเป็นว่าไม่ใช่ก็ไม่แม้แต่จะขอโทษแล้วมาทำตัวเป็นฝ่ายเดียวกัน….. พวกสื่อนี่จริงๆเลย…..」

「กับพวกเราเองก็ทำกันหยั่งกับของเล่นด้วยเลยนี่นะ ทำไมถึงเอาแต่ถามว่าได้กินอะไรตอนเที่ยงหรือตอนเย็นด้วยล่ะ…..?」

「ตอนงานแข่งเองก็เป็นด้วยเหมือนกันสินะคะ รุ่นพี่…..」

 

    —-หลังจากเหตุการณ์ รอบๆตัวพวกเราก็มีเสียงอึกทึกขึ้นมามาก

    ผู้ที่จับอาชญากรร้ายแรงที่สังหารคนไปมากกว่า 100 คน แท้จริงแล้วคือกลุ่มเด็กนักเรียนม.ปลาย ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มเด็กนักเรียนม.ปลายนั้นยังมีนักเรียนชายที่ได้ขึ้นเป็นพาดหัวข่าวเมื่อหลายเดือนก่อน ที่เป็นผู้ค้นพบหวนคืนจิตวิญญาณ และลูกสาวของประธานดันเจี้ยนมาร์ท แถมด้วยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเหยื่อผู้กล้าหาญที่ทิ้งไดอิ้งเมสเซสไว้อีก….. เพราะงี้พวกสื่อเลยสนใจอย่างช่วยไม่ได้

    เรื่องราวที่ออกไปบน TV และนิตยสาร เขียนซะจนราวกับว่าพวกเราคือเพื่อนซี้ของชิชิโด และออกไปท้าทายผู้ใช้หมาล่าเนื้อก็เพื่อจะล้างแค้นให้การตายของเขา

    นอกจากนี้ พอถูกเปิดเผยว่าพวกเราบริจาคเงินค่าหัว 2 พันล้านเพื่อช่วยเหลือกลุ่มครอบครัวเหยื่อ กระแสมันก็ยิ่งพุ่งแรงขึ้นไปอีก

    สำนักพิมพ์ทั้งหลายจะต้องเขียนเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ออกมาเป็นหนังสือแน่ๆ! ไม่ก็ อยากจะสร้างหนังไหม! ได้รับข้อเสนอทำนองนี้มามากมายแถมบางอันยังมาจากต่างประเทศด้วย แน่นอนว่าได้ปฎิเสธไปทั้งหมด

    อย่างไรก็ดี ความคิดที่บริจาคเงินรางวัลทั้งหมดไปเป็นของอันนา เธอว่า

 

「ถ้าหากทำเงินจำนวนมากจากบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความตายของใครซักคนแล้วล่ะก็ มันจะนำพามาซึ่งความอิจฉาที่ไม่จำเป็นค่ะ เช่นนั้นแล้วมาบริจาคมันไปทั้งหมดเพื่อซื้อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่มากกว่าจำนวนเงินจะซื้อได้กันเถอะค่ะ!」

 

    บอกมาว่างั้น

    ความกล้าที่จะลงทุนด้วยเงินจำนวนมากถึง 2 พันล้าน เป็นอะไรที่คาดหวังได้จากลูกสาวของบริษัทยักษ์ใหญ่

    อันที่จริงในตอนแรก ข้อมูลของปฎิบัติการจะถูกเก็บเป็นความลับ แต่ว่าก็มีใครบางคน—-น่าจะเป็นทีมอื่นที่เล็งรางวัลในการจับตัวอยู่—- ปล่อยข้อมูลที่เงินค่าหัวของผู้ใช้หมาล่าเนื้อคือ 1 หมื่นล้านให้รั่วไหลออกมา จนสถานการณ์เกือบจะลุกลามบานปลาย

    ถ้าหากว่าไม่ได้บริจาคเงินค่าหัวไปตามที่อันนาบอก เรื่องมันก็คงจะยุ่งเหยิงกันแล้วในตอนนี้

    ทางนี้เองก็ต้องเสี่ยงชีวิตเหมือนกัน เพราะงั้นจึงมีสิทธิที่จะรับเงินค่าหัว ทว่าหลักเหตุผลมันใช้ไม่ได้กับพวกที่ขับเคลื่อนด้วยความอิจฉาริษยา มันก็เลยช่วยไม่ได้

    ผลลัพธ์ ด้วยเงินจำนวนมากถึง 2 พันล้าน พวกเราก็ได้ซื้อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่จะไม่มีวันหายไปให้กับตัวเอง

 

    ถ้างั้น หมายความว่าพวกเราทำงานกันฟรีๆงั้นเหรอ นั่นก็ไม่ใช่ซะทีเดียว

    การ์ดของอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ที่ได้มาในตอนนั้น ถูกขายให้กับทางประเทศด้วยราคา 2 พันล้าน

    เงินรางวัลจากการพิชิตอิเรกูล่าร์เอ็นเคาเตอร์ในเขาวงกตแรงค์ C ก็คือ 1 พันล้าน เพราะงั้นนี่เท่าว่าได้มาถึง 2 เท่า

    ไม่ว่าใครก็สามารถเดาได้ว่า ส่วนต่าง 1 พันล้านนั้นก็คือเงินค่าปิดปากในเรื่องของการ์ดของอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์

    และเพื่อเป็นหลักฐานถึงเรื่องนั้น เจ้า 2 พันล้านนี่『เป็นเงินที่พวกเรามีกันอยู่แล้ว』ถูกปฎิบัติมาเช่นนั้น และแน่นอนว่าไม่ต้องเสียภาษี

 

    นอกจากนี้ ในการแบ่งเงิน 2 พันล้าน อากิระซังปฎิเสธที่จะรับไว้ด้วยเหตุผลว่าตัวเธอไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงทำการแบ่งเป็น 4 ส่วนเท่าๆกันระหว่างพวกเราเอง

    ผมในตอนแรกเสนอว่า เนื่องจากอันนากับโอริเบะสูญเสียการ์ดแรงค์ C ของตัวเองไป เลยน่าจะหักออกมาเป็นค่าใช้จ่ายแล้วค่อยแบ่ง แต่พวกเจ้าตัวก็ปฎิเสธ

    เหตุผลก็ง่ายๆคือ「แบ่งกันให้แต่ละคนได้ 500 ล้านเลขสวยๆดีกว่า」บอกว่างั้น

    แต่ในความจริง เห็นได้ชัดว่าพยายามจะแบ่งเพื่อให้ผมได้มากกว่าแม้ซักเล็กน้อย เนื่องจากผมต้องเจอกับการสูญเสียอย่างหนักไปก่อนหน้าที่ปฎิบัติการจะเริ่มต้น

 

    ขณะเดียวกัน ค่าเข้าร่วมปฎิบัติการ 100 ล้านเยน ได้ถูกมอบให้มาตามที่ได้ตกลงไว้แต่แรก ครึ่งหนึ่งให้กับพวกอาจารย์ และอีกครึ่งหนึ่งกับชมรมนักผจญภัย

    เงินส่วนรวมของชมรมนักผจญภัยก็เลยตกประมาณคนล่ะ 16 ล้านเยน

    แน่นอนว่าผมเอาทั้งหมดเพื่อใช้คืนให้กับอาจารย์

    ค่าธรรมเนียมที่ใช้สำหรับคาบังเคิลดันเจี้ยนคือ 1 ล้านต่อคน แล้วเข้าไป 2 อาทิตย์ สาเหตุที่ให้คืนเงินเกินก็เพราะว่าอาจารย์ไม่ได้จัดการคาบังเคิลเลยซักตัวเดียว

    ตัวอาจารย์แค่ไปด้วยกันกับผมเฉยๆเพื่อที่จะให้ผมที่ปกติไม่สามารถเข้าเขาวงกตได้ สามารถที่จะเข้าไปได้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะรับผิดชอบค่าธรมเนียมในการใช้งานไปด้วย

 

「สุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมผู้ใช้หมาล่าเนื้อถึงปล่อยให้เหยื่อหนีไปทางบันไดอยู่ดี…..」

「หืม? นั่นมัน นึกว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เหยื่อได้ทิ้งไดอิ้งเมสเซสเอาไว้ซะอีก ไม่ใช่เหรอ?」

「อย่างที่เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลแค่ครึ่งเดียว ถ้าหากว่ามีเป้าหมายแค่นั้น มันก็มีอีกหลายวิธีที่จะทำได้ มันจะต้องมีเหตุผลว่าทำไมผู้ใช้หมาล่าเนื้อถึงได้ยึดติดอยู่กับวิธีนี้เท่านั้นอยู่ค่ะ」

 

    เป้าหมายอีกครึ่งหนึ่ง…..นั่นมัน คือเป้าหมายที่แท้จริงของผู้ใช้หมาล่าเนื้องั้นเหรอ? หรือที่ไม่ได้หนีไปกบดานหลังจากที่ความสงสัยตกไปอยู่กับสมาคมพระแม่ดาราแล้ว ก็เพราะว่ามันยังไม่บรรลุเป้าหมายนั้น?

    ถ้ามันเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าเป้าหมายเกือบที่จะบรรลุแล้ว นั่นก็เพราะในตอนนั้นผู้ใช้หมาล่าเนื้อ「บรรลุเป้าหมายแทบจะทั้งหมด」พูดออกมาเอง

 

「…..ซาโยะล่ะ คิดว่าเหตุผลคืออะไรงั้นเหรอ?」

 

    พออันนาถาม โอริเบะก็เอามือจับปลายคางเพื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพึมพำออกมา

 

「…..สารอาหาร」

「เอ๋?」

「ไม่หรอก ไม่มีอะไร เหตุผลที่แท้จริง ในตอนนี้ก็ยังอยู่ในความมืดนั่นล่ะ เว้นแต่จะเกิดปาฎิหาริย์ขึ้นแล้วผู้ใช้หมาล่าเนื้อฟื้นขึ้นมา แต่…..」

「แต่?」

「การที่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์นี้มากที่สุดคือสมาคมพระแม่ดารา เรื่องนั้น เป็นที่สะกิดใจอยู่นิดหน่อย」

「……………」

 

    พวกเราไม่สามารถหัวเราะให้กับมันว่าคิดมากเกินไป หรือเป็นแค่ทฤษฎีสบคบคิดงี่เง่าไปได้

    ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเก็บข้อมูลสำคัญอย่างแหล่งเงินทุนและการ์ดของอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ไว้เป็นความลับ แต่กลับทิ้งการเชื่อมโยงต่อกลุ่มแอนตี้ดันเจี้ยนเอาไว้แทบจะทั้งหมด

    พวกเราที่ได้ไล่ตามมาตลอดจนกระทั่งได้เจอตัว อดคิดสงสัยไม่ได้ว่ารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ

 

「เอาล่ะ เรื่องน่าหดหู่เอาไว้แค่นี้พอ! มาคุยกันเรื่องแผนการอย่างต่อไปกันเถอะ!」

 

    -ป้าบ- อันนาตบมือแล้วพูดด้วยเสียงสดใส

 

「แผนการอย่างต่อไป?」

「มันก็ต้องเป็นการเตรียมพร้อมช่วงวันหยุดฤดูร้อนแน่นอนอยู่แล้วส์ไงค่ะ! อุตส่าห์เป็นวันหยุดยาวที่หายากทั้งที ไม่มีทางที่จะพลาดไปได้หรอกส์ค่ะ!」

 

    อันนายืนขึ้นทำท่าชูกำปั้นแล้วตอบอย่างเต็มกำลัง

 

「ความจริงแล้วมีวางแผนช่วงโกลเด้นวีคว่าจะทำค่ายฝึกกัน 3 วัน 2 คืน แต่มันก็ถูกใช้ไปหมดกับการสืบสวนคดีนั่นแหละค่ะ ระหว่างวันหยุดหน้าร้อนเนี่ย นักเรียนก็ต้องสนุกกับวัยรุ่นกันให้เต็มที่สิ ถ้างั้นแล้วมาวางแผนเข้าค่ายฝึกกันในเขาวงกตห่างไกลที่ปกติไปกันไม่ได้กันเถอะ!」

「โอ้~!」

 

    เข้าค่ายฝึกกับรุ่นน้องน่ารัก…..! แบบว่ามีความเป็นเรียจูสุดๆไปเลย!

    ปัญหาก็คือ กับแค่เหล่านักเรียน จะได้รับอนุญาตให้ไปค้างคืนกันเองรึเปล่า…..แต่อย่างน้อยพ่อแม่ของผมก็ไม่มีปัญหาอะไร

    สุดท้ายแล้ว เกี่ยวกับเหตุการณ์คดีในครั้งนี้ ผมก็ไม่ได้พูดอะไรให้กับพ่อแม่ฟังเลย แน่นอนว่าพอพ่อแม่มารู้ความจริงเข้าหลังจากที่ทุกอย่างจบลง ก็โมโหอย่างสุดๆ จนถึงจุดหนึ่งที่พยายามจะริบใบอนุญาตไปด้วยซ้ำ แต่ด้วยการดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายของผมก็เป็นผล ในที่สุดพ่อแม่ก็「ทำตามที่ชอบละกัน」ยกโทษให้(หรือต้องบอกว่าเลิกสนไปซะแล้ว)

    ก็นะ มันก็มีคนคนหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างมากในการโน้มน้าวพ่อแม่อยู่แต่…..ยังไงก็ตาม ผมก็ได้อิสระต่อเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับนักผจญภัยแทบทั้งหมดมา

    ไม่รู้ว่าท่าทีของพ่อแม่ของพวกเธอเป็นยังไง แต่ด้วยความจริงที่ใบอนุญาตไม่ถูกยกเลิกแม้จะเป็นหลังเกิดเหตุการณ์ ก็คาดเดาได้ว่าท่าทีก็คงจะคล้ายๆกับของผม

    ด้วยเหตุนี้ ตัวค่ายฝึกเองน่าจะไม่เป็นอะไร แต่ว่าจะมีปัญหาหรือต้องบอกว่ามีข้อกังวลอยู่ 1 อย่าง

 

「ค่ายฝึกมันก็ดีอยู่หรอกแต่ เธอ การสอบประจำภาคจะไม่เป็นอะไรเหรอ? โรงเรียนของพวกเราถ้าสอบตกก่อนหน้าวันหยุดฤดูร้อน จะต้องเข้าเรียนเสริมนะ」

「อุ……….!」

 

    พอผมใช้สายตาเชิงตำหนิจ้องพร้อมบอกไป ใบหน้าของอันนาก็กระตุกแล้วครางมาเบาๆ

 

「ม-ไม่เป็นอะไรหรอกส์ค่ะ! ชั้นมีแผนลับเอาไว้อยู่แล้วล่ะ!」

「แผนลับ?」

「ใช่แล้ว ชื่อของมันก็คือ…..แผนการ! อาจารย์ซาโยะ! ครั้งนี้เองก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ!」

 

    แผนลับก็คือโอริเบะเรอะ…..ขณะที่ผมกำลังอึ้งอยู่ โอริเบะก็ใจกว้างหยักหน้าให้…..

 

「อุมุ ได้เลย คราวนี้ จะขอรับข้อเสนอเป็นวิชาละ 1 ล้านเยนละกันนะ」

「อึก…..!?」

 

    อันนาตาค้างพูดอะไรไม่ออก

 

「เดี๋- ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็แพงเกินไปแล้ว! จนถึงเมื่อปีที่แล้วยังแค่วิชาละ 1 หมื่นเยนเองนี่นา!」

「โรงเรียนสอนพิเศษโอริเบะน่ะคิดค่าเล่าเรียนอย่างยุติธรรมโดยอิงจากรายได้ของผู้เข้าเรียนยังไงล่ะ」

「ยุติธรรม!? ตรงไหนกัน!?」

「ถ้าไม่อยากก็แล้วแต่นะ? ชั้นเองไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็แค่รายได้พิเศษนิดหน่อยเท่านั้นเอง」

「อุงุงุงุ…..!」

 

    ขณะที่โอริเบะกำลังดื่มชาด้วยสีหน้าเรียบเฉย อันนาก็ครางด้วยความหงุดหงิด

 

「ข-ขอความกรุณาด้วยค่ะ…..!」

 

    แล้วก็ก้มหัวให้ไป

    อ-เอาจริงดิ…..วิชาละ 1 ล้านเยนเลยนะ

    ด้วยความสงสัย ผมจึงลองถามอันนา

 

「นี่ โอริเบะสอนเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?」

「ไม่หรอกค่ะ ก็นะ ที่สอนเก่งก็จริงอยู่ แต่ที่เก่งกว่าก็คือการคาดเดาข้อสอบต่างหากส์ การรวบรวมข้อมูลของพวกอาจารย์เนี่ยสมบูรณ์แบบเลย แต่ละครั้ง จะทำแบบทดสอบออกมา 3 รูปแบบสำหรับแต่ละวิชา ถ้าหากว่าสามารถทำมันได้หมดส์ล่ะก็ จะได้คะแนนเกือบเต็มเลยล่ะคะ」

「อ-เอาจริงดิ…..」

「ถ้าสนใจรุ่นพี่จะลองไหมล่ะคะ? ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็สามารถสอนของปีสองได้นะคะ」

「สอนของปีสองก็ได้ด้วย!? โอริเบะสุดยอดไปเลยน้า….. ต-แต่ว่าวิชาละ 1 ล้านเยนนี่มันก็…..」

 

    อ-เอายังไงดีน้า~ ครั้งนี้เองก็คิดว่าน่าจะได้แถวๆค่าเฉลี่ย แต่ก็อยากได้เกรดดีๆเพื่อทำให้ภาพลักษณ์ที่มีต่อพ่อแม่ดีขึ้นมาซักนิดนึง….. แต่วิชาละ 1 ล้านก็มากเกินไป…..

    ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้นเอง…..

 

「…..ถ้าเป็นรุ่นพี่ล่ะก็ รับเป็นการจ่ายในรูปแบบอื่นก็ได้ค่ะ」

「โอ๋ จริงเหรอ? อะไรล่ะ? การ์ดแรงค์ D หรืออะไรเหรอ?」

「…..ซาโยะ」

「เอ๋?」

 

    พอผมถามไป เธอก็เกิดหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยแล้วใช้เสียงเบาๆพูดออกมา

 

「ก-ก็บอกว่า ซาโยะไงค่ะ ทำไมทีอันนาถึงได้เรียกด้วยชื่อต้นได้ แต่ชั้นยังเป็นแค่นามสกุลอยู่เลย…..」

「โอ๋ โอ้…..! ข-ขอโทษที…..ไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก」

 

    ผมรีบก้มหัวให้อย่างรวดเร็ว

    สงสัยว่าคงจะมีความรู้สึกถูกแปลกแยกล่ะมั้ง…..

    พอเห็นผมเป็นแบบนั้น เธอก็ยิ้มขึ้นมาจางๆ

 

「ถ้างั้น ให้เรียกชื่อต้นจะได้รึเปล่าคะ?」

「อ-อือ เข้าใจแล้ว ยินดีที่ได้รู้จักนะ ซาโยะ」

「อุ…..อุมุ ถ้างั้นค่าเล่าเรียนก็แค่นั้นแหละค่ะ」

「แต๊งค์กิ้ว!」

「…..ด-เดี๋ยวก่อนสิยะ!」

 

    ขณะที่บทสนทนากำลังจะมาถึงบทสรุป จู่ๆอันนาก็ตะโกนขึ้น

 

「เอ๋? ของชั้นเป็นวิชาละ 1 ล้านเยน แต่ของรุ่นพี่แค่ให้เรียกชื่อ!? ความไม่เท่าเทียมนี่มันอะไรกัน! อะ นี่หรือว่าจะเป็นพี่น้องที่พลัดพรากจากกันมานาน?」

 

    อันนาถามคำถามด้วยอารมณ์รุนแรงขนาดที่ว่าจะเข้าไปคว้าตัวได้ทุกเมื่อ โอริเบะจึงชูมือทั้งสองข้างขึ้นมาด้วยความรำคาญเพื่อหยุดเอาไว้

 

「เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็จะให้อันนาจ่ายวิธีอื่นด้วยละกัน」

「เอ๋? เย้! อะไรเหรออะไรเหรอ?」

 

    โอริเบะแสยะยิ้มให้อันนาที่ดีใจอย่างไร้เดียงสา

 

「—-ยกตำแหน่งประธานมาให้ชั้นซะ ที่นั่งนั้นมันคู่ควรกับชั้นมากกว่ายังไงล่ะ」

「โอ่ยยย!? หล่อนเองก็เล็งตำแหน่งประธานเหมือนกันงั้นเหรอเนี่ย! ไม่ยกให้หรอก! ตำแหน่งประธานน่ะเป็นของชั้น!」

 

    …..สนิทกันจังเลยน้า พวกเธอเนี่ย อะ เมื่อกี้เห็นกางเกงในด้วย!

    แล้ว ขณะที่กำลังมองเด็กสาว 2 คนกำลังหยอกล้อกันอยู่นั้นเอง

 

「—-ดูน่าสนุกจังเลยนะ ให้ผมเข้าร่วมด้วยจะได้รึเปล่า?」

 

    จู่ๆด้วยเสียงที่ไม่อาจระบุเพศได้ก็「เอ๋!?」หันหน้าไปหา

 

「อาจารย์!? ทำไมถึงได้!?」

 

    ที่ตรงนั้น มีอาจารย์ที่สวมชุดนักเรียนของโรงเรียนเราอยู่

 

「หรือว่า…..จะเป็นนักเรียนที่ย้ายมาในชั้นปีของรุ่นพี่」

 

    ด้วยคำของอันนา อาจารย์ก็ยิ้มให้แล้วทำการนั่งลง

 

「ผมเองก็ขอเข้าร่วมชมรมนักผจญภัยด้วยจะได้รึเปล่า?」

 

 

 

 

    —-ในคืนนั้น ได้ฝันเห็นอะไรแปลกๆ

 

    ภายในห้องที่มีแสงสลัวที่ส่องสว่างโดยแสงเทียนเท่านั้น หญิงสาวในชุดคลุมสีขาวกำลังสวดภาวนาอยู่ต่อหน้าสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง

    ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวเช่นเดียวกันก็เดินเข้ามา

    เมื่อหญิงสาวหยุดสวดภาวนาแล้วลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มก็ส่งเสียงเรียกเธอ

 

「—–ต้องขออภัยขณะที่กำลังสวดภาวนาครับ」

「ไม่หรอกค่ะ เพิ่งจะเสร็จพอดีด้วย」

「…..ให้แก่เหล่าเหยื่อในครั้งนี้เหรอครับ?」

「ค่ะ ถึงแม้จะเพื่อจุดประสงค์ที่ใหญ่ยิ่งกว่า การเสียสละก็คือการเสียสละ」

「พวกเขานั้นสามารถยกระดับตัวเองจากคนเล็กจ้อย ไปเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนที่ยิ่งใหญ่กว่าได้ ไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอกครับ」

「ขอบคุณค่ะ」

 

    ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด แล้วปากของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

 

「แล้ว? แผนการของทางนั้นดำเนินไปได้ด้วยดีรึเปล่า?」

「ครับ ต้องขอบคุณในความพยายามของสหาย สามารถรวบรวมพลังงานได้เพียงพอแล้ว แถมยังประสบความสำเร็จในการให้การ์ดนั้นแทรกซึมเข้าไปในระดับบนของกองกำลังป้องกันตัวเองด้วย ทั้งการชักจูงความคิดเห็นของสาธารณะก็เป็นไปได้ด้วยดี」

「งั้นเหรอค่ะ เช่นนั้นก็เป็นผลดีที่สุดแล้ว ถึงแม้การชักจูงความคิดเห็นของสาธารณะจะเป็นแค่ผลพลอยได้ ถ้ามันไปได้สวยก็ถือว่าดีแล้วล่ะนะ…..ต้องขอบคุณคู่สามีภรรยาชิชิโดซะแล้ว」

「ถึงแม้จะใช้การ์ดต้องสาปบงการการกระทำไปเล็กน้อย แต่ตัวลูกชายก็ทำได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ครับ」

「ค่ะ ความทุ่มเทของพวกเขาจะไม่สูญเปล่า」

「—-จะว่าไปแล้ว ที่จับตัวยากิได้ นักเรียนม.ปลาย…..เกี่ยวกับคิทากาว่าคุงจะเอายังไงครับ?」

「คิทากาว่า? …..อา คนที่มี『การ์ดคีย์ที่ถูกทิ้ง』เอาเถอะ ปล่อยไปก็ได้」

 

    พอหญิงสาวพูดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็มีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย

 

「แน่ใจแล้วเหรอครับ? การที่เขาวงกตถูกทำลายก็หมายความว่า ได้รับ『การ์ดคีย์ที่ชอบธรรม』เอาไว้ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าซาชิกิวาราชินั้น เป็นการ์ดต้องสาปอันมีค่าในความสามารถควบคุมโชคชะตาหรอกเหรอครับ?」

「ถึงจะเป็นการ์ดคีย์ที่ชอบธรรม มันก็ปลดปล่อยได้ถึงแค่เลเวล D เท่านั้น ถ้าหากฝ่าเข้าไปโดยใช้การ์ดคีย์ที่ถูกทิ้ง ความทรงจำก็จะถูกล็อคเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา ในส่วนซาชิกิวาราชิ เมื่อได้ถูกใช้เป็นการ์ดคีย์ไปแล้วรอบหนึ่ง คุณค่าของการ์ดคีย์ก็ไม่เหลืออีกแล้ว การควบคุมโชคชะตาก็ยังมีหนทางอื่นอยู่อีกด้วยล่ะนะ ในทางกลับกัน เนื่องจากอยู่ในความสนใจจากทางประเทศ มันจะเป็นการเสี่ยงมากกว่าที่จะฆ่าทิ้ง」

「อย่างงี้นี่เอง」

 

    ชายหนุ่มพยักหน้า

 

「นั่นก็จริง แผนการใกล้ที่จะสำเร็จแล้ว ไม่ควรจะทำอะไรที่ไม่จำเป็น」

 

    หญิงสาวหมุนตัวไปรอบๆราวกับกำลังเต้นรำ  มีรอยยิ้มอันน่าหลงไหลอยู่ที่บนใบหน้า

 

「—-เวลาได้มาถึงแล้ว พวกเราจะได้เป็นอิสระจากพันธนาการ และสรวงสวรรค์จะถูกสร้างบนผืนโลก อา ช่างวิเศษเหลือเกิน พระแม่ดาราของพวกเรา」

 

 

 

 

 

「ตื่นได้แล้ว~!!」

 

    —-ตู้ม!!

 

「อุ่ก…..!」

 

    ตอนเช้า ผมถูกปลุกด้วยการโจมตีอันรุนแรงที่หน้าท้อง

    พอลืมตาขึ้นมาพร้องร้องคราง เด็กสาวในชุดกิโมโนกำลังนั่งคร่อมที่ท้องของผมพร้อมรอยยิ้มซุกซน

 

「เร็นกะ…..」

 

    ผมพึมพำชื่อของเธอออกมา

 

「บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกปลุกแบบนี้น่ะ!」

「เห มันเป็นความผิดของนายเองต่างหากที่ไม่ยอมตื่นตอนที่ปลุกแบบนุ่มนวลในตอนแรกน่ะ」

 

    พอพูดมาแบบนั้น เร็นกะก็ขย่มตัวขึ้นๆลงๆราวกับว่ากำลังขี่ม้า ผมยอมแพ้ที่จะพูดเกลี้ยกล่อม แล้วยกตัวเธอออกจากเตียงไป

    อา~ บ้าจริง รู้สึกเหมือนฝันเห็นอะไรแปลกๆ แต่กลับมาปลิวหายไปหมดเลย

    เอาเถอะ มันก็แค่ฝันเพราะงั้นก็ช่างมัน

    จากนั้นจึงทำการมองไปรอบๆห้อง…..

 

「ให้ตายสิ ไม่ใช่ว่าบอกให้เก็บมังงะที่อ่านเสร็จแล้วหรอกเหรอ?」

 

    กับมังงะที่กระจัดกระจายอยู่รอบห้อง ทำให้ผมได้แต่ถอนหายใจ

 

「เดี๋ยวจะเก็บกวาดตอนนายไปโรงเรียนเองแหละ」

「ถึงจะพูดงั้น แต่ผมกลับมาบ้านทีไรก็ไม่เห็นจะเก็บกวาดเลยนะ」

 

    กุมขมับโดยไม่ทันรู้ตัว

 

「ฮ่า…..พอคิดว่าสามารถออกมาจากการ์ดได้แม้แต่นอกเขาวงกตก็มาทำอะไรตามใจไปหมดซะนี่」

 

    —-หลังการต่อสู้กับหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด

    ด้วยเหตุผลบางอย่าง เร็นกะสามารถเข้า-ออกจากการ์ดได้อย่างอิสระแม้จะอยู่ภายนอกเขาวงกตก็ตาม

    แน่นอนว่ามันเกิดขึ้นเฉพาะกับเร็นกะ ยูคิกับซุซูกะและเหล่าการ์ดอื่นๆไม่สามารถทำได้

    ทำไมถึงมีเพียงเร็นกะเท่านั้นที่สามารถปรากฏตัวภายนอกเขาวงกตได้

    เหตุผลนั้นยังไม่เข้าใจ แต่มั่นใจว่าต้องเป็นเพราะการเปิดประตูสุดท้ายบานนั้นแน่ๆ

    ในตอนนั้น สัญชาตญาณมันถูกต้องแล้วที่เตือนไม่ให้เปิดประตู

    มันคือ พันธนาการสุดท้ายที่ใช้ผนึกเร็นกะเอาไว้

    เป็นไฟร์วอลล์(firewall)ที่ป้องกันผู้ใช้งานจากการแฮ็คของการ์ดต้องสาป

    นั่นคือตัวตนที่แท้จริงของประตูที่ผมได้เปิดออกไป

    ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะปกป้องผมจากเร็นกะ ถ้าหากว่าต้องการแล้วล่ะก็ เธอสามารถจะฆ่าหรือแม้แต่บงการจิตใจผมที่เป็นมาสเตอร์ได้อย่างง่ายดาย

    บางที…..แต่ว่า การ์ด『หมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด』ของผู้ใช้หมาล่าเนื้อเองก็อาจจะเป็นการ์ดต้องสาปด้วยก็เป็นได้

    ความจริงที่สามารถใช้สกิลภายนอกเขาวงกตได้ นั่นคือข้อพิสูจน์

    หรือว่าบางทีแล้ว ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเองก็อาจจะเป็นแค่เหยื่อที่ถูกการ์ดควบคุม

 

    นอกเหนือจากนี้ ด้วยพันธนาการที่ถูกปลดออก สเตตัสของเร็นกะก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วย

 

【เผ่า】ซาชิกิวาราชิ (เร็นกะ)

【พลังต่อสู้】1,500 (700 UP! MAX!)

【ทักษะติดตัว】

    – โชคดีและโชคร้ายคือเชือกที่มัดรวมกันแน่น

    – ซ่อนแอบ

    – เวทมนตร์ฟื้นฟูขั้นกลาง

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – ผู้ถูกทอดทิ้ง (UNLOCK!)

    – ทำลายขีดจำกัด (UNLOCK!)

    – เนตรดารา

    – หวนคืนจิตวิญญาณ

    – จิตวิญญาณอิสระ

    – เวทมนตร์โจมตีขั้นกลาง

    – ลดการร่าย

    – ฟื้นฟูพลังเวท

    – มิตรภาพร่วมมือ

    – เวทมนตร์สถานะผิดปกติขั้นกลาง

 

 

    ผู้ถูกทอดทิ้งและทำลายขีดจำกัด นี่ก็คือสกิลที่ถูกปลดมาใหม่ของเร็นกะ

    ทำไม แม้แต่เร็นกะเองก็มีทำลายขีดจำกัดด้วย

    ผู้แท้จริงของยูคิ กับผู้ถูกทอดทิ้งของเร็นกะ…..อะไรคือความสัมพันธ์กันของสิ่งเหล่านี้

    แม้ว่าคดีจะถูกคลี่คลายไปโดยชั่วคราว แต่ปริศนาของการ์ดรอบๆตัวผมกลับยิ่งลึกมากขึ้นเรื่อยๆ

    แล้วในตอนนั้นเองประตูก็ได้เปิดออก ไอโผล่หน้าเข้ามาดู

 

「พี่จ๋า เร็นกะจัง คุณแม่บอกให้รีบมากินอาหารเช้ากันได้แล้วน้า~」

「โอ้! อาหาร!」

 

    พอไอมาส่งข่าว เร็นกะก็-ปื๊ง-ใบหน้าสดใสขึ้นมาทันที

    อย่างไรก็ดีแต่ว่า เกี่ยวกับเรื่องเร็นกะ ทุกๆคนในครอบครัวได้รู้กันหมดแล้ว

    สาเหตุก็เพราะ เหตุผลที่พ่อแม่ของผมอนุญาตให้เป็นนักผจญภัยต่อไปได้ก็คือเร็นกะล้วนๆ

    ครั้งแรกที่เธอปรากฏตัวออกมาก็คือตอนที่พ่อแม่รู้เรื่องราวของเหตุการณ์ในครั้งนี้ทั้งหมด เป็นตอนที่ผมถูกต่อว่าและถูกชกเข้าที่หน้าในชีวิตจริง

    ตอนใบอนุญาตกำลังจะถูกริบ เร็นกะจู่ๆก็ปรากฏตัวมาจากไหนก็ไม่รู้แล้ว「เรื่องหมอนี่ช่วยรอซักหน่อยเถอะ」บอกว่างั้น

    แน่นอนว่าทั้งพ่อแม่กับน้องสาวต่างก็ตกใจสุดๆ กับการปรากฏตัวของเด็กสาวในชุดกิโมโนที่ไม่น่าจะใช่มนุษย์อย่างแน่นอน ขนาดผมยังตกใจแทบตาย แถมมารุที่เห็นทั้งครอบครัวเป็นกันแบบนั้นก็สะดุ้งตกใจด้วย แล้วเร็นกะที่ได้ยินมารุเห่าก็ตกใจไปกันอีก ทุกๆคนต่างตกใจกันหมดเลย

    บางทีอาจจะเพราะความตกใจ ความโกรธของพ่อแม่ดูจะสงบลงไปชั่วคราว แล้วการประชุมกันภายในครอบครัวอย่างเงียบๆก็เริ่มต้นอีกครั้ง โดยรวมเธอเข้าไปด้วย

    ผลลัพธ์ที่ได้ ภายใต้เงื่อนไขที่ห้ามลงเขาวงกตในขณะที่เร็นกะลอสอยู่ และจะต้องแบ่งเงินสำหรับชุบชีวิตเร็นกะเอาไว้กับพ่อแม่เพื่อเป็นหลักประกัน ผมจึงได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นนักผจญภัยต่อได้

    ไม่รู้ว่าอะไรในตัวของเร็นกะที่พ่อแม่เห็นคุณค่าเอามากขนาดนั้น แต่ดูเหมือนจะคิดว่าตราบเท่าที่มีเธออยู่ อย่างน้อยก็เอาตัวรอดได้

    และแล้ว เร็นกะก็ได้รับการต้อนรับสู่บ้านของพวกเราในฐานะสมาชิกใหม่

    แน่นอนว่าเรื่องเกี่ยวกับเร็นกะเป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดของบ้านเรา

    ที่น่าเป็นห่วงอย่างเดียวคือไออาจจะหลุดปากไปบอกเพื่อนๆเอาได้

 

「รีบไปเร็วเข้า อุทามาโร่ วันนี้มีแพนเค้กเป็นมื้อเช้านะ!」

「เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว」

 

    ผมยิ้มแห้งๆ ขณะที่เร็นกะใช้มือทั้ง 2 ข้างดึงมือผม และในขณะที่กำลังจะก้าวลงบันไดนั่นเอง

    —-วู้ม วู้ม-

    จู่ๆ สมาร์ทโฟนก็เริ่มสั่น พอเอามาดู เหมือนว่าจะเป็นสายโทรเข้าจากอันนา

    มีเรื่องอะไรตั้งแต่เช้าล่ะเนี่ย? ขณะที่เอียงคอก็ทำการรับสายโทรศัพท์แล้ว—-

 

『รุ่นพี่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วส์ค่ะ!』

 

    คำแรกออกมาเป็นการตะโกนเสียงดังของอันนา

 

「เสียงดังไปแล้วนะ แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?」

 

    พอผมถามกลับไป อันนาก็ตะโกนมาด้วยความตื่นเต้น

 

『—-โรงเรียนของพวกเรา มีเขาวงกตปรากฏขึ้นมาค่ะ!』

 

    พอปัญหาอย่างหนึ่งจบไปก็พลันปรากฏขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง

    หน้าร้อนอันแสนวุ่นวาย กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

 

【Tips】การคุ้มกันของการ์ด

    การ์ดนั้น มีการคุ้มกันอยู่หลายชั้นเพื่อปกป้องมาสเตอร์ ไม่ว่าจะสาเหตุที่ทำไมการ์ดถึงฟังคำสั่งของมาสเตอร์, ทำไมการ์ดถึงให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของมาสเตอร์, ทำไมจิตใจของมาสเตอร์ถึงไม่ถูกแทรกแซงโดยการ์ดผ่านทางลิงค์, และทำไมการ์ดถึงไม่สามารถทำร้ายมาสเตอร์ได้…..นั่นก็เพราะการคุ้มกันนี้

    จากสิ่งเหล่านี้ การคุ้มกันของ『สิทธิการออกคำสั่งการ์ด』จะค่อนข้างอ่อน การถูกถอนออกโดยขึ้นอยู่กับจิตใจต่อต้านของการ์ด —-อย่างการได้รับสกิลต่อต้านอย่างปิดกั้นจิตใจ—-จึงมีความเป็นไปได้ แต่สำหรับการคุ้มกันอย่างการไม่สามารถทำร้ายมาสเตอร์จะมีความเข้มงวดอย่างมาก และไม่สามารถถอนออกโดยการ์ดปกติได้

    ทว่า การ์ดต้องสาปที่『ไม่ปกติ』สามารถบิดเบือนตัวเองและค่อยๆถอนการคุ้มกันนี้ออกไปได้

    การคุ้มกันสุดท้ายไม่สามารถถอนออกได้แม้ว่าจะเป็นการ์ดต้องสาป แต่หากเป็นความร่วมมือของมาสเตอร์เองแล้ว นั่นก็เป็นอีกเรื่อง

    ด้วยพันธนาการที่ถูกปลดออกทั้งหมด การ์ดจะสามารถปรากฏตัวออกมาได้ภายนอกเขาวงกต และอยู่นอกเหนือการควบคุมของมาสเตอร์

    การ์ดที่ได้รับอิสรภาพจะทำอะไรกับมาสเตอร์นั้น—-ก็ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มาถึงจุดนั้น

 

 

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

สแครปบุ๊ค / Scrapbook

คือวิธีการเก็บรักษาความทรงจำ เรื่องราว ของบุคคล หรือ ครอบครัว โดยการใช้สิ่งพิมพ์ รูปภาพ และสิ่งต่างๆ ที่มีความทรงจำอยู่ เช่น ตั๋วหนัง ตั๋วเครื่องบิน กระดุม เศษจากเสื้อผ้าเก่า กระดาษโน๊ตที่มีลายมือของคนที่เรารัก จดหมาย

https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=kioku&month=04-2012&date=07&group=2&gblog=1

https://en.wikipedia.org/wiki/Scrapbooking

 

 

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

Score 10
Status: Completed
ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ในโลกคู่ขนานของญี่ปุ่น จู่ๆ เขาวงกตได้ปรากฏขึ้น ที่ซึ่งมอนสเตอร์โผล่ออกมา ในช่วงแรกเริ่มนั้นเขาวงกตไม่ได้ต่างอะไรไปจากภัยพิบัติ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทรัพยากรที่เขาวงกตผลิต และตัวตนของ 'การ์ด' ที่ตกจากมอนสเตอร์ กลายเป็นช่วงแห่งการกอบโกย การ์ดมอนสเตอร์ที่สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาได้ดั่งใจนึก เหล่านักผจญภัยที่ใช้พลังของการ์ดเพื่อพิชิตเขาวงกต ถ่ายทอดสถานการณ์เหล่านั้นด้วยดันเจี้ยนTV, โคลอสเซียมที่มอนสเตอร์ต่อสู้กัน..... สิ่งเหล่านี้กระตุ้นความสนใจในตัวผู้คน แล้วก่อนที่จะรู้ตัวนักผจญภัยก็กลายเป็นอาชีพที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเป็น คิทากาว่า・อุทามาโร่ เด็กม.ปลายสายม็อบ เห็นเพื่อนที่น่าจะเป็นสายม็อบเดียวกัน หลังจากที่เป็นนักผจญภัยแล้วกลับถีบตัวไปอยู่ในกลุ่มท็อบได้ จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักผจญภัยด้วยตัวเอง อุทามาโร่ เพื่อที่จะได้แรร์การ์ดไปอวดทุกคนได้จึงเดิมพันชีวิตกับกาชาสุดบ้าระห่ำราคา 1 ล้านเยน ทว่า---?

Options

not work with dark mode
Reset