บทที่ 2 ตอนที่ 23
ณ เขาวงกตประเภทถ้ำอันมืดมิด ที่มุมหนึ่งของมันนั้น…..ผมกำลังจ้องมองไปที่ร่างของเพื่อนร่วมชั้นอยู่
ชายหนุ่มที่ชื่อว่าชิชิโด ตัวผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก
ได้ยินว่ามักจะมีเรื่องชกต่อยกันทุกวันเมื่อครั้งม.ต้นบ้าง หรือไม่ก็ตอนอยู่ที่โรงเรียนสงบเสงี่ยมดีแต่พอหลังเลิกเรียนแล้วก็กร่างไปทั่วบ้าง หรือไม่ก็จริงๆแล้วเป็นแยงกี้ที่ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยเลยบ้าง…..
นอกจากข่าวลือแล้วก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย และก็ไม่พยายามที่จะทำความรู้จักด้วย
เพิ่งจะได้รู้ว่าชิชิโดมองผมเป็นศัตรูก็หลังจากที่โอโน่บอก เดาว่าในท้ายที่สุดแล้ว ก็หมายถึงผมไม่ได้มีความสนใจอะไรในตัวเขาเลย
ถ้าหากว่าผมมีความสนใจในตัวชิชิโดมากกว่านี้ซักนิด ออกไปเที่ยวเล่นกับเขาแม้เพียงซักครั้ง…..
จุดจบเช่นนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ตัวผม มีความคิดคลุมเครืออยู่เช่นนี้ ในขณะที่ยืนอยู่ต่อหน้าร่างของเพื่อนร่วมชั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ดีเมื่อไม่กี่วันก่อน
「รุ่นพี่เป็นอะไรรึเปล่าส์คะ?」
อันนาถามด้วยความเป็นห่วงอย่างกล้าๆกลัวๆ
「อา…..ไม่เป็นอะไรหรอก แต่ว่า การสูญเสียของคนที่รู้จัก…..มันมากกว่าที่คาดเอาไว้ซะอีก…..」
ถ้าหากให้คำแนะนำที่จริงจังมากกว่านี้ไปซะก็ดี ถ้าหากว่าเริ่มเคลื่อนไหวไปตอนที่ชิชิโดเริ่มลาหยุดก็อาจจะทันเวลาก็เป็นได้ ไม่ใช่เพราะว่าความรู้สึกรังเกียจต่อชิชิโดส่งผลให้ทอดทิ้งเขาไปแบบไม่รู้สึกตัวหรอกเหรอ?
ความคิดเหล่านี้หมุนวนอยู่ภายในหัว
「อย่าได้ท้อแท้มากเกินไปเลยนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของคนร้ายส์นั่นแหละ」
「อา…..」
「…..อีกอย่าง ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ตายเปล่าเช่นกัน」
พอมองไปทางต้นเสียง ก็เห็นโอริเบะกำลังอ่านสมุดพกนักเรียนของชิชิโดอยู่
「ซาโยะ เจออะไรเข้างั้นเหรอ?」
「อุมุ…..ในที่สุดก็เจอสิ่งที่ตามหาแล้วล่ะ」
ด้วยคำพูดนั้นทำให้บรรยากาศหนักขึ้น
「โอริเบะ นั่นมันคือ…..?」
「สิ่งที่เรียกว่าไดอิ้งเมสเซส นั่นแหละค่ะ」
…..ไดอิ้งเมสเซส?
คำศัพท์พื้นฐานที่อยู่ในนิยายสืบสวน แต่พอมาได้ยินจริงๆเข้ากลับให้ความรู้สึกแปลกๆ
ทำไมกันน้า เอียงคอด้วยความสงสัย
สถานการณ์ที่สามารถทิ้งไดอิ้งเมสเซสในตัวของมันเองนั่นล่ะที่ไม่เป็นธรรมชาติ
ถ้าหากว่าตัวคุณเองกำลังถูกฆาตรกรไล่ตาม จะเกิดอะไรขึ้นหากเหยื่อพยายามจะทิ้งไดอิ้งเมสเซส? แน่นอนว่าต้องถูกป้องกันไม่ให้ทำ ถ้าเกิดว่ามีเหลืออยู่ล่ะก็จะต้องถูกทำลายทิ้งแน่ๆ
ถึงจะเป็นเรื่องปกติในนิยายลึกลับ แต่ในชีวิตจริงมันเป็นไปไม่ได้ นั่นล่ะคือไดอิ้งเมสเซส…..
แล้ว ทำไมไดอิ้งเมสเซสถึงได้ถูกปล่อยเอาไว้เช่นนี้…..
ผมกับอันนาพากับดูที่สมุดพกนักเรียนของชิชิโด
ภายในนั้น มีเขียนบันทึกทั้งคำพูดและท่าทางของคนร้าย, การ์ดที่ใช้, และข้อมูลยิบย่อยอื่นๆ ราวกับว่าพยายามนึกออกมา
ข้อมูลถูกเขียนด้วยลายมือสั่นเทาแต่ก็มีรายละเอียดมากเท่าที่จะมากได้ สามารถเรียกได้ว่ามันเป็นการฮึดสู้ครั้งสุดท้ายของชิชิโด
ในหมู่นั้น สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือท่าทางของผู้ใช้หมาล่าเนื้อ
คนร้ายได้พูดสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกฝังใจอย่าง 「ความปรารถนาอันสูงส่ง」「อวดดีคิดว่าพลังของการ์ดคือพลังของตัวเอง」คำกล่าวพวกนี้…..
คำพวกนี้ผมจำได้ มันคล้ายกับคำและท่าทางที่ได้เจอเมื่อตอนนั้น…..คล้ายกันเกินไปด้วยซ้ำ
และที่หน้าสุดท้าย「คนร้ายน่าจะเป็นคนเคร่งลัทธิ」สรุปความคิดของชิชิโด และข้อความที่ฝากทิ้งแก่ครอบครัวกับเพื่อนๆ
「ไดอิ้งเมสเซสที่ถูกทิ้งไว้, สร้อยประคำที่พบในที่เกิดเหตุของซาโต้ซัง, และเซอร์เคิลนักผจญภัยที่เหยื่อเข้าร่วม สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดล้วนทำให้นึกได้ถึงสมาคมพระแม่ดารา」
หรือว่า…..
「คนร้ายก็คือพระแม่ดารา—-หรือการอยากให้คิดได้แบบนั้นก็คือเป้าหมายของผู้ใช้หมาล่าเนื้องั้นเหรอ? 」
ใช่แล้ว โอริเบะพยักหน้ารับ
「จากที่เห็นได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้คนถูกสังหารไปมากมายแต่กลับไม่สามารถจับได้แม้แต่หาง แสดงว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อมีความระวังตัวอย่างมาก แล้วคนร้ายแบบนั้น จะปล่อยให้ของอย่างไดอิ้งเมสเซสที่สามารถชี้เป้าไปที่ตัวจริงของคนๆนั้นเอาไว้อย่างงั้นเหรอคะ?」
เป็นไปไม่ได้ ถ้าจะมีแล้วล่ะก็…..
「บางทีคงจะแน่ใจว่ามันไม่สามารถนำไปสู่ตัวจริงของเขาได้แน่ๆ ไม่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อทิ้งเอาไว้เอง บางทีเป้าหมายก็เพื่อให้การสืบสวนมุ่งไปหาคนอื่น สาเหตุที่ปล่อยให้เหยื่อหนีขึ้นไปทางบันไดโดยไม่ลงมือสังหารด้วยตัวเอง ก็อาจจะเพื่อให้มีเวลาในการทิ้งไดอิ้งเมสเซส…..หมายความว่าแบบนั้นสินะ」
ถ้าคิดแบบนั้นแล้วล่ะก็ จะสามารถอธิบายได้ในระดับหนึ่งว่าทำไมผู้ใช้หมาล่าเนื้อถึงไม่ลงมือจัดการเอง แต่ว่า…..
「ทำไม ถึงจำเป็นต้องให้เหยื่อเป็นคนที่ทิ้งไดอิ้งเมสเซสเองด้วยล่ะ? ลงมือสังหารแล้วทิ้งเอาไว้เองก็ได้นี่นา」
วิธีที่จะให้เหยื่อเป็นคนทิ้งไดอิ้งเมสเซสด้วยตัวเองนั้นมีความแน่นอนต่ำ ซึ่งในความจริง พวกเราก็มีการสืบสวนไปแล้วตั้งมากมายกว่าจะได้มาเจออันนี้ ถ้าอย่างนั้นมันจะเร็วกว่าถ้าจัดเตรียมมาเองซะตั้งแต่ต้น
「นั่นมัน บางทีแล้วอาจจะเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากความเชื่อของเหยื่อก็เป็นได้
ผู้ใช้หมาล่าเนื้อ พูดสิ่งที่สามารถแปลได้เป็นความปรารถนาอันสูงส่งและยกย่องการ์ดให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าจะไม่กล่าวถึงลัทธิโดยตรง แต่ก็มากพอจะทำให้เหยื่อรับรู้ถึงลัทธิได้ แล้วเหยื่อที่ฉลาดมากพอก็จะทิ้งไดอิ้งเมสเซสที่มีความคิดแบบนี้ออกมา
เหนือสิ่งอื่นใด ความกลัวตายจะทำให้สูญเสียความสงบไปส่วนหนึ่งจึงไม่ทันคิดว่ามันเป็นการชี้นำ แล้วจากนั้นทางตำรวจและกิลล์ในที่สุดก็ได้เบาะแสนำไปสู่คนร้ายซึ่งมาจากการกลั่นกรองความคิดของเหยื่อ…..แค่นี้ก็มีพลังในการโน้มน้าวในมากพอแล้ว นั่นก็เพราะหลักฐานเป็นลายมือของเหยื่อที่ทิ้งเอาไว้ด้วยตัวเองค่ะ」
อย่างงี้นี่เอง…..มันก็จริงที่ไดอิ้งเมสเซสที่คนร้ายทิ้งไว้คงจะไม่มีแรงโน้มน้าวมากพอ แล้วจากการวิเคราะห์ลายมือก็สามารถระบุได้ว่าคนๆนั้นเขียนเองหรือไม่ ถ้าหากกลับกลายเป็นว่าเหยื่อไม่ได้เขียนเอง มันก็อาจจะถูกใช้เป็นเบาะแสนำไปสู้ตัวคนร้ายได้
หรือไม่ก็อาจจะหวังผลข้อมูลให้มีความหลากหลายโดยปล่อยให้เป็นสิ่งที่เหยื่อคิดออกมาได้เองก็เป็นได้
คำสำคัญอย่างความปรารถนาอันสูงส่ง ไม่เพียงแต่ทำให้นึกถึงลัทธิ ยังโยงไปถึงกลุ่มปฏิวัติได้ด้วย
ถ้าผู้ใช้หมาล่าเนื้อไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกนั้นแล้วล่ะก็ แค่นั้นก็มากเพียงพอสำหรับการขัดขวางการสืบสวนแล้ว
แต่ว่า…..
「การทิ้งสร้อยประคำไว้ในที่เกิดเหตุ และการรวมเอาสมาชิกของสมาคมพระแม่ดารามาอยู่ในหมู่เหยื่อ มันจะไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยเหรอ? ในทางกลับกันมันก็มีความเป็นไปได้ว่าความสงสัยจะถูกหลีกเลี่ยงไปได้」
「จะเป็นการดีกว่าหากไม่คิดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ และการที่มันโจ่งแจ้งเกินไปก็ไม่ได้ทำให้ถูกถอดออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยของทางตำรวจ เหนือสิ่งอื่นใด ที่ต้องการก็คือทำให้มันเป็นที่น่าสนใจและอื้อฉาวแก่『วงนอก』」
「งั้นเหรอ…..สื่อสินะ」
มีคำกล่าวที่ว่าถ้าไม่มีไฟ ที่ไหนจะมีควัน แต่ถ้าเกิดมีควันแล้วล่ะก็ พวกสื่อก็จะสรุปว่ามันต้องมีไฟแล้วเขียนพาดหัวออกมา แถมกับการที่เคยมีประวัติอาชญากรรมที่ไปทำการฆาตกรรมแล้วบูชายัญในเขาวงกตอีก เหมาะแก่การถูกมองเป็นอาชญากรเต็มๆ
ถ้าหากว่าคนร้ายตัวจริงถูกจับแล้วพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แน่ใจว่าจะต้องทำเป็นลืมเรื่องที่ไปปฏิบัติราวกับเป็นอาชญากร แล้วเผยแพร่พาดหัวแสดงความเห็นใจออกมาทีหลัง
ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญตราบเท่าที่มันถูกนำไปพูดถึง
อย่างไรก็ดี…..
「ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่จะให้สื่อมาพาดหัวเริ่มจะผิดแผนไปหมดแทน」
โอริเบะพูดเยาะเย้ย
นั่นมันบางทีอาจจะเพราะไปบังเอิญกับข่าวใหญ่อย่างการหายไปของเขาวงกต ซึ่งทำให้ทางรัฐบาลต้องออกมาดำเนินการ
ไม่รู้ว่าทำไมผู้ใช้หมาล่าเนื้อถึงต้องทำให้เขาวงกตหายไปด้วย แต่มันคงจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติต่อเขาเองเช่นกัน
นั่นเพราะทางรัฐบาลออกมาควบคุมข้อมูลของคดีเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถจับตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้
อย่างที่โอโน่สามารถรวบรวมข้อมูลได้จาก SNS ตัวเหตุการณ์นั้นเริ่มจะเป็นที่สนใจในสายตาสาธารณชนว่าจะเป็นคดีก็เมื่อประมาณเกือบ 1 ปีก่อน
ถ้าหากการหายไปของเขาวงกตไม่เกิดขึ้น คดีนี้ก็คงได้โผล่ในรายการข่าวทุกวันแล้วในตอนนี้
ซึ่งถ้าหากมันเป็นแบบนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะไปกบดานเพราะคิดว่าได้บรรลุจุดมุ่งหมายไปแล้ว
「แต่ความจริงที่ไปเล็งเป้าสมาคมพระแม่ดารามากขนาดนี้…..」
「อา มีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อมีความแค้นบางอย่างต่อสมาคมพระแม่ดารา ถ้าหากจะเอาแค่การโยนความผิดที่ตัวเองทำไปให้ มันก็มีวิธีการที่หาทำได้ง่ายกว่านี้อยู่อีกมากนั่นแหละค่ะ」
คนที่มีความแค้นต่อสมาคมพระแม่ดารา ที่แว่บเข้ามาในหัวทันทีเลยก็คือพวกเแอนตี้เขาวงกต…..
「แล้ว จากนี้ไปจะทำยังไงต่อ?」
การที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเป็นใครบางคนที่มีความแค้นต่อสมาคมพระแม่ดารานั้นเข้าใจแล้ว ปัญหาคือจะทำให้แคบลงจากจุดนี้ต่อยังไง
แล้วพอหันหน้าไปทางโอริเบะ เธอก็ทำท่าแบมือขึ้นมาทั้ง 2 ข้าง
「หืม? นั่นมัน…..?」
「หมายความว่าวางมือไปนั่นแหละค่ะ ไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว」
「ม-ไม่จริงซักหน่อย」
「ถ้างั้นแล้วรุ่นพี่จะทำยังไงล่ะคะ?」
「นั่นมัน…..ก็อย่างเช่นการตามสืบสิ่งที่น่าสงสัยของพวกแอนตี้เขาวงกต นั่นไง แบบการตรวจสอบครอบครัวของคนที่ถูกบูชายัญโดยสมาคมพระแม่ดาราในอดีต…..」
ถึงจะเป็นสิ่งที่พูดออกไปเอง ก็รู้สึกได้ว่าเสียงที่ออกมาค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ
โอริเบะพูดเชิงตำหนิ
「คิดจะปฏิบัติต่อทุกคนเป็นเหมือนอาชญากรเพราะว่าแค่เป็นพวกแอนตี้เขาวงกตงั้นเหรอคะ? ไม่คิดว่าครอบครัวของผู้สูญเสียจะดีใจที่พวกเขาถูกปฏิบัติราวกับเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะว่าครอบครัวของตัวเองถูกฆาตรกรรมหรอกนะคะ」
「…..น-นั่นมันก็ ใช่แล้ว! แล้วพี่น้องอาโอกิล่ะ? ยังมีเรื่องที่น่าสงสัยเกี่ยวกับพวกเขาอยู่นี่นา」
ตัวน้องชายไม่ได้ออกไปตามหาแฟนที่ถึงแม้จะหายตัวไป ในขณะที่ตัวพี่ชายอยู่ในเขาวงกตเดียวกันกับผมในวันที่โดนโจมตีอีก
ตามปกติถ้าแฟนสาวของตัวเองหายตัวไป ต่อให้รู้ว่าเสี่ยงก็ต้องออกไปตามหาไม่ใช่เหรอ? การที่ปฏิเสธที่จะไปเพราะแค่ตัวพี่ชายห้ามไว้ มันราวกับรู้ว่าจะมีอันตรายรอเขาอยู่
อีกทั้งในตอนที่แลกเปลี่ยนการ์ด การ์ดไลแคนโทรปก็เป็นการ์ดที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อชอบใช้ด้วย
ถึงแม้จะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นคนร้าย แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าไม่เกี่ยวข้องเลย
แต่ทว่าโอริเบะกลับส่ายหัวแล้วพูด
「จริงอยู่ว่าพี่น้องอาโอกิมีจุดที่น่าสงสัยอยู่ แต่จุดที่น่าสงสัยนั้นไม่ได้นำพาไปสู่ตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อค่ะ
ตัวอย่างเช่นอาโอกิคนน้อง ถ้าหากว่าเขาคือผู้ใช้หมาล่าเนื้อเอง หรือมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่าง เขาจะยอมเสี่ยงพุ่งเป้าไปที่แฟนสาวของตัวเองงั้นเหรอคะ? ต่อให้เป็นการโจมตีเพื่อกลบเกลื่อน พวกเขาก็น่าจะออกไปตามหาด้วยตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องทำคำร้องให้ช่วยค้นหาเลย แบบนั้นจะเป็นธรรมชาติมากกว่า
ต่อไปส่วนของคนพี่ที่ทางด้านนี้ที่มีการกระทำที่ดูโจ่งแจ้ง ถึงแม้ว่าการแลกเปลี่ยนการ์ดกับคนพี่จะมีความน่าสงสัย แต่ดูจากลักษณะของการก่ออาชญากรรมที่มีเรื่องการชิงการ์ดไปก่อนจะสังหาร มันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปแลกเปลี่ยนการ์ดเลยเพราะยังไงเขาก็ต้องไปขโมยมาอยู่ดี แต่ทว่าหากเขาไปทำการแลกเปลี่ยนก่อนจะก่ออาชญากรรม แล้วเกิดกรณีไม่คาดคิดที่รุ่นพี่รอดชีวิตมาได้หรือทิ้งไดอิ้งเมสเซสเกี่ยวกับตัวเขาไว้ เขาจะต้องไปอยู่ในรายชื่อการสืบสวนของทางตำรวจแน่นอน
ไม่ว่าใครก็แตกต่างไปจากประวัติของผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่ไม่มีการทิ้งร่องรอยเกี่ยวกับตัวเองนอกเขาวงกตค่ะ」
「………………..」
ถูกแย้งมาอย่างสมบูรณ์ ผมเงยหน้ามองฟ้าอย่างเงียบๆ
จากการสืบสวนโดยต่อเนื่อง ทำให้สามารถระบุได้ว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อเป็นใครบางคนที่มีความแค้นต่อสมาคมพระแม่ดารา
แต่ถึงแม้จะสามารถตีวงจำนวนผู้ต้องสงสัยให้แคบลงเป็นผู้ที่มีความแค้นต่อสมาคมพระแม่ดาราแล้ว ขอบเขตของผู้ต้องสงสัยมันก็ยังกว้างเกินกว่าจะระบุตัวลงไปได้
ตรงนี้เป็นจุดที่ไกลที่สุดเท่าที่เด็กนักเรียนม.ปลายอย่างพวกเราจะมาได้แล้ว
ถ้าหากว่านี่เป็นนิยายลึกลับแล้วล่ะก็ คนร้ายคงจะเป็น 1ในหมู่ตัวละครที่เคยโผล่หน้าออกมา ใครซักคนอย่างพี่น้องอาโอกิ หรือนักบุญของสมาคมพระแม่ดารา แล้วคดีก็จะสามารถคลี่คลายได้
แต่ว่าความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น
ท้ายที่สุด มันก็เป็นอย่างที่อันนาบอก ในความเป็นจริงมันไม่มีหนทางที่จะนำไปสู่คนร้าย และคนร้ายก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในหมู่ตัวละคร สินะ…..
「นี่คือทั้งหมดที่สามารถทำได้จากการสืบสวนเหยื่อแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็คือ…..」
ตอนนั้นเองที่โอริเบะหันไปมองอันนา
งั้นเหรอ ยังมีความเป็นไปได้ในเรื่องเส้นทางการซื้อ-ขายเกรมลินอยู่
ผมจ้องมองเธอด้วยความคาดหวัง แต่อันนาก็พูดด้วยสีหน้าอายๆ
「ขอโทษด้วยค่ะ แต่เกี่ยวกับส์เรื่องเส้นทางการซื้อ-ขายเกรมลิน มันถูกตัดทิ้งไปกลางทางซะก่อน」
「ถูกตัดทิ้ง หมายถึง?」
「ได้ทำการไล่ตามเบาะแสของเหล่าคนที่ทำการซื้อเกรมลินจากกิลล์ แล้วก็ยืนยันได้ว่ามันถูกขายต่อไปให้กับคนอีกหลายคน แต่…..」
「แต่?」
「พวกคนเหล่านั้น ได้สูญหายไปในเขาวงกตหมดแล้ว」
ดูเหมือนจะถูกปิดปากไปแล้ว
ความเงียบอันหนักอึ้งเข้าปกคลุมสถานที่
ความหวังสุดท้ายอย่างเส้นทางการซื้อ-ขายเกรมลินเองก็ถูกตัดขาดไปกลางทาง
ไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้อีกแล้ว
ถ้าหากว่าผมลงเขาวงกตคนเดียวอีก บางทีจะสามารถล่อผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้รึเปล่า? ไม่ล่ะ บางทีคงจะไม่มาติดกับหรอก ต่อให้ติดกับก็มีโอกาศสูงที่จะหนีไปได้โดยใช้วิธีการบางอย่างที่พวกเรายังไม่รู้อยู่ดี
จุดนี้ ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ
ท้ายที่สุด เด็กนักเรียนม.ปลายอย่างพวกเรา ไม่มีทางจะไปจับตัวฆาตกรต่อเนื่องที่แม้แต่ทางตำรวจเองก็ไม่สามารถจับตัวได้หรอก หมายความว่าแบบนั้นสินะ
มีคำพูดที่ว่าความจริงนั้นแปลกยิ่งกว่าเรื่องแต่ง แต่เดาว่าความเป็นจริงมันย่ำแย่กว่าเรื่องแต่งไปมาก
…..บางทีตอนนี้คงจะได้เวลาถอนตัวแล้ว
ไม่ใช่แค่เพียงคนแปลกหน้า แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นก็ยังตกเป็นเหยื่อ
เดาว่าควรจะรออยู่เงียบๆไปจนกว่าคดีจะคลี่คลาย
นั่นมัน คงจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดแล้ว…..
—–ตรู๊ดดด!
ในตอนที่กำลังจะออกจากเขาวงกตด้วยอารมณ์ห่อเหี่ยว ก็มีสายโทรศัพท์เข้า
สงสัยว่าเป็นใคร พอมองไปที่หน้าจอก็ทำให้ดวงตาเบิกกว้าง
—–คันนาซูกิ ซึบาสะ ถูกแสดงอยู่บนนั้น
ตอนหลังจากการแข่งก็ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับติดต่อกันอยู่ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เป็นฝ่ายติดต่อมาหาทางนี้เอง
ขอตัวกับพวกอันนาไปเบาๆ แล้วรับสายทันที
「…..ครับ สวัสดีครับ」
「ไงมาโร่ ซักพักแล้วสินะ สบายดีอยู่รึเปล่า?」
น้ำเสียงที่ไม่สามารถระบุเพศได้ดังออกมาจากโทรศัพท์ แล้วผมก็พูดตอบพร้อมก้มหัวไปด้วยทั้งๆที่รู้ดีว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์
「ครับ…..ไม่เจอกันนานเลย—-อาจารย์」
จากปลายสายได้ยินเสียงหัวเราะคิกตัก
「เลิกเรียกว่าอาจารย์ได้แล้ว เพราะว่ามีอายุเท่ากันนี่นา」
「ผมก็แค่พยายามแสดงความเคารพในแบบของผมก็เท่านั้นเองแหละ」
「กลับกันมันทำให้รู้สึกอึดอัดน่ะสิ การฝึกเองก็เสร็จสมบูรณ์ไปแล้ว จะคุยกันตามปกติก็ไม่เป็นอะไรหรอก」
ผมลังเลอยู่ครู่นึง แล้วในที่สุดก็ตัดสินใจทำตามที่เสนอมา ถ้าเอาตามบุคลิคของอาจารย์แล้ว นั่นมันคงไม่ใช่แค่คำพูดตามมารยาทหรอก
「ก็นะ ถ้าทางนั้นบอกมาว่างั้นอะนะ แล้ว ทางนั้นมีอะไรงั้นเหรอ?」
พอผมพูดไปแบบนั้น อาจารย์ก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
「—-เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่อง อยากจะลองมาไล่จับดูหน่อยไหม?」
「จะว่าไปแล้วก็ตกใจน่าดูเลยที่ได้มารู้ว่าพวกมาโร่ได้ตามสืบคดีนี้อยู่ก่อนแล้ว」
อาจารย์พูดจบก็หัวเราะ ขณะที่กำลังถือถ้วยชาอยู่ในมือ
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ได้คุยทางโทรศัพท์ อาจารย์เรียกพวกเรามาแล้วมาที่ร้านกาแฟที่อยู่แถบชานเมือง
ร้านกาแฟนี้เป็นร้านประจำของอาจารย์ ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่ มีบรรยากาศที่ดีกับการใช้เวลาให้ผ่านไปอย่างช้าๆ ที่นั่นพวกเรากำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
「เรื่องนั้นทางนี้เองก็เห็นด้วยส์ นึกไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ของรุ่นพี่—-ก็คือรุ่นพี่คันนาซูกินี่เอง」
พออันนาพูด อาจารย์ก็ยิ้มรับด้วยใบหน้าอันงดงามที่แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง
「ก็นะ แต่ไหนแต่ไรแล้วผู้ใช้ลิงค์คนอื่นที่ผมรู้จักก็มีแค่อาจารย์นี่แหละ」
「อย่างงี้นี่เอง」
พออธิบายไป อันนาก็พยักหน้าเข้าใจ
ผมได้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ในทันทีหลังจากที่การแข่งจบลง
ตอนที่ผมได้รู้เกี่ยวกับลิงค์ในการแข่งครั้งนั้น ก็แน่นอนว่าต้องทำการค้นคว้าเพิ่มเติมในทันที
ต่อให้ลิงค์ถูกเก็บเป็นความลับต่อสาธารณะ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเป็นความลับอย่างสมบูรณ์ต่อสังคมข้อมูล
หากไปค้นตาม SNS หรือบล็อก, หรือตามกระดานข่าวสารตามเน็ต ก็น่าจะได้เบาะแสอะไรกลับมาบ้าง…..พอคิดแบบนั้น ผมก็เริ่มทำการสืบค้นแต่ผลที่ได้กลับไม่สู้ดีนัก
ลิงค์ เป็นคำเดียวที่สามารถค้นหามาได้ มีบางคนที่กล่าวถึงบางอย่างที่คล้ายกับเทเลพาธลิงค์ ซึ่งเป็นพื้นฐานขั้นแรกสุดของลิงค์
แต่นั่นก็คือขีดจำกัดแล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แต่ผมที่ไม่มีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับลิงค์ ก็ไม่สามารถดึงเอาคำตอบที่ถูกต้องออกมจากข้อมูลมากมายที่ผสมปนเปจากในเน็ตได้
ผมรู้สึกตัวได้อย่างรวดเร็วว่าไม่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงตัดสินใจกลับไปสู่พื้นฐาน
พูดอีกอย่างคือ ตัดสินใจขอคำแนะนำจากคนที่รู้อยู่ก่อนแล้ว
ตอนนั้นเองจึงเป็นตอนที่หันไปพึ่งคันนาซูกิ คนแรกที่ทำให้ผมได้รู้จักลิงค์
ถึงแม้หลังจากรอบชิงชนะเลิศจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลในการติดต่อกับคันนาซูกิเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำการติดต่ออะไรกันมากนัก
ผมจึงไปทำการขอร้องโดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่ตรงข้ามกับที่คาด คันนาซูกิตกลงและรับผมเป็นลูกศิษย์อย่างยินดี
โดยแลกกับเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว…..
「พูดก็พูดเถอะ จะไม่เย็นชาไปหน่อยเหรอมาโร่ ทำเรื่องน่าสนุกอย่างการก่อตั้งชมรมนักผจญภัยกันด้วยตัวเอง ผมเองก็อยากให้มาชวนกันบ้างน้า」
มาสเตอร์ทำหน้าน้อยใจ
ไม่สิ ต่อให้พูดมาแบบนั้นก็เถอะ…..
「ก็มาสเตอร์อยู่คนละโรงเรียน…..แล้วนี่ก็แค่การทำกิจกรรมกลุ่มซะมากกว่า」
「ฮ่าห์ น่าอิจฉาจังเลยน้า โรงเรียนของผมเข้มงวดกับเรื่องแบบนี้น่ะสิ」
อาจารย์ถอนหายใจ
「ไม่หรอกค่ะ ทางนี้เองก็ถูกทางโรงเรีนห้ามเอาไว้เหมือนกัน」
อันนายิ้มแห้งๆให้
อันที่จริงชมรมนักผจญภัยก็เป็นแค่คำที่เรียกกันเองเท่านั้นในตอนนี้
「อา อย่างงั้นเหรอ ก็นะ แต่ว่ามันอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปถ้าหากว่าจับตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อและไขคดีนี้ได้」
พออาจารย์พูดจบก็ทำการจิบน้ำชา
「แต่ว่า ผู้ใช้หมาล่าเนื้องั้นเหรอ อื้ม ดีอยู่นะ เหมาะเหม็งเลย มีเซนส์มากกว่าชื่อชั่วคราวของทางกิลล์ที่เรียกว่าอันโนน(Unknown)ซะอีก」
「อันโนน…..」
งั้นเหรอ ชื่อที่ทางกิลล์ตั้งให้กับผู้ใช้หมาล่าเนื้อ
จริงอยู่ว่าไม่ทราบถึงตัวจริงของผู้ใช้หมาล่าเนื้อ จึงเหมาะที่จะถูกเรียกว่าอันโนน
แต่ก็นะ พวกเราคิดว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อเป็นคำที่อธิบายถึงได้ดีกว่า
「จะว่าไปแล้ว เกี่ยวกับโทรศัพท์เมื่อวานนี้…..」
พอผมยกหัวข้อขึ้นมา สีหน้าของอาจารย์ก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
「พูดสั้นๆเลยก็คือ ผู้ใช้หมาล่าเนื้อข้ามเส้นเกินไปแล้ว」
คือสิ่งที่อาจารย์พูด
「ฆาตกรรมคนกว่า 100 คนใน 1 ปี, เข้า-ออกเขาวงกตผ่านวิธีการที่ไม่เป็นที่รู้กันในสาธารณะ, ต้องสงสัยว่าครอบครองอุปกรณ์เวทต้องห้ามตามกฏหมาย, และ…..ถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าเรื่องนี่จริงหรือไม่แต่ ต้องสงสัยว่าแจกจ่ายสิ่งที่น่าจะเป็นการ์ดต้องสาปแก่ลูกน้อง ทุกอย่างเหล่านี้สามารถที่จะทำลายระบบในสังคมปัจจุบันที่ยึดโยงอยู่กับเขาวงกตและระบบนักผจญภัย」
พวกเราต่างพยักหน้าให้กับคำของอาจารย์
ถึงแม้ความจริงที่เขาได้ลงมือสังหารคนไปมากกว่า 100 คนจะทำให้นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ถูกบันทึกลงหน้าประวัติศาสตร์แล้วก็ตาม ในบางแง่ สิ่งที่เป็นปัญหามากกว่าก็คือวิธีการที่ทำมัน
เมื่อระบบนักผจญภัยถูกเสนอขึ้นในอเมริกา สิ่งแรกที่ถูกยกขึ้นมาคุยเลยก็คือจะป้องกันอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเขาวงกตยังไง
การ์ดถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังและสะดวกเกินกว่าที่จะพึ่งพาด้วยจิตสำนึกของผู้คน อีกทั้งเขาวงกตยังเป็นพื้นที่ที่มีเป้าหมายให้กระทบกระทั่งอยู่อย่างไม่ขาดสาย
ทว่าลำพังทางการทหารเองก็มีขีดจำกัดในการรับมือกับแองโกลมัวร์
เมื่อไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงสร้างระบบใบอนุญาตและติดตั้งเกทเอาไว้เพื่อควบคุมการเข้า-ออกเป็นหนทางสุดท้าย
เหยื่อรายแรกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จำเป็นต้องป้องกันไม่ให้มีรายที่ 2 อย่างเด็ดขาด
นั่นคือความหมายที่แท้จริงของเกท
ในประเทศกำลังพัฒนาบางแห่งที่ไม่มีการใช้เกท เขาวงกตได้กลายเป็นพื้นที่ไร้กฏหมายไปอย่างสิ้นเชิง
ทว่า หากมีหนทางอื่นในการเข้า-ออกเขาวงกตอยู่อีกล่ะก็ เกทก็จะไร้ความหมายไปทันที
ยิ่งถ้าหากเหตุการณ์อื้อฉาวเกิดขึ้นแล้วยังคงไม่ถูกคลี่คลาย ตัวระบบนักผจญภัยก็จะถูกนำมาตั้งคำถามได้
「ก่อนหน้าที่สาธารณะจะวุ่นวาย จึงต้องทำทุกวิถีทางในการจับกุมผู้ใช้หมาล่าเนื้อและยึดความสามารถของเขามาให้ได้…..นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ทางประเทศและกิลล์คิดขึ้นได้ และไม่กี่วันที่ผ่านมา ค่าหัวก็ได้ถูกตั้งขึ้นสำหรับผู้ใช้หมาล่าเนื้อแล้ว」
「ค่าหัว…..」
เป็นอะไรที่ไม่คุ้นเคยนักในญี่ปุ่น แต่ในต่างประเทศดูจะมีอาชีพถูกกฏหมายที่เรียกว่านักล่าค่าหัวอยู่
มีหน้าที่หลัก 2 อย่าง อย่างแรกคือตามจับตัวจำเลยที่จ่ายค่าประกันตัวเพื่อให้ถูกปล่อยตัวออกมาแต่กลับทำการหลบหนี หน้าที่อีกอย่างก็คือจับอาชญากรที่กบดานอยู่ในเขาวงกตแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในทุกวันนี้หน้าที่ที่รู้จักกันอย่างดีก็คืออย่างหลัง
อเมริกาเป็นประเทศกว้างใหญ่ มีจำนวนเขาวงกตอยู่มากมายตามสัดส่วน มันจึงไม่สามารถติดตั้งเกทให้กับพวกมันทั้งหมดได้ คนจำนวนมากหลบหนีเข้าไปในเขาวงกตที่ไม่มีเกท และในกรณีเหล่านั้น ค่าหัวจะถูกตั้งให้กับคนๆนั้นตามคดีที่ได้ก่อหรือตามจำนวนเงินประกัน
เงินรางวัลเหล่านี่จะมีมูลค่าค่อนข้างสูง และด้วยบาเรียของการ์ดก็หมายถึงความปลอดภัยในการหาเงินมากกว่าการไปจับตัวอาชญากรภายนอกเขาวงกต ที่อเมริกาถือได้ว่าเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าทหารผ่านศึก
「แล้ว ค่าหัวของผู้ใช้หมาล่าเนื้อนี่เท่าไหร่ส์เหรอคะ? สังหารคนไปมากกว่า 100 คนนี่…..ประมาณ 300 ล้านรึเปล่า?」
พออันนาพูดแบบนั้น อาจารย์ก็ทำการชูนิ้วชี้ขึ้นมาเพียง 1 นิ้ว
อะไรกัน…..100 ล้านเหรอ น้อยจนน่าตกใจ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย…..
「ไม่ใช่ 1 หมื่นล้านต่างหาก」
『1 หมื่นล้าน!?』
พวกเราต่างเผลอตะโกนออกมาเสียงดังแล้วจึงรีบเอามือปิดปากในทันที
พอมองไปรอบๆก็ไม่เห็นลูกค้าคนอื่น แล้วก็นึกได้ว่าอุปกรณ์เวทต่อต้านข่าวกรองของอันนากำลังทำงานอยู่ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลังจากนั้นจึงถามอาจารย์ไปอีกรอบ
「1 หมื่นล้าน…..เอาจริงดิ?」
เป็นจำนวนที่มากเกินกว่าปกติ 1 หมื่นล้าน…..ขนาดในต่างประเทศ หัวหน้าแก็งมาเฟียยังแค่ 100 กว่าล้าน ด้วยค่าหัว 1 หมื่นล้าน ถ้าได้เป็นข่าวไปทั่วโลกก็ไม่น่าแปลกใจเลย แต่…..
「จะไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ไม่น่าแปลกใจหรอก นี่น่ะ เป็นเควสที่ทางกิลล์มอบให้กับนักผจญภัยมืออาชีพที่ถูกเลือกเท่านั้น โดยพิจารณาแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อ」
「ถ้าแค่มืออาชีพเท่านั้น งั้นอาจารย์ก็…..」
「อืม ไม่นานมานี้เอง ในที่สุดล่ะนะ」
พอพูดดังนั้นแล้ว อาจารย์ก็นำใบอนุญาต 4 ดาวที่มีสีทองออกมาโชว์
พวกเราปรบมือเบาๆแล้วพูด
「ยินดีด้วยครับ」
「อืม ขอบใจนะ」
งั้นเหรอ ได้เป็นมืออาชีพไปแล้ว ก็นะ มันขึ้นอยู่กับเวลานั่นแหละ
ตอนที่ผมกำลังเรียนรู้ลิงค์ อาจารย์ก็พิชิตเขาวงกตแรงค์ D 100 แห่งและผ่านการสอบข้อเขียนไปแล้ว เงื่อนไขที่ยังเหลืออยู่คือจำนวนการ์ดแรงค์ C และการสอบภาคปฏิบัติ
จากนั้นก็ผ่านไปได้หลายเดือน จึงไม่แปลกถ้าหากว่าอาจารย์จะผ่านการทดสอบแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น การได้เป็นมืออาชีพขณะที่ยังเป็นนักเรียนก็ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จพอตัว บางทีอาจจะเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดที่สามารถผ่านการทดสอบด้วยรึเปล่า?
「ด้วยเหตุนี้ ณ ปัจจุบัน ทีมมืออาชีพจากทั่วญี่ปุ่นกำลังรวมตัวกันเพื่อที่จะจับตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อ แต่…..」
ในตอนนั้นเองที่อาจารย์ดูจะลังเลขึ้นมาชั่วครู่
「เอากันตามตรง…..ค่าหัว 1 หมื่นล้านเนี่ยไม่ว่าจะมองยังไงมันก็สูงเกินไป จำนวนมันเท่ากับรางวัลการพิชิตเขาวงกตแรงค์ A เลย อีกทั้งจะถูกจ่ายเต็มจำนวนก็ต่อเมื่อจับเป็นเท่านั้น ตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อ ดูจะกำความลับใหญ่กว่าที่พวกเราคิดเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น—-」
ตอนนั้นเองที่อาจารย์ยิ้มออกมา
「เหตุการณ์ที่เขาวงกตหายไปเมื่อวันก่อน ล่ะนะ อันที่จริง นักผจญภัยหลายคนสนใจเรื่องนั้นมากกว่าเงินรางวัลค่าหัวซะอีก」
สาเหตุที่เงินรางวัลสำหรับการพิชิตเขาวงกตแรงค์ A มีถึง 1 หมื่นล้านไม่ใช่เพราะว่ามันยังไม่เคยมีใครพิชิตได้อย่างเดียว แต่เพราะมีการตั้งความหวังสิ่งที่อยู่ถัดจากนั้นจะมีกุญแจในการทำลายเขาวงกตอยู่
ในตรงจุดนั้น การที่ค่าหัวต่อเหตุการณ์ที่เขาวงกตหายไปกับรางวัลพิชิตเขาวงกตแรงค์จะมีจำนวนเท่ากัน….. จะไม่ให้สงสัยเลยมันก็คงเป็นไปไม่ได้
「ดังนั้นแล้ว จึงมีการตัดสินใจรวบรวมนักผจญภัย แล้วทำยุทธการโอบล้อมเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจับตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้แน่ๆขึ้นมา」
「ยุทธการโอบล้อม…..เหรอส์คะ?」
อันนาแสดงสีหน้าสงสัย
ซึ่งนั่นมันก็สมควร กับผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่สามารถเข้า-ออกเข้าวงกตด้วยวิธีการที่ไม่รู้จัก จะไปทำการโอบล้อมได้ยังไงกัน
พวกเราที่กำลังคิดอยู่แบบนั้น อาจารย์ก็เอาปึกเอกสารออกมาแล้วชี้ให้ดู
「ทางกิลล์กับตำรวจเองก็ไม่ได้ทำเป็นเล่นหรอกนะ ลองดูนี่สิ」
「นี่มัน…..แผนที่ของเขาวงกต?」
มันคือแผนที่ของเขาวงกตแรงค์ F หลายๆแห่ง มีรอยตราประทับสีแดงของกิลล์อยู่ตรงด้านล่างขวา จึงดูเหมือนว่าจะเป็นเอกสารที่ยืมมาจากกิลล์
「แผนที่ของเขาวงกตที่เกิดเหตุสูญเสียจากฝีมือผู้ใช้หมาล่าเนื้อ เรียงลำดับตามวันที่เกิดเหตุ ลองดูที่จุดเริ่มต้นกับจุดสิ้นสุดตรงนี้ สังเกตุเห็นอะไรไหม?」
ต่อให้พูดมาแบบนั้นก็เถอะ…..ผมกับอันนาต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ
มองแว่บแรก ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเขาวงกตปกติทั่วไป ถ้าจะให้พูดก็น่าจะเป็นเขาวงกตประเภทประเภทป่าอยู่เยอะ พอมาลองนึกดู เขาวงกตที่ซาโต้ โชโกะซังถูกสังหารกับที่ผมถูกโจมตีก็เป็นประเภทป่า แต่ว่าประเภทสุสานกับถ้ำเองก็มีปะปนอยู่ในแผนที่ บางที่ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกัน
แล้วในตอนนั้นเอง โอริเบะก็พูดขึ้น
「นี่มัน…..หรือว่าเขาวงกตเสมือน!」
「สังเกตุได้ดี」
อาจารย์พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
「ซาโยะ เขาวงกตเสมือนนี่คือ?」
「เขาวงกตเสมือน คือเขาวงกตที่โครงสร้างภายในมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก แม้จะมีลำดับของชั้นที่แตกต่างกัน แต่ว่าแผนที่ของแต่ละชั้นนั้นแทบจะเหมือนกัน สาเหตุยังคงไม่แน่ชัดแต่มีทฤษฏีอยู่อันหนึ่งว่าเป็นเพราะมันมีเขาวงกตต้นกำเนิดเดียวกัน」
-ห๊ะ- แล้วก็นึกได้ถึงตอนที่ได้ช่วยชิโนมิยะซัง
พอมาคิดดูแล้ว แผนที่ของเขาวงกตนั้นมีความเหมือนกับเขาวงกตตอนซาโต้ โชโกะซังอย่างมาก
หรือว่านั่นจะเพราะว่าเป็นเขาวงกตเสมือนงั้นรึ
「ถ้าหากว่าเขาวงกตทั้งหมดที่เหยื่อถูกโจมตีคือเขาวงกตเสมือนแล้ว หรือว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างเขาวงกตเสมือนได้?」
「เดินทางระหว่างเขาวงกต? นั่นมันจะเป็นไปได้เหรอ?」
「ไม่รู้สิ…..แต่ถ้าคิดแบบนั้นแล้วล่ะก็ จะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงไม่มีบันทึกการเข้า-ออกที่เกท นั่นก็เพราะไปทำการเข้า-ออกที่เขาวงกตแห่งอื่นน่ะสิ…..」
พอโอริเบะพูดแบบนั้น อาจารย์ก็พยักหน้า
「อย่างน้อย ทางกิลล์ดูจะคิดว่ามีโอกาศสูงที่จะเป็นการเดินทางระหว่างเขาวงกตเสมือนล่ะนะ」
「…..จะว่าไปแล้ว หรือว่าบางทีจะสามารถระบุตัวของคนร้ายได้แล้ว?」
「เอ๋!?」
ด้วยคำของโอริเบะ ทำเอาผมตกใจ
ระบุตัวของผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้แล้วงั้นเหรอ? แบบนั้นมันบ้าน่า…..ไม่สิ เดี๋ยวนะ งั้นเองเหรอ…..
「ต่อให้ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเดินทางระหว่างเขาวงกตเสมือนเพื่อหลอกการบันทึกเข้า-ออกของเกท มันก็ยังคงมีบันทึกตอนที่เข้าเขาวงกตเสมือนในช่วงเวลาที่เกิดการสูญเสีย ถ้าเอาข้อมูลนั้นมารวบรวม ก็จะสามารถระบุตัวคนร้ายได้」
「ถูกต้องแล้วค่ะ รุ่นพี่หลักแหลมผิดปกติเลยนะคะ」
ผิดปกตินี่ไม่จำเป็นต้องมีไหม…..ถึงมันจะผิดปกติจริงๆก็เถอะนะ!
แต่ว่าอาจารย์ส่ายหน้าปฏิเสธ
「มันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ จริงอยู่ว่าสามารถยืนยันตัวตนของผู้ที่อยู่ภายในเขาวงกตเสมือนในตอนที่เหยื่ออยู่ในเขาวงกตได้ แต่…..ถึงขนาดนั้นแล้วก็ยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ นั่นก็เพราะว่า…..」
มาสเตอร์ลดเสียงลงราวกับว่ากำลังจะเล่าเรื่องผี
「พวกเขานั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อ 10 ปีก่อนระหว่างแองโกลมัวร์ครั้งที่ 2」
ตายไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน? แบบนั้นมันบ้าไปแล้ว…..ไม่สิ
ภาพกล้องนิรภัยสามารถควบคุมได้ด้วยอุปกรณ์เวทประเภทแปลงโฉม การครอบครองอุปกรณ์เวทประเภทแปลงโฉมหรือประเภทลวงตาถูกสั่งห้ามไว้ด้วยกฏหมาย แต่คนร้ายที่ทำเรื่องไปไกลถึงขนาดนี้แล้วก็คงไม่มาสนใจหรอก
แต่ว่า…..
「กล้องนิรภัยอาจจะพอหลอกได้แต่เรื่องใบอนุญาตล่ะ? ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลงทะเบียนใบอนุญาตด้วยข้อมูลของคนที่เสียชีวิตแล้วนี่นา」
「น่าเสียดายที่จุดนั้นก็พลาดอีก ดูเหมือนว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อ เกี่ยวกับเกท…..หรือน่าจะบอกว่ามีอุปกรณ์เวทที่สามารถหลอกเครื่องจักรได้ บันทึกการเข้า-ออกมั่วซั่วไปหมดเลย」
…..งั้นเหรอ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ก็นะ ถ้ามาลองคิดดูดีๆ ถ้าหากว่าสามารถระบุตัวได้ ผู้ใช้หมาล่าเนื้อก็คงจะถูกจับไปนานแล้ว ถ้าคุยกันมาถึงขั้นนี้มันก็คงเป็นคำถามที่เปล่าประโยชน์
แต่ว่า อุปกรณ์เวทที่สามารถหลอกเครื่องจักรได้งั้นเหรอ….. บางทีอาจจะเป็นประเภทย่อยของการทำลายเครื่องจักรล่ะมั้ง? ไม่เคยได้ยินอุปกรณ์เวทแบบนั้นมาก่อน แต่ไม่ว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะใช้อะไรมาก็ไม่น่าแปลกใจอะไรแล้ว
ในตอนนั้นเอง รู้สึกสะกิดใจขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าหากว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อมีอุปกรณ์เวทที่สามารถหลอกเครื่องจักรได้ แล้วทำไมถึงปล่อยภาพจากกล้องนิรภัยไว้? ถ้าหากสามารถหลอกได้อย่างสมบูรณ์ ก็น่าจะจัดฉากให้กับภาพจากกล้องนิรภัยได้ด้วย
เป็นความสามารถที่ใช้ได้เมื่อสัมผัสโดยตรง หรือว่าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเข้า-ออกเท่านั้นเหรอ?
「เพียงแต่ว่า…..」
อาจารย์พูดต่อ
「ตามที่บอกไปก่อนหน้า ทางตำรวจกับกิลล์เองก็ไม่ได้ทำเป็นเล่น คิดว่าพวกมาโร่ที่ตามสืบคงจะรู้แล้วว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อเล็งเป้าไปที่เด็กใหม่ แต่นี่ก็สามารถระบุตัวคนที่นำรายชื่อเด็กใหม่ไปมอบให้แก่ผู้ใช้หมาล่าเนื้ออย่างผิดกฏหมายได้แล้ว….. หรือก็คือมีคนทรยศอยู่ภายในกิลล์」
「คนทรยศภายในกิลล์งั้นเหรอ…..」
ความเงียบอันหนักอึ้งเข้าปกคลุมห้อง
ไม่มีทาง…..หรือควรจะบอกว่า ไม่อยากจะเชื่อ แม้จะเป็นกิลล์นักผจญภัย แต่มันก็คือองค์กรของมนุษย์ ย่อมจะต้องมีคนคดโกงอยู่ภายในบ้าง….. แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีข้าราชการร่วมมือกับการก่อคดีฆาตกรรมที่มากกว่า 100 คน
「ผู้ร่วมมือ ถึงจะเรียกเขาว่าแบบนั้นก็ตาม แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ถึงตัวตนแท้จริงของผู้ใช้หมาล่าเนื้อและเจตนาของเขา ดูเหมือนว่าที่ทำไปก็แค่เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าเล็กๆน้อยๆ พอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังช่วยเหลือฆาตกรต่อเนื่องก็หน้าซีดไปทันที」
อย่างงี้นี่เอง…..แทนที่จะบอกว่าเป็นผู้ร่วมมือ เป็นแค่ถูกใช้มากกว่า
「…..หรือว่า เจ้าพนักงานที่ทำผิดคนนั้นจะมีชื่อว่ามิทาไร ใช่รึเปล่าส์คะ?」
พออันนาพูดขึ้น อาจารย์ก็ทำหน้าตกใจ
「มันก็ใช่อยู่หรอกแต่…..หรือว่าจะเป็นคนรู้จัก?」
「คนรู้จัก…..จะพูดแบบนั้นมันก็」
อันนาชายตามาทางนี้
「หรือว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลของเส้นทางซื้อ-ขายเกรมลิน?」
「ค่ะ」
อย่างงี้นี่เอง ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ทำอะไรแบบนั้นอยู่เป็นประจำ
「แผนก็คือ จะใช้ข้อมูลนี้ให้เป็นประโยชน์กับทางเรา นี่คือรายละเอียด」
จากนั้นอาจารย์ก็นำคู่มือแผนการออกมาให้พวกเรา
โดยรวมแล้วมีดังนี้
เริ่มจากแพร่รายชื่อของเด็กใหม่ปลอมให้กับคนให้ข้อมูลภายในกิลล์ โดยชื่อส่วนใหญ่จะเป็นของปลอม มีคนจริงๆอยู่ส่วนน้อยซึ่งจะเป็นตัวล่อของทางฝ่ายเรา ตัวล่อคือนักผจญภัยมืออาชีพที่ไม่ได้ปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ หรือไม่ก็ผู้ร่วมมือที่มีทักษะใกล้เคียง
ขั้นต่อไป ติดต่ออย่างลับๆกับเด็กใหม่ที่มีรายชื่อรั่วไหลออกไปแล้ว ทำให้แน่ใจว่าจะไม่ลงเขาวงกตในวันนั้น จากนั้นตัวล่อจะเดินไปในเขาวงกตที่กำหนด
ถ้าหากผู้ใช้หมาล่าเนื้อติดกับตัวล่อแล้วจะตามเข้าไปในเขาวงกต หากตำรวจสามารถเข้าจับกุมได้ก็เสร็จ แผนการเป็นอันสมบูรณ์
แต่ทว่า จะให้เข้าไปคุมตัวนักผจญภัยทุกคนที่โผล่มามันก็ไม่ได้—-ถ้าทำแบบนั้น ผู้ใช้หมาล่าเนื้อก็จะเห็นนักผจญภัยบริสุทธิ์ถูกคุมตัวแล้วก็หนีไป—-ดังนั้น ของจริงคืออันต่อมา แผนการหลักจะถูกเพ่งไปภายในเขาวงกต
เมื่อเหล่านักผจญภัยตัวล่อเดินเข้าไป นักผจญภัยมืออาชีพจะซุ่มรออยู่ในเขาวงกตเสมือนทั้งหมด
ถ้าหากว่าไหวตัวแล้วหนีไปสู่พื้นดิน ตำรวจที่รออยู่ก็จะเข้าจับตัว ถ้าหากว่าหนีไปยังเขาวงกตเสมือนแห่งอื่น ก็จะเจอนักผจญภัยที่ดักรออยู่
หรือก็คือเป็นทางตันแล้ว
เขาวงกตเสมือนแต่ละรูปแบบมีไม่กี่แห่งในโตเกียว แต่หากเป็นทั้งประเทศแล้วก็มีจำนวนมาก เนื่องจากว่าตำรวจและนักผจญภัยจะไปประจำอยู่ทุกแห่ง มันจึงเป็นปฏิบัติการที่ขนาดใหญ่เอามากๆ
สำหรับค่าหัว ใครก็ตามที่สามารถจับตัวผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะได้รับ 2 พันล้าน ส่วนที่เหลืออีก 8 พันล้านจะถูกแบ่งออกไปเท่าๆกัน การแบ่งนั้นจะคิดจากจำนวนนักผจญภัยมืออาชีพ ตัวทีมมืออาชีพก็จะถูกมองเป็น 1 คน คร่าวๆแล้วก็ 100 ล้านต่อคน
「มีคำถามอยู่นิดหน่อยส์ค่ะ」
อันนาที่ดูจะอ่านเสร็จแล้วยกมือขึ้นมา
「เชิญเลย」
「ถ้างั้น นักผจญภัยที่เป็นตัวล่อนี่เอายังไงส์เหรอคะ? ตัวล่อต้องอยู่คนเดียว ถ้างั้นก็ค่อนข้างอันตรายส์เลยใช่ไหมคะ?」
「ตัวล่อจะถูกจัดเตรียมโดยแต่ละทีม ทีมของผมที่จะรับหน้าที่นี้ก็คือพี่สาวที่เป็นอดีตหน่วยกองกำลังป้องกันตัวเอง ตัวแผนจะถือว่าสำเร็จไปได้ครึ่งหนึ่งเมื่อสามารถล่อผู้ใช้หมาล่าเนื้อให้เข้าไปในเขาวงกตได้ ในขณะที่ตัดสินแล้วว่าจะกำลังจะถูกโจมตีโดยผู้ใช้หมาล่าเนื้อ ก็จะใช้การ์ดเวทเคลื่อนย้ายเพื่อไปรวมกลุ่มกับพรรคพวกในทันที」
「อย่างงี้นี่เอง แล้วค่าหัวเต็มๆจะถูกจ่ายให้ก็ต่อเมื่อจับเป็นผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้ส์ แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากผู้ใช้หมาล่าเนื้อฆ่าตัวตายไปล่ะส์?」
「ถ้าหากผู้ใช้หมาล่าเนื้อฆ่าตัวตาย ค่าหัวจะลดเหลือ 100 ล้าน หากพิจารณาเรื่องที่ต้องเอาไปแบ่งให้แก่ละทีมแล้ว มันก็กึ่งๆจะเป็นทำงานฟรี ถ้าหากเป็นกรณีที่นักผจญภัยไปพลั้งมือสังหาร พวกเขาจะไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆเนื่องจากว่าเป็นอาชญากรร้ายแรง แต่ก็ไม่มีค่าหัวให้ กลายเป็นทำงานฟรีเต็มๆ แล้วมีความเป็นไปได้ที่ทีมอื่นๆจะมาขอให้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย จะปฏิเสธก็ได้แต่มันก็อาจจะทำให้เกิดความขุ่นเคืองกัน」
…..ลดลงเหลือ 100 ล้าน ออกจะรุนแรงน่าดู ราวกับจะเป็นการขอให้จับเป็นมาให้ได้
「อย่างงี้นี้เอง…..ต่อไป ส่วนแบ่งของพวกเราจะเป็นส์ยังไงคะ?」
「เกี่ยวกับเรื่องนั้น ครึ่งหนึ่งเป็นของผมกับพี่สาว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของชมรมนักผจญภัยของทางนั้นเอาไหม?」
พวกอาจารย์ครึ่งหนึ่ง ชมรมนักผจญภัยครึ่งหนึ่ง? ออกจะใจปล้ำน่าดูเลย
ดูเหมือนความคิดนั้นมันจะแสดงชัดเจนอยู่บนหน้า อาจารย์จึงยิ้มแห้งๆแล้วอธิบาย
「ความจริงก็คือ มันมีจำนวนคนขั้นต่ำสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการนี้อยู่น่ะสิ ต้องมีอย่างต่ำระดับมืออาชีพ 2 คนที่รับหน้าที่คนจับกุมแล้วก็ตัวล่อ และ 3 ดาวอีก 2 คน ก็คือขั้นต่ำ 4 คน เป็นกฏสำหรับการเข้าร่วมปฏิบัติการ แล้วเพราะว่าเพิ่งจะได้เป็นมืออาชีพมา ก็เลยยังไม่รู้จักใครเท่าไหร่ อย่าว่าแต่มืออาชีพเลย แม้แต่ 3 ดาวก็ด้วย」
อา มันเป็นยังงี้นี่เอง ผมทำท่าเข้าใจ
หากพิจารณาถึงนิสัยของอาจารย์แล้ว คงจะพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น คิดว่ามันคงจะเป็นสถานการณที่เข้าตาจนเอามากๆถึงขนาดที่ต้องมาพึ่งผม
ถ้าหากว่าเป็นแค่จำนวนคนไม่พอล่ะก็ จะเข้ามาหาผมก็เป็นเรื่องเข้าใจได้
「อย่างสุดท้าย เกี่ยวกับวันที่จะเริ่มปฏิบัติการ」
「ณ ตอนนี้ ดูเหมือนจะเป็นวันอาทิตย์ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้าล่ะ」
วันอาทิตย์ในอีก 3 สัปดาห์…..เป็นคืนจันทร์เต็มดวงพอดี การ์ดสำหรับชุบชีวิตพวกเร็นกะจะมาตอนสุดสัปดาห์ มีเวลาเหลือพอที่จะเตรียมก่อนถึงวันเริ่มปฏิบัติการ ดูเหมือนจะสามารถพัฒนาพลังต่อสู้ของการ์ดที่ยังเติบโตไม่ถึงขีดจำกัดได้อยู่ ด้านสภาพของปาร์ตี้ของผม ดูเหมือนว่าจะได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดตอนวันเริ่มปฏิบัติการ
…..แน่นอนว่าเรื่องนั้นก็เช่นเดียวกันกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่ใช้ไลแคนโทรป
บางทีแล้ว โดยการเลือกวันที่อีกฝ่ายมีความได้เปรียบ จะเป็นการเพิ่มโอกาศในการล่อให้มาติดกับก็เป็นได้
「จากชั้นก็มีเท่านี้ส์ค่ะ รุ่นพี่กับซาโยะมีอะไรอีกรึเปล่า?」
「ไม่มีอะไรเป็นพิเศษค่ะ」
「งั้น ผมมี 1 คำถาม…..เอาตรงๆเลย ทำไมปล่อยปฏิบัติการนี้ไว้กับนักผจญภัย? ถ้าปล่อยให้เป็นหน้าที่กองกำลังป้องกันตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย 1 หมื่นล้าน มีความน่าเชื่อถือและก็ถูกกว่าด้วยไม่ใช่เหรอ? 」
「ก็อาจจะ แต่…..」
ที่ตอบคำถามผม ไม่ใช่อาจารย์แต่เป็นโอริเบะ
「เพื่อความอยู่รอดของระบบนักผจญภัย ใช่ไหมคะ? ถ้าหากปล่อยให้กองกำลังป้องกันตัวเองคลี่คลายเรื่องไปทั้งๆอย่างนั้น นักผจญภัยก็จะเป็นแค่เหยื่อ ในสายตาสาธารณะก็จะมีแต่การวิจารณ์อย่างเสียหายต่อระบบนักผจญภัย แต่ถ้าตัวนักผจญภัยเป็นผู้คลี่คลายเรื่องเอง ระบบนักผจญภัยก็จะได้รับคำวิจารณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบ」
「…..ก็นะ เดาว่าประมาณนั้นแหละ」
อาจารย์ตอบสนองต่อการคาดเดาของโอริเบะด้วยรอยยิ้มเล็กๆ แล้วจิบชา
ผมรู้สึกถึงความผิดแปลกเล็กน้อยของท่าทีนั้น
…..มันอะไรกัน เลี่ยงคำถาม? ถ้าหากว่าเป็นอาจารย์ตามปกติก็จะบอกมาเลยว่าถูกอย่างชัดเจน ไม่มาทำอะไรคลุมเครือ
ควรจะเจาะลึกมากกว่านี้ไหม ไม่ ที่อาจารย์ไม่พูดอะไรมันจะต้องมีเหตุผล อย่างเช่นว่าเป็นการขอให้รักษาความลับเกี่ยวกับคำร้อง
「แล้ว ตกลงรับไหม? แน่นอน ผมจะรับภาระในการสู้กับผู้ใช้หมาล่าเนื้อเท่าที่จะทำได้เลย」
「ขอเวลาซักครู่ ขอปรึกษากันก่อนครับ」
「เข้าใจแล้ว งั้นผมจะลุกออกไปรอละกัน」
พออาจารย์ออกจากร้านไปก็ทำการถามพวกอันนา
「…..เอายังไงกันดี? ถ้าจะเลิกก็ต้องตอนนี้แล้วนะ?」
จนถึงตอนนี้พวกเราจับจ้องไปแต่การค้นหาผู้ใช้หมาล่าเนื้อที่ภายนอกเขาวงกต
แต่เรื่องในครั้งนี้ มีโอกาศมากที่จะได้ประจัญหน้ากับผู้ใช้หมาล่าเนื้อ
…..หลังจากที่ได้เห็นร่างของชิชิโด ก็เริ่มมีความสงสัยว่าควรจะให้พวกอันนาเข้ามาเกี่ยวข้องจริงๆงั้นเหรอ
ป่านนี้แล้วจะมาอะไรอีก จะพูดว่างั้นก็ได้ แต่ว่ามันก็ยังมีเส้นที่สามารถหันหลังกลับได้อยู่
ถ้ายังไม่ตายก็ยังถือว่าปลอดภัย ทั้งหมดก็แค่นั้น
ผมที่เป็นแบบนั้น พวกอันนาก็มองด้วยความตะลึง
「ก็นึกอยู่ว่าจะพูดอะไร แต่มาถึงขนาดนี้แล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นหรอกนะคะส์ รุ่นพี่」
「การตัดสินใจนั่น ทำมาตั้งนานแล้วค่ะ ตั้งแต่เริ่มแรกที่ตัดสินใจไล่ตามผู้ใช้หมาล่าเนื้อ」
「งั้นเหรอ」
ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ก็นะ…..มีความรู้สึกว่าคงจะพูดมาแบบนั้น
ถ้าหากเป็นทั้ง 2 คนที่ตามสืบจนมาถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็ คงจะบอกว่าจะอยู่ไปจนถึงตอนจบ
แต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าหากว่าเป็นคนที่จะเลิกทำตอนที่มีใครมาบอกแล้วล่ะก็ คงไม่มาเป็นนักผจญภัยหรอก
「อีกอย่าง ต่อให้พวกชั้นถอนตัวไป รุ่นพี่ก็คงวางแผนจะรับทำแม้จะเพียงคนเดียวใช่ไหมล่ะคะ?」
「อา」
ในตอนที่อาจารย์พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมก็ตัดสินใจตกลงไปแล้ว
ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการจะจบเรื่องกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อ อีกส่วนหนึ่งมาจากสัญญาที่ให้ไว้กับอาจารย์
ในตอนที่อาจารย์มีปัญหา จะต้องไปช่วย 1 ครั้ง นี่ก็คือเงื่อนไขสำหรับการสอนลิงค์ให้
เพราะแบบนั้น จึงมีแค่ผมที่ไม่มีความตั้งใจที่จะเลิก
「พูดกันตามตรง ไม่มีอะไรยืนยันว่าจะต้องต่อสู้กับผู้ใช้หมาล่าเนื้อด้วยส์ล่ะนะ ถ้าเป็นแค่งานที่ให้รออยู่ในเขาวงกตอย่างเดียวแล้วได้เงินหลายสิบล้าน ก็ไม่มีใครจะปฏิเสธหรอกส์ค่ะ」
「นั่นมันก็จริง」
ไม่รู้ว่าการเคลื่อนย้ายของผู้ใช้หมาล่าเนื้อทำงานยังไง แต่ถ้าหากสามารถเคลื่อนย้ายไปเขาวงกตเสมือนที่ไหนก็ได้ล่ะก็ โอกาศที่จะมาในเขาวงกตของพวกเราก็เป็น 1 ในหลายสิบ
ถ้ามาในเขาวงกตของพวกเรา ก็จะจบเรื่องด้วยมือตัวเอง แต่ถ้าหากไม่มาก็ไม่เป็นอะไร เรื่องมันก็แบบนั้นแหละ
ผมทำการเรียกอาจารย์กลับเข้ามา แล้วพูด
「ข้อเสนอนั้น ยินดีที่จะรับทำครับ」
【Tips】นักล่าค่าหัว
ภายในญี่ปุ่นถือเป็นอะไรที่ไม่คุ้นเคย แต่ในต่างประเทศถือว่าเป็นงานของนักผจญภัยที่จะตามจับนักผจญภัยที่ก่ออาชญากรรม ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นั่นก็เพราะไม่เหมือนกับญี่ปุ่นที่มีเกทติดตั้งทุกเขาวงกต ในต่างประเทศ…..โดยเฉพาะอเมริกาและประเทศกำลังพัฒนา มีเขาวงกตอยู่อีกมากที่ไม่มีเกท ที่เหล่านั้นเหล่าอาชญากรมักจะเข้าไปซ่อนตัว
ในญี่ปุ่น ค่าหัวมักจะถูกตั้งให้กับอิเรกูล่าห์เอ็นเคาเตอร์ และจำนวนเงินจะถูกกำหนดเอาไว้ตายตัวอิงตามเขาวงกตซึ่งมันไปปรากฏ
ทว่า กล่าวกันว่าหากเกิดแองโกลมัวร์ขึ้นอีกครั้ง ญี่ปุ่นจะไม่สามารถติดตั้งเกทได้ทุกเขาวงกต และจะต้องนำระบบล่าค่าหัวมาใช้ในญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน