เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย 50 ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี

ตอนที่ 50 ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี

บทที่ 2 ตอนที่ 24

 

    หลายวันหลังจากการไปพบอาจารย์

    ผมได้มายังเขาวงกตแรงค์ D ที่ใกล้บ้านที่สุดด้วยตัวคนเดียว

    ในที่สุดวันนี้ก็ได้รับการ์ดซาชิกิวาราชิกับเลดี้แวมไพร์มาจากโทโน่ซัง….. เป็นวันที่จะได้ชุบชีวิตพวกเร็นกะ

    ใช้ปลายนิ้วลูบไปบนโซลการ์ดของพวกเธอเบาๆ

    เป็นเวลานานจริงๆ…..

    หลังจากที่ถูกโจมตีโดยผู้ใช้หมาล่าเนื้อนั้นเวลาผ่านมาแค่ไหนกันนะ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกคิดถึงท่าทางอวดดีของเร็นกะกับเสียงขลุ่ยของเอลิซ่าเอามากๆ

    …..หลังจากที่สูญเสียพวกเร็นกะ ก็รู้สึกตัวขึ้นมาอย่างหนึ่ง

    นั่นก็คือ แก่นของนักผจญภัยที่ชื่อว่าคิทากาว่า อุทามาโร่นั้นไม่ใช่ตัวผม แต่เป็นพวกเร็นกะต่างหาก

    นักผจญภัยที่ไม่มีการ์ด ก็เป็นแค่คนธรรมดา…..มีคำกล่าวเช่นนั้นอยู่

    ต่อให้เหลิงเรียกตัวเองว่านักผจญภัย แต่พอสูญเสียการ์ดไปทั้งหมดก็เป็นได้แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง มันเป็นคำกล่าวเชิงเสียดสีให้กับกระแสนักผจญภัยเมื่อเร็วๆนี้ แต่…..สำหรับผมมันจริงอย่างที่สุด

    ถ้าหากสูญเสียพวกเร็นกะไปทั้งหมด นักผจญภัยคิทากาว่า อุทามาโร่ก็จะตาย

    ต่อให้ได้การ์ดใบอื่นมาแล้วทำงานนักผจญภัยต่อ นั่นก็เป็นคนอื่นที่มีชื่อเดียวกันเท่านั้น

    นั่นก็เพราะ 『มุ่งไปข้างหน้าด้วยกันกับพวกเร็นกะ』ความรู้สึกนี้ คือแก่นการเป็นนักผจญภัยของผม

    ดึงพวกเร็นกะมาจากการ์ดแพ็ค, เผชิญหน้าชายเป่าขลุ่ยแห่งฮาเมลิน, ต่อสู้อย่างดุเดือดกับอาจารย์ ทัศนคติในชีวิตของผมได้ถูกบิดเบี้ยวไปแล้วอย่างใหญ่หลวง

    ความประหลาดใจที่พวกเร็นกะนำพามา ความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกันเมื่อก้าวข้ามวิกฤติได้….. ผมไม่สามารถจะใช้ชีวิตโดยปราศจากพวกมันได้อีกแล้ว

    มันแตกต่างไปนิดหน่อยจากการเสพติดความตื่นเต้นจากยาหรือการพนัน…..ความปรารถนา

    แม้แต่ตอนที่ไล่ตามฆาตกรต่อเนื่องแสนอันตรายกับพวกอันนา ความปรารถนานั้นก็ไม่เคยถูกเติมเต็ม

    รู้สึกราวกับมีรูโหว่ขนาดใหญ่ในหัวใจ

    หากปราศจากพวกเร็นกะแล้ว ผมก็ไม่มีอะไร

    รู้ตัวดีว่าเร็นกะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษที่นำพาโชคดีมหาศาลเข้ามาหาผม และผลย้อนกลับของมันคือการนำมาด้วยโชคร้าย

    แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่ผมจะไปยังเขาวงกตเพื่อจะได้พบกับพวกเร็นกะ

    ต่อให้ที่ปลายทางของมันจะนำไปสู่ความหายนะก็ตาม…..

    ในแง่นั้น เร็นกะนับว่าเป็นการ์ดต้องสาปอย่างแน่นอน

    เอาล่ะ ได้เวลาเรียกออกมาแล้ว

 

「…..ออกมา เร็นกะ!」

 

    การสำหรับชุบชีวิตหลอมละลาย แล้วการ์ดของเร็นกะก็มีสีสันกลับคืน

    เร็นกะผู้ไม่ได้ปรากฏตัวออกมานาน กำลังนั่งด้วยท่าทางแยงกี้เหมือนกันกับตอนที่เจอกันครั้งแรก…..และด้วยเหตุผลบางอย่าง จ้องตาเขม็งมาทางนี้

 

「ร-เร็นกะ…..?」

「…..นี่นาย」

 

    พอผมเรียกเธอที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีท่าทางหงุดหงิดสุดๆอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอก็ลุกขึ้นมาแล้วคว้าอกเสื้อของผม

 

「ทำไมถึงไม่ชุบชีวิตชั้นก่อนหะ เจ้าบ้า! ปกติแล้วในสถานการณ์แบบนี้ต้อง…..ชิ! ไม่มีอะไร!」

 

    เร็นกะจู่ๆก็เริ่มพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เดอะลิ้นแล้วปล่อยมือไป

    …..หรือว่ายัยนี่ จะงอนเพราะว่าไม่ได้ชุบชีวิตตัวเองเป็นคนแรก?

 

「ขอโทษล่ะกันน่า แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องชุบชีวิตมาก่อน 1 ใบน่ะสิ」

「…..แล้วทำไมต้องเป็นเมอา?」

「มันก็…..」

 

    เกิดลังเลเพราะจะให้บอกไปว่าเพราะราคาถูกที่สุดก็รู้สึกจะหยาบคายไป…..

 

「เอาเถอะ ครั้งนี้จะหยวนๆให้ก็ได้ เพราะดูเหมือนจะทันเวลาที่จะได้ปิดบัญชีกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อพอดีล่ะนะ」

 

    ด้วยคำเหล่านั้น ทำให้รู้สึกตัวถึงตัวตนที่แท้จริงของความรู้สึกอึดอัดที่มีอยู่

 

「นี่เธอ แม้แต่ในสภาพโซลการ์ดก็สามารถมองเห็นภายนอกได้งั้นเหรอ?」

「ก็บอกไปแล้วไง ว่าจะมองดูผ่านดวงตานั่นน่ะ」

 

    เคยบอกด้วยเหรอ? ผมเอียงคอด้วยความสงสัย

 

「ที่สำคัญกว่านั้น ต้องชุบชีวิตเอลิซ่าด้วยไม่ใช่รึไง?」

「อ-อา…..นั่นสินะ」

 

    ผมตัดสินใจเก็บคำถามเหล่านั้นไว้ทีหลังแล้วทำการชุบชีวิตเอลิซ่าก่อน

 

「ออกมา เอลิซ่า!」

 

    การ์ดเปล่งแสงแล้วผีดูดเลือดสาวแสนสวยก็ปรากฏ

    เธอมีสายตาเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่งแต่พอได้เห็นพวกเรา เธอก็ลงไปคุกเข่าแทบเท้าทันที

 

「มาสเตอร์, ต้องขอประทานอภัยด้วย เพราะประมาทไปแท้ๆ」

「ไม่ได้ประมาทอะไรหรอกนะ เธอทำอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วล่ะ เป็นเพราะเธอทำให้ผมกับยูคิสามารถหนีมาได้อย่างปลอดภัย」

「มาสเตอร์…..」

 

    ผมย่อตัวลงทำการสบตากับเธอแล้วพูดบอกไป เอลิซ่ากระพริบดวงตาสีแดงเข็มของเธอ

 

「…..คราวนี้, จะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้ค่ะ ต่อให้ต้องเสียสละตัวเองก็ตาม」

 

    ชั่วขณะที่เธอพูดออกมาด้วยความหนักแน่น การ์ดก็เปล่งแสง

 

 

【เผ่า】แวมไพร์ (เอลิซ่า)

【พลังต่อสู้】840 (MAX!)

【ทักษะติดตัว】

    – รีดเลือด

    – สัตว์ประหลาดแห่งราตรี

    – เวทมนตร์โจมตีขั้นกลาง

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – เชื่อฟังเด็ดขาด

    – อเนกประสงค์ (ทักษะทางเพศ, การแสดง, ปลดกับดัก, มารยาท, ศิลปะการต่อสู้)

    – ฟีโรโมน

    – ลอบโจมตี

    – หัวใจเยือกเย็น

    – ปกป้อง -> โล่แห่งการอุทิศตน (CHANGE!)

    – เคลื่อนไหวแม่นยำ

    – เวทมนตร์สนับสนุนขั้นกลาง

    – เสริมพลังเวท

    – ลดการร่าย

    – สัญชาตญาณ

 

 

    โล่แห่งการอุทิศตน สกิลสายป้องกันระดับสูงที่เป็นที่รู้จักอย่างดี เพิ่มความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของตน ทำให้สามารถรับความเสียหายของพรรคพวกที่อยู่ใกล้เคียงได้…..มีความสามารถแบบนั้นอยู่

    ได้ฝึกเอลิซ่ามาเป็นเวลานานโดยหวังว่าเธอจะได้มันมาแต่ การที่มันตื่นขึ้นมาใจช่วงเวลานี้พอดิบพอดี….. บางทีแล้วด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเธอ จะเป็นแรงผลักดันอันสุดท้ายสินะ

    หลังจากนั้นจึงทำการอัญเชิญยูคิ, เมอา, ซุซูกะ, ดราโกเน็ต เหล่าสมาชิกขาประจำออกมาทีละใบ

 

「เร็นกะซัง! เอลิซ่าซัง! คืนชีพแล้วสินะฮะ!」

「โย่ ยูคิ แรงค์อัพแล้วสินะ ยินดีด้วย」

「เร็นกะ! เหะเหะ~! ชั้นถูกชุบชีวิตขึ้นมาก่อนล่ะ อิจฉาล่ะสิ~」

「อ๋า? ถ้ามาดีใจกับเรื่องแค่นั้นล่ะก็ หล่อนมันก็เป็นผู้หญิงใจง่ายในหลายๆแง่นั่นแหละ」

「หา!? หมายความว่ายังไงน่ะ!」

「ก็หมายความว่าง่ายทั้งใจทั้งร่างกายไง」

「ว่าไงนะ โคร่า!」

「จะเอาเรอะ โอร่า!」

 

    ขณะที่ผมอมยิ้มให้กับสถานที่ที่จู่ๆก็มีความครึกครื้นขึ้นมา ซุซูกะก็ส่งเสียงน่าหดหู่ขึ้นมาจากทางด้านหลัง

 

「อา~ ทีนี้ทุกอย่างก็กลับเป็นปกติแล้ว แล้วทีนี้ชั้นเองก็ต้องกลับไปเป็นตัวประกอบอีกสินะ ไม่สิ แต่เดิมทีก็ไม่ถูกนับเป็นตัวหลักอยู่แล้ว ล่ะนะ」

「ซุซูกะ…..」

「เน่ มาสเตอร์ ถ้าหากว่าเป็นชั้นที่ลอสไป จะทำการชุบชีวิตกลับมารึเปล่า?」

「ของมันแน่อยู่แล้ว」

 

    ผมตอบกลับทันทีแล้วหยิบเอาการ์ดใบนึงออกมา

 

 

【เผ่า】ฮาชิฮิเมะ*

【พลังต่อสู้】450

【ทักษะติดตัว】

    – ความรักที่มากเกินไปแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังร้อยเท่า* : ขยายอารมณ์ด้านลบของตนและแปรเปลี่ยนเป็นพลังคำสาป, เสริมความสามารถด้านไสยเวทอย่างมาก, ยิ่งมีความผูกพันธ์ต่อมาสเตอร์กับพรรคพวกมากเท่าใด ผลที่ได้จะยิ่งมากขึ้น

    – เยือนยามฉลู* : โจมตีด้วยไสยเวทอันรุนแรงโดยไม่สนพลังต้านทานของอีกฝ่ายในระดับหนึ่ง, หากถูกศัตรูพบเห็นขณะใช้งาน จะถูกคำสาปย้อนเข้าตัว

    – เปลี่ยนแปลงพันโฉม : ร่างกายของยักษ์นั้นแปรเปลี่ยนไปตลอดเวลา, สามารถจำลองได้ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ แต่ยังรวมไปถึงกลิ่นอายและท่าทางของผู้อื่นได้, ประกอบไปด้วยทนทาน + พลังกายเหนือมนุษย์ + ฟื้นฟูตัวเอง

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – ภรรยาที่ดี แม่ที่ฉลาด : มีความสามารถทั้งหมดในการเป็นภรรยาและแม่คนในอุดมคติ….. ตราบเท่าที่ความรักนั้นไม่ถูกทรยศเท่านั้น, ประกอบด้วยทำอาหาร + ทำความสะอาด + ดูแลเด็ก + ทักษะทางเพศ

    – สะกดรอย : สามารถไล่ตามกลิ่นอายของเป้าหมายที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ได้

    – จับเท็จ : มองทะลุคำโกหกของเป้าหมายได้

 

 

「นี่มัน…..」

 

    เมื่อซุซูกะเห็นการ์ดก็ต้องเบิกตากว้าง

    ฮาชิฮิเมะ การ์ดแรงค์ C ประเภทยักษ์/เทพพุทธ

    การ์ดใบที่ 3 ที่ได้เลือกในการแลกเปลี่ยนกับโทโน่ซัง เป็นการ์ดสำหรับช่วยแรงค์อัพซุซูกะ

    ว่ากันตามตรง ในรายการนั้นยังมีการ์ดใบอื่นที่น่าดึงดูดอยู่อีหลายใบ อย่างเช่น ดูลลาฮานที่มีสกิลแปลงอุปกรณ์

    แต่ถึงอย่างนั้น การที่เลือกการ์ดใบนี้ก็เพราะอยากจะให้ซุซูกะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย

    ตัวเธอที่เรียกผมเป็น『พรรคพวกตัวประกอบ』เพราะว่าต่างคนต่างไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งพิเศษ

    ผมเอง คิดว่าตัวประกอบคือ『พวกที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง』

    เพราะไม่มีความมั่นใจในตัวเองจึงไม่สามารถรับเอาความท้าทายใหม่ๆ สุดท้ายก็จบที่หลงทางอยู่ในหมู่『พวกที่เหลือ』นี่ก็คือ ธรรมชาติที่แท้จริงของตัวประกอบ

    แม้แต่ตอนนี้ที่หลังจากได้เป็นนักผจญภัย พบเจอกับพวกเร็นกะ ขึ้นสู่ท็อปของชนชั้นโรงเรียน ผมก็ยังคงเป็นแค่ตัวประกอบอยู่

    นั่นเพราะว่าผมไม่มีความมั่นใจในตัวเอง

    ก็แค่มีเหล่าการ์ดที่มีความพิเศษ ที่พิเศษคือสิ่งภายนอก

    ซุซูกะที่เรียกผมเป็นพรรคพวกตัวประกอบคงจะมองออกเรื่องนั้น

    แต่ว่า เป็นแบบนั้นแล้วจะทำไม

    ผิดอะไรที่จะภูมิใจในการ์ดของตัวเอง ผิดอะไรที่จะคุยโม้ถึงความสุดยอดของการ์ดตัวเอง

    ตัวผม อยากจะให้ซุซูกะรู้ว่าตัวเธอก็เป็นหนึ่งในการ์ดที่ผมภูมิใจเช่นกัน

    ถ้าหากว่ามันทำให้เธอได้มีความมั่นใจในตัวเองก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกมากที่ต้องจ่าย

 

「ดูเหมือนว่ามาสเตอร์ของพวกเรา…..」

 

    ซุซูกะพูดขณะที่หัวเราะกลบเกลื่อนน้ำตาที่อยู่หางตา

 

「จะมีพรสวรรค์ในการเอาชนะใจการ์ดล่ะนะ…..แต่ก็ดูจะไม่เข้าใจจิตใจของผู้หญิงเลย」

「เงียบไปเลยน่า」

 

    น้ำตาวิ่งไหลผ่านแก้มของเธอ…..แต่ผมตัดสินใจแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นมัน

 

 

【เผ่า】ฮาชิฮิเมะ(ซุซูกะ)

【พลังต่อสู้】630 (+180 UP!)

【ทักษะติดตัว】

    – ความรักที่มากเกินไปแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังร้อยเท่า

    – เยือนยามฉลู

    – เปลี่ยนแปลงพันโฉม  

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – ยักษ์ปิดตา

    – ศิลปะการต่อสู้

    – มองขาด

    – ภรรยาที่ดี แม่ที่ฉลาด (NEW!)

    – สะกดรอย (NEW!)

    – จับเท็จ (NEW!)

 

 

    หลังจากซุซูกะกลายเป็นฮาชิฮิเมะแล้ว รูปลักษณ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมาก

    สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือเขาคู่สั้นๆที่เคยมีตรงหน้าผาก ยืดและโค้งออกจนมีขนาดใหญ่

 

「ฟุฟุ…..จากรูปร่างแล้ว ดูท่ามาสเตอร์จะชอบอยู่เลยไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก และถ้าใช้ฮาชิฮิเมะมาเป็นพื้นฐานแล้วมันจะทำให้หน้าอกมีขนาดเล็กลงไปด้วยล่ะนะ」

「ง-งั้นเหรอ…..」

 

    ผม「ทำได้ดีมาก!」คิดอยู่ในใจ

 

「จะว่าไปแล้วมาสเตอร์ เกี่ยวกับดวงตานั่น」

 

    จู่ๆซุซูกะก็จ้องมาที่ใบหน้าผม

 

「ตาของผมมีอะไรเหรอ?」

「…..ถ้าได้เห็นเองมันจะไวกว่า ทำไมไม่เอาการ์ดของยัยนั่นออกมาดูล่ะ? ถ้าตอนนี้น่าจะสามารถเห็นมันแล้วล่ะ」

 

    ยัยนั่น? หรือว่าจะหมายถึงเร็นกะ คิดได้แบบนั้นจึงนำการ์ดออกมา…..

 

 

【เผ่า】ซาชิกิวาราชิ (เร็นกะ)

【พลังต่อสู้】800

【ทักษะติดตัว】

    – โชคดีและโชคร้ายคือเชือกที่มัดรวมกันแน่น

    – ซ่อนแอบ

    – เวทมนตร์ฟื้นฟูขั้นกลาง

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – เนตรดารา (UNLOCK!)

    – หวนคืนจิตวิญญาณ

    – จิตวิญญาณอิสระ

    – เวทมนตร์โจมตีขั้นกลาง

    – ลดการร่าย

    – ฟื้นฟูพลังเวท

    – มิตรภาพร่วมมือ

    – เวทมนตร์สถานะผิดปกติขั้นกลาง

 

    ที่ตรงนั้นมีชื่อของสกิลที่ไม่รู้จักถูกเขียนเอาไว้

    เพิ่งได้มาใหม่ตอนคืนชีพงั้นเหรอ? ไม่สิ สกิลที่มีการเรียนรู้ใหม่จะถูกเพิ่มเข้าไปต่อท้ายจนกว่ามาสเตอร์จะเปลี่ยนแปลงลำดับเอง และมีคำว่า NEW! แสดงขึ้นมา

    การที่มันอยู่บนสุดก็หมายความว่า กับหวนคืนจิตวิญญาณ…..มีมันอยู่ก่อนหน้าสกิลร่วงหล่นเสียอีก

    อีกทั้ง UNLOCK! นี่เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นคำนี้…..หมายความว่า ถูกปิดผนึกเอาไว้งั้นเหรอ?

    เนตรดารา…..ดวงตา…..? หรือว่าเป็นสกิลที่ทำให้ผมสามารถมองเห็นวิญญาณได้งั้นเหรอ? ทำไม มนุษย์อย่างผมถึงสามารถใช้สกิลของการ์ด…..

    ผมที่กำลังเป็นแบบนั้น ซุซูกะก็ทำการกระซิบเบาๆมาที่ข้างหู

 

「ตัวของยัยนั่นเองดูจะเป็นมิตรกับมาสเตอร์ก็จริงอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ตามมาข้างหน้าจะเป็นเช่นนั้นด้วย ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี…..อย่าได้เผลอตัวมากจนเกินไปล่ะ」

「นั่นมัน หมายถึง…..」

 

    ในขณะที่ผมกำลังจะถามกลับไป ตอนนั้นเอง

 

「อ๊า! ซุซูกะแรงค์อัพแล้ว!」

 

    จู่ๆเมอาก็ตะโกนขึ้น

    ขณะที่เมอากำลังง่วนอยู่กับเร็นกะ จู่ๆก็รู้สึกตัวว่าซุซูกะได้แรงค์อัพแล้ว

 

「หลังจากยูคิก็ต้องเป็นชั้นไม่ใช่เหรอ!? ทำไมทำไมทำไมล่ะ!? มาสเตอร์!」

「อะ ก็แบบ…..บังเอิญว่าได้มา」

 

    ขณะที่รับมือกับการประท้วงอย่างรุนแรงของเมอา ซุซูกะที่ไม่อยากจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวก็ทำการชิ่งหนีออกไป

 

「ซัคคิวบัสมันหามาไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ หล่อนน่ะยอมแพ้แล้วแรงค์อัพเป็นรายสุดท้ายซะเถอะ」

「สุดท้าย!? หมายถึงหลังจากดราโกเน็ตนี่ด้วยงั้นเหรอ!?」

「เอ๋…..หมายถึงตัวชั้นเหรอค่ะ?」

「ไม่หรอก…..บางที หลังจากดราโกเน็ตแล้วก็อาจจะมีใบใหม่มาเข้าร่วมอีก…..」

「อะไรกัน~」

 

    ขณะกำลังมองดูเร็นกะหยอกล้อเมอาอยู่แบบนั้น ตาของพวกเราก็ผสานกัน

    มีอะไรรึ เธอขยับปากถามโดยไม่ออกเสียง

    ผมส่ายหัวเพื่อบอกว่าไม่มีอะไร

    ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี งั้นรึ

    ต่อให้เป็นแบบนั้น ที่ตัดสินใจเดินไปตามเส้นทางนั่นก็คือตัวผมเอง

    เช่นนั้นแล้ว ทั้งหมดที่ทำได้ก็คือเชื่อมั่นและเดินหน้าต่อไปจนถึงที่สุด

 

 

    หลังจากนั้น ก่อนจะถึงวันเริ่มปฏิบัติการก็ผ่านไป 2 อาทิตย์

    ผมกับอาจารย์ 2 คนพากันลงสำรวจเขาวงกตที่เห็นว่าเป็นที่ซึ่งเหมาะแก่การฝึกฝนกันต่อ

    เป็นเขาวงกตที่ควบคุมโดยกองกำลังป้องกันตัวเอง และมีแค่นักผจญภัยมืออาชีพเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตเข้าไปได้ แลกกับเงื่อนไขอันเข้มงวดอย่าง ค่าเข้า 1 ล้านเยนต่อวัน และไอเทมที่ดรอปจะถูกริบทั้งหมด มันเป็นเขาวงกตสำหรับเก็บค่าประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบโดยจะการันตีการปรากฏตัวของคาบังเคิล 1 ตัวในแต่ละชั้นทุกวัน

    รู้สึดหงุดหงิดนิดหน่อยกับค่าเข้าราคาแพงและการถูกริบโกเมนที่ขายได้เม็ดล่ะหลายล้านไปทั้งหมด แต่เนื่องจากที่นี่ดูจะเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนของกองกำลังป้องกันตัวเองและเหมืองโกเมน ก็ตัดสินใจเอาว่าแค่ดีใจที่ได้รับอนุญาตให้มาใช้มันสำหรับฝึกฝนแล้วก็พอ

    จะว่าไปแล้ว เกี่ยวกับค่าเข้า ได้ยืมมาจากอาจารย์โดยคิดเป็นค่าจ้างล่วงหน้าไป

    โดยปกติต่อให้เป็นเพื่อนสนิท มันก็ไม่ใช่แนวทางของผมที่จะไปยืมเงินใคร แต่ครั้งนี้ตัดสินใจผ่อนปรนมันลงเพราะมีเป้าหมายในการทดแทนหนี้บุญคุณ และก็เพื่อเพิ่มโอกาศสำเร็จของปฏิบัติการ

    ถ้าเกิดว่าทีมอื่นปล่อยให้ผู้ใช้หมาล่าเนื้อฆ่าตัวตายหรือพลั้งมือสังหารไปก็อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็ค่อยรับมือกับมันตอนที่เวลานั้นมาถึงเอาละกัน

    ด้วยความพยายามจึงทำให้ซุซูกะ(MAX900), กับดราโกเน็ต(MAX340) ทั้ง 2 ใบมาถึงขีดจำกัดในการเติบโต

    โชคไม่ดีที่ยูคิไม่สามารถไปถึงขีดจำกัดการเติบโตได้ แต่พลังต่อสู้ก็ขึ้นไปถึง 1,370 และเหล่าไลแคนโทรป 2 ใบ —-เพราะว่าไม่จำเป็นต้องเก็บไลแคนโทรปไว้เป็นเงินทุนเพื่อชุบชีวิตพวกเร็นกะแล้ว อีก 1 ใบที่เหลือจึงให้ยูคิผสานไป—- สามารถเติบโตขึ้นมาได้ถึง 600

    แม้จะพุ่งเป้าการฝึกไปที่พวกยูคิหลังจากที่ฝึกซุซูกะกับดราโกเน็ตเสร็จแล้ว ก็ยังไม่สามารถฝึกได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ บางทีข้อเสียของความต้องการค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นจากการอัญเชิญวงศ์วานแท้จริง จะหนักหนามากเกินกว่าที่คิดเอาไว้

    นอกจากนี้ วงศ์วานใบใหม่ล่าสุดได้ถูกตั้งชื่อว่าชิโร่ เป็นเด็กหนุ่มผมสีขาวมีท่าทางขี้อายเล็กน้อย ให้ความรู้สึกคล้ายๆกับยูคิในตอนแรก

    เนื่องจากชิโร่เชื่อฟังมาตั้งแต่แรกเริ่ม จึงไม่ได้โดนพิธีกรรมชำระล้างจากยูคิแต่อย่างใด คุโร่เองก็ดูแลน้องชายคนใหม่เป็นอย่างดี แม้แต่ในโลกของการ์ดเอง ลูกคนสุดท้องมักจะได้เปรียบเสมอล่ะนะ

 

    และในที่สุด วันเริ่มปฏิบัติการก็มาถึง

 

 

 

【Tips】เขาวงกตลับ

    ไม่ใช่ว่าเขาวงกตทุกแห่งจะเปิดแก่สาธารณะทั้งหมด เขาวงกตที่มีโอกาศดรอปอุปกรณ์เวทหายาก, หรือเขาวงกตที่มีการ์ดที่เป็นที่นิยมปรากฏ พวกมันจะถูกผูกขาดโดยรัฐด้วยเหตุผลว่าเพื่อผลประโยชน์ของชาติ เขาวงกตที่ถูกควบคุมโดยทางทหารเหล่านี้จะเรียกว่า เขาวงกตลับ

    จากมุมมองของประเทศแล้ว เขาวงกตที่เปิดให้แก่นักผจญภัยคือสถานที่ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ หนึ่งในจุดประสงค์ของระบบนักผจญภัยก็คือการปล่อยมาตรการรับมือแองโกลมัวร์ต่อเขาวงกตเหล่านี้ ให้เป็นเรื่องของนักผจญภัย และทำให้กองกำลังทหารที่มีอยู่จำกัดได้จดจ่ออยู่กับเขาวงกตที่มอบผลประโยชน์กลับมาสูงสุด

    เขาวงกตลับบางแห่งจะเปิดให้แก่นักผจญภัยมืออาชีพเท่านั้น แต่ก็จะมาพร้อมกับข้อบังคับมากมาย อย่างเช่น การห้ามนำออกไปซึ่งไอเทมดรอป หรือค่าธรรมเนียมในการเข้าที่สูง

 

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

ทางเดินสู่นรกนั้นถูกปูไว้ด้วยเจตนาดี/The road to hell is paved with good intentions

สำนวนจากทางฝั่งยุโรป หมายถึง การกระทำอันชั่วร้ายมักจะกระทำด้วยเจตนาที่ดี หรือ แม้เจตนาที่มีจะดี แต่เมื่อลงมือกระทำ ผลลัพธ์ที่ตามอาจเป็นสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจก็ได้

https://en.wikipedia.org/wiki/The_road_to_hell_is_paved_with_good_intentions

 

 

ฮาชิฮิเมะ/橋姫/Hashihime

ภูติผีจากตำนานของญี่ปุ่น, ยักษ์สาวผู้มีความเกลียดชังและพยาบาท แต่ก็มีการถูกบูชาในลักษณะใกล้เคียงเทพเจ้าแห่งการพลัดพรากและการตัดสัมพันธ์

#โยไคอะไรเนี่ย EP11 HASHIHIME [橋姫]

Hashihime – The Bridge Princess

 

 

ความรักที่มากเกินไปแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังร้อยเท่า/可愛さ余って憎さが百倍

สำนวนญี่ปุ่น หมายถึง การที่ใครคนหนึ่งมีความรู้สึกที่ดีต่ออีกฝ่ายมากเท่าใด มันก็จะยิ่งสามารถเปลี่ยนเป็นความเกลีดชังได้มากเท่านั้น

https://imidas.jp/proverb/detail/X-02-C-06-A-0002.html

 

 

วิธีนับเวลาตามศาสตร์ฮ้วงจุ้ยจีน ตามปีนักษัตรทั้ง 12 โดยใน 1 วัน สัตว์ 1 ชนิดอยู่ยาม 2 ชั่วโมง

หลักยามฉลู = 1.00-2.59 น. ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ภูติผีและอำนาจมืดมีพลังมากที่สุด

https://th.wikipedia.org/wiki/ปีนักษัตร

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

Score 10
Status: Completed
ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ในโลกคู่ขนานของญี่ปุ่น จู่ๆ เขาวงกตได้ปรากฏขึ้น ที่ซึ่งมอนสเตอร์โผล่ออกมา ในช่วงแรกเริ่มนั้นเขาวงกตไม่ได้ต่างอะไรไปจากภัยพิบัติ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทรัพยากรที่เขาวงกตผลิต และตัวตนของ 'การ์ด' ที่ตกจากมอนสเตอร์ กลายเป็นช่วงแห่งการกอบโกย การ์ดมอนสเตอร์ที่สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาได้ดั่งใจนึก เหล่านักผจญภัยที่ใช้พลังของการ์ดเพื่อพิชิตเขาวงกต ถ่ายทอดสถานการณ์เหล่านั้นด้วยดันเจี้ยนTV, โคลอสเซียมที่มอนสเตอร์ต่อสู้กัน..... สิ่งเหล่านี้กระตุ้นความสนใจในตัวผู้คน แล้วก่อนที่จะรู้ตัวนักผจญภัยก็กลายเป็นอาชีพที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเป็น คิทากาว่า・อุทามาโร่ เด็กม.ปลายสายม็อบ เห็นเพื่อนที่น่าจะเป็นสายม็อบเดียวกัน หลังจากที่เป็นนักผจญภัยแล้วกลับถีบตัวไปอยู่ในกลุ่มท็อบได้ จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักผจญภัยด้วยตัวเอง อุทามาโร่ เพื่อที่จะได้แรร์การ์ดไปอวดทุกคนได้จึงเดิมพันชีวิตกับกาชาสุดบ้าระห่ำราคา 1 ล้านเยน ทว่า---?

Options

not work with dark mode
Reset