เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย 48 อาเร๊ะ? สภาพของชิโนมิยะซังมัน…..?

ตอนที่ 48 อาเร๊ะ? สภาพของชิโนมิยะซังมัน.....?

บทที่ 2 ตอนที่ 22 

 

    ผ่านมาแล้ว 2 วัน หลังจากเหตุการณ์ที่ชิโนมิยะซังถูกลูกน้องของผู้ใช้หมาล่าเนื้อโจมตี

    ภายหลังจากตอนนั้นก็เป็นปกติที่พวกเราต้องไปให้การกับตำรวจ

    เป็นเรื่องธรรมชาติเนื่องจากมีคนหลายคนกำลังยืนล้อมศพอยู่

    โชคดีที่ชิโนมิยะซังได้บันทึกวิดีโอเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเข้าเขาวงกตจนถึงท้ายสุด ส่วนพวกเราเองต่างก็มีบันทึกเอาไว้ด้วยเช่นกันทำให้มีหลักฐานเป็นบันึกวิดีโอหลายชิ้น จึงทำให้การเคลียข้อสงสัยที่มีต่อพวกเราถูกแก้ได้โดยเร็ว

    แต่เพราะว่าผมดันไปพูดและทำบางอย่างที่มีนัยยะเพื่อทำการรีดเค้นข้อมูลจากศัตรู ซึ่งไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ ท้ายที่สุดก็ถึงขั้นเอาอุปกรณ์เวทอ่านใจออกมาใช้ แล้วการสอบสวนก็ใช้เวลานานจนข้ามวัน

    แน่นอนว่าโรงเรียนก็ต้องหยุด

 

    ถึงแม้ว่าจะใช้ความพยายามจนสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ แต่ทางตำรวจก็มารู้ถึงเรื่องที่เด็กนักเรียนม.ปลายมาพยายามไล่ตามฆาตกรต่อเนื่องกันเองด้วยความประมาท

    ที่การสอบสวนใช้เวลานานส่วนหนึ่งก็มาจากการถูกเทศนาเรื่องนั้น

    แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง การเทศนาก็หยุดลงไปดื้อๆ แล้วพวกพนักงานสอบสวนก็ออกจากห้องสืบสวนไป…..

    สงสัยเพราะว่าหมดเวลาแล้วรึเปล่า?

 

    เพราะการนั้นทำให้เสียเวลาไปมาก แต่ผมก็รู้สึกถึงอะไรแปลกๆอย่างหนึ่ง เป็นปฏิกริยาของพวกพนักงานสอบสวนระหว่างการสอบสวน

    มันก็คือ ตอนที่พวกพนักงานสอบสวนได้เห็นภาพตอนที่อนูบิสสังหารมาสเตอร์

    ในตอนที่พนักงานสอบสวนได้เห็นบันทึกภาพที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่การ์ด ซึ่งไม่น่าจะทำร้ายมาสเตอร์ได้ กลับสังหารมาสเตอร์ สีหน้าพวกเขาก็ราวกับว่าไปเคี้ยวแมลงเข้า

    ถ้าเป็นตามปกติ「บ้าน่า!」ควรจะทำท่าตกใจแล้วพูดมาเช่นนั้น แต่ว่าปฏิกริยาของพวกเขากลับ「อีกแล้วเรอะ」ทำท่าราวกับจะสื่อเช่นนั้น

    ในจุดนั้นทำให้ผมคิดโดยสัญชาตญาณ「หรือว่าเคยมีเรื่องคล้ายๆกับแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน?」ตามนั้น

    ถ้าหากว่าข้อมูลของโอโน่ถูกต้องแล้วล่ะก็ มันจะมีเหยื่อของผู้ใช้หมาล่าเนื้อกว่า 100 คนทั่วประเทศ ภายในจำนวนนั้น ไม่อาจจะเชื่อได้ว่าจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่พวกลูกน้องระดับล่างเกิดอาละวาดเลย ทางตำรวจเองก็ไม่ได้ไร้ความสามารถ คงจะเคยไล่ต้อนพวกลูกน้องระดับล่างมามากกว่า 1 หรือ 2 ครั้งแล้วแน่ๆ

    แต่ถึงอย่างนั้น สาเหตุที่ว่าทำไมยังไม่สามารถจับกุมใครได้เลยซักคน และไม่มีหลักฐานชิ้นสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ ก็อาจจะเป็นเพราะมันถูกทำลายไปเหมือนอย่างครั้งนี้ก็เป็นได้?

    ถ้าหากว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อ แจกจ่ายการ์ดอนูบิสนั่นให้ลูกน้องทุกคน แล้วใช้มันเหมือนกับเป็นอุปกรณ์ทำลายตัวเองยามฉุกเฉินล่ะก็…..

    ถ้าหากว่าพวกลูกน้องไม่รู้ถึงความจริงนี้ คิดว่าที่ได้รับมอบการ์ดแรงค์ B อย่างอนูบิสเป็นเหมือนรางวัลและหลักฐานของความไว้วางใจเท่านั้น…..

    ก็พอจะทำความเข้าใจได้ว่าทำไมจนถึงป่านนี้แล้วยังไม่สามารถจับใครได้เลย

    ทว่ามันก็จะเกิดคำถามขึ้นมาอีกว่าไปจัดเตรียมอนูบิสจำนวนมากมาได้ยังไง รวมทั้งแหล่งเงินทุนอีก…..

    แต่ถ้าลูกน้องที่ตายไปถูกจัดว่าเป็นคนที่ต้องถูกกำจัดทิ้งแล้ว มันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะเอาภูมิหลังของเขามาใช้เพื่อสืบสาวไปยังผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้

    ซึ่งนั่นก็หมายความว่า การสืบสวนของผู้ใช้หมาล่าเนื้อยังคงมีอยู่ต่อไป

 

    พอกลับมาจากการสอบสวนที่กินเวลาไปหลายวัน ที่ต้อนรับผมอยู่ก็คือการสอบสวนรอบที่ 2 โดยครอบครัว

    ตัวลูกชายที่น่าจะหยุดการผจญภัยหลังจากที่ล้มพับเพราะหักโหมงานหนัก กลับบ้านมาหลังจากเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีและถูกสอบสวนโดยตำรวจ ถึงพ่อแม่จะมีความอดทนยังไงก็ต้องมีโมโหกันบ้าง

    ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าจะไปไล่ตามฆาตกรต่อเนื่องอีก

    แบบนี้คงได้โดนริบใบอนุญาตไปแน่ๆ…..แล้วถูกให้เลิก แต่กลับไม่เหมือนอย่างที่ผมคิดเอาไว้ ดูเหมือนว่าถึงแม่พ่อกับแม่จะรู้ว่าไปเกี่ยวข้องกับคดี แต่ไม่รู้เรื่องที่ไปไล่ตามฆาตกรต่อเนื่อง

    ในจุดนี้ทำให้ผมเกิดความสงสัยถึงการตอบสนองของตำรวจอีกครั้ง

    ตามปกติแล้วต่อให้เป็นนักผจญภัย แต่การที่ผู้เยาว์จะไปไล่ตามอาชญากรอันตราย ยังไงก็ต้องมีการติดต่อผู้ปกครองเพื่อให้หยุดพฤติกรรมนั้น

    จะว่าไปแล้ว มันแปลกมาตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมถูกผู้ใช้หมาล่าเนื้อโจมตีแล้วทางตำรวจไม่ได้ติดต่อผู้ปกครองของผม

    พอเป็นแบบนี้ การเทศนาใส่ผมที่จู่ๆก็ถูกหยุดไปจึงกลายมาเป็นเรื่องน่าสงสัย

    …..หรือว่าบางทีตัวผมอาจจะถูกรัฐบาลหรือทางตำรวจควบคุมอยู่ก็เป็นได้ คือสิ่งที่ผมคิด

    เขาวงกตที่ผมกำลังสำรวจเกิดหายไป ทางประเทศจึงสงสัยว่าผมกำกุญแจที่ทำให้เขาวงกตหายไปอยู่ ประมาณนั้น

    นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมถูกเล็งเป้าโดยผู้ใช้หมาล่าเนื้อ เดาว่าที่ปล่อยผมให้ทำอะไรอย่างเป็นอิสระก็เพื่อเฝ้าดู

    ไม่สิ อาจจะกลับกัน ผู้ใช้หมาล่าเนื้อกำกุญแจที่ทำให้เขาวงกตหายไป แล้วผมที่รู้เรื่องนั้นจึงทำการไล่ตามผู้ใช้หมาล่าเนื้อ…..ถ้าหากว่าทางประเทศคิดแบบนี้ มันก็สมเหตุสมผล

    ก็นะ ในความจริงแล้วผมไม่ได้มีกุญแจที่ทำให้เขาวงกตหายไป และการไล่ตามผู้ใช้หมาล่าเนื้อก็เป็นเรื่องความตั้งใจของตัวเองล้วนๆ แต่…..ปล่อยให้เข้าใจผิดอยู่ต่อไปแบบนั้นแหละ

    ไม่ว่าจะยังไงก็ถือว่าโชคดีที่ทางตำรวจ「ตัวลูกชายของบ้านคุณไปไล่ตามฆาตกรต่อเนื่องมาครับ」ไม่ได้ติดต่อมาแบบนั้น

    ถ้าหากว่าถูกรู้เข้าล่ะก็ ชีวิตนักผจญภัยของผมได้เป็นอันจบแน่ๆ

 

    การโน้มน้าวพ่อกับแม่「ตอนที่กำลังคุยกับรุ่นน้องผู้หญิงในร้านอาหารครอบครัวก็ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือ จึงไปโดยไม่มีทางเลือก」「ที่กำลังถูกโจมตีอยู่เป็นเพื่อนผู้หญิงของตัวเอง ถ้าหากว่าพวกตนไม่เข้าไปหยุดเอาไว้ได้ทันเวลาล่ะก็เธอคนนั้นคงถูกฆ่า」พอจะผ่านไปได้โดยการเน้นย้ำความชอบธรรมในการกระทำของตัวเอง

    ตามคาดว่าเป็นเรื่องยากที่จะโกรธตัวลูกชายที่ได้ช่วยคนอื่นไว้ แต่ถึงอย่างนั้น「การกระทำน่าชื่นชมก็จริง แต่ครั้งต่อไปช่วยคำนึงถึงชีวิตตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก…..」ถูกบอกมาแบบนั้น…..

    พอคิดว่าสามารถหลบเลี่ยงการรุกไล่ของพ่อกับแม่ไปได้แล้ว ทว่าปัญหาจริงๆมันเริ่มหลังจากนั้น

    ทั้งพ่อกับแม่ต่างมีดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นแล้ว「มีความสัมพันธ์ยังไงกับผู้หญิงที่เป็นรุ่นน้องที่ถึงกับไปคุยกันหลังเลิกเรียน」「เพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงที่ไปช่วยเอาไว้เป็นใครกันแน่」ไล่ตื้อถาม

    การรุกไล่นั้นตามติดมากซะยิ่งกว่านักสืบมืออาชีพ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมจิตวิญญาณที่เหนื่อล้าอยู่แล้วยิ่งขึ้นไปอีก

    ด้วยเหตุนี้ ผมจึงรู้สึกหมดแรงตั้งแต่เช้า

 

「อา…..อยากจะโดดเรียน…..」

 

    อยากจะไปร้านมังงะคาเฟ่แล้วนอนยาวซัก 12 ชม.

    …..ก็นะ คงไม่ได้ทำหรอก

    โรงเรียนของพวกเราเข้มงวดเรื่องการหยุดเรียนโดยไม่มีเหตุผลมาก ขนาดสายไปแม้แต่นิดเดียวก็ถึงขั้นติดต่อกับทางครอบครัวเลย

    แล้วก็…..เป็นห่วงเรื่องชื่อเสียงภายในโรงเรียนด้วย

    สำหรับเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่รู้เรื่องคดีแล้ว มันจะเป็นเหมือนผมหยุดเรียนไปหลังจากไปยุ่งเกี่ยวกับชิชิโด

    ทางโรงเรียนก็คงไม่มาอธิบายเรื่องที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีให้แน่ เพราะฉะนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้ว่าวันนี้จะมีข่าวลือว่าเป็น「จิตใจเต้าหู้คุง」ออกมาก็ได้

    เพราะงั้นถ้าหากหยุดเรียนไปวันนี้อีก ข่าวลือก็จะยิ่งแพร่สะพัดจนกลายเป็นความจริง

    กลับกันถ้าหยุดไปแค่วันเดียวก็ยังพอเป็นเรื่องของอาการไม่ค่อยดีได้

    ดังนั้นไม่ว่าจะขี้เกียจมากขนาดไหนก็ต้องไปโรงเรียนวันนี้ให้ได้

    ด้วยเหตุนี้จึงมุ่งหน้าไปโรงเรียนด้วยขาอันหนักอึ้ง…..

 

「อะ ชิโนมิยะซัง」

 

    บังเอิญเดินไปเจอเข้ากับชิโนมิยะซังที่ทางเข้าโรงเรียน

 

「—-มาโร๊ะจิ! ด-เดี๋ยวมาทางนี้หน่อย!」

 

    ชิโนมิยะซังคว้าแขนของผมแล้วพามายังที่ลับตาคนบริเวณหลังบันได

   

「ถ้าเป็นตรงนี้น่าจะได้ล่ะมั้ง? มาโร๊ะจิ เรื่องเมื่อวานซืนขอบคุณมากเลยนะ」

「อ-อืม…..แล้ว ทุกอย่างปกติดีไหม?」

 

    ตอนทำการช่วยเหลือได้ทำการยืนยันแล้วว่าไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่เรื่องของสภาพจิตนั้นไม่รู้เลย

    ถึงเธอจะมีจิตใจเข้มแข็งอยู่เป็นปกติแต่ก็ยังคงเป็นเด็กผู้หญิง มันจึงไม่น่าแปลกใจหากว่าจะเกิดบาดแผลทางใจต่อผู้ชายจากการที่ถูกอันธพาลเข้าจู่โจม

    แต่ตัวเธอกลับแค่หัวเราะออกมา

 

「อือ สบายมาก ต้องขอบคุณที่มาโร๊ะจิช่วยเอาไว้เลยไม่บาดเจ็บอะไร นอกจากนี้ มีเรื่องที่อยากจะถามเกี่ยวกับตอนนั้นอยู่…..」

 

    จากท่าทางอึดอัดของชิโนมิยะซังก็พอจะเดาเนื้อหาของสิ่งที่จะถามได้

 

「รู้เรื่องอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคนร้ายนั่นรึเปล่า ใช่ไหม?」

「อะ อืม…..」

「นั่นสินะ…..ให้พูดง่ายๆเลยก็ ผมกำลังไล่ตามคนร้ายนั่น…..หรือพูดให้ถูกคือกำลังไล่ตามกลุ่มของพวกนั้นอยู่」

「เอ๋…..กำลังตามสืบอาชญากรเหรอ? ทั้งๆที่เป็นนักเรียนม.ปลายนี่นะ?」

 

    ชิโนมิยะซังทำท่าอึ้ง ผมจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆให้

 

「ก็นะ รู้อยู่หรอกว่ามันอันตราย…..แต่ว่าผมเองก็ถูกกลุ่มของคนร้ายโจมตีเองด้วย…..」

「อะ หรือว่าที่พวกเร็นกะจังลอสนั่น…..?」

 

    พอผมพยักหน้า เธอก็เอามือวางบนหน้าผากแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า

 

「อา~…..อย่างงี้นี่เอง แล้วก็นั่น, สินะ」

「…..แล้วก็นั่น อะไรเหรอชิโนมิยะซัง?」

 

    ผมลังเลอยู่นิดหน่อยว่าควรจะถามไปดีไหม ก็สุดท้ายก็ตัดสินใจลองดู

    คิดว่าทางนั้นก็ควรจะบอกสถานการณ์ให้ทางนี้ด้วย

 

「อา~ พูดง่ายๆเลยก็ จำเรื่องที่บอกเกี่ยวกับที่ถูกทาบทามก่อนหน้านี้ได้ไหม」

「…..ได้เตือนว่ามีคดีที่เล็งเป้าหมายมาที่เด็กใหม่อยู่ไม่ใช่เหรอ?」

 

    ผมพูดโดยใช้น้ำเสียงโมโหเล็กน้อย เธอจึงมีท่าทางอึดอัด…..

 

「อู…..เรื่องนั้นก็จำได้อยู่หรอกแต่…..คุณแม่เกิดล้มพับไปน่ะสิ」

「…..น-นั่นมันก็」

 

    คราวนี้กลายเป็นผมที่รู้สึกอึดอัดแล้วหลบสายตา

 

「อะ ไม่ได้เจ็บร้ายแรงอะไรเพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าได้พักหลังจากผ่าตัดก็หายเป็นปกติได้เองแหละ แต่ว่าสาเหตุหลักมันมาจากหักโหมทำงานหนักเกินไป…..」

「……………」

 

    ผมที่เกิดและโตมาในครอบครัวที่พอมีฐานะ จึงเป็นเรื่องยากที่จะออกความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของครอบครัว ในตอนที่ผมอ้ำๆอึ้งๆพูดอะไรไม่ออกอยู่นั้น…..

 

「ก็นะ เพราะงั้นแล้วไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรเกี่ยวกับคุณแม่ไปหรอก ถูกโกรธมาหนักน่าดูอีกต่างหาก」

 

    ชิโนมิยะซังเห็นผมเป็นแบบนั้นจึงพูดติดตลกออกมา ผมเองก็ยิ้มแห้งๆเรื่องที่เธอเองก็ถูกดุมาเหมือนกัน

 

「แล้ว จากนี้ไปยังจะเป็นนักผจญภัยอยู่อีกรึเปล่า?」

「อืมม อย่างที่คิดว่าจู่ๆมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนี่นะ ทั้งการขอความช่วยเหลือตั้งแต่แรกเริ่ม แล้วไหนจะการ์ดที่ได้มาจากทางต้นสังกัดก็ลอสไปอีก…..」

 

    จะว่าไปเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการขอความช่วยเหลือ เนื่องจากว่ามันเป็นคดี คนๆนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ว่าเรื่องการ์ดที่ได้รับยืมมาจากทางต้นสังกัด ขึ้นอยู่กับสัญญาซึ่งมันก็สามารถเป็นเรื่องยุ่งยากได้

 

「…..ถ้าหากว่ามีเรื่องต้องคุยเกี่ยวกับการจ่ายค่าการ์ดหรืออะไรทำนองนั้นล่ะก็ เดี๋ยวจะให้ความร่วมมือเอง」

「อะ ถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก กลายเป็นว่ายังไม่มีสัญญาอะไร กลับกันแล้วได้รับเงินชดเชยมาค่อนข้างเยอะพอตัวแทน」

 

    เงินชดเชย……ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็คือเงินปิดปากหรืออะไรทำนองนั้น

    ผู้มีพรสวรรค์ในสังกัดที่ไปเป็นนักผจญภัยตามคำขอของต้นสังกัดมาถูกโจมตีในวันแรก มีความเสี่ยงที่ทางต้นสังกัดจะถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีเอง ทำให้อยากจะยกเลิกสัญญาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ถ้าไม่อย่างงั้นล่ะก็ ถึงจะไม่อยากพูดแต่กับนางแบบใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างชิโนมิยะซังแล้ว ไม่คิดว่าจะจ่ายเงินชดเชยจำนวนมากให้หรอก

    …..ก็นะ ทุกอย่างก็กลับไปเป็นกระดาษเปล่า ตัวเธอเองปลอดภัย ส่วนเงินที่ได้มาโดยรวมแล้วก็ถือเป็นเรื่องดี

 

「แต่ว่า, นะ…..ช่วยเอาไว้จริงๆ…..แบบว่า, เท่มากเลยล่ะ」

 

    ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรพวกนั้นอยู่ ชิโนมิยะซังก็แก้มแดงขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดราวกับพึมพำกับตัวเอง

 

「อะ อ-อืม…..ด้วยความยินดี ก็นะ…..ก็แค่เรื่องบังเอิญนั่นแหละ」

「ผลลัพธ์สิผลลัพธ์ สำหรับคนที่ถูกช่วยแล้ว ที่สำคัญน่ะคือผลลัพธ์ แล้วก็นะ อยากจะตอบแทนอะไรบ้างซักหน่อย…..มีคำขอ, อะไรไหม?」

 

    ชิโนมิยะซังพูดขณะที่เล่นเส้นผมของเธอด้วยความกระสับกระส่าย

 

「อื~ม」

 

    จะเอายังไงดี ที่ได้ไปช่วยเธอมันก็บังเอิญจริงๆ รู้สึกเกรงใจที่จะต้องรับสิ่งตอบแทนอะไรกลับมา แต่ก็พอจะเข้าใจอยู่ ในช่วงเวลาแบบนี้การเสนออะไรเพื่อขอบคุณมันจะเป็นการดีกว่า

    อะ ใช่แล้ว!ประกายความคิดมันแว่บเข้ามาในหัวของผม

 

「งั้น ขอรับคำนั่นไว้เลยละกัน」

「อ-อืม! อะไรเหรอ? บอกอะไรมาก็ได้เลยนะ?」

 

    -ปิ๊ง-ใบหน้าของเธอสดใสขึ้นทันตาเห็น ผมจึงพูดขณะที่เกาแก้มไปด้วย

 

「แบบว่า อยากจะขอให้ช่วยจัดฉากเพื่อให้ได้ออกไปเที่ยวเล่นกับอุชิคุระซังกัน 2 คน…..จะได้ไหมล่ะมั้ง?」

「—–……………」

 

    -กึก- จู่ๆชิโนมิยะซังก็หยุดนิ่งไป

 

「………………..」

「เอ็ตโต…..คงไม่ได้ สินะ?」

「……….อืมม? ก็ไม่นิ? ได้นะ? 『กับชิซุกะ 2 คน』ไปเที่ยวเล่นกันสินะ โอเค」

 

    ชิโนมิยะซังยิ้มให้แล้วพูดมา

    โย้ช! ทำท่ากำหมัดอยู่ในใจ

    ความจริงแล้ว ตั้งแต่ที่ผมได้ไปถามตอนคริสต์มาสแล้วโดนปฏิเสธมา ก็ไม่ได้รุกเข้าหาเธออีกเลย

    ส่วนหนึ่งก็เพราะยุ่งกับการเป็นนักผจญภัย แต่ที่จริงก็แค่ไม่สามารถรวบรวมความกล้าไปชวนเธออีกรอบเพราะถูกปฏิเสธมาแล้วรอบนึง

    ที่ในอดีตเคยทำได้ก็เพราะว่าตอนนั้นไม่มีอะไรจะเสีย

    อุตส่าห์มาถึงจุดที่สามารถพูดคุยกันได้ปกติแล้ว เลยไม่อยากจะทำลายความสัมพันธ์นั้นไป

    แต่ว่า จะให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปไม่ได้

    ถ้าหากว่าตัวเธอไปได้แฟนมาขณะที่มัวแต่กัดเล็บอยู่ล่ะก็ ถึงจะอยากเสียใจก็คงเสียใจให้ไม่ได้หรอก

    ถึงการไปขอให้เพื่อนไปช่วยเป็นสื่อกลางเพื่อชวนผู้หญิงที่ชอบมันจะดูน่าสมเพชก็เถอะ แต่ชิโนมิยะซังน่าจะรู้สึกสบายใจขึ้นจากการที่ไม่ต้องติดค้างอะไรแล้ว

    รู้สึกอยากชมตัวเองกับความคิดสุดเริ่ดจริงๆ

 

「แล้ว มีกำหนดเวลาแน่นอนแล้วรึยัง?」

「อา…..ตอนนี้ยังมีเรื่องอยู่อีกเยอะล่ะนะ ถ้าทุกอย่างสงบลงแล้วจะติดต่อไปละกัน」

「อืม เข้าใจล่ะ」

 

    แหม~ มีโชคร้ายเข้าใส่มาแล้วซักพัก แต่เดาว่าในที่สุดโชคดีก็พลิกกลับมาแล้วสินะแบบนี้?

    ขณะที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่นั้น…..

 

「ถ้างั้นก็ไปห้องเรียนกันเถอะ」

 

    จู่ๆ ชิโนมิยะซังก็คว้ามือไป

 

「อะ อืม」

 

    ชิโนมิยะซังเดินจูงมือนำ มุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

    รู้สึกตกตะลึงกับสัมผัสของมืออันอ่อนนุ่มซึ่งแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงกับมือของผู้ชาย เหล่านักเรียนคนอื่นมองมาทางนี้ด้วยความตกใจทำให้รู้สึกเชินอายอย่างแปลกๆ

    แต่ทว่าก็ไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้ ในขณะที่กำลังนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ ก็ได้มาถึงห้องเรียน

    ถึงแม้จะคิดอยู่ว่าน่าจะปล่อยมือได้แล้ว แต่ชิโนมิยะซังก็เปิดประตูไปทั้งอย่างนั้น

    เสียงของประตูที่ถูกเปิดออก ดึงดูดความสนใจของคนที่อยู่ภายในห้องเรียนทั้งหมด

    พอได้เห็นพวกเราที่จับมือกันอยู่ ในดวงตาของพวกนั้นก็ยิ่งมีความตกใจมากขึ้น

    แล้วในไม่ช้าเหล่าเพื่อนร่วมชั้นก็พากันมารุมล้อม

 

「อรุณสวัสดิ์ คิทากาว่า!」「ได้ยินมาแล้วนะ! ได้ช่วยชิโนมิยะซังจากการโจมตีของนักผจญภัยอื่นมาใช่ไหม?」「สุดยอด เจ๋งไปเลย!」「จะว่าไป อันตรายในเขาวงกตไม่ได้มีแค่มอนสเตอร์สินะ」「อย่างที่คิด รายได้ของนักผจญภัยมีสูงก็เพราะมันอันตรายจริงๆด้วย」

「เอ๋? เดี๋…..!?」

 

    น-นี่มันอะไรกัน!

    ขณะที่พวกเขากำลังพูดแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา ผมก็ได้แต่ทำตาค้างมองดู

    ทำไมพวกนี้ถึงรู้เรื่องนั้นได้?…..จะว่าไปมันก็มีผู้ต้องสงสัยอยู่คนเดียวไม่ใช่เรอะ

    ชิโนมิยะซังหันมามองแล้วขยิบตาให้ผม

    …..หากเอาตามสามัญสำนึกของการถูกโจมตีโดยบุคคลอื่น จากมุมมองของผู้หญิงแล้วมันเป็นเรื่องที่อยากจะปกปิดเก็บซ่อนเอาไว้ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะแสดงความเห็นใจกับสถานการณ์ แต่มันก็จะมีคนส่วนน้อยที่มาพร้อมกับศีลธรรมอันต่ำตม ที่มองมันเป็นเรื่องสนุกแล้วปล่อยข่าวลือผิดๆเกี่ยวกับมัน

    แต่ถึงอย่างนั้น สาเหตุที่มันถูกแพร่ออกไปทั่ว…..เพื่อผมสินะ

    จากเหตุการณ์กับชิชิโดเมื่อวันก่อนที่ทำให้ชื่อเสียงของผมร่วงต่ำลง คงจะเผยแพร่ข้อมูลด้วยตัวเองเพื่อให้มันกลับขึ้นมา

    พอมองดูรอบๆห้องเรียน สายตาของเหล่าเพื่อร่วมชั้นก็ต่างเป็นเชิงบวกกันหมด พอไปสบตาเข้ากับกลุ่มของชิชิโด พวกนั้นก็เบือนหน้าหนีด้วยความอึดอัด

    มองไม่เห็นตัวชิชิโดในหมู่พวกนั้น สงสัยว่าเมื่อวานแล้วก็วันนี้จะทำให้มองหน้ากันลำบากล่ะมั้ง

    หลังจากคลื่นฝูงชนของเพื่อนร่วมชั้นเบาบางลง อุชิคุระซังก็เข้ามาคุยด้วย

 

「อรุณสวัสดิ์ คิทากาว่าคุง เรื่องของคาเอเดะจังต้องขอบคุณมากจริงๆ」

 

    เธอพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มจากใจจริง ผม「แค่เรื่องบังเอิญ ไม่ต้องคิดมากหรอก」ขณะที่กำลังคิดจะพูดตอบกลับไปแบบนั้น จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้

    ไม่สิ เดี๋ยวนะ มันใช่เรื่องบังเอิญจริงๆงั้นเหรอ?

    เขาวงกตที่ชิโนมิยะซังลงไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารครอบครัวที่พวกผมอยู่ แล้วก็ อุชิคุระซังยังมาตรวจเช็คดูว่าผมได้ไปที่ร้านอาหารที่ไปเป็นประจำในวันนั้นอีกไหมด้วย

 

「…..หรือว่าบางที ไปชักนำชิโนมิยะซังไว้ก็เพื่อในเวลาฉุกเฉินผมจะได้สามารถเข้าไปช่วยเธอได้?」

「เอ๋? หมายความว่ายังไง?」

 

    ด้วยคำของผม ชิโนมิยะซังจึงมองอุชิคุระซังด้วยความตกใจ

 

「อะฮะฮะ…..ก็ไม่ใช่ชี้นำอะไรมากนักหรอก แค่คิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นใกล้ๆกับร้านอาหารครอบครัวนั่น คิทากาว่าคุงอาจจะเข้าช่วยเหลือได้ ก็เท่านั้นเอง」

「เอ๋ แต่ชั้นไม่ได้บอกชิซุกะเลยนะว่าวันนั้นจะไปเขาวงกต แล้วเขาวงกตก็เป็นที่ชั้นเลือกเองด้วย」

「ต่อให้ปากจะบอกว่าจะเลิกก็สามารถรู้ความรู้สึกในใจจริงๆได้น้า รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาลแล้วใช่ไหมล่ะ? อีกทั้งด้วยนิสัยของคาเอเดะจังแล้ว จะต้องพยายามลงสำรวจเขาวงกตในทันทีก่อนที่จะเกิดเปลี่ยนใจแน่ๆ เลยเดาว่าคงจะเลือกเขาวงกตที่อยู่ใกล้กับโรงเรียน ชั้นก็เลยเอ่ยถึงลักษณะของเขาวงกตที่อยู่ใกล้กับร้านอาหารครอบครัวนั่น โดยแนะนำว่าเป็นเขาวงกตสำหรับมือใหม่ให้กับคาเอเดะจังเมื่อก่อนหน้านี้มาแล้วเท่านั้นเอง…..」

 

    ไม่ล่ะ นั่นแหละที่คนเขาเรียกว่าการชี้นำ

    พอรู้ว่าตัวเองกำลังเต้นอยู่บนฝ่ามือของอุชิคุระซัง แก้มของชิโนมิยะซังก็กระตุก

 

「อุหวา~ ไม่ได้เห็นมาซักพักแล้ว ชิซุกะมืด」

「อย่าเรียกว่ามืดน้า~」

「อะฮะฮะ…..แต่ว่า ขอบคุณนะ…..ชิซุกะ」

「ด้วยความยินดีจ้า!」

 

    เอ เรื่องก็ตามนั้น…..ขณะที่กำลังมองภาพอันอบอุ่นของสาวสวย 2 คนอยู่ห่างๆ -แปะแปะ- ก็มีใครบางคนเข้ามาแตะไหล่

 

「อรุณสวัสดิ์ อาจารย์ จัดการได้ในทันทีเลยนะ」

「อรุณสวัสดิ์ โอโน่ ก็นะ จะบอกว่าเป็นความบังเอิญจริงๆ หรืออาจจะเป็นเพราะอุชิคุระซังเตรียมการไว้ล่ะมั้ง」

「ผลลัพธ์สิผลลัพธ์ ที่สำคัญน่ะคือผลลัพธ์」

 

    คำพูดแบบเดียวกับชิโนมิยะซังทำให้หัวเราะแห้งๆออกไป

 

「เท่านี้ชื่อที่ตกต่ำลงเพราะชิชิโดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม…..ไม่สิ สูงขึ้นกว่าเดิมเพราะเป็นเรื่องใหญ่ล่ะนะ」

「ทำเป็นพูดดี ที่เรื่องมันแพร่กระจายก็เพราะนายนั่นแหละ」

 

    โอโน่ยิ้มหัวเราะ

    ชิโนมิยะซังเองก็หยุดเรียนไปเมื่อวาน แต่ถึงอย่างนั้น สาเหตุที่วันนี้มันถูกรู้กันทั่วทั้งห้องก็เพราะว่ามีคนไปแพร่กระจาย ซึ่งคนๆนั้น ก็คือหมอนี่คนเดียวเท่านั้น

 

「จะว่าไป ชิชิโด หมอนั่นลาหยุดวันนี้เหรอ?」

 

    พอผมถามคำถามนั้นไป สีหน้าของโอโน่ก็จริงจังขึ้น

 

「หืม? อา ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว…..」

「เมื่อวาน? หรือว่า…..」

「ไม่ใช่หรอก เมื่อวานคุณครูบอกว่าน่าจะเป็นไข้สูง」

 

    อะไรกัน…..แค่ไข้หวัดหรอกรึ

    ไม่สิ…..

 

「เผื่อเอาไว้ก่อน ใช้เส้นสายของโอโน่ไปแนะนำกับพวกของชิชิโดไว้ ว่าอย่างน้อยๆก็อย่าลงเขาวงกตคนเดียว」

「เรื่องนั้นทำไปแล้วล่ะ อย่างที่คิดว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลา ชิโนมิยะซังถูกโจมตีมาแล้ว ตามคาดว่าแม้แต่ชิชิโดเองก็คงต้องควบคุมตัวเองหลังจากนี้」

 

    เคลื่อนไหวไปแล้วสินะ จะว่าไปแล้วก็เคยบอกมาว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาเอง สมแล้วที่เป็นโอโน่

 

「ก็ พักเรื่องนั้นไว้แค่นี้ก่อน…..เกี่ยวกับเซอร์เคิลนักผจญภัยของเหยื่อ ได้เรื่องมาแล้วล่ะ」

「!…..ว่าไงบ้าง?」

「ดำสนิทเลย เซอร์เคิลนักผจญภัยที่เหยื่อเข้าร่วมอยู่ ทั้งหมดต่างมีความเกี่ยวข้องกับสมาคมพระแม่ดารา เพียงแต่ว่าสมาชิกของกลุ่มจะแค่สนใจเรื่องกิจกรรมแลกเปลี่ยนการ์ดมากกว่า ไม่ได้สนใจในตัวกิจกรรมของสมาคมเองเลย」

「งั้นเหรอ…..」

 

    เท่านี้ ความเชื่อมโยงก็ชัดเจนแล้วสินะ

    แต่…..เกิดฉุกคิดขึ้นมา

    ถ้าหากว่าคนร้ายคือสมาคมพระแม่ดาราแล้วล่ะก็ ทำไมต้องโจมตีคนของกลุ่มด้วย…..

    เป็นยุทธวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัยด้วยการโจมตีผู้ศรัทธางั้นเหรอ?

    ถ้าเป็นอย่างนั้นแค่แกล้งทำเป็นไม่เกี่ยวข้องใดๆเลยมันจะปลอดภัยมากกว่า

    ถ้าหากสมาคมพระแม่ดาราคือคนร้ายแล้ว ในทางกลับกัน จะไม่โจมตีผู้ศรัทธาเองงั้นเหรอ…..?

    หรือว่าเป้าหมายคือ ต้องการให้คิดแบบนั้น?

    กลับกันแล้วกลับอีก หรือว่ากลับกันแล้วเลยไปมากกว่านั้น

    เอาเป็นว่าในตอนนี้ ผมส่งข้อมูลปัจจุบันไปให้พวกโอริเบะก่อนละกัน

 

 

 

 

 

    และแล้ววันสุดสัปดาห์ที่รอมาอย่างยาวนานก็มาถึง

    ผมได้อันนานำทางไปยังสถานที่จัดงานพบปะแลกเปลี่ยนการ์ด

    สถานที่คือโรงแรมหรูหราแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในโตเกียว พื้นที่จัดงานปาร์ตี้ถูกจองเอาไว้เพื่อจัดงานพบปะแลกเปลี่ยนการ์ด

 

「น-นี่ มาโดยที่ใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนตามที่บอกแล้ว แต่ว่าแน่ใจจริงๆเหรอว่าชุดนี้มันจะไม่เป็นอะไร?」

 

    พอมองไปยังชุดสูทราคาแพงของเหล่าผู้คนที่อยู่โดยรอบแล้วก็เกิดความประหม่า ผมเลยถามอันนาไป

    กับผมที่ให้ความรู้สึกราวกับพวกบ้านนอก อันนาก็ตอบกลับด้วยสีหน้าดูตกตะลึง

 

「ไม่เป็นอะไรส์หรอกค่ะ นี่ไง ชั้นเองก็ยังใส่เครื่องแบบเลยใช่ไหมล่ะ? ในความจริง หากเทียบกับการใส่สูทแปลกๆแล้ว มันจะไม่เป็นที่สะดุดตาจากราคาหรือว่ายี่ห้อ ในทางกลับกัน การที่มาอยู่ที่นี่ได้ทั้งๆที่เป็นนักเรียนจะทำให้ได้รับความเคารพจากคนอื่นมากกว่าด้วย …..แต่ถึงอย่างนั้นถ้าจะยังมีคนโง่ที่ไหนมาล้อเลียนอยู่อีก ก็คงจะมีแค่คนโง่ที่ไม่รู้ว่าคนที่กำลังล้อเลียนอยู่นั้นคือลูกสาวของผู้จัดงานและเพื่อนๆของเธอนั่นแหละส์ เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไปหรอกส์ค่ะ」

「อ-อย่างงี้นี่เอง」

 

    ถ้ามันเป็นสิ่งที่เด็กสาวระดับสูงพูดแล้วก็คงต้องยอมรับมันไป

 

「แต่ว่า…..ใช่งานแลกเปลี่ยนการ์ดจริงๆเหรอ? ดูแตกต่างไปจากที่คิดเอาไว้เลย」

 

    ผมพูดขณะที่มองไปรอบๆ

    พอมองไปรอบสถานที่ก็ไม่มีการ์ดให้เห็นเลยซักใบ ผู้ร่วมงานต่างก็เอาแค่คุยหรือไม่ก็กินอาหารและเครื่องดื่ม

    เพราะว่ามันเป็นการพบปะกับเพื่อแลกเปลี่ยนการ์ดราคาแพง ก็เลยคาดเอาไว้ว่าน่าจะเป็นการเจรจาทางธุรกิจอย่างเป็นทางการ แต่นี่ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นแค่งานเลี้ยงบุฟเฟ่ต์

 

「อา…..ที่นี่เป็นแค่สถานที่สำหรับกระชับความสัมพันธ์เฉยๆ การเจรจาธุรกิจจริงๆจะถูกจัดภายในห้องส่วนตัวที่ชั้นล่างค่ะ」

「อ-อย่างงี้นี่เอง…..แต่ว่า จะรู้ได้ยังไงว่าใครมีการ์ดอะไร?」

「ผู้เข้าร่วมจะได้รับแค็ตตาล็อคของการ์ดที่จัดแสดงเอาไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้สามารถตรวจดูและหมายตาเอาไว้ได้ค่ะส์ ก็นะ มันก็มีอยู่บางคนที่สิ่งที่หมายตาไว้จริงๆไม่อยู่ในแค็ตตาล็อค การที่งานแลกเปลี่ยนถูกจัดในระดับนี้ก็เพื่อให้สามารถทำการสำรวจไปพร้อมกับกระชับความสัมพันธ์ไปด้วยนั่นแหละส์ค่ะ」

「เห…..เดี๋ยว แต่ว่าผมยังไม่ได้เห็นแค็ตตาล็อคที่ว่ามานั่นเลยนะ」

「เรื่องนั้นสำหรับรุ่นพี่แล้วไม่จำเป็นหรอกส์ค่ะ แค่แค็ตตาล็อคอย่างเดียวก็ราคา 1 ล้านเยนแล้ว…..」

 

    แค่แค็ตตาล็อคอย่างเดียวก็ราคา 1 ล้านเยน!? นั่นมันขูดรีดกันมากไปหน่อยแล้วไหม! ไม่สิ ถ้าคิดว่ารวมพวกค่าเข้าร่วม แล้วก็ค่าข้อมูลว่าใครมีอะไรอยู่ก็น่าจะสมเหตุสมผลอยู่ล่ะมั้ง?

    ขณะที่ตัวผมกำลังเป็นกังวลเรื่องที่ไม่รู้ราคาตลาดของเหล่าคนรวยอยู่ อันนาพร้อมผมทรงหางม้าของเธอก็ทำการมองไปรอบๆสถานที่

 

「อะ เจอแล้วเจอแล้ว ช่วยตามชั้นมาหน่อยค่ะ」

「อ-อา…..」

 

    ตามเธอไปอย่างว่าง่ายจนมาเจอเข้ากับชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่และสุภาพบุรุษสูงอายุกำลังคุยกันอยู่

    ในไม่ช้า พอบทสนาเริ่มสงบลง อันนาก็กล่าวทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ

    หลังการแลกเปลี่ยนคำพูดเพียงไม่กี่คำ ชายร่างใหญ่ก็ยิ้มแล้วเดินจากไป

    จากนั้นอันนาจึงทำการแนะนำตัวชายสูงอายุที่เหลืออยู่ให้กับผม

 

「รุ่นพี่ ขอแนะนำตัวให้ค่ะ ทางนี้คือตัวแทนจำหน่ายการ์ดที่รุ่นพี่จะทำการติดต่อด้วยในวันนี้ โทโน่ซังค่ะ」

「อะ ย-ยินดีที่ได้รู้จักครับ นักผจญภัยคิทากาว่าครับ」

「โทโน่ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก แหม ได้เจอกับตัวจริงแบบนี้ เป็นเกียรติจริงๆเลยครับ」

「โอ๋ว!?」

 

    จู่ๆคนที่ดูเป็นคนระดับสูงชัดเจนพูดมาแบบนั้นให้ ผมจึงช่วยไม่ได้ที่จะเผลอส่งเสียงแปลกๆออกไป

 

「เพราะว่ารุ่นพี่เป็นนักผจญภัยที่ค้นพบหวนคืนจิตวิญญาณนั่นแหละส์ค่ะ ในหมู่ตัวแทนจำหน่ายการ์ดแล้วมีชื่อเสียงมากพอตัวเลย」

 

    อันนากระซิบบอกข้างหู

    อ-อย่างงี้นี่เอง…..ได้ยินมาว่าตลาดการ์ดมีการผันผวนพอตัวในช่วงที่มีการค้นพบหวนคืนจิตวิญญาณ ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด แทนที่จะเป็นนักผจญภัยแล้วน่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายการ์ดมากกว่า

    ก่อนจะถึงตอนนั้น พวกที่มีสกิลร่วงหล่นจะถูกจัดว่าเป็นของมีตำหนิแล้วจู่ๆก็มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นมา เหล่าตัวแทนจำหน่ายการ์ดคงสามารถทำเงินได้มหาศาล

    ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ก็อาจจะมีบางคนที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักอยู่

    ขึ้นอยู่กับระดับของมัน จึงไม่น่าแปลกใจว่าอาจจะมีใครบางคนที่เก็บเอามาเป็นความแค้น ซึ่งทำให้ผมต้องมีความระวังตัวในใจเอาไว้มากยิ่งขึ้น…..

 

「ฮะฮะ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะผมเป็นคนที่สามารถทำเงินได้มากยังไงล่ะ」

 

    บอกมาราวกับว่าสามารถอ่านใจผมได้

 

「อะ ง-งั้นเหรอครับ…..」

「รุ่นพี่…..ชั้นไม่พาไปแนะนำตัวให้กับคนแบบนั้นหรอกนะคะ」

 

    ผมที่หน้าแดงแล้วก้มหน้าลงไป อันนาก็กระซิบมาด้วยใบหน้าชวนอึ้ง

    พอคิดดูดีๆแล้วมันก็จริง ทำเอาพูดอะไรไม่ออกเลย

 

「โทโน่ซังทางด้านนี้ เชี่ยวชาญทางด้านการจัดเตรียมการ์ดสำหรับแรงค์อัพ และการ์ดสำหรับชุบชีวิตแก่นักผจญภัยมืออาชีพค่ะ」

 

    …..อย่างงี้นี่เอง ผมแสดงความเข้าใจ ถ้าหากว่าทำธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการแบบนั้นล่ะก็ จะต้องมีพวกสกิลไม่ดีอยู่เป็นจำนวนมาก และนั่นทำให้สามารถทำเงินได้มหาศาล

    เข้าใจแล้วว่าทำไมอันนาถึงได้ยอมลำบากพาผมมาแนะนำตัว

 

「อย่างไรก็ดี ด้านคิทากาว่าซังกำลังมองหาซาชิกิวาราชิและเลดี้แวมไพร์สำหรับการชุบชีวิตอยู่ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นกำลังช่วยให้ได้ค่ะ」

「…..ขอความกรุณาด้วยครับ」

 

    โทโน่ซังมีรอยยิ้มที่อบอุ่นและเป็นมิตร ผมจึงโค้งศรีษะให้

 

「…..ฟุมุ อย่างงี้นี่เอง」

 

    พวกเราย้ายที่มาในห้องส่วนตัว นำการ์ดแรงค์ D และอุปกรณ์เวทจำนวนมากออกมาให้โทโน่ซังตรวจดู

 

「ก่อนอื่น เกี่ยวกับอุปกรณ์เวท ทางนี้ได้เป็นเงินสดประมาณ 5 ล้านเยน แต่ถ้าหากใช้สำหรับแลกเปลี่ยนการ์ดจะคิดเป็นมูลค่า 6 ล้านเยนครับ」

「…..งั้นเหรอครับ」

 

    ที่โทโน่ซังเสนอมา สูงกว่าราคารับซื้อของทางกิลล์เล็กน้อย

    แต่ถึงอย่างนั้นที่สามารถขายได้สูงกว่านิดหน่อยก็ช่วยได้มากแล้ว

    แต่ว่า ของจริงน่ะอยู่ที่การ์ดต่อไปต่างหาก

    ราคารับซื้อของการ์ดแรงค์ D ของทางกิลล์คือ 10% ของราคาตลาด การ์ดแรงค์ D ที่ผมมีทั้งหมดเป็นการ์ดแรงค์ D ที่อยู่ระดับล่าง แต่ละใบมีราคา 1 – 2 แสน เว้นเสียแต่ว่ากิลล์จะรับซื้อราคา 2 หรือ 3 เท่า ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถชุบชีวิตเร็นกะกับเอลิซ่าพร้อมกันได้

 

「ต่อไป เกี่ยวกับการ์ดทางด้านนี้…..」

 

    -อึก- กลืนน้ำลาย

 

「ต้องการที่จะขายทั้งหมดถูกต้องใช่ไหมครับ?」

「เอ๋? อา ครับ…..ไม่ได้มีแผนว่าจะใช้งานอะไร」

 

    รู้สึกอายนิดหน่อยแล้วตอบไป

 

「งั้นเหรอครับ…..ขอโทษนะครับ แต่ขอทราบเกี่ยวกับงบประมาณที่คิทากาว่าซังมีจะได้ไหมครับ?」

「เอ็ตโต…..เงินสดที่เตรียมมาก็ประมาณ 35 ล้านเยน แล้วก็อยากะบวกกับค่าอุปกรณ์เวทเมื่อซักครู่ด้วยครับ」

「โฮ่…..ถ้าหากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ รวมการ์ดทั้งหมดนี่, อุปกรณ์เวททั้งหมด, และเงิน 35 ล้านเยน มาแลกเปลี่ยนกับ 3 ใบของทางนี้ไหมครับ?」

「เอ๋? 3 ใบ…..?」

「ครับ ซาชิกิวาราชิกับเลดี้แวมไพร์ แล้วก็การ์ดอีกใบที่ชอบที่อยู่ในนี้ครับ」

「นี่มัน…..」

 

    บนหน้าจอแท็บเล็ตที่โทโน่ซังแสดงขึ้นมา มีรายชื่อของการ์ดแรงค์ C อยู่

    รายละเอียดของสกิลที่มีเองก็ถูกระบุเอาไว้อย่างละเอียด

    ขณะที่ผมกำลังไล่ดูรายการอยู่ ใบหนึ่งในนั้นก็สะดุดตาเข้า

    การ์ดใบนี้มัน…..

 

「เป็นเรื่องที่ทางนี้ไม่คาดคิดมาก่อนเลยแต่…..แน่ใจแล้วเหรอครับ?」

 

    นอกเหนือจากซาชิกิวาราชิกับเลดี้แวมไพร์สำหรับชุบชีวิตแล้วยังมีการ์ดแรงค์ C อีก 1 ใบ ถ้าเป็นแบบนั้นมันขาดทุนกันเห็นๆเลย…..

    ขณะที่ผมกำลังเอียงคอ โทโน่ซังก็บอกเหตุผลมา

    เริ่มจากว่าทำไมการ์ดแรงค์ D ถึงได้ราคาสูงเกินกว่าที่คาด ดูเหมือนว่าเหตุผลจะมาจากการ์ดจำนวนมากที่เป็นประเภทเดียวกัน และไม่มีความแตกต่างกันมากในด้านสกิล

    ในตอนนี้ เกิดกระแสในการจัดตั้งโรงเรียนนักผจญภัยขึ้นที่ต่างประเทศโดยเฉพาะที่อเมริกา ทำให้เกิดความต้องการสำหรับการ์ดแรงค์ D เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนมีมากขึ้น

    เพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์การเรียนการสอน จึงไม่ควรมีความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพมากเกินไป จึงเป็นการดีกว่าถ้าหากว่าเป็นประเภทเดียวกันและไม่มีความแตกต่างกันมากในด้านสกิล

 

「ทางเราเองยังรู้สึกขอบคุณที่มีความคิดในการแลกเปลี่ยนการ์ดจำนวนมากกับการ์ดสำหรับชุบชึวิตด้วย นั่นก็เพราะการ์ดแลกเปลี่ยนด้วยการ์ดนั้นไม่มีภาษี」

「อย่างงี้นี่เอง」

 

    โทโน่ซังยิ้ม ทางนี้ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้

 

「เงินสดจำนวน 35 ล้านเยนนั้น จะถูกใช้สำหรับกระบวนการซื้อ-ขายการ์ดสำหรับชุบชีวิตซาชิกิวาราชิไปครับ」

「ขอความกรุณาด้วยครับ」

 

    รับใบเสร็จที่โทโน่ซังฉีกออกมา เนื่องจากว่าตัวแทนจำหน่ายการ์ดมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับร้านค้าพิเศษที่ได้รับอนุญาตจากทางกิลล์ การ์ดที่ทำการซื้อมาจากตัวแทนจำหน่ายการ์ดจึงถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่ง

    …..ดูเหมือนว่าจะต้องมีความระมัดระวังด้วยเพราะในหมู่ตัวแทนจำหน่ายการ์ด จะมีพวกที่แอบอ้างและไม่มีคุณสมบัติอยู่ แต่คราวนี้ได้รับการสนับสนุนจากดันเจี้ยนมาร์ทจึงสามารถแลกเปลี่ยนด้วยความอุ่นใจ

 

「เช่นนั้นแล้วตัวการ์ดจะถูกส่งมาให้ผ่านทางดันเจี้ยนมาร์ทภายใน 1 อาทิตย์นะครับ」

「ครั้งนี้ต้องขอบคุณมากจริงๆครับ」

「ไม่เลยไม่เลย ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอบคุณ ต่อจากนี้ไปหากต้องการอะไรก็สามารถติดต่อมาอีกได้ทุกเมื่อเลยนะครับ」

 

    แลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับการติดต่อ จับมือ แล้วบอกลากับโทโน่ซัง

 

「…..เท่านี้ กำลังรบของรุ่นพี่ก็ฟื้นกลับมาสมบูรณ์แล้วส์สินะคะ」

「อา เป็นเพราะอันนาแท้ๆ ขอบคุณนะ」

 

    ผมก้มหัวให้อย่างต่ำ

 

「อย่าได้คิดมากไปเลยค่ะ ที่ชั้นทำก็แค่แนะนำตัวคนให้เท่านั้นเอง」

 

    แค่นั้นก็เป็นเรื่องใหญ่มากแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้อันนาแนะนำตัวแทนจำหน่ายการ์ดที่มีความน่าเชื่อถือล่ะก็ คงไม่สามารถขายการ์ดแรงค์ D ได้ในราคาสูง และคงไม่สามารถชุบชีวิตพวกเร็นกะขึ้นมาได้พร้อมๆกัน

    แต่ว่า ถ้าแค่ขอบคุณเพียงคำพูดก็คงจะหยาบคายเกินไป

    ความรู้สึกขอบคุณที่มีนี้ แสดงออกผ่านการทำกิจกรรมนักผจญภัยกันเถอะ

    …..จะว่าไปแล้ว จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้

    ชิชิโดจะเป็นอะไรรึเปล่า?

    ที่หยุดเรียนไปก็หลายวันแล้ว

    ถ้าแค่ 1 -2 วันก็พอจะคิดได้ว่าคงรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ถ้ายาว 3 วันก็เริ่มที่จะเป็นห่วงขึ้นมา

    คุณครูบอกว่าลาหยุดเนื่องจากเป็นไข้สูงแต่…..

    แต่ว่าถ้าเกิดหายตัวไปในเขาวงกตจริงๆล่ะก็ พวกที่อยู่ในกลุ่มชิชิโดก็น่าจะมาหาผมเพื่อขอคำแนะนำไปแล้ว

    นี่กังวลมากเกินไปรึเปล่า?

 

    —-ในคืนนั้นเอง คำร้องในการค้นหาชิชิโดก็ได้ถูกส่งมา

 

 

 

【Tips】ตัวแทนจำหน่ายการ์ด

    พ่อค้าที่ดูแลเรื่องการ์ดโดยเฉพาะ เมื่อตอนที่เขาวงกตปรากฏขึ้นครั้งแรกและยังไม่รู้วิธีการใช้งานการ์ด การ์ดได้ถูกจัดเป็นงานศิลปะประเภทหนึ่ง เพราะเหตุนั้นจึงได้เกิดเป็นตัวแทนจำหน่ายการ์ดที่มีระบบธุรกิจแบบเดียวกันกับตัวแทนจำหน่ายงานศิลปะ

    เนื่องจากเป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับเป็นทางการโดยรัฐบาล การ์ดที่ซื้อ-ขายกับตัวแทนจำหน่ายการ์ดจึงถูกนับเป็นค่าใช้จ่ายในการคิดภาษีตอนสิ้นปีด้วย

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

Score 10
Status: Completed
ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ในโลกคู่ขนานของญี่ปุ่น จู่ๆ เขาวงกตได้ปรากฏขึ้น ที่ซึ่งมอนสเตอร์โผล่ออกมา ในช่วงแรกเริ่มนั้นเขาวงกตไม่ได้ต่างอะไรไปจากภัยพิบัติ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทรัพยากรที่เขาวงกตผลิต และตัวตนของ 'การ์ด' ที่ตกจากมอนสเตอร์ กลายเป็นช่วงแห่งการกอบโกย การ์ดมอนสเตอร์ที่สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาได้ดั่งใจนึก เหล่านักผจญภัยที่ใช้พลังของการ์ดเพื่อพิชิตเขาวงกต ถ่ายทอดสถานการณ์เหล่านั้นด้วยดันเจี้ยนTV, โคลอสเซียมที่มอนสเตอร์ต่อสู้กัน..... สิ่งเหล่านี้กระตุ้นความสนใจในตัวผู้คน แล้วก่อนที่จะรู้ตัวนักผจญภัยก็กลายเป็นอาชีพที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเป็น คิทากาว่า・อุทามาโร่ เด็กม.ปลายสายม็อบ เห็นเพื่อนที่น่าจะเป็นสายม็อบเดียวกัน หลังจากที่เป็นนักผจญภัยแล้วกลับถีบตัวไปอยู่ในกลุ่มท็อบได้ จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักผจญภัยด้วยตัวเอง อุทามาโร่ เพื่อที่จะได้แรร์การ์ดไปอวดทุกคนได้จึงเดิมพันชีวิตกับกาชาสุดบ้าระห่ำราคา 1 ล้านเยน ทว่า---?

Options

not work with dark mode
Reset