บทที่ 2 ตอนที่ 26.1
ด้วยคำพูดของเร็นกะ พวกผมก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
…..อิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ อย่างงั้นเหรอ แบบนั้นมันบ้าชัดๆ
มายึดครองเขาวงกตเอาในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่มนุษย์จะย่างกรายเข้าไปในสถานที่ที่อิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ดักรออยู่ แต่ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าเขาวงกตถูกยึดครองในขณะที่มีนักผจญภัยรออยู่แล้วในชั้นสุดท้าย
หรือบางที นักผจญภัยอาจจะถูกฆ่าไปเสียก่อนที่จะได้รายงานมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นได้….. แต่นี่มันเป็นเรื่องผิดปกติอย่างแน่นอน
แล้วอาจารย์ตะโกนออกมา
「มาแล้ว!」
ต่อหน้าต่อตาของพวกเรา เฮลล์ฮาวด์ที่ถูกตรึงเอาไว้ถูกความบิดเบี้ยวในอากาศกลืนกินแล้วหายไป
…..ไม่สิ ผิดแล้ว มันไม่ได้ถูกความบิดเบี้ยวในอากาศกลืนกิน แต่เป็นความบิดเบี้ยวถือกำเนิดจากตัวเฮลล์ฮาวด์เอง
แล้วจุดที่เฮลล์ฮาวด์หายไป ก็ปรากฏออกมาเป็นอนูบิสที่บาดเจ็บ…..และหญิงสาวคนหนึ่ง
มนุษย์…..? ไม่ใช่ว่านี่คืออิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์งั้นเหรอ? ไม่สิ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น…..
ใบหน้าสมบูรณ์แบบราวกับตุ๊กตา นัยน์ตาแดงสีเลือด แล้วก็…..ผิวที่ขาวซีดอันเป็นลักษณะเด่นของคนเผือก
หญิงสาวที่ปรากฏตัวออกมา—-คือนักบุญของสมาคมพระแม่ดารา
นี่ก็คือผู้ใช้หมาล่าเนื้อ อย่างที่คิดไว้ว่าคนร้ายคือสมาคมพระแม่ดาราจริงๆงั้นรึ…..? ไม่สิ ผู้ใช้หมาล่าเนื้อมีอุปกรณ์เวทที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ มันจึงไม่จำเป็นว่าจะถูกต้อง
หญิงสาวที่มีใบหน้าเดียวกับนักบุญ จ้องมาทางนี้ด้วยความรังเกียจแล้วเดอะลิ้น
「…..ชิ ทางนี้เองก็ถูกดักซุ่มเอาไว้งั้นเหรอเนี่ย」
ในตอนนั้นเอง สัญญาณขอความช่วยเหลือจากใบอนุญาตของพวกเราก็ดังขึ้น เป็นอาจารย์ที่ส่งสัญญาณ
「…..ตอนนี้ ได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่ภาคพื้นดินแล้ว ที่ด้านบนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดล้อมดันเจี้ยนมาร์ทไว้ เหล่านักผจญภัยเองก็ปิดตายเขาวงกตเสมือนแห่งอื่นๆแล้ว ขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ ยอมจำนนแต่โดยดีซะเถอะ」
「…..อย่างงี้นี่เอง รู้จนถึงขั้นนั้นแล้วสินะ เอาเถอะ ทำซ้ำไปซะขนาดนี้แม้แต่ไอ้โง่มันก็ต้องรู้อยู่แล้วล่ะ」
ผู้ใช้หมาล่าเนื้อพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยตัวเอง จากสีหน้านั้นให้ความรู้สึกคล้ายกับว่ายอมแพ้ไปแล้ว
…..เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องถูกจับเข้าซักวันงั้นเหรอ? ถ้างั้นแล้วทำไมไม่หยุดก่ออาชกรรมไปล่ะ…..?
ผู้ใช้หมาล่าเนื้อทำการปกปิดข้อมูลตัวเองมาได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าหากว่าต้องการจะกบดานก็สามารถทำได้ทุกเมื่อ
ถ้างั้นแล้ว ทำไม…..
ในตอนนั้นเอง เร็นกะได้พูดกระซิบผ่านมาทางลิงค์
『อุทามาโร่ ระวังตัวไว้ ยัยนี่ มีกลิ่นอายเหมือนกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์อยู่』
『ว่าไงนะ? ไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ?』
『ไม่หรอก…..เป็นมนุษย์ แน่ๆ แต่ว่า มีกลิ่นอายเหมือนกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์…..บอกตามตรงว่า น่าขนลุก』
ระหว่างที่พวกเราจับจ้อง ผู้ใช้หมาล่าเนื้อก็พูดด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
「ฟู่…..มาได้แค่นี้ งั้นรึ แต่ ก็คิดว่าบรรลุเป้าหมายแทบจะทั้งหมดแล้วล่ะ」
แล้วจากนั้นก็หันความสนใจไปทางอนูบิสที่บาดเจ็บอยู่
「จนถึงตอนนี้ทำได้ดีมากแล้วล่ะ…..อนูบิส —-แซคริไฟซ์(Sacrifice)」
ทันทีที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อพูดออกมา -เพล้ง- ก็เกิดเสียงของการ์ดลอส
「ขอให้, โชคดี…..」
แล้วร่างของอนูบิสก็แตกสลายไปราวกับทราย
อะ, ไรกัน…..? กับการ์ดของตัวเอง, ให้ฆ่าตัวตาย อย่างงั้นเหรอ? อะไร, ทำไม…..?
ด้วยท่าทีอันน่างุนงง ทำให้พวกเราต่างทำอะไรไม่ถูก
—–ตึง!
ช่องว่างในอากาศ เกิดสั่นไหว
「…..อั่ก!? อ๊ากกกกกกกกกกก!」
ผู้ใช้หมาล่าเนื้อส่งเสียงกรีดร้อง
ร่างกาย ถูกเงาสีแดงเข้มค่อยๆกัดกิน
เมื่อทั่วทั้งร่างถูกกัดกินจนหมด มันก็ค่อยๆแผ่ล้นออกมาจากร่างกายแล้วรุกล้ำไปยังพื้นที่รอบๆ
「หนีเร็ว!」
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร แต่พวกเราก็ออกวิ่งแทบจะพร้อมๆกัน พยายามออกไปให้ห่างจากเงานั้น
ทว่า ความเร็วในการกัดกินของเงาปริศนา เร็วขนาดที่ไม่สามารถจะหนีพ้นไปได้
พวกเราถูกเงากลืนกินเข้าไปในชั่วพริบตา—-และแล้วโลกก็ถูกย้อมใหม่
「ที่นี่, คือ…..」
เมื่อรู้สึกตัว พวกเราที่น่าจะอยู่กันกลางป่า กลับพบว่ากำลังยืนอยู่ภายในคฤหาสน์เก่าสไตล์ตะวันตก
โถงทางเข้า…..ล่ะมั้ง มันมีประตูทางเข้าขนาดใหญ่ดูหนักๆอยู่ทางด้านหน้า, ที่ด้านหลังมีบันไดโค้งคู่ขึ้นไปสู่ชั้น 2, ที่ถูกวางไว้ระหว่างบันไดบนชั้นที่ 2 คือนาฬิกาลูกตุ้มขนาดใหญ่ที่สูงไปบนถึงเพดาน
「ร-รุ่นพี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วผู้ใช้หมาล่าเนื้อ…..?」
อันนาถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
「ไม่รู้เลย…..」
เมื่อผมส่ายหัว เร็นกะก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
「นี่คืออิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ ระวังตัวให้ดี เพราะว่าที่นี่…..คือสวนของพวกมันแล้ว」
อย่างที่คิด…..เป็นงั้นสินะ ที่สามารถเขียนทับพื้นที่ได้ ที่นึกออกก็มีอยู่แค่พวกนั้นเท่านั้น
แต่ว่า…..
「นี่มัน หมายความว่า…..ผู้ใช้หมาล่าเนื้อ อัญเชิญอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ อย่างงั้นเหรอ?」
「นั่นมัน…..เรื่องที่อิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์มีการ์ดอยู่ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย เจ้าพวกนั้นมันไม่น่าจะมีการ์ดดรอปซักหน่อย」
ด้วยคำพูดของผม เมื่ออันนาได้ยินเข้าก็หน้าซีด
แต่ว่า ต่อให้มันจะไม่น่าเชื่อยังไง มันก็เป็นสิ่งเดียวที่สามารถคิดได้
เร็นกะบอกว่าสัมผัสได้ถึงอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์จากตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อ ผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่เคลื่อนย้ายข้ามเขาวงกต แทนที่ตัวกับเฮลล์ฮาวด์ที่เป็นจ้าวแห่งเขาวงกตดั้งเดิม แล้วพื้นที่ก็ถูกเขียนทับ…..
ไม่ว่าอย่างไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่การ์ดปกติสามารถทำได้ แต่เป็นลักษณะเฉพาะตัวของอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์
「…..ไม่ได้เลย ดูเหมือนจะไม่สามารถใช้งานการ์ดเวทมนตร์สำหรับเคลื่อนย้ายอะไรได้ สัญญาณขอความช่วยเหลือก็ด้วย…..」
ในตอนนั้น โอริเบะที่ทดลองทำอะไรหลายๆอย่างก็ส่ายหน้าแล้วบอกมา
…..แน่นอนแล้ว สินะ
「…..ต-แต่ว่าต่อให้เป็นอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ก็เถอะ แต่ที่นี่เป็นเขาวงกตแรงค์ F ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร…..ส์สินะคะ?」
อันนาเข้ามาจับแขนเสื้อของผมไว้ราวกับหาที่ยึดเหนี่ยวแล้วถามคำถาม
มันก็จริง ถ้าคิดกันตามปกติแล้ว ต่อให้เป็นอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์แต่พลังต่อสู้ก็น่าจะเทียบเท่ากับแรงค์ E กับพวกเราในตอนนี้ไม่น่าจะเป็นคู่มือได้…..
ผมนำการ์ดของเอลิซ่ากับเมอาออกมาเงียบๆ แล้วลองอัญเชิญ…..การอัญเชิญ ทำได้สำเร็จ
『!?』
พวกอันนาที่มองเห็นเช่นนั้นก็เริ่มอัญเชิญการ์ดของตัวเองออกมาด้วยความตื่นตระหนก
ผลลัพธ์ สามารถยืนยันขีดจำกัดที่สามารถอัญเชิญออกมาได้คือ 8 ใบ
8 ใบ…..หรือก็คือ มีขีดจำกัดการอัญเชิญเทียบเท่ากับเขาวงกตแรงค์ C
「ท-ทำไมกัน…..ที่นี่น่าจะเป็นเข้าวงกตแรงค์ F นี่นา」
จากคำพูดของอันนา อาจารย์ก็ตอบกลับ
「เป็นเพราะการ์ดอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้มาเป็นแรงค์ B…..หรือไม่ก็เพราะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับที่อนูบิสทำลายตัวเองไปเมื่อครู่นี้ก็เป็นได้」
อนูบิสเป็นมอนสเตอร์แรงค์ B ถ้าหากว่าที่นี่เทียบเท่ากับแรงค์ C ล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงว่าศัตรูจะมีพลังต่อสู้ในระดับมอนสเตอร์แรงค์ B หรืออย่างน้อยก็มีแรงค์ที่เท่ากัน
แล้วยังคำสุดท้ายที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อพูดขึ้นมา…..แซคริไฟซ์ การสังเวย งั้นเหรอ ไม่น่าจะไร้ความเกี่ยวข้อง
「แล้ว? จากนี้ไปจะทำยังไงดี?」
เร็นกะที่เฝ้ามองดูสถานการณ์อยู่อย่างเงียบๆมาจนถึงตอนนี้ ถามกับผม
จะทำอะไร งั้นรึ…..เพราะว่าที่นี่คืออิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ ทางเดียวที่จะหนีออกไปได้ก็คือต้องจัดการศัตรู แต่…..
「ตรงนี้ ควรจะรอกำลังเสริม เรื่องที่จะจัดการกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์แรงค์ B สำหรับพวกเราในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก โชคยังดีที่ได้มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือออกไปก่อนหน้าแล้ว คุณพี่เองน่าจะกำลังมุ่งมาหาทางนี้เช่นกัน และสามารถคาดหวังกับนักผจญภัยโดยรอบให้เป็นกำลังเสริมได้อีกด้วย」
จากคำบอกของอาจารย์ พวกเราต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
จริงอยู่ว่า ระหว่างอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ตามปกติจะไม่สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ แต่พวกเราได้ส่งออกไปก่อนหน้าแล้ว
ไม่จำเป็นต้องฝืนจัดการศัตรูที่นี่
ขณะที่พวกเรากำลังคิดกันอยู่เช่นนั้นและความรู้สึกโล่งอกค่อยๆแพร่ออกมา ในตอนนั้นเอง
—-ตึง! ตึงตึงตึง!
จู่ๆก็มีเสียงเคาะดังมาจากประตูหน้า
ระหว่างที่พวกเราต่างกลั้นหายใจแล้วเฝ้ามอง ผู้ที่เคาะประตูก็ส่งเสียงดังออกมา
『ขอโทษค่ะ! ได้โปรดช่วยเปิดประตูให้เข้าไปที!? ชั้นกำลังถูกไล่ตามอยู่!』
พวกเราต่างหันหน้าจ้องกันและกัน
เสียงนั้นเหมือนจะเป็นของหญิงสาววัยรุ่น สามารถรับรู้ได้ถึงความลุกลี้ลุกรนและความกลัวจากน้ำเสียง ท่าทีนั้นดูจริงจังจนไม่อาจคิดได้ว่าเป็นการแสดงหรือการโกหก แต่ว่า…..การที่มาหาในเวลาเช่นนี้ มันไม่เป็นธรรมชาติมากเกินไป
ขณะที่ตัวผมกำลังคิดว่าจะตอบหรือไม่ตอบออกไปดีอยู่นั้น…..
「…..ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่คุณคือ?」
เป็นโอริเบะที่ถามออกไป
…..พยายามคุยดูงั้นรึ ไม่สิ แต่ว่า มันก็มีความเป็นไปได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือผู้ที่มีเจตนาดีแล้วเข้ามาทำการช่วยเหลือพวกเรา
นักผจญภัยมืออาชีพจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จากการที่ต้องปิดล้อมเขาวงกตเสมือน แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่านักผจญภัย 3 ดาวลูกทีมจะถูกส่งมาเป็นกำลังเสริม
แล้วนักผจญภัย 3 ดาวนั้นได้ถูกอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์โจมตี จึงต้องมาหลบภัยภายในคฤหาสน์นี้ ความน่าจะเป็นนั้นไม่ใช่ 0 ซะทีเดียว
เสียงนั้นทำการตอบ
『—-ชื่อของชั้นคือซาโต้ โชโกะ! ตอนที่มาถึงชั้นสุดท้าย จู่ๆก็ถูกการ์ดแปลกๆโจมตีใส่!』
…..!?
-ซู่- รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นตามผิวหนัง
ใครบางคนกำลังปลอมเป็นคนที่ตายไปแล้วอยู่อีกฝากของประตู
ไม่มีทางเป็นตัวจริงได้ เรื่องนั้นรู้ดีอยู่แล้ว แต่ว่า ทำไมถึงเลือกใช้ชื่อนั้น…..เกิดความรู้สึกหวาดผวาต่อตัวตนที่ไม่รู้จักนั่น
อะไรบางอย่างที่แสร้งเป็นซาโต้ โชโกะ ทำการเคาะประตูต่อไปเรื่อยๆ
『ได้โปรดเถอะ! ได้โปรดช่วยด้วย! ทำไมถึงไม่เปิดกันล่ะ!? เปิดสิ! เปิดสิ! จะถูกฆ่าแล้ว!』
เสียงร้องขอความช่วยเหลือค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นคำแสดงความไม่พอใจต่อประตูที่ไม่ยอมเปิดออก
『ชั้นยังไม่อยากตาย! ช่วยด้วย! อ๊าาาา! เปิดเดี๋ยวนี้! โอ่ย! ได้ยินชั้นใช่ไหม!? ไอ้พวกไม่ใช่คน! ไม่ยกโทษให้แน่! ขอแช่งพวกแก!』
-ปังปัง- พร้อมกับเสียงทุบประตู เสียงร้องแห่งความอาฆาตแค้นดังก้องอยู่ในอกของพวกเรา
ถึงแม้จะบอกกับตัวเองอยู่ว่ามันคือกับดัก เป็นตัวปลอม แต่มันก็ยังกัดเซาะจิตใจของพวกเรา
『…..ฮี๊!? ม-ไม่น้า! ได้โปรด เปิดทีเถอะเปิดทีเถอะเปิดทีเถอะะะะะะะะะะะ!? อ๊าาาคคคคคค!?』
เสียงค่อยๆเบาลง แล้วตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความตาย
ความเงียบงันกลับมา ความเงียบอันเย็นยะเยือก
ในที่สุด อันนาก็พูดพึมพำขึ้นมาราวกับเป็นการพูดกับตัวเอง
「เมื่อกี้นี้ วิญญาณของคนๆนั้น…..คงไม่ใช่ส์สินะคะ?」
ไม่มีใครสามารถตอบได้
เสียงกรีดร้องนั้นสมจริงมากเกินกว่าจะเป็นของปลอม
นี่มัน คือกับดักไม่ผิดแน่ ทว่า มันก็มีอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ที่ใช้ประโยชน์จากวิญญาณของคนที่ถูกฆ่าอยู่ ผมได้รู้มาจากการต่อสู้กับชายเป่าขลุ่ยของฮาเมลินแล้ว
หากเอามาคิดดู มันก็…..
—–ตึงตึงตึง!
เกิดเสียงเคาะดังจากประตูอีกครั้ง -ตึกตัก- หัวใจเต้นตูมตามด้วยความรู้สึกไม่ดี
『มีใครอยู่รึเปล่า!? ช่วยเปิดที! กำลังถูกไล่ตามอยู่!』
ในคราวนี้เป็นเสียงของชายหนุ่ม เกิดความคิดว่าเคยได้ยินเสียงนั้นมาก่อน ผมจึงเผลอพึมพำออกไป
「ชิชิ, โด…..?」
『…..คิทากาว่า!? คิทากาว่าใช่ไหม? อาาา รอดไปที! ช่วยเปิดเจ้านี่ให้ที!』
มันเป็นเสียงตกใจกลัว อะไรบางอย่างที่ไม่สามารถนึกออกว่าจะออกมาจากตัวชิชิโดที่มีความมั่นใจและแข็งแกร่งอยู่เสมอ
ตัวชิชิโด ตายไปแล้วแน่นอน ร่างนั้น พวกเราก็ได้ทำการยืนยันด้วย แต่ว่า…..
พอได้ยินเสียงของเพื่อนร่วมชั้น ผมก็เริ่มที่จะก้าวออกไปข้างหน้า แล้วอาจารย์ก็เข้ามาคว้าแขนของผมเอาไว้
「จะเปิดไม่ได้นะ! รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของศัตรูแล้ว เทพนิยายของศัตรูก็คือ…..หมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด*ไงล่ะ!」
-ห๊ะ- ดวงตาเปิดกว้างด้วยความตกใจ
ภายในใจของผม จุดทั้งหลายค่อยๆเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน
ความสามารถในการเข้าไปในเขาวงกตแห่งอื่น, ความสามารถในการแปลงร่าง, ความสามารถในการปลอมแปลงการเข้า-ออกของเกท, อนูบิสที่ถูกสังเวย, เหตุผลว่าทำไมผู้ใช้หมาล่าเนื้อถึงใช้แต่การ์ดที่เกี่ยวข้องกับประเภทสุนัข…..
หมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด คือเรื่องราวของหมาป่าที่ใช้ลูกเล่นทุกวิถีทางเพื่อหลอกเหล่าลูกแพะ เพื่อที่จะได้เข้าไปภายในบ้าน
อิงจากเรื่องราวนั้น จะมีสกิลที่สามารถ『หลอก』ได้ทั้งคนและเครื่องจักร แล้วถ้าหากสามารถใช้ภายนอกเขาวงกตได้ล่ะก็….. จะสามารถอธิบายความสามารถเหนือมนุษย์ของผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้ทั้งหมดเลย
สาเหตุที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเจาะจงใช้การ์ดประเภทสุนัข ก็เพราะสามารถใช้สังเวยได้ในกรณีฉุกเฉิน
ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วล่ะก็ จะต้องห้ามเปิดประตูนี้อย่างเด็ดขาด
เพราะถ้าเป็นตามหนังสือ เหล่าลูกแพะถูกหลอกแล้วโดนหมาป่าจับกิน…..
『โอ่ย! ทำไมถึงไม่เปิดล่ะ คิทากาว่า! นี่หรือว่าโกรธอยู่!? ข-ขอโทษ! จะขอโทษให้ก็ได้! นายพูดถูกแล้วล่ะ! ไม่ควรจะมาเป็นนักผจญภัยเลย! จะให้คุกเข่าต่อหน้าทุกคนในชั้นเรียนก็ได้! เพราะงั้นแล้วช่วยยกโทษให้ด้วยเถอะ! ชั้นยังไม่อยากตาย!』
อย่างที่คิด คนที่อยู่อีกฝากของประตู คือตัวจริง
นั่นเพราะ ไม่สามารถคิดได้ว่านี่เป็นการแสดง
นี่คือ ชิชิโดตัวจริง ที่ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว…..
『คิทากาว่าาาาาา! อย่ามาล้อกันเล่นนะ! ไอ้ฆาตกรรรรรร!』
เพราะแบบนั้น นี่ก็คือเสียงแห่งความอาฆาตแค้นของจริง และมันก็เป็นเรื่องจริงที่ผมได้ทอดทิ้งชิชิโดไป
เสียงค่อยๆเบาลง ในท้ายที่สุดก็เป็นเสียงกรีดร้องแห่งความตาย และความเงียบก็กลับมา
「รุ่นพี่ ที่ชิชิโดซังตายไปไม่ใช่เพราะความผิดของรุ่นพี่เลยนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของคนร้าย—-」
「—-รู้แล้วน่า!」
โอริเบะพยายามพูดปลอบ แต่ก็ตะโกนขัดกลับไป
「รู้อยู่แล้วล่ะ…..ขอโทษ แต่ตอนนี้ช่วยอย่าพูดอะไรทีเถอะ…..」
「…..ขอโทษค่ะ」
…..รู้สึกแย่อย่างที่สุด ต้องมาระบายความโกรธกับรุ่นน้องผู้หญิง
ตามหลักเหตุผล รู้อยู่ว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าเป็นกับดัก จะต้องไม่เปิดประตู
แม้แต่กับการตายของชิชิโด ผมที่เตือนไม่ให้ทำมันในตอนนี้ เว้นแต่จะไปลงสำรวจกับเขาก็ไม่มีทางที่จะช่วยเอาไว้ได้ สาเหตุที่ชิโนมิยะซังถูกช่วยไว้ได้ ก็เพราะเธอไม่ได้ถูกผู้ใช้หมาล่าเนื้อโจมตีใส่เอง แต่เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ทั้งหมดทั้งมวลก็คือโชคดี
มาถึงตอนนี้ ชิชิโดได้ตายไปแล้ว เพราะงั้นต่อให้เปิดประตูออกไปก้ไม่สามารถช่วยเขาไว้ได้ และไม่ใช่การทอดทิ้งอย่างแน่นอน
หรือก็คือ ไม่ใช่ความผิดของผม ก็แค่ ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของเพื่อร่วมชั้นที่ไม่แม้แต่จะสนิทกันก็เท่านั้น
ใช่ เข้าใจเหตุผลดี
แต่ว่า สิ่งที่อารมณ์บอกมานั้นต่างกัน
ไม่สามารถหยุดไม่ให้ได้ยินเสียงอาฆาตแค้นของชิชิโดได้ ไม่ว่าจะพยายามอธิบายไปมากแค่ไหน ผมก็ได้ทอดทิ้งเขา ไม่ใช่ชีวิต…..แต่เป็นจิตใจ และวิญญาณ
ช่างเป็นกับดักแสนชั่วร้ายจริงๆ ต่อให้เลือกคำตอบที่ถูกต้อง มันก็เป็นการฆ่าหัวใจ ชั่วร้ายมากเสียจนชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลินดูน่ารักไปเลย
ในตอนนั้นเอง ตราเข็มกลัดของชมรมนักผจญภัยก็มีเสียงออกมา
『โอ่ย! ได้ยินไหม!』
เจ้าของเสียงก็คืออากิระซัง อาจารย์จึงรีบตอบกลับในทันที
「คุณพี่! ทางนี้ไม่เป็นอะไร! ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว?」
『ปลอดภัยดีสินะ! ทางนี้เข้าร่วมกับกำลังเสริมแล้วเพิ่งจะมาถึงชั้นล่างสุด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?』
「ผู้ใช้หมาล่าเนื้อ อันโนนได้อัญเชิญอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ออกมา」
『อัญเชิญอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ออกมา งั้นเหรอ? แบบนั้นมันบ้าชัดๆ…..ไม่สิ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน รู้ตัวจริงของศัตรูแล้วรึยัง?』
「คิดว่าอาจจะเป็นหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด」
『ดีล่ะ ถ้างั้นตอนนี้ก็อยู่ในคฤหาสน์ใช่ไหม? เอาล่ะ ฟังให้ดีนะ จนกว่าชั้นจะไปถึง ห้ามเปิดประตูอย่างเด็ดขาด เดี๋ยวจะใช้อุปกรณ์เวทนี่เป็นสัญญาณ คิดซะว่าเสียงจากอีกฝากของประตูทั้งหมดคือคำโกหก!』
「เข้าใจแล้ว」
อาจารย์พยักหน้าตอบรับแล้วจบการเชื่อมต่อ…..ในตอนนั้นเอง
เสียงเคาะประตูครั้งที่ 3 ก็เริ่มขึ้น
มาแล้ว…..สินะ บรรยากาศที่ผ่อนคลายจากข่าวการมาของกำลังเสริมกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
บางที หมาป่าคงจะในร้อนที่จะจัดการให้จบก่อนหน้าที่พวกอากิระซังจะมาถึง
แต่ว่ามาถึงขนาดนี้ ไม่มีทางถูกหลอกอีกแน่
ตามเทพนิยาย เหล่าลูกแพะเปิดประตูในการมาเยือนครั้งที่ 3 ของหมาป่า หรือก็คือ ถ้าหากสามารถเอาตัวรอดครั้งที่ 3 นี้ไปได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะได้บอกลากับดักแสนชั่วร้ายนี้
เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นใคร? ขณะที่เฝ้ารอด้วยความรู้สึกท้าทาย สิ่งที่ผมได้ยินก็คือ—-
『โอ่ย! อุทามาโร่! เปิดประตู! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะตายเอานะ!』
—–เสียงของเร็นกะที่น่าจะยืนอยู่ข้างๆ
「นะ……?」
-ห๊ะ- ทำการหันไปมองเร็นกะที่ยืนอยู่ข้างๆทันที ตัวเธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
「อย่างงี้นี่เอง พอคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องยากที่จะหลอกด้วยกับดักจากความรู้สึกผิดแล้ว ก็เลยมาด้วยการก่อความไม่เชื่อใจกัน โอ่ย คิดว่าเข้าใจแล้วนะ…..」
「อา รู้แล้วน่า」
เรื่องที่จะติดกับดักที่มองออกได้ชัดๆแบบนี้ ไม่มีทาง
…..แต่ว่า เรื่องที่เกิดความสงสัยเล็กน้อยขึ้นมาในใจของผมก็เป็นความจริง
ถึงแม้ว่าในหัวจะรู้ว่าเป็นตัวปลอม…..แต่ไม่รู้ทำไมเสียงนั้น มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดอยู่
『เอาล่ะ ฟังให้ดีๆนะ! นี่มันไม่ใช่กับดักเพื่อให้มาเปิดประตู! แต่เป็นกับดักเพื่อให้นายอยู่ในนั้นต่างหาก!』
「อย่าไปฟัง วิธีการรับมือที่ดีที่สุดสำหรับกับดักหมาๆแบบนี้ก็คืออุดหูเอาไว้ซะ」
『3 ครั้งนะ อุทามาโร่! ไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้นายทำพลาดมาแล้วกี่ครั้ง แต่บางทีครั้งที่ 3 คือโอกาศสุดท้ายแล้ว เปิดประตูออกมาซะ!』
「นึกถึงเทพนิยายเรื่องหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ดเอาไว้! มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกแพะที่เปิดประตูออกไป!?」
2 เสียงที่เหมือนกัน ผลัดกันชักจูงผม
ควรจะที่เชื่อเร็นกะที่อยู่ข้างๆ….. เส้นสายของลิงค์เองก็เชื่อมต่อไปที่เร็นกะข้างๆ หากมองย้อนกลับไปจนถึงตอนนี้ นี่ก็น่าจะเป็นกับดักเพื่อให้เปิดประตู
『นี่ฟังอยู่รึเปล่า โอร่า!』
แต่ว่า…..ทำไม ทำไมถึงได้…..หลงไหลเสียงนั้นมากขนาดนี้
『เชื่อในตัวชั้นสิ—-อุทามาโร่!』
หัวใจเต้นดัง -ตึกตัก-
ไม่ใช่ด้วยตรรกะ แต่เชื่อด้วยสัญชาตญาณ เร็นกะ เร็นกะตัวจริงนั้นอยู่ที่อีกฝากของประตูล่ะ
「!? เจ้าบ้า หยุดนะอุทามาโร่!」「รุ่นพี่! หยุดก่อน!?」「อย่าถูกหลอกเชียวนะ รุ่นพี่!」
หลบความพยายามที่จะหยุดยั้งของทุกคน ผมพุ่งไปที่ประตู
และแล้ว—-
—- -ห๊ะ-ลืมตาตื่นขึ้นมา พอทำการมองไปรอบๆ ก็พบว่ามันคือสนามรบ
เป็นห้องโถงของคฤหาสน์ การ์ดของเหล่ามาสเตอร์แต่ละคนกำลังต่อสู้เพื่อปกป้องพวกผมที่ล้มกองอยู่
ศัตรูที่กำลังสู้อยู่คือ ตัวที่น่าจะเป็นแพะจำนวนหลายตัว ที่ไม่แน่ใจก็เพราะว่ามันแตกต่างไปจากแพะที่ผมเคยรู้จัก
ลำตัวยาวประมาณ 2 ม.และไร้ขนอย่างสิ้นเชิง เผยให้เห็นผิวหนังสีดำ มีร่างกายท่อนล่างเป็นรยางค์จำนวนนับไม่ถ้วนดูราวกับว่าเป็นรากไม้ ดูไม่เหมือนกับแพะเลย แต่สาเหตุที่ผมคิดว่ามันคือมอนสเตอร์แพะก็เพราะเสียงร้องแหลมสูง「แมะะะ! แมะะะ!」ที่ดังออกมาจากปากที่อยู่ทั่วร่างกายท่อนบนของมัน
แม้จะมีรูปลักษณ์อัปมงคลเช่นนี้ มันกลับส่งกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งอันเย้ายวนออกมา ซึ่งสามารถบอกได้แค่ว่าเป็นอะไรที่น่าขนลุก
นี่มัน…..
「ในที่สุดก็ตื่นจนได้สินะ ช้าซะจริง」
เร็นกะที่สังเกตุเห็นว่าผมรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว ก็พูดด้วยรอยยิ้ม
「แต่ก็เอาเถอะ อุตส่าห์ตื่นมาแล้วจะยกโทษให้ก็แล้วกัน」
「นี่ผม…..สลบไปงั้นเหรอ?」
ลองพยายามปลุกอาจารย์ที่ล้มอยู่ข้างๆด้วยการเขย่าตัว แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมาเลย
สถานะผิดปกติ…..งั้นเหรอ? แต่ว่าตัวของมาสเตอร์น่าจะมีบาเรียที่ป้องกันสถานะผิดปกติอยู่นี่นา…..
「บางที คงจะเป็นกลไกของมันนั่นแหละ หมาป่าจะโจมตีจิดใจของมาสเตอร์ แล้วลูกแพะจะโจมตีการ์ด…..หน้าที่ของมันถูกแบ่งแบบนั้น….. ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น ได้เวลาเชื่อมต่อลิงค์แล้ว มันเริ่มจะผสานงานกันลำบากแล้วนะ」
เร็นกะพูดขณะที่ยิงเวทใส่แพะ
ในตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัวว่าลิงค์ของการ์ดถูกตัดขาดไป อีกทั้ง การ์ดที่อยู่ก็มีแค่เร็นกะกับยูคิพร้อมด้วยวงศ์วานไลแคนโทรป การ์ดของพวกอันนาเองก็มีแค่ 2 ใบที่ได้อัญเชิญเอาไว้ก่อนหน้า
เชื่อมต่อลิงค์อีกครั้งอย่างรีบเร่งและอัญเชิญการ์ดที่เหลือออกมา….. เป็นไปตามคาดว่าขีดจำกัดการอัญเชิญได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งไม่มีการตอบสนองกลับมาจากตราเข็มกลัดหรือสัญญาณขอความช่วยเหลือ ที่อากิระซังติดต่อมาเป็นภาพลวงตาอย่างที่คิด ส่วนลี้ภัยฉุกเฉิน…..กับพวกอันนาที่อยู่ในสภาพนี้คงไม่สามารถลองใช้ได้ เอาเถอะ ยังไงมันก็คงใช้ไม่ได้อยู่ดี
แล้วหลังจากที่ตรวจสอบอะไรไปหลายๆอย่าง ผมก็ถามคำถามเร็นกะ
『ไม่ใช่ว่าบาเรียจะช่วยป้องกันสถานะผิดปกติที่มีต่อมาสเตอร์หรอกเหรอ?』
『ก็ไม่ใช่สถานะผิดปกติไง มันคือ『กฏ』ต่างหาก บาเรียของการ์ดเองก็ถือว่าเป็นกฏอย่างหนึ่ง กฏเหมือนกันไม่สามารถลบล้างกันได้』
กฏ งั้นรึ
ได้ยินมาว่าพื้นที่ตั้งแต่แรงค์ C เป็นต้นไป…..จะมีกฏบางอย่างถูกเพิ่มเข้าไปในแต่ละชั้น
เสริมความแข็งแกร่งให้บางเผ่า, ทำให้ไม่สามารถใช้งานเวทฟื้นฟูได้, ลดขีดจำกัดของจำนวนการอัญเชิญ….. ถ้าหากว่านี่เป็นกฏอย่างหนึ่ง ก็เข้าใจได้ว่าทำไมไม่สามารถป้องกันได้ด้วยบาเรีย
ชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลินไม่ได้ใช้ลูกเล่นอะไรมาก่อน บางทีอาจจะเพราะว่าไม่มีความสามารถแบบนั้นอยู่….. หรือไม่ก็เพราะไปปรากฏตัวในเขาวงกตแรงค์ F
แล้ว สาเหตุของกลไกที่จับแยกมาสเตอร์กับการ์ดแบบนี้ บางทีแล้ว…..
ผมมองไปรอบๆพื้นที่
อย่างที่คิด การ์ดของพวกอาจารย์มีการรับมือที่ย่ำแย่เพราะลิงค์ถูกตัดขาดไป
อาจจะคิดกันว่ามันเป็นเรื่องปกติเพราะว่าหมดสติกันแต่ว่าไม่ใช่ นักผจญภัยมืออาชีพสามารถคงการเชื่อมต่อลิงค์เอาไว้ได้แม้ในขณะที่นอนหลับ ต่อให้พวกอันนายังไม่สามารถทำได้ แต่อาจารย์ควรจะทำได้แล้ว
หรือก็คือ มันเป็นกลไกที่มีจุดประสงค์เพื่อตัดขาดลิงค์ระหว่างมาสเตอร์กับการ์ด
การที่ผมฟื้นขึ้นมาเพียงคนเดียว ส่วนพวกอาจารย์ยังคงหลับอยู่ แสดงว่ากับดักถูกสร้างแยกให้แก่พวกเราแต่ละคน
แต่ว่า…..
『ทำไมอาจารย์ถึงยังไม่ฟื้นล่ะ? ถ้าหากเป็นอาจารย์ล่ะก็…..อันนาเองก็ด้วย น่าจะรู้เกี่ยวกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ของหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ดนี่นา』
ขณะที่ใช้ลิงค์เพื่อสนับสนุนพวกการ์ด ก็ถามคำถามกับเร็นกะ
ในการสอบข้อเขียนเพื่อเป็นนักผจญภัยมืออาชีพนั้น นอกจากความรู้ด้านกฏหมายแล้ว ความรู้ด้านมอนสเตอร์ก็เป็นสิ่งจำเป็น แน่นอนว่ารวมไปถึงความรู้เกี่ยวกับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ด้วย
ถ้าอย่างงั้น อาจารย์กับอันนาก็น่าจะรู้กลไกนี่ด้วยสิ
『ไม่รู้สิ อาจจะหลงกลเพราะรู้เพียงแค่ครึ่งเดียว หรือไม่ก็พลาดอีกครึ่งนึงไป…..』
『หมายความว่ายังไง?』
『ถ้าหากว่ารู้แค่ข้อมูลของเทพนิยายล่ะก็ คำตอบที่ถูกต้องคือการเปิดประตู แต่ถ้าหากรู้แค่กลไกของมัน คำตอบที่ถูกต้องคือการไม่เปิดประตู แล้วถ้ารู้มาทั้ง 2 อย่าง มันก็จะกลายเป็นกับดักที่ต้องเดากันครึ่งต่อครึ่ง บางทีมันอาจจะเป็นกับดักที่เปลี่ยนแปลงไปตามความรู้ที่อีกฝ่ายมีก็เป็นได้…..』
กับดักที่เปลี่ยนแปลงไปตามความรู้ของอีกฝ่าย เรื่องแบบนั้นมัน…..
ไม่สิ ถ้ามาลองคิดดูดีๆ มันก็เหมือนปริศนาของสฟิงซ์ สกิลที่มีคำตอบรู้กันอย่างแพร่หลาย คำถามจะถูกเปลี่ยนไป เป้าหมายของสกิลก็คือการทดสอบสติปัญญาและความกล้าหาญของอีกฝ่าย มันจะไม่น่าแปลกใจหากว่าจะมีกลไกป้องกันคำตอบอิงจากความรู้
『แล้ว ต้องทำยังไงถึงจะปลุกพวกอาจารย์ขึ้นมาได้ล่ะ?』
『ตอนนี้ยอมแพ้ไปก่อนเถอะ ถ้าหากว่ายังไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็ บางทีคงจะตอบผิดไปแล้ว คงจะยังไม่ฟื้นจนกว่าจะจัดการศัตรูนี่ได้นั่นแหละ』
ขณะที่เร็นกะพูดมา ก็รับรู้ได้ถึงความสงสารและความรู้สึกผิดผ่านทางลิงค์
นั่นมันบางทีแล้วอาจจะเพราะ…..ต่อให้จัดการอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์นี่ลงได้ ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าพวกอันนาจะตื่นขึ้นมา
ในอดีต เหล่าเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่ถูกอุราชิมาทาโร่เปลี่ยนให้เป็นคนแก่ ก็ไม่กลับมาเป็นปกติแม้จะสามารถจัดการมันลงไปได้
ความเสียหายบางอย่างที่เกิดขึ้นจากอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ สามารถทิ้งผลลัพธ์เอาไว้ได้ตลอดไป
แต่ว่า ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีแต่ต่อสู้และเชื่อมั่นว่าเมื่อจัดการลงได้ พวกอันนาจะตื่นขึ้นมา
เพราะแบบนั้น เมื่อครู่นี้เร็นกะจึงไม่ได้พูดอะไร
แล้วจู่ๆก็นึกขึ้นมาได้
『หรือว่า นี่คงจะไม่ได้อยู่ในภาพหลอนอีกใช่ไหมเนี่ย?』
ผมที่พูดไปแบบนั้น เร็นกะก็ตอบมาด้วยน้ำเสียงโมโห
『ถ้ายังจะละเมออยู่ล่ะก็ ให้ช่วยตบหน้าจะได้ตื่นเต็มตาซะดีไหม?』
『ล้อเล่นน่า』
อา ยัยนี่แหละเร็นกะตัวจริง
หากจะให้หาหลักฐานมายืนยันคงจะเป็นเรื่องยาก แต่ผมก็มั่นใจ
ถ้างั้นก็ไม่ต้องลังเลอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้ ทั้งหมดที่ต้องทำก็คือการจดจ่อไปกับการจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
『เท่าที่เห็น แต่ละตัวดูจะไม่ได้เก่งกาจอะไรมากนัก…..』
พวกแพะมีความว่องไว ใช้ขารยางค์ในการไต่ไปตามผนังและเพดานได้ราวกับอยู่บนพื้น แล้วที่เขี้ยวและกรงเล็บก็ดูจะมีพิษอัมพาตทำให้ยุ่งยากพอสมควร แต่พลังต่อสู้ของมันเองดูจะอยู่ราวๆแรงค์ C ได้
『อา แต่ว่า…..』
พอมองไปทางที่เร็นกะมองอยู่ ก็เห็นอะราเดีย*ของอาจารย์เพิ่งจะฆ่าแพะตัวหนึ่งลงได้….. ใบหน้านั้นดูคุ้นๆ บางทีคงจะเป็นแม่มดที่เคยสู้กันในงานแข่งแล้วได้แรงค์อัพมา
เวทมนตร์หอกศิลาของอะราเดียปักเข้าที่หัวของแพะ แล้วมันก็ละลายหายไป
แต่ว่าในทันทีทันใด แพะตัวใหม่ก็พุ่งมาจากส่วนลึกของคฤหาสน์เพื่อแทนที่มัน
นี่มัน…..
『อย่างที่เห็น ไม่ว่าจะฆ่าทิ้งไปมากแค่ไหนมันก็กลับมาเท่าเดิม โชคยังดีที่ดูเหมือนจะไม่มากไปกว่า 6 ตัวแต่…..』
『….. 6 ตัว?』
ด้วยคำของเร็นกะ จึงทำการมองไปรอบๆ
งี้นี่เอง…..เจ้าพวกนี้คือลูกแพะทั้ง 7 !
หายไป 1 ตัว บางทีอาจจะกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่ง
ถ้าหากว่าหาเจอล่ะก็ พวกแพะอาจจะหายไป…..หรือไม่ก็ไม่มีมาเพิ่มอีก
ที่ไหน อยู่ที่ไหนกัน ตามเทพนิยายแล้วลูกแพะตัวที่ 7 ไปแอบซ่อนอยู่ที่ไหน?
ในตอนนั้นเอง ตาของผมก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาโบราณเรือนใหญ่
ใช่แล้ว…..นาฬิกาลูกตุ้มไงล่ะ! ถ้าหากว่าพังเจ้านี่ล่ะก็…..!
ผมกำลังจะออกคำสั่งตามสัญชาตญาณกับเร็นกะให้ทำลายนาฬิกา—-แต่ก็หยุดอย่างกะทันหัน
ไม่สิ เดี๋ยวนะ แบบนั้นมันจะดีแล้วจริงๆงั้นเหรอ?
ที่รู้ว่าลูกแพะตัวที่ 7 ซ่อนอยู่ในนาฬิกาลูกตุ้ม ก็เพราะว่าผมรู้คำตอบมาจากเทพนิยาย
แต่ถ้าความรู้จากเทพนิยายมันส่งผลตรงกันข้ามเหมือนอย่างกับดักที่วางเอาไว้ก่อนหน้าล่ะ
ถ้าหากว่าเป็นไปตามเรื่องราวแล้วล่ะก็…..
『ประตูไงล่ะ ยูคิ! เปิดประตูซะ!』
『!? ฮ-ฮะ!』
ยูคิตกใจกับคำสั่งฉับพลันของผม แต่ก็มุ่งหน้าไปที่ประตูทันที
แล้วจู่ๆการเคลื่อนไหวของพวกลูกแพะก็เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
พวกมันโจมตียูกิที่มุ่งไปที่ประตูด้วยความตื่นตระหนก
ยูคิสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดายและถีบประตูให้เปิดออก
ในตอนนั้นเอง
—-อาวู้วววววววววว!!!
เสียงร้องของหมาป่าดังขึ้นมาจากระยะไกล
เหล่าลูกแพะที่ได้ยินก็แยกหนีไปทั่วคฤหาสน์ราวกับลูกแมงมุมแตกรัง
ว่าแล้วเชียว! การฆ่าลูกแพะ เป็นหน้าที่ของหมาป่า! เพราะงั้นพวกเราจึงไม่สามารถจัดการพวกมันได้
ถ้างั้นล่ะก็ หน้าที่ของนาฬิกาลูกตุ้มก็คือ…..!
เมื่อผมเปิดฝาปิดของนาฬิกาลูกตุ้ม ด้วยเหตุผลบางอย่างมีทุ่งหญ้าอยู่อีกฝากหนึ่งของมัน
「โอ่ย! รีบออกจากที่นี่ก่อนที่หมาป่าจะมาเร็วเข้า! แบกมาสเตอร์ของตัวเองเอาไว้ซะ!」
ด้วยเสียงของผม การ์ดแต่ล่ะใบก็พากันแบกมาสเตอร์ตัวเองไว้บนหลังแล้ววิ่งไปที่นาฬิกาลูกตุ้ม
แล้วในที่สุด หมาป่าก็ปรากฏตัวออกมา
「เคี๊ยะเคี๊ยะเคี๊ยะเคี๊ยะเคี๊ยะเคี๊ยะ!!」
หมาป่าที่มีขนาดใหญ่กว่าบานประตูไปมาก มุดตัวอย่างยากลำบากเพื่อเข้ามาภายในคฤหาสน์
โครงร่างของมันถูกบดบังไว้ด้วยเงาสีแดงเข้มทำให้มองไม่ค่อยออก ให้ความรู้สึกเหมือนภาพเขียนเล่นของเด็กๆที่ขาดๆเกินๆ
「กิฮิฮิฮิฮิ!」
หมาป่าพอเห็นพวกเราก็แสยะยิ้ม รอยยิ้มแสนชั่วร้ายที่ใครได้เห็นเข้าก็ต้องแข็งเกร็ง
พอหันไปดูนาฬิกาลูกตุ้ม ก็เห็นว่ามาสเตอร์คนแรกเพิ่งจะผ่านออกไป
คุ…..ไม่มีทางเลือก!
「คุโร่! ชิโร่! ฝากถ่วงเวลาด้วย!」
『—-กรร!』
ด้วยคำสั่งของผม มนุษย์หมาป่าทั้ง 2 คนก็ขู่คำรามแล้วพุ่งไปหาหมาป่า
นี่น่าจะพอยื้อเวลาให้พวกเราหนีไปได้ รู้สึกผิดที่ทำราวกับเป็นหมากใช้แล้วทิ้ง แต่หน้าที่นี่มีแต่พวกเขาที่แทบจะเป็นอมตะเท่านั้นที่จะสามารถทำได้
พออาจารย์ผ่านออกไปก็เป็นอันนา ท้ายที่สุดคือโอริเบะ…..ในตอนนั้นเอง
「แค่ก!」「อั่ก!」
หมาป่ามองเห็นพวกเรากำลังหนี ทำการสลัดพวกมนุษย์หมาป่าออกไปแล้วตรงมาทางนี้
พริบตาที่มองเห็นตาของมัน ผมก็รู้ได้ถึงเป้าหมายของศัตรูในทันที
แย่แล้ว…..! ไอ้หมอนี่ พยายามจะทำลายนาฬิกาลูกตุ้ม…..!
หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว! งั้นอย่างน้อยก็ขอแค่โอริเบะผ่านไปได้ก็พอ!
ในตอนที่ผมตัดสินใจไปเช่นนั้นแล้ว ก็มองเห็นเงาหนึ่งกำลังมุ่งไปที่หมาป่า
「โฮ้โฮะโฮะโฮะโฮะโฮ่!」
นั่นก็คือ การ์ดซึจิงูโมะของโอริเบะ
「ตรงนี้ให้ชั้นยื้อเวลาเอาไว้เอง ได้โปรดหนีไปเถอะ! ไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงมันก็แคบเกินกว่าที่ชั้นจะผ่านไปได้อยู่แล้ว! อย่าได้ใส่ใจไปเลย!」
「คุ ขอโทษ! ขอบคุณมาก!」
「ฝากนายท่านของตัวข้าน้อยด้วยล่ะ!」
ด้วยเสียงของซึจิงุโมะที่ตามหลังมา ผมเองก็ได้ลอดผ่านทางหนีที่อยู่ในนาฬิกาลูกตุ้ม
สุดท้ายคือเอลิซ่าที่ลอดผ่านมา แล้วทำการปิดฝานาฬิกาลูกตุ้มก่อนหน้าที่กรงเล็บของหมาป่าจะฟาดลงมาโดน จากนั้นทางหนีก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
「ฮ่าาา~…..」
ดูเหมือนว่า…..จะหนีมาได้ -ฮ่า- ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ซึจิงุโมะของโอริเบะ…..ถึงแม้จะมีรูปร่างน่าขนลุก แต่เป็นคนที่น่าชื่นชมจริงๆ
แต่ว่า…..ทำการมองไปรอบๆ
พวกเรา ดูเหมือนจะมาโผล่ที่ยอดของเนินเขาเล็กๆ พระอาทิตย์ตกดินสาดแสงลงมาที่ทุ่งหญ้าราบต่ำ ที่อยู่ไกลๆ สามารถมองเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่อยู่
ตรงนั้นคือจุดที่เคลื่อนย้ายมาสินะ
ในตอนนั้นเอง มีเสียงร้องครางดังมาจากอาจารย์กับพวกอันนา…..ฟื้นแล้วงั้นเหรอ!
「อาจารย์, อันนา, โอริเบะ!」
「อุ…..ที่นี่คือ?」
อาจารย์ถามขณะที่ค่อยๆยันตัวขึ้นมา
「ที่นี่คือด้านนอกคฤหาสน์ พวกอาจารย์ถูกทำให้หมดสติจากกับดักของอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์น่ะ」
「อา…..งั้นเหรอ นี่ผม ทำพลาดไปงั้นสินะ…..」
หลังจากที่ได้ยินคำตอบจากผม อาจารย์ก็ดูจะเข้าใจทุกอย่างแล้วก้มหัวลงด้วยความขับข้องใจ
ขณะเดียวกันนั้นเอง โอริเบะที่กำลังมองไปรอบๆก็เอ่ยถาม
「ซึ้ดจิ? รุ่นพี่ ซึ้ดจิอยู่ไหนเหรอคะ?」
「…..ขอโทษด้วย ซึจิงูโมะช่วยถ่วงเวลาเพื่อให้พวกเราหนีออกมาได้น่ะ」
「งั้นเหรอค่ะ…..」
โอริเบะดูเศร้าแล้วก้มหัวลงไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วและเริ่มทดลองใช้ตราเข็มกลัด สัญญาณขอความช่วยเหลือ และการ์ดเวทมนตร์ลี้ภัยฉุกเฉิน
ความสามารถในการสับเปลี่ยนสุดยอดจริงๆ
ผมเองก็ลองพยายามติดต่อโลกภายนอกกับการ์ดลี้ภัยฉุกเฉินมาตั้งแต่ที่ออกมานอกคฤหาสน์ เพื่อดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปรึเปล่า แล้วอาจารย์ที่กำลังอัญเชิญการ์ดมาเพิ่มเติมก็ถามคำถาม
「มาโร่ ถ้าหากว่าหนีจากคฤหาสน์มาจนถึงที่นี่ได้ แสดงว่าใช้หมาป่าเพื่อจัดการลูกแพะไปใช่รึเปล่า?」
「อา」
พอผมตอบ อาจารย์ก็เอามือแตะที่คางทำท่าครุ่นคิดแล้วพึมพำ
「…..ถ้างั้นล่ะก็ เดี๋ยวคงออกมาแล้ว」
「ออกมา? หมาป่าเหรอ?」
「ไม่ใช่…..」
อาจารย์ส่ายหน้า
「การที่พวกเราซึ่งติดกับดักของหมาป่าสามารถฟื้นขึ้นมาได้ นั่นแสดงว่าหมาป่าได้ตายไปแล้ว และตามเทพนิยาย ที่ฆ่าหมาป่าก็คือ…..」
—–แมะะะะะะะะะะะะะ!!
เสียงร้องสั่นสะเทือนอากาศ
「ออกมาแล้ว แม่แพะที่โมโหเพราะลูกแพะถูกกินไปยังไงล่ะ…..」
ตรงมุมของคฤหาสน์พังกระเด็น แล้วจากตรงนั้น ร่างท่อนบนของแพะขนาดยักษ์ก็โผล่ออกมา
แม่แพะมีลักษณะเหมือนกับลูกแพะแต่มีขนาดใหญ่มากกว่าหลายเท่า กำลังมุ่งตรงมาทางนี้พร้อมด้วยลูกแพะทั้ง 7
「โธ่เว้ย สุดท้ายลูกแพะเองก็ยังอยู่ดีงั้นรึนี่…..」
ในเทพนิยายเองลูกแพะก็ได้คืนชีพ ทั้งๆที่อุตส่าห์เสียสละซึจิงูโมะกับพวกมนุษย์หมาป่าเพื่อให้หมาป่าเข้ามาได้….. สุดท้ายทั้งหมดก็สูญเปล่า
ผมที่กัดฟันอยู่ อาจารย์ก็พูดขึ้น
「ไม่หรอก ที่มาโร่เลือกไม่ได้ผิดอะไร ถ้าหากว่าทำลายนาฬิกาลูกตุ้มแล้วจัดการลูกแพะทั้ง 7 บอสจะกลายเป็นหมาป่า, แต่ถ้าให้หมาป่าเข้ามากินลูกแพะทั้ง 7 บอสก็จะกลายเป็นแม่แพะและลูกแพะทั้ง 7 ไป อันที่จริง ถึงแม้หมาป่าที่ไม่มีลูกน้องจะรับมือง่ายกว่าแม่แพะก็จริง แต่…..」
「ในกรณีนั้น พวกเราจะยังคงหมดสติไปจนกว่าจะจัดการหมาป่าลงได้ส์สินะคะ ก็นะ ถ้าหากว่าพวกเราได้อัญเชิญการ์ดออกมาเต็มขีดจำกัดก่อนจะหมดสติ ตัวเลือกนั้นก็พอจะเป็นไปได้อยู่หรอกส์ แต่…..」
「เพราะว่าแต่ละคนอัญเชิญออกมาแค่ 2 ใบ…..นอกจากนั้นยังต้องคอยคุ้มกันมาสเตอร์ที่ไร้ซึ่งการป้องกัน แล้วไหนจะการร่วมมือกันและตัวแปรอื่นๆอีก การทำให้พวกเราฟื้นขึ้นมาแล้วมีพลังต่อสู้โดยรวมที่สูงขึ้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าค่ะ」
อย่างงี้นี่เอง งั้นการเสียสละของพวกซึจิงูโมะก็ไม่สูญเปล่าไปซะทั้งหมด
มาดูกำลังรบของทางฝ่ายเรากัน
เริ่มจากผมที่มีเร็นกะ, เอลิซ่า, ยูคิ, ซุซูกะ แรงค์ C 4 ใบ แล้วก็เมอา, ดราโกเน็ต แรงค์ D 2 ใบ ในเหล่านี้ เร็นกะกับยูคิมีพลังที่อยู่ในระดับ B ได้เลย
ต่อไปเป็นอาจารย์ ทำการ์ดแรงค์ C ออกมา 7 ใบ และแรงค์ B…..อะราเดีย ออกมา 1 ใบ และก็ได้เติบโตจนถึงขีดจำกัด ทางนี้คือกำลังรบหลักล่ะ
ต่อไปคืออันนา มีแรงค์ C 3 ใบ และแรงค์ D 5 ใบ แรงค์ C ก็คือเอลฟ์, เพกาซัส, ดูลลาฮาน ซึ่งเป็นสมาชิกจากตอนงานแข่งที่ได้แรงค์อัพแล้ว หากคิดถึงเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวประธานบริษัทแต่กลับมีการ์ดแรงค์ C ไม่มาก นี่ก็เพราะอันนายืนกรานจะซื้อการ์ดด้วยเงินที่ตัวเองหามาได้เท่านั้น ถึงเธอจะไม่มีเรื่องกับการขอร้องพ่อแม่ให้ช่วยตอนเรื่องอุปกรณ์เวท แต่พอมาเป็นเรื่องการ์ดแล้วดูจะมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่
และสุดท้ายคือโอริเบะ แต่ด้านนี้มีเพียงแรงค์ D 3 ใบ ไม่อาจจะคาดหวังให้เป็นกำลังรบได้ ตัวหลักของเธอคือซึจิงูโมะที่เป็นแรงค์ C แต่ทว่าเธอมีโยโมะซึชิโคเมะที่เป็นแรงค์ D ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ โยโมะซึชิโคเมะนั้น สามารถอัญเชิญกองทัพยมโลกที่มีแรงค์ D ได้อย่างไร้ขีดจำกัด จึงคาดหวังให้เธอทำหน้าที่กำแพง
「แบ่งออกเป็น 2 ทีมกันเถอะ」
หลังจากกวาดสายตามองดูการ์ดแต่ละใบครู่หนึ่ง อาจารย์ก็พูดขึ้น
「ทีม A รับหน้าที่จัดการแม่แพะ, ส่วนทีม B จะคอยรับมือลูกแพะทั้ง 7 เอาไว้
ทีม A ประกอบด้วยมาโร่กับคาโน่ซัง, ทีม B ประกอบด้วยผมกับโอริเบะซัง ถ้าหากสบโอกาศผมจะช่วยสนับสนุนทีม A ไปด้วย…..คิดว่าไงบ้าง?」
「ให้อาจารย์จัดการแม่แพะจะไม่เป็นการดีกว่าเหรอ?」
ด้วยคำพูดของผม อาจารย์ก็ส่ายหัว
「ไม่หรอก ก่อนหน้าที่กองกำลังของโยโมะซึชิโคเมะจะสามารถรับมือลูกแพะทั้ง 7 ได้ มีโอกาศที่มาโร่หรืออันนาซังจะไม่สามารถคุ้มกันโยโมะซึชิโคเมะของโอริเบะซังได้อยู่
เป็นไปได้ว่าในหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ดจะเป็นการต่อสู้ที่กินเวลายาว จนกว่าโยโมะซึชิโคเมะของโอริเบะซังจะสามารถรับมือลูกแพะทั้ง 7 ได้อยู่หมัด ผมที่มีการ์ดแรงค์ C จำนวนเท่ากับลูกแพะจึงควรจะร่วมมือกับเธอ
ทันทีที่แค่โยโมะซึชิโคเมะสามารถรับมือลูกแพะทั้ง 7 ได้แล้ว ผมเองก็จะเข้าร่วมด้านแม่แพะต่อ」
อย่างงี้นี่เอง…..พวกเราต่างพยักหน้าเห็นด้วย—-ในตอนนั้นเอง
「—-แ, ม, ะ, ะ, ะ, ะ, ะ, ะ, ะ, ะ !!」
ด้วยเสียงร้องที่สั่นสะท้านพื้นดิน แม่แพะก็ทำการโจมตี
【Tips】หมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด ส่วนที่ 1
กลยุทธสำหรับการจัดการหมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ดนั้นจะถูกแบ่งเป็น 3 ขั้น
ในเฟสแรก นักผจญภัยจะถูกจับแยกเดี่ยวในโลกแห่งจิตใจและถูกบังคับว่าจะเปิดหรือไม่เปิดประตู
นี่คือสกิลปริศนาของหมาป่า คำตอบที่ถูกต้องนั้นจะแตกต่างไปขึ้นอยู่กับความรู้ของนักผจญภัย นักผจญภัยจะต้องกลั่นกรองคำตอบที่ถูกต้องซึ่งไม่ได้มาจากความรู้ แต่มาจากสติปัญญาและสัญชาตญาณ โลกแห่งจิตใจของนักผจญภัยแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พรรคพวกและการ์ดทั้งหมดเป็นของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นจากความทรงจำของตนเอง มีโอกาศในการตอบ 3 ครั้ง ในกรณีที่พลาดทั้งหมด คนๆนั้นจะถูกกักขังในโลกแห่งจิตใจต่อไปจนกว่าจะมีใครสามารถจัดการหมาป่าลงได้
ในเฟสที่ 2 ถูกบังคับให้ต่อสู้กับลูกแพะทั้ง 7 ที่เป็นอมตะ
ในขณะที่มาสเตอร์ทำการท้าทายสกิลปริศนาอยู่ภายในโลกแห่งจิตใจ ร่างกายนั้นจะถูกโจมตีด้วยลูกแพะทั้ง 7 เหล่าการ์ดจะต้องปกป้องมาสเตอร์จากลูกแพะที่เป็นอมตะ โดยที่ลิงค์ถูกตัดขาดไปจนกว่านักผจญภัยจะฟื้นขึ้นมา
เมื่อนักผจญภัยฟื้น ในคราวนี้จะเผชิญหน้ากับ 2 ตัวเลือกว่า จะทำลายนาฬิกาลูกตุ้ม หรือจะเปิดประตู
ตัวเลือกนี้จะเป็นการกำหนดตัวของศัตรูในเฟสที่ 3 ว่าจะเป็นแม่แพะหรือหมาป่า
นอกจากนี้ เหล่าการ์ดจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการเลือกครั้งนี้ จนกว่ามาสเตอร์จะฟื้นขึ้นมา นาฬิกาลูกตุ้มจะไม่ถูกทำลายและประตูไม่สามารถเปิดออกได้
มีมาตรการรองรับในกรณีที่นักผจญภัยทั้งหมดพลาดต่อสกิลปริศนา ทั้งแม่แพะและหมาป่าจะเข้าทำการโจมตีและเข้าสู่เฟสที่ 3 แบบนรก
ข้อมูลเพิ่มเติม
หมาป่ากับลูกแพะทั้งเจ็ด / The Wolf and the Seven Young Goats
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Wolf_and_the_Seven_Young_Goats
อะราเดีย / Aradia
จากตำนานพื้นบ้านของอเมริกา, ปฐมแม่มดผู้สอนเวทมนตร์ให้แก่ผู้คนเพื่อให้ต่อกรกับการถูกข่มเหง
https://www.blockdit.com/posts/626a2b1a379093031789d203
https://en.wikipedia.org/wiki/Aradia