บทที่ 2 ตอนที่ 24
หลายวันหลังจากการไปพบอาจารย์
ผมได้มายังเขาวงกตแรงค์ D ที่ใกล้บ้านที่สุดด้วยตัวคนเดียว
ในที่สุดวันนี้ก็ได้รับการ์ดซาชิกิวาราชิกับเลดี้แวมไพร์มาจากโทโน่ซัง….. เป็นวันที่จะได้ชุบชีวิตพวกเร็นกะ
ใช้ปลายนิ้วลูบไปบนโซลการ์ดของพวกเธอเบาๆ
เป็นเวลานานจริงๆ…..
หลังจากที่ถูกโจมตีโดยผู้ใช้หมาล่าเนื้อนั้นเวลาผ่านมาแค่ไหนกันนะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกคิดถึงท่าทางอวดดีของเร็นกะกับเสียงขลุ่ยของเอลิซ่าเอามากๆ
…..หลังจากที่สูญเสียพวกเร็นกะ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ แก่นของนักผจญภัยที่ชื่อว่าคิทากาว่า อุทามาโร่นั้นไม่ใช่ตัวผม แต่เป็นพวกเร็นกะต่างหาก
นักผจญภัยที่ไม่มีการ์ด ก็เป็นแค่คนธรรมดา…..มีคำกล่าวเช่นนั้นอยู่
ต่อให้เหลิงเรียกตัวเองว่านักผจญภัย แต่พอสูญเสียการ์ดไปทั้งหมดก็เป็นได้แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง มันเป็นคำกล่าวเชิงเสียดสีให้กับกระแสนักผจญภัยเมื่อเร็วๆนี้ แต่…..สำหรับผมมันจริงอย่างที่สุด
ถ้าหากสูญเสียพวกเร็นกะไปทั้งหมด นักผจญภัยคิทากาว่า อุทามาโร่ก็จะตาย
ต่อให้ได้การ์ดใบอื่นมาแล้วทำงานนักผจญภัยต่อ นั่นก็เป็นคนอื่นที่มีชื่อเดียวกันเท่านั้น
นั่นก็เพราะ 『มุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับพวกเร็นกะ』ความรู้สึกนี้ คือแก่นการเป็นนักผจญภัยของผม
ดึงพวกเร็นกะมาจากการ์ดแพ็ค, เผชิญหน้าชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน, ต่อสู้อย่างดุเดือดกับอาจารย์ ทัศนคติในชีวิตของผมได้ถูกบิดเบี้ยวไปแล้วอย่างใหญ่หลวง
ความประหลาดใจที่พวกเร็นกะนำพามา ความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกันเมื่อก้าวข้ามวิกฤติได้….. ผมไม่สามารถจะใช้ชีวิตโดยปราศจากพวกมันได้อีกแล้ว
มันแตกต่างไปนิดหน่อยจากการเสพติดความตื่นเต้นจากยาหรือการพนัน…..ความปรารถนา
แม้แต่ตอนที่ไล่ตามฆาตกรต่อเนื่องแสนอันตรายกับพวกอันนา ความปรารถนานั้นก็ไม่เคยถูกเติมเต็ม
รู้สึกราวกับมีรูโหว่ขนาดใหญ่ในหัวใจ
หากปราศจากพวกเร็นกะแล้ว ผมก็ไม่มีอะไร
รู้ตัวดีว่าเร็นกะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษที่นำพาโชคดีมหาศาลเข้ามาหาผม และผลย้อนกลับของมันคือการนำมาด้วยโชคร้าย
แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่ผมจะไปยังเขาวงกตเพื่อจะได้พบกับพวกเร็นกะ
ต่อให้ที่ปลายทางของมันจะนำไปสู่ความหายนะก็ตาม…..
ในแง่นั้น เร็นกะนับว่าเป็นการ์ดต้องสาปอย่างแน่นอน
เอาล่ะ ได้เวลาเรียกออกมาแล้ว
「…..ออกมา เร็นกะ!」
การสำหรับชุบชีวิตหลอมละลาย แล้วการ์ดของเร็นกะก็มีสีสันกลับคืน
เร็นกะผู้ไม่ได้ปรากฏตัวออกมานาน กำลังนั่งด้วยท่าทางแยงกี้เหมือนกันกับตอนที่เจอกันครั้งแรก…..และด้วยเหตุผลบางอย่าง จ้องตาเขม็งมาทางนี้
「ร-เร็นกะ…..?」
「…..นี่นาย」
พอผมเรียกเธอที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีท่าทางหงุดหงิดสุดๆอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอก็ลุกขึ้นมาแล้วคว้าอกเสื้อของผม
「ทำไมถึงไม่ชุบชีวิตชั้นก่อนหะ เจ้าบ้า! ปกติแล้วในสถานการณ์แบบนี้ต้อง…..ชิ! ไม่มีอะไร!」
เร็นกะจู่ๆก็เริ่มพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เดอะลิ้นแล้วปล่อยมือไป
…..หรือว่ายัยนี่ จะงอนเพราะว่าไม่ได้ชุบชีวิตตัวเองเป็นคนแรก?
「ขอโทษล่ะกันน่า แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องชุบชีวิตมาก่อน 1 ใบน่ะสิ」
「…..แล้วทำไมต้องเป็นเมอา?」
「มันก็…..」
เกิดลังเลเพราะจะให้บอกไปว่าเพราะราคาถูกที่สุดก็รู้สึกจะหยาบคายไป…..
「เอาเถอะ ครั้งนี้จะหยวนๆให้ก็ได้ เพราะดูเหมือนจะทันเวลาที่จะได้ปิดบัญชีกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อพอดีล่ะนะ」
ด้วยคำเหล่านั้น ทำให้รู้สึกตัวถึงตัวตนที่แท้จริงของความรู้สึกอึดอัดที่มีอยู่
「นี่เธอ แม้แต่ในสภาพโซลการ์ดก็สามารถมองเห็นภายนอกได้งั้นเหรอ?」
「ก็บอกไปแล้วไง ว่าจะมองดูผ่านดวงตานั่นน่ะ」
เคยบอกด้วยเหรอ? ผมเอียงคอด้วยความสงสัย
「ที่สำคัญกว่านั้น ต้องชุบชีวิตเอลิซ่าด้วยไม่ใช่รึไง?」
「อ-อา…..นั่นสินะ」
ผมตัดสินใจเก็บคำถามเหล่านั้นไว้ทีหลังแล้วทำการชุบชีวิตเอลิซ่าก่อน
「ออกมา เอลิซ่า!」
การ์ดเปล่งแสงแล้วผีดูดเลือดสาวแสนสวยก็ปรากฏ
เธอมีสายตาเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งแต่พอได้เห็นพวกเรา เธอก็ลงไปคุกเข่าแทบเท้าทันที
「มาสเตอร์, ต้องขอประทานอภัยด้วย เพราะประมาทไปแท้ๆ」
「ไม่ได้ประมาทอะไรหรอกนะ เธอทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วล่ะ เป็นเพราะเธอทำให้ผมกับยูคิสามารถหนีมาได้อย่างปลอดภัย」
「มาสเตอร์…..」
ผมย่อตัวลงทำการสบตากับเธอแล้วพูดบอกไป เอลิซ่ากระพริบดวงตาสีแดงเข็มของเธอ
「…..คราวนี้, จะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้ค่ะ ต่อให้ต้องเสียสละตัวเองก็ตาม」
ชั่วขณะที่เธอพูดออกมาด้วยความหนักแน่น การ์ดก็เปล่งแสง
【เผ่า】แวมไพร์ (เอลิซ่า)
【พลังต่อสู้】840 (MAX!)
【ทักษะติดตัว】
– รีดเลือด
– สัตว์ประหลาดแห่งราตรี
– เวทมนตร์โจมตีขั้นกลาง
【ทักษะเรียนรู้】
– เชื่อฟังเด็ดขาด
– อเนกประสงค์ (ทักษะทางเพศ, การแสดง, ปลดกับดัก, มารยาท, ศิลปะการต่อสู้)
– ฟีโรโมน
– ลอบโจมตี
– หัวใจเยือกเย็น
– ปกป้อง -> โล่แห่งการอุทิศตน (CHANGE!)
– เคลื่อนไหวแม่นยำ
– เวทมนตร์สนับสนุนขั้นกลาง
– เสริมพลังเวท
– ลดการร่าย
– สัญชาตญาณ
โล่แห่งการอุทิศตน สกิลสายป้องกันระดับสูงที่เป็นที่รู้จักอย่างดี เพิ่มความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของตน ทำให้สามารถรับความเสียหายของพรรคพวกที่อยู่ใกล้เคียงได้…..มีความสามารถแบบนั้นอยู่
ได้ฝึกเอลิซ่ามาเป็นเวลานานโดยหวังว่าเธอจะได้มันมาแต่ การที่มันตื่นขึ้นมาใจช่วงเวลานี้พอดิบพอดี….. บางทีแล้วด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเธอ จะเป็นแรงผลักดันอันสุดท้ายสินะ
หลังจากนั้นจึงทำการอัญเชิญยูคิ, เมอา, ซุซูกะ, ดราโกเน็ต เหล่าสมาชิกขาประจำออกมาทีละใบ
「เร็นกะซัง! เอลิซ่าซัง! คืนชีพแล้วสินะฮะ!」
「โย่ ยูคิ แรงค์อัพแล้วสินะ ยินดีด้วย」
「เร็นกะ! เหะเหะ~! ชั้นถูกชุบชีวิตขึ้นมาก่อนล่ะ อิจฉาล่ะสิ~」
「อ๋า? ถ้ามาดีใจกับเรื่องแค่นั้นล่ะก็ หล่อนมันก็เป็นผู้หญิงใจง่ายในหลายๆแง่นั่นแหละ」
「หา!? หมายความว่ายังไงน่ะ!」
「ก็หมายความว่าง่ายทั้งใจทั้งร่างกายไง」
「ว่าไงนะ โคร่า!」
「จะเอาเรอะ โอร่า!」
ขณะที่ผมอมยิ้มให้กับสถานที่ที่จู่ๆก็มีความครึกครื้นขึ้นมา ซุซูกะก็ส่งเสียงน่าหดหู่ขึ้นมาจากทางด้านหลัง
「อา~ ทีนี้ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติแล้ว แล้วทีนี้ชั้นเองก็ต้องกลับไปเป็นตัวประกอบอีกสินะ ไม่สิ แต่เดิมทีก็ไม่ถูกนับเป็นตัวหลักอยู่แล้ว ล่ะนะ」
「ซุซูกะ…..」
「เน่ มาสเตอร์ ถ้าหากว่าเป็นชั้นที่ลอสไป จะทำการชุบชีวิตกลับมารึเปล่า?」
「ของมันแน่อยู่แล้ว」
ผมตอบกลับทันทีแล้วหยิบเอาการ์ดใบนึงออกมา
【เผ่า】ฮาชิฮิเมะ*
【พลังต่อสู้】450
【ทักษะติดตัว】
– ความรักที่มากเกินไปแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังร้อยเท่า* : ขยายอารมณ์ด้านลบของตนและแปรเปลี่ยนเป็นพลังคำสาป, เสริมความสามารถด้านไสยเวทอย่างมาก, ยิ่งมีความผูกพันธ์ต่อมาสเตอร์กับพรรคพวกมากเท่าใด ผลที่ได้จะยิ่งมากขึ้น
– เยือนยามฉลู* : โจมตีด้วยไสยเวทอันรุนแรงโดยไม่สนพลังต้านทานของอีกฝ่ายในระดับหนึ่ง, หากถูกศัตรูพบเห็นขณะใช้งาน จะถูกคำสาปย้อนเข้าตัว
– เปลี่ยนแปลงพันโฉม : ร่างกายของยักษ์นั้นแปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา, สามารถจำลองได้ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ แต่ยังรวมไปถึงกลิ่นอายและท่าทางของผู้อื่นได้, ประกอบไปด้วยทนทาน + พลังกายเหนือมนุษย์ + ฟื้นฟูตัวเอง
【ทักษะเรียนรู้】
– ภรรยาที่ดี แม่ที่ฉลาด : มีความสามารถทั้งหมดในการเป็นภรรยาและแม่คนในอุดมคติ….. ตราบเท่าที่ความรักนั้นไม่ถูกทรยศเท่านั้น, ประกอบด้วยทำอาหาร + ทำความสะอาด + ดูแลเด็ก + ทักษะทางเพศ
– สะกดรอย : สามารถไล่ตามกลิ่นอายของเป้าหมายที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ได้
– จับเท็จ : มองทะลุคำโกหกของเป้าหมายได้
「นี่มัน…..」
เมื่อซุซูกะเห็นการ์ดก็ต้องเบิกตากว้าง
ฮาชิฮิเมะ การ์ดแรงค์ C ประเภทยักษ์/เทพพุทธ
การ์ดใบที่ 3 ที่ได้เลือกในการแลกเปลี่ยนกับโทโน่ซัง เป็นการ์ดสำหรับช่วยแรงค์อัพซุซูกะ
ว่ากันตามตรง ในรายการนั้นยังมีการ์ดใบอื่นที่น่าดึงดูดอยู่อีหลายใบ อย่างเช่น ดูลลาฮานที่มีสกิลแปลงอุปกรณ์
แต่ถึงอย่างนั้น การที่เลือกการ์ดใบนี้ก็เพราะอยากจะให้ซุซูกะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย
ตัวเธอที่เรียกผมเป็น『พรรคพวกตัวประกอบ』เพราะว่าต่างคนต่างไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งพิเศษ
ผมเอง คิดว่าตัวประกอบคือ『พวกที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง』
เพราะไม่มีความมั่นใจในตัวเองจึงไม่สามารถรับเอาความท้าทายใหม่ๆ สุดท้ายก็จบที่หลงทางอยู่ในหมู่『พวกที่เหลือ』นี่ก็คือ ธรรมชาติที่แท้จริงของตัวประกอบ
แม้แต่ตอนนี้ที่หลังจากได้เป็นนักผจญภัย พบเจอกับพวกเร็นกะ ขึ้นสู่ท็อปของชนชั้นโรงเรียน ผมก็ยังคงเป็นแค่ตัวประกอบอยู่
นั่นเพราะว่าผมไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
ก็แค่มีเหล่าการ์ดที่มีความพิเศษ ที่พิเศษคือสิ่งภายนอก
ซุซูกะที่เรียกผมเป็นพรรคพวกตัวประกอบคงจะมองออกเรื่องนั้น
แต่ว่า เป็นแบบนั้นแล้วจะทำไม
ผิดอะไรที่จะภูมิใจในการ์ดของตัวเอง ผิดอะไรที่จะคุยโม้ถึงความสุดยอดของการ์ดตัวเอง
ตัวผม อยากจะให้ซุซูกะรู้ว่าตัวเธอก็เป็นหนึ่งในการ์ดที่ผมภูมิใจเช่นกัน
ถ้าหากว่ามันทำให้เธอได้มีความมั่นใจในตัวเองก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากที่ต้องจ่าย
「ดูเหมือนว่ามาสเตอร์ของพวกเรา…..」
ซุซูกะพูดขณะที่หัวเราะกลบเกลื่อนน้ำตาที่อยู่หางตา
「จะมีพรสวรรค์ในการเอาชนะใจการ์ดล่ะนะ…..แต่ก็ดูจะไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงเลย」
「เงียบไปเลยน่า」
น้ำตาวิ่งไหลผ่านแก้มของเธอ…..แต่ผมตัดสินใจแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นมัน
【เผ่า】ฮาชิฮิเมะ(ซุซูกะ)
【พลังต่อสู้】630 (+180 UP!)
【ทักษะติดตัว】
– ความรักที่มากเกินไปแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังร้อยเท่า
– เยือนยามฉลู
– เปลี่ยนแปลงพันโฉม
【ทักษะเรียนรู้】
– ยักษ์ปิดตา
– ศิลปะการต่อสู้
– มองขาด
– ภรรยาที่ดี แม่ที่ฉลาด (NEW!)
– สะกดรอย (NEW!)
– จับเท็จ (NEW!)
หลังจากซุซูกะกลายเป็นฮาชิฮิเมะแล้ว รูปลักษณ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือเขาคู่สั้นๆที่เคยมีตรงหน้าผาก ยืดและโค้งออกจนมีขนาดใหญ่
「ฟุฟุ…..จากรูปร่างแล้ว ดูท่ามาสเตอร์จะชอบอยู่เลยไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก และถ้าใช้ฮาชิฮิเมะมาเป็นพื้นฐานแล้วมันจะทำให้หน้าอกมีขนาดเล็กลงไปด้วยล่ะนะ」
「ง-งั้นเหรอ…..」
ผม「ทำได้ดีมาก!」คิดอยู่ในใจ
「จะว่าไปแล้วมาสเตอร์ เกี่ยวกับดวงตานั่น」
จู่ๆซุซูกะก็จ้องมาที่ใบหน้าผม
「ตาของผมมีอะไรเหรอ?」
「…..ถ้าได้เห็นเองมันจะไวกว่า ทำไมไม่เอาการ์ดของยัยนั่นออกมาดูล่ะ? ถ้าตอนนี้น่าจะสามารถเห็นมันแล้วล่ะ」
ยัยนั่น? หรือว่าจะหมายถึงเร็นกะ คิดได้แบบนั้นจึงนำการ์ดออกมา…..
【เผ่า】ซาชิกิวาราชิ (เร็นกะ)
【พลังต่อสู้】800
【ทักษะติดตัว】
– โชคดีและโชคร้ายคือเชือกที่มัดรวมกันแน่น
– ซ่อนแอบ
– เวทมนตร์ฟื้นฟูขั้นกลาง
【ทักษะเรียนรู้】
– เนตรดารา (UNLOCK!)
– หวนคืนจิตวิญญาณ
– จิตวิญญาณอิสระ
– เวทมนตร์โจมตีขั้นกลาง
– ลดการร่าย
– ฟื้นฟูพลังเวท
– มิตรภาพร่วมมือ
– เวทมนตร์สถานะผิดปกติขั้นกลาง
ที่ตรงนั้นมีชื่อของสกิลที่ไม่รู้จักถูกเขียนเอาไว้
เพิ่งได้มาใหม่ตอนคืนชีพงั้นเหรอ? ไม่สิ สกิลที่มีการเรียนรู้ใหม่จะถูกเพิ่มเข้าไปต่อท้ายจนกว่ามาสเตอร์จะเปลี่ยนแปลงลำดับเอง และมีคำว่า NEW! แสดงขึ้นมา
การที่มันอยู่บนสุดก็หมายความว่า กับหวนคืนจิตวิญญาณ…..มีมันอยู่ก่อนหน้าสกิลร่วงหล่นเสียอีก
อีกทั้ง UNLOCK! นี่เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นคำนี้…..หมายความว่า ถูกปิดผนึกเอาไว้งั้นเหรอ?
เนตรดารา…..ดวงตา…..? หรือว่าเป็นสกิลที่ทำให้ผมสามารถมองเห็นวิญญาณได้งั้นเหรอ? ทำไม มนุษย์อย่างผมถึงสามารถใช้สกิลของการ์ด…..
ผมที่กำลังเป็นแบบนั้น ซุซูกะก็ทำการกระซิบเบาๆมาที่ข้างหู
「ตัวของยัยนั่นเองดูจะเป็นมิตรกับมาสเตอร์ก็จริงอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ตามมาข้างหน้าจะเป็นเช่นนั้นด้วย ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี…..อย่าได้เผลอตัวมากจนเกินไปล่ะ」
「นั่นมัน หมายถึง…..」
ในขณะที่ผมกำลังจะถามกลับไป ตอนนั้นเอง
「อ๊า! ซุซูกะแรงค์อัพแล้ว!」
จู่ๆเมอาก็ตะโกนขึ้น
ขณะที่เมอากำลังง่วนอยู่กับเร็นกะ จู่ๆก็รู้สึกตัวว่าซุซูกะได้แรงค์อัพแล้ว
「หลังจากยูคิก็ต้องเป็นชั้นไม่ใช่เหรอ!? ทำไมทำไมทำไมล่ะ!? มาสเตอร์!」
「อะ ก็แบบ…..บังเอิญว่าได้มา」
ขณะที่รับมือกับการประท้วงอย่างรุนแรงของเมอา ซุซูกะที่ไม่อยากจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวก็ทำการชิ่งหนีออกไป
「ซัคคิวบัสมันหามาไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ หล่อนน่ะยอมแพ้แล้วแรงค์อัพเป็นรายสุดท้ายซะเถอะ」
「สุดท้าย!? หมายถึงหลังจากดราโกเน็ตนี่ด้วยงั้นเหรอ!?」
「เอ๋…..หมายถึงตัวชั้นเหรอค่ะ?」
「ไม่หรอก…..บางที หลังจากดราโกเน็ตแล้วก็อาจจะมีใบใหม่มาเข้าร่วมอีก…..」
「อะไรกัน~」
ขณะกำลังมองดูเร็นกะหยอกล้อเมอาอยู่แบบนั้น ตาของพวกเราก็ผสานกัน
มีอะไรรึ เธอขยับปากถามโดยไม่ออกเสียง
ผมส่ายหัวเพื่อบอกว่าไม่มีอะไร
ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี งั้นรึ
ต่อให้เป็นแบบนั้น ที่ตัดสินใจเดินไปตามเส้นทางนั่นก็คือตัวผมเอง
เช่นนั้นแล้ว ทั้งหมดที่ทำได้ก็คือเชื่อมั่นและเดินหน้าต่อไปจนถึงที่สุด
หลังจากนั้น ก่อนจะถึงวันเริ่มปฏิบัติการก็ผ่านไป 2 อาทิตย์
ผมกับอาจารย์ 2 คนพากันลงสำรวจเขาวงกตที่เห็นว่าเป็นที่ซึ่งเหมาะแก่การฝึกฝนกันต่อ
เป็นเขาวงกตที่ควบคุมโดยกองกำลังป้องกันตัวเอง และมีแค่นักผจญภัยมืออาชีพเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตเข้าไปได้ แลกกับเงื่อนไขอันเข้มงวดอย่าง ค่าเข้า 1 ล้านเยนต่อวัน และไอเทมที่ดรอปจะถูกริบทั้งหมด มันเป็นเขาวงกตสำหรับเก็บค่าประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบโดยจะการันตีการปรากฏตัวของคาบังเคิล 1 ตัวในแต่ละชั้นทุกวัน
รู้สึดหงุดหงิดนิดหน่อยกับค่าเข้าราคาแพงและการถูกริบโกเมนที่ขายได้เม็ดล่ะหลายล้านไปทั้งหมด แต่เนื่องจากที่นี่ดูจะเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนของกองกำลังป้องกันตัวเองและเหมืองโกเมน ก็ตัดสินใจเอาว่าแค่ดีใจที่ได้รับอนุญาตให้มาใช้มันสำหรับฝึกฝนแล้วก็พอ
จะว่าไปแล้ว เกี่ยวกับค่าเข้า ได้ยืมมาจากอาจารย์โดยคิดเป็นค่าจ้างล่วงหน้าไป
โดยปกติต่อให้เป็นเพื่อนสนิท มันก็ไม่ใช่แนวทางของผมที่จะไปยืมเงินใคร แต่ครั้งนี้ตัดสินใจผ่อนปรนมันลงเพราะมีเป้าหมายในการทดแทนหนี้บุญคุณ และก็เพื่อเพิ่มโอกาศสำเร็จของปฏิบัติการ
ถ้าเกิดว่าทีมอื่นปล่อยให้ผู้ใช้หมาล่าเนื้อฆ่าตัวตายหรือพลั้งมือสังหารไปก็อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็ค่อยรับมือกับมันตอนที่เวลานั้นมาถึงเอาละกัน
ด้วยความพยายามจึงทำให้ซุซูกะ(MAX900), กับดราโกเน็ต(MAX340) ทั้ง 2 ใบมาถึงขีดจำกัดในการเติบโต
โชคไม่ดีที่ยูคิไม่สามารถไปถึงขีดจำกัดการเติบโตได้ แต่พลังต่อสู้ก็ขึ้นไปถึง 1,370 และเหล่าไลแคนโทรป 2 ใบ —-เพราะว่าไม่จำเป็นต้องเก็บไลแคนโทรปไว้เป็นเงินทุนเพื่อชุบชีวิตพวกเร็นกะแล้ว อีก 1 ใบที่เหลือจึงให้ยูคิผสานไป—- สามารถเติบโตขึ้นมาได้ถึง 600
แม้จะพุ่งเป้าการฝึกไปที่พวกยูคิหลังจากที่ฝึกซุซูกะกับดราโกเน็ตเสร็จแล้ว ก็ยังไม่สามารถฝึกได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ บางทีข้อเสียของความต้องการค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นจากการอัญเชิญวงศ์วานแท้จริง จะหนักหนามากเกินกว่าที่คิดเอาไว้
นอกจากนี้ วงศ์วานใบใหม่ล่าสุดได้ถูกตั้งชื่อว่าชิโร่ เป็นเด็กหนุ่มผมสีขาวมีท่าทางขี้อายเล็กน้อย ให้ความรู้สึกคล้ายๆกับยูคิในตอนแรก
เนื่องจากชิโร่เชื่อฟังมาตั้งแต่แรกเริ่ม จึงไม่ได้โดนพิธีกรรมชำระล้างจากยูคิแต่อย่างใด คุโร่เองก็ดูแลน้องชายคนใหม่เป็นอย่างดี แม้แต่ในโลกของการ์ดเอง ลูกคนสุดท้องมักจะได้เปรียบเสมอล่ะนะ
และในที่สุด วันเริ่มปฏิบัติการก็มาถึง
【Tips】เขาวงกตลับ
ไม่ใช่ว่าเขาวงกตทุกแห่งจะเปิดแก่สาธารณะทั้งหมด เขาวงกตที่มีโอกาศดรอปอุปกรณ์เวทหายาก, หรือเขาวงกตที่มีการ์ดที่เป็นที่นิยมปรากฏ พวกมันจะถูกผูกขาดโดยรัฐด้วยเหตุผลว่าเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เขาวงกตที่ถูกควบคุมโดยทางทหารเหล่านี้จะเรียกว่า เขาวงกตลับ
จากมุมมองของประเทศแล้ว เขาวงกตที่เปิดให้แก่นักผจญภัยคือสถานที่ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ หนึ่งในจุดประสงค์ของระบบนักผจญภัยก็คือการปล่อยมาตรการรับมือแองโกลมัวร์ต่อเขาวงกตเหล่านี้ ให้เป็นเรื่องของนักผจญภัย และทำให้กองกำลังทหารที่มีอยู่จำกัดได้จดจ่ออยู่กับเขาวงกตที่มอบผลประโยชน์กลับมาสูงสุด
เขาวงกตลับบางแห่งจะเปิดให้แก่นักผจญภัยมืออาชีพเท่านั้น แต่ก็จะมาพร้อมกับข้อบังคับมากมาย อย่างเช่น การห้ามนำออกไปซึ่งไอเทมดรอป หรือค่าธรรมเนียมในการเข้าที่สูง
ข้อมูลเพิ่มเติม
ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี/The road to hell is paved with good intentions
สำนวนจากทางฝั่งยุโรป หมายถึง การกระทำอันชั่วร้ายมักจะกระทำด้วยเจตนาที่ดี หรือ แม้เจตนาที่มีจะดี แต่เมื่อลงมือกระทำ ผลลัพธ์ที่ตามอาจเป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจก็ได้
https://en.wikipedia.org/wiki/The_road_to_hell_is_paved_with_good_intentions
ฮาชิฮิเมะ/橋姫/Hashihime
ภูติผีจากตำนานของญี่ปุ่น, ยักษ์สาวผู้มีความเกลียดชังและพยาบาท แต่ก็มีการถูกบูชาในลักษณะใกล้เคียงเทพเจ้าแห่งการพลัดพรากและการตัดสัมพันธ์
ความรักที่มากเกินไปแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังร้อยเท่า/可愛さ余って憎さが百倍
สำนวนญี่ปุ่น หมายถึง การที่ใครคนหนึ่งมีความรู้สึกที่ดีต่ออีกฝ่ายมากเท่าใด มันก็จะยิ่งสามารถเปลี่ยนเป็นความเกลีดชังได้มากเท่านั้น
https://imidas.jp/proverb/detail/X-02-C-06-A-0002.html
วิธีนับเวลาตามศาสตร์ฮ้วงจุ้ยจีน ตามปีนักษัตรทั้ง 12 โดยใน 1 วัน สัตว์ 1 ชนิดอยู่ยาม 2 ชั่วโมง
หลักยามฉลู = 1.00-2.59 น. ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ภูติผีและอำนาจมืดมีพลังมากที่สุด
https://th.wikipedia.org/wiki/ปีนักษัตร