บทที่ 2 ตอนที่ 20
หลังการแข่งขันก็เป็นโรงเรียน
ขณะที่เดินไปโรงเรียนผมก็หาวไปด้วย
การต่อสู้กับซูโนฮาร่าซังนั้นดุเดือดเอามาก ทำให้แม้จะเป็นวันหยุดเมื่อวานก็ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่
เดินไปอย่างช้าๆด้วยความรู้สึกขี้เกียจ…..
「โอ้~ส อาจารย์ อารุณซาหวัด」
「โอ~ โอโน่ อรุณสวัสดิ์」
โอโน่-ตุ๊บ-แตะไหล่มาจากทางข้างหลัง จึงทำการแลกเปลี่ยนคำทักทาย
「มอนโคโล ได้ดูแล้วนะ น่าสนใจเลยล่ะ…..คุโนอิจินั่นได้มายังไงเหรอ?」
「เรื่องนั้นเป็นความลับ」
「อะไรกัน ขี้งกจุง~ ก็…..เอาเถอะ แล้วการสืบสวนมีอะไรคืบหน้าแล้วบ้างรึเปล่าล่ะ?」
「ไม่เลย…..」
ผมส่ายหน้า โอโน่ก็พยักหน้ารับแล้วเริ่มทำการคุ้ยของในกระเป๋า
「เผื่อเอาไว้ ผมเองก็ได้ทำการสืบเรื่องคดีด้วยเหมือนกัน」
ที่โอโน่ยื่นให้มาก็คือปึกเอกสารที่อยู่ในซองใส
กระดาษหลายสิบใบอยู่ในแฟ้มแบบเจาะรู เต็มไปด้วยชื่อกับอายุ, ชีวประวัติอย่างย่อ, การโพสบน SNS ของบุคคลที่สูญหาย
「นี่มัน…..」
「นอกเหนือไปจากรายชื่อบุคคลสูญหายของเควสค้นหาแล้ว ได้ทำการค้นหาบน SNS เกี่ยวกับบุคคลที่มีการรับรู้ว่าไม่ได้กลับมาจากเขาวงกตแรงค์ F เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนที่สูญหายจะได้รับการออกเควสให้ แล้ว จำนวนทั้งหมดของคนที่เชื่อได้ว่าเป็นเหยื่อในคดีนี้ เท่าที่สามารถบอกได้…..มีมากเกินกว่า 100 คน」
「100…..」
ถึงกับพูดไม่ออก จำนวนของเควสที่มีมอบให้ในโตเกียวมีประมาณ 10 ถ้าหากรวมกับกรณีที่ไม่ได้ทำเป็นเควสและที่ถูกถอนเควสออกไปแล้ว เคยคิดว่าน่าจะมีไม่เกิน 30
แต่ว่า จำนวนขนาดนี้…..
「หรือว่า…..จะไม่ใช่แค่เหยื่อในโตเกียว แต่เป็นจากทั่วประเทศเลย?」
「อา ใช่แล้วล่ะ ตัวผู้ที่น่าจะเป็นเหยื่อเริ่มมีการปรากฏขึ้นมาครั้งแรกเมื่อประมาณ 1 ปีก่อนเห็นจะได้ ในตอนแรกยังคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ามันเป็นคดีหรืออุบัติเหตุ แต่ว่าในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา จำนวนเหยื่อได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เกือบทั้งหมดกระจุกอยู่ในแทบคันโต
จากจุดนี้จึงเริ่มมีข่าวลือแพร่กันในหมู่นักผจญภัยที่สงสัยในเรื่องของจำนวนเควส อย่างไรก็ตาม เควสที่มีการปล่อยออกมามีประมาณ 30% ของจำนวนเหยื่อ ก็นะ เควสมันก็ไม่ได้ทำให้ฟรีๆ…..ในมุมมองของนักผจญภัยแล้วจะมีตัวแปรของการทำจิตอาสาเข้ามาอย่างมาก เพราะงั้นมันจึงไม่ใช่เสมอไปที่เควสจะถูกรับทำ」
หมายความว่ามีจำนวนเหยื่อที่ไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะมากเกินกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้สินะ…..
แต่ว่า การที่จำนวนคนเสียชีวิตพุ่งไปเป็นเลข 3 หลักแล้วแต่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ลงมือถูกปล่อยออกมาแล้วจัดให้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ เป็นปรากฏการณ์ที่น่าประหลาด
ความจริงที่ความเสียหายแพร่กระจายไปทั่วประเทศ หมายความว่าน่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถจับได้แม้แต่หาง….. น่าจะเป็นการเหมาะสมถ้าหากจะคิดว่าอยู่ในระดับอิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์ชนิดใหม่ได้เลย
ที่พวกเรากำลังไล่ตามกันอยู่…..เป็นมนุษย์จริงๆงั้นเหรอ…..?
「แล้วก็…..นี่」
โอโน่พลิกหน้าซองใส เปิดไปยังหน้าที่มีกระดาษโน๊ตแปะเอาไว้อยู่
ในนั้นประกอบด้วยข้อมูลนักผจญภัยจำนวนหลายคน สิ่งที่แตกต่างไปจากเหยื่อรายอื่นๆก็คืออาชีพ พวกเขานั้นล้วนแล้วแต่เป็นนักผจญภัย 3 ดาว
「เนื่องจากจำนวนเหยื่อที่มีมาก ก็เลยคิดว่าเหยื่อไม่น่าจะมีแค่ในเขาวงกตแรงค์ F แต่เป็นแรงค์อื่นๆด้วย เลยทำการค้นหาดู หลังจากนั้น พอแน่ใจแล้วว่าไม่มีเหยื่ออยู่ในเขาวงกตแรงค์ E แต่ว่าในเขาวงกตแรงค์ D มีบางอย่างที่ดูคล้ายๆกันเกิดขึ้นอยู่」
…..พอมาเป็นเขาวงกตแรงค์ D แล้ว ไม่เหมือนกับเขาวงกตก่อนหน้า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุจะพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ในบางกรณีอาจจะเสียชีวิตไปโดยที่ไม่มีเวลาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ หากมองผิวเผินจะเป็นการยากที่จะระบุได้ว่าอันไหนคืออุบัติเหตุอันไหนคือเหยื่อจากคดีนี้
แต่ว่า…..
「การสูญหายในเขาวงกตแรงค์ D ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไรนัก แต่ว่าถ้านักผจญภัยนั้นสูญเสียการ์ดและอุปกรณ์เวทไปทั้งหมด อีกทั้งเครื่องจักรถูกทำลาย แบบนั้นเรื่องราวก็จะเปลี่ยนไป…..ใช่ไหม?」
「อา」
การ์ดที่ถูกลงทะเบียนความเป็นเจ้าของเอาไว้ จะหายไปเมื่อมาสเตอร์เสียชีวิต
เพราะงั้น การที่มาสเตอร์ที่เสียชีวิตจะไม่มีการ์ดอยู่เลยซักใบจึงไม่ใช่เรื่องแปลก….. มองผิวเผินอาจจะคิดได้แบบนั้น แต่ว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่
นั่นก็เพราะ มันเป็นเรื่องหายากที่นักผจญภัยจะลงทะเบียนความเป็นเจ้าของกับการ์ดทุกใบที่ได้มาระหว่างทาง
การลงทะเบียนความเป็นเจ้าของการ์ดหรืออุปกรณ์เวทจำเป็นต้องใช้เลือดของเจ้าตัว แต่ถึงจะใช้แค่เพียง 1 หยดและต่อให้สามารถรักษาแผลได้ด้วยโพชั่นราคาถูกๆ มันก็มีคนจำนวนน้อยที่อยากจะเอาเข็มมาจิ้มตัวเองเพื่อการ์ดที่จะขายทิ้งในไม่ช้า
ด้วยเหตุนี้ นักผจญภัยที่เสียชีวิตจึงมักจะมีการ์ดที่ยังไม่ได้ถูกใช้งานใดๆ และไม่ถูกลงทะเบียนความเป็นเจ้าของอยู่ตามกระเป๋า
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เสียชีวิตในสถานการณ์ที่หนักหนา และไม่มีเวลาพอถึงขนาดที่ไม่สามารถส่งสัญญาณฉุกเฉินได้
รวมเข้ากับข้อเท็จจริงที่ไม่มีอุปกรณ์เวทและเครื่องจักรถูกทำลาย มันจึงเป็นที่แน่ชัด
จะว่าไปแล้ว พอถามโอโน่ว่าข้อมูลที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถรู้ได้อย่างเช่นที่การ์ดและอุปกรณ์เวทหายไป หามาได้ยังไง เขาก็「ลูกชายที่เสียชีวิตไปไม่มีการ์ดกับอุปกรณ์เวทอยู่เลย นักผจญภัยที่ไปเจอร่างของเขาจะต้องขโมยไปแน่ๆ」แหล่งข้อมูลดูจะเป็นโพสบน SNS จากครอบครัวของผู้เสียชีวิต
พอมาเป็นสิ่งของจากนักผจญภัย 3 ดาวแล้ว สำหรับครอบครัวก็พอจะนับได้เป็นมรดกจำนวนหนึ่ง แล้วถ้าเกิดว่าไม่มีอะไรอยู่เลย ทางครอบครัวก็ต้องมีความสงสัยอย่างแน่นอน และพุ่งเป้าไปที่คนที่พบร่างและนักผจญภัยคนอื่นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี บางครั้งอาจจะนำไปสู่การขึ้นศาล แล้วถ้าเกิดเหตุแบบนั้นมันก็จะต้องมีบันทึกหลงเหลือไว้อยู่
อย่างงี้นี่เอง ผมอดไม่ได้ที่จะประทับใจว่ามีวิธีการสืบหาแบบนี้อยู่ด้วย
แต่ว่า…..
「อย่างที่คิด แม้แต่เขาวงกตแรงค์ D ก็มีเหยื่ออยู่ด้วยเหมือนกันสินะ…..」
เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่านอกจากผมก็ยังมี『ข้อยกเว้น』อื่นที่โดนโจมตีอยู่อีก
…..ที่สงสัยก็คือ เหยื่อเหล่านี้มีการ์ดอะไรที่พิเศษแบบเดียวกับเร็นกะรึเปล่า
โอริเบะสันนิษฐานถึงสาเหตุที่ผมถูกโจมตีว่า เป็นการเล็งไปที่『อะไรบางอย่าง』ที่มีแค่ผมเท่านั้นที่มี ซึ่งนั้นทำให้ผมนึกไปถึงเร็นกะ
แต่ว่า การที่มีเหยื่อรายอื่นอยู่เช่นนี้ หมายความว่าเร็นกะไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อเล็งเอาไว้ตั้งแต่แรก หรือไม่ก็มีการ์ดพิเศษอื่นแบบเร็นกะอยู่
เนื่องจากคิดเหตุผลอื่นที่จะทำให้ผมถูกโจมตีไม่ได้นอกจากเร็นกะ จึงคิดว่าเหตุผลน่าจะเป็นอย่างหลัง….. แต่ว่ามันเป็นการ์ดแบบไหนกันล่ะ อีกทั้งผู้ใช้หมาล่าเนื้อรู้ได้ยังไงว่ามีมันอยู่
ปริศนายิ่งซับซ้อนมากขึ้น
「…..มีที่ทำเผื่อไว้ ไม่รู้ว่าจะมีความหมายอะไรรึเปล่าแต่สถิติอย่างพวกอายุและเพศของเหยื่อก็ได้ทำรวบรวมเอาไว้ด้วย กลุ่มที่มีเยอะที่สุดจะเป็นผู้ชายช่วงอายุราวๆ 20 แต่…..นี่เป็นกลุ่มช่วงอายุที่นักผจญภัยแทบทั้งหมดอยู่มันเลยไม่มีความหมายอะไร กว่า 80% เป็นนักผจญภัยที่เพิ่งลงทะเบียน เพราะงั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการเล็งเป้าหมายไปที่เด็กใหม่ เหยื่อแทบทั้งหมดนอกจากที่เป็นเด็กใหม่แล้ว ก็มีที่อยู่ในเซอร์เคิลนักผจญภัย ถูกเล็งเป้าตอนที่ทำการสำรวจคนเดียว อาจจะเป็นตอนที่เริ่มคุ้นชินกับเขาวงกตแล้วลองทำการสำรวจด้วยตัวเอง」
「…..เซอร์เคิลนักผจญภัย?」
ผมรู้สึกสะกิดใจจากคำนั้น แล้ว-พั่บพั่บ-ทำการพลิกไฟล์ดู
…..จริงด้วย นอกเหนือจากเด็กใหม่ที่เพิ่งจะลงทะเบียนแล้ว คนที่ถูกโจมตีนั้นมีแค่ผู้ที่อยู่ในเซอร์เคิลนักผจญภัย
แต่ว่า นี่มันแปลก ถ้าหากว่าเหยื่อไม่ใช่เด็กใหม่แล้วเป็นแค่คนที่โชคไม่ดีที่บังเอิญถูกเล็งตอนที่ทำการสำรวจคนเดียวล่ะก็ การที่ไม่มีคนที่ไม่อยู่ในเซอร์เคิลนักผจญภัยปะปนอยู่เลยก็เป็นเรื่องแปลก
พูดอีกอย่างคือ เป้าหมายหลักของคนร้ายไม่ใช่แค่เพียงเด็กใหม่ แต่ยังมีผู้ที่อยู่ในเซอร์เคิลนักผจญภัยด้วย
เพราะอะไรกัน -ชิ้ง- เกิดแสงวาบและไอเย็นวิ่งผ่านสันหลัง
—-เพราะว่าสามารถรู้ถึงวันที่จะทำการสำรวจคนเดียวได้ง่าย
ตัวคนร้าย ด้วยวิธีการบางอย่าง สามารถรับรู้ได้ว่าเมื่อไหร่ที่สมาชิกของเซอร์เคิลนักผจญภัยจะไม่อยู่ภายใต้การดูแลของรุ่นพี่อีกต่อไป…..!
「โอโน่…..มีอย่างนึงอยากให้ตรวจสอบดู」
「อะไรล่ะ?」
「เซอร์เคิลนักผจญภัยของเหยื่อเหล่านี้ อยากให้ตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องอะไรกันกับสมาคมพระแม่ดาราไหม ทำได้รึเปล่า?」
ด้วยคำถามของผม โอโน่จึงเผยรอยยิ้มออกมา
「นั่นมัน…..ประเด็นสำคัญเลยใช่ไหม?」
「อา」
「โย้ช! วางใจได้เลย อาจจะใช้เวลาซักหน่อยแต่จะตรวจสอบให้เอง」
พึ่งพาได้จริงๆ เห็นว่าโอโน่รู้ถึงบัญชี SNS ของเพื่อนร่วมชั้นทุกคน แล้วยังถูกหวาดกลัวในฐานะไซเบอร์สตอล์กเกอร์อยู่ลับหลัง แต่ถ้าได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแล้วล่ะก็เป็นที่พึ่งพาได้จริงๆ…..
ผมรู้สึกดีใจที่มีหมอนี่มาอยู่ฝ่ายเดียวกัน
ในขณะที่คุยกับโอโน่และค่อยๆเข้าใกล้ห้องเรียนอยู่ตอนนั้นเอง
ผมก็เริ่มจะค่อยๆรู้สึกได้ถึงความอึดอัด
ถ้าไม่ใช่ว่าผมทึกทักไปเอง…..แต่ว่ามัน รู้สึกเหมือนกับนักเรียนที่เดินผ่านสวนทางไปกำลังจ้องมองมาที่พวกเรา
ตั้งแต่ที่ได้ไปโผล่อยู่ในมอนโคโล ผมก็ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอยู่ภายในโรงเรียน
เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่จะมีคนมองมาทางผม ทว่าสายตาของวันนี้ รู้สึกได้ว่ามันแตกต่างไปจากทุกที
「…..บรรยากาศมันแปลกๆยังไงไม่รู้」
โอโน่คงจะคิดเหมือนกันกับผมจึงทำการกระซิบมา
ในตอนนั้นเองก็มีนักเรียนหญิงเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำมาทางด้านหน้า
เป็นสาวสวยผมบลอนด์ทองตัดสั้น ผิวสีแทนกับใบหน้าที่แต่งแบบจัดเต็ม ใส่ต่างหูหลายอันอยู่ที่หูข้างหนึ่ง
ผู้หญิงหมายเลข 2 ของห้องพวกเราเอง อิชิโจ คาโอริ
พออิชิโจซังประสานตาเข้ากับพวกเรา เธอก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น
「โย่~ คิทากาว่า โอโน่ ‘รุณสวัสดิ์」
「อ-อา อรุณสวัสดิ์」
เป็นเรื่องหายากที่คนจากกลุ่มของชิชิโดจะมากล่าวทักทาย….. ขณะที่คิดในใจอยู่แบบนั้นก็กล่าวทักทายกลับไป
「…..อารุณซาหวัด หายากน่ะเนี่ย ที่ทางนั้นจะเป็นฝ่ายกล่าวทักทายมา」
โอโน่เองก็คงคิดเหมือนกัน จึงตอบไปด้วยน้ำเสียงจิกกัดเล็กน้อย
「…..ก็ไม่อะไรนิ? แม้แต่ชั้นเองถ้ามาเจอหน้าก็กล่าวทักทายได้อยู่แล้ว? ไม่ใช่ว่าเป็นทางนั้นหลบหน้าเองหรอกเหรอ? …..ยิ่งไปกว่านั้นเถอะ」
หลังจากที่อิชิโจซังสวนคืนโอโน่ไปเบาๆ ก็หันหน้ามาแล้วยิ้มให้ผมอย่างอารมณ์ดี
「ได้ดูมอนโคโลแล้ว ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการแข่งของคิทากาว่าแต่ก็แข็งแกร่งน่าดูเลยนะ เจ๋งไปเลยนี่」
「เอ๋? อ-อา ขอบใจ」
「แล้วก็ คราวหน้าออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันไหม? เป็นไปได้ก็แค่ 2 คนนะ」
「อ-เอ๋?」
ขณะที่กำลังสับสนกับคำเชิญกะทันหัน อิชิโจซังก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อลดระยะห่างระหว่างพวกเรา
โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยแล้วมองช้อนขึ้นมาทางนี้…..
「เน่ ว่าไง…..?」
แล้วถามมาด้วยเสียงกระซิบ
「อุ…..」
กลิ่นนุ่มนวลของน้ำหอมลอยมาเตะจมูก และด้วยเสื้อที่ใส่แบบเปิดออกราวกับว่าจะเผยให้เห็นร่องอกลึกนั่น มันจึงช่วยไม่ได้ที่สายตาจะไปจับจ้องอยู่ที่หน้าอก
อย่างที่คิด ถึงแม้หน้าอกของอิชิโจซังจะไม่ใหญ่เท่ากับของอุชิคุระซังแต่มันก็ยังใหญ่อยู่ดี….. ต้นขาเองก็อวบอั๋น ร่างกายของเธอเป็นประเภทที่พวกผู้ชายชอบ…..ด-เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว!
-ห๊ะ-ได้สติกลับคืนมา นี่มัน เซ็นเซอร์ตรวจจับอันตรายมันเตือนออกมาว่าเป็นกับดักอย่างชัดเจน
ทำไม ตัวเธอที่น่าจะอยู่ในฐานะศัตรูกลายๆในกลุ่มชนชั้นท็อปของพวกเรา จู่ๆถึงได้มาชวนไปเที่ยวเล่นด้วย
อีกทั้งจนถึงตอนนี้ ระหว่างผมกับอิชิโจซังก็ไม่ได้มีการปฏิสัมพันธ์อะไรเลย อย่างมากที่สุดก็แค่แลกเปลี่ยนคำทักทายตอนที่สบตากัน นี่มันผิดธรรมชาติอย่างสุดๆเลย
「เอ็ตโต…..แบบว่ามันกะทันหันไปหน่อย」
「เหรอ? ก็คงงั้นล่ะมั้ง แต่ คิดอยู่เสมอนะว่าคิทากาว่าเนี่ยก็ดีไม่หยอกเลย」
「ก็เพราะอาจารย์รวยยังไงล่ะ」
โอโน่พูดด้วยท่าทีเชิงหยอก แต่สายตานั้นไม่ได้หยอกตามด้วย
「โอโน่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเพราะงั้นช่วยอยู่เฉยๆไปจะได้ไหม?…..แล้ว ว่าไง?」
「อา~…..ขอโทษด้วย ตอนนี้ยังยุ่งๆอยู่น่ะ」
ผมพูดแล้วทำการโค้งศรีษะให้
ที่ระแวงอิชิโจซังอยู่ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่ยังยุ่งอยู่ก็ไม่ได้โกหก
ในตอนนี้ ไม่มีเวลาเหลือพอจะไปเล่นกับพวกสาวๆได้
「ฮ่า~…..เหรอ ก็นะ ช่วยไม่ได้」
ด้วยคำปฏิเสธของผม อิชิโจซังก็พูดพลางถอนหายใจ
ดูจะผิดหวังมากกว่าที่คาดเอาไว้ ทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาหน่อยๆ
「คือว่า」
「ขอพูดเอาไว้อย่างหนึ่งนะ」
ขณะที่ผมกำลังจะพูด อิชิโจซังก็พูดขัดก่อน
「ว่ากันตามตรงเลย กับเรื่องชนชั้นโรงเรียนแล้วเนี่ยมันจะยังไงก็ช่าง แต่เป็นเพราะว่าเจ้าบ้าชิชิโดเป็นลิงที่ยอมไม่ได้ที่ใครคนอื่นจะไปอยู่บนยอดภูเขา ชั้นเองก็แค่อยากจะหาอะไรทำสนุกๆก็เท่านั้น ความจริงแล้วชั้นก็ไม่ได้เกลียดอะไรชิโนมิยะมากอย่างที่คนอื่นๆคิดกันด้วย มีหลายครั้งที่พวกเราเจอกันตอนถ่ายภาพก็คุยกันได้ปกติ ถ้าจะมีอะไรแล้วล่ะก็ มันก็เหมือนกับเป็นเพื่อนที่มีอะไรไม่เข้ากันบ้าง มันก็เท่านั้นเอง」
「……………….」
การร่ายยาวกะทันหันทำเอาผมกับโอโน่ต้องมองหน้ากัน
「ก็ นี่คือจุดยืนของชั้นเอง ขอให้เข้าใจแค่นี้ก็พอ อา~ นอนละ…..จะไปห้องพยาบาลเพราะงั้นถ้าอาจารย์มาแล้วก็ฝากบอกด้วยล่ะ」
พอพูดจบ อิชิโจซังก็เดินจากไป
「…..มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย」
「ไม่รู้สิ…..?」
ขณะที่เอียงคอให้กับคำพูดของอิชิโจซัง พวกเราก็เข้าสู้ห้องเรียน
ทันใดนั้นเอง สายตาของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นทั้งหมดก็จับจ้องมาทางนี้
เป็นเหมือนอย่างทุกวัน ทว่าปัญหามันอยู่ที่ลักษณะของสายตา
มีครึ่งหนึ่งที่อยากรู้อยากเห็น, ประมาณ 30% มองด้วยความเห็นห่วง, และสุดท้ายคือมองเหยียด…..สายตาดูถูกประมาณ 20%…..
ไม่เหมือนกับตอนที่อยู่โถงทางเดิน สามารถมองเห็นลักษณะของสายตาได้อย่างชัดเจน บางทีอาจจะเพราะเป็นคนรู้จักด้วย
สายตาที่เป็นห่วงมาจากกลุ่มชนชั้นท็อปกับพวกคนที่เป็นเพื่อนกัน และสายตาดูถูกมาจากพรรคพวกของกลุ่มชิชิโด
ถึงแม้ว่าด้วยบรรยากาศของห้องเรียนที่ต่างไปจากเดิมจะทำให้ต้องขมวดคิ้ว ก็ทำการตรงไปที่กลางห้องแล้วแลกเปลี่ยนคำทักทายเหมือนอย่างเคย
ดูเหมือนตอนนี้มีแค่กลุ่มตัวสำรองกับชินโดอยู่ มองไม่เห็นตัวชิโนมิยะซังกับอุชิคุระซังเลย
「อรุณสวัสดิ์」「อารุณซาหวัด」
「อรุณสวัสดิ์ โอโน่ คิทากาว่า…..ถึงจะยังเช้าอยู่แต่ว่าขอโทษด้วย ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องแย่ขึ้นมาหน่อยแล้ว」
พอพวกเรากล่าวทักทาย ชินโดก็ทำหน้าเป็นห่วงแล้วพูดโดยใช้เสียงค่อย
「…..มันเกิดอะไรกันขึ้น? บรรยากาศในห้องดูแปลกๆ」
「อา แต่ไม่ใช่เพราะโอโน่หรอก…..」
แล้วที่ชินโดมองมาก็คือ ผม
「…..นี่ผมไปทำอะไรผิดมางั้นเหรอ?」
「ไม่หรอก ไม่ได้ไปทำอะไร…..ก็แค่เริ่มมีข่าวลือแปลกๆกระจายออกมาประมาณเมื่อวานซืนได้」
ในตอนที่ชินโดกำลังเกาแก้มทำท่าพูดยากอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดบทสนทนา
「โย่ คิทากาว่า!」
เสียงหนักแน่นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
พอหันไปทางต้นเสียง ก็ได้เห็นใบหน้าตามที่คาดไว้
「ชิชิโด…..」
ผมไว้ยาวหวีเสยไปข้างหลัง ดวงตาที่ราวกับจ้องเขม็งที่ใครอยู่ตลอดเวลา ส่วนสูงเกือบ 190 ซม. แขนเสื้อที่ม้วนขึ้นทำให้เห็นกล้ามแขนและกำปั้นที่ดูหนา…..
ชายหนุ่มที่ทุกลักษณะของเขามีร่องรอยของความรุนแรงแผ่ออกมา นั่นก็คือ ชิชิโด ไรโอ
บนใบหน้าอันแข็งแรงของชิชิโด มีรอยยิ้มที่ดูซาดิสต์อยู่
「—-แก ลอสซาชิกิวาราชินั่นไปใช่ไหม?」
คือสิ่งที่พูดมา
ชิชิโดพูดด้วยเสียงที่ดังพอจะให้ทุกคนรอบๆได้ยิน ทำให้บรรยากาศภายในห้องเรียนตึงเครียดขึ้นทันที
「…..จู่ๆ ก็อะไรกัน」
ทำไมหมอนี่ถึงได้ทำอย่างนั้น…..ขณะที่กำลังคิดอยู่แบบนั้น ชิชิโดก็ยิ้มจนเห็นฟันราวกับว่ากำลังสนุกอยู่
「แก ไม่ได้ใช้ซาชิกิวาราชิกับแวมไพร์ในมอนโคโลคราวนี้ใช่ไหมล่ะ? แล้วช่วงนี้ SNS ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยด้วย ก็เลยมีข่าวลือว่าการ์ดอาจจะลอสเพราะไปทำพลาดซักอย่าง」
มีข่าวลือ…..พูดออกมาว่างั้น แต่เอาจริงๆคงเป็นชิชิโดกับพรรคพวกที่เป็นคนปล่อยข่าวลือให้แพร่สะพัดซะมากกว่า
ถ้าไม่งั้นแล้วข่าวลือก็คงไม่กระจายทั่วโรงเรียนได้เร็วขนาดนี้หรอก
บางทีอาจจะมีใครบางคนในกลุ่มของเขาที่คอยตรวจเช็ค Twitter ของผมอยู่บ่อยๆ แล้วก็เกิดความสงสัยว่าทำไมช่วงนี้ถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกเร็นกะเลย
แล้วพอรวมเข้ากับที่ไม่มีโผล่ในมอนโคโลเมื่อวันก่อน มันเลยทำให้เชื่อมั่นในเรื่องนี้
「…..แค่เห็นใบหน้านั่นก็รู้แล้วว่าเรื่องจริง」
ชิชิโดจ้องหน้าผมแล้วยิ้มเยาะ
「…..สาเหตุที่ไม่ได้ใช้ซาชิกิวาราชิกับแวมไพร์ในการแข่งมอนโคโล ก็เพื่อทดลองใช้ไลแคนโทรปที่เพิ่งได้มาใหม่ ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้อัพเดด SNS ก็เพราะยุ่งอยู่กับการฝึก อย่ามาเดาสุ่มแปลกๆ ใส่ความกันสิ」
「ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกเพราะงั้นเงียบไว้ แล้ว ว่ายังไงล่ะ?」
โอโน่เห็นผมพูดไม่ออกจึงออกตัวพูดเพื่อปกป้อง แต่ชิชิโดพูดปัดทิ้งไปง่ายๆ แล้วถามคำถาม
พอทำการมองไปรอบๆ ก็พบว่าทั้งห้องกำลังจับจ้องมาทางนี้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถเลี่ยงที่จะไม่ตอบได้
ผมสูดหายใจเข้าเล็กน้อยแล้วตอบ
「…..อา เป็นเรื่องจริงที่พวกเร็นกะลอสไป」
「อาจารย์…..!」
โอโน่ทำหน้าตาเคร่งเครียดราวกับจะถามว่าทำไมถึงได้พูดออกไป ซึ่งแต่เดิมทีผมไม่ได้มีความตั้งใจจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ไม่มีความตั้งใจจะไปป่าวประกาศ แต่ก็ไม่มีความตั้งใจจะเพิกเฉยต่อความทุ่มเทของพวกเธอที่เสียสละชีวิตเพื่อให้ผมสามารถหนีได้
—–แซ่กๆๆ
ด้วยการยอมรับโดยตรงของผม ทำให้ภายในห้องเกิดความปั่นป่วน แถมยังมีบางคนเอาสมาร์ทโฟนออกมาแล้วโพสลง SNS แบบนี้คงได้แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนภายในวันพรุ่งนี้แน่ๆ
「ฮะฮ่า! เอาจริงดิ อ่าห์ ตอนที่บอกว่าเป็นผู้เล่นในมอนโคโลนี่ดูจะตื่นเต้นเสียเหลือเกิน แต่เท่านี้ก็จบเห่แล้วล่ะ」
「ทำไมถึงเป็นงั้นล่ะ ตัวอาจารย์เองก็ยังเป็นนักผจญภัย 3 ดาวอยู่ แล้วในมอนโคโลคราวนี้ก็มีไลแคนโทรปเป็นตัวชูโรง พวกนายทั้งหมดเองก็เห็นอยู่ว่าสามารถเอาชนะการ์ดแรงค์ B ได้」
พอโอโน่พูดแย้งชิชิโดที่กำลังเยาะเย้ยผม บรรยากาศภายในห้องก็「มันก็จริง…..」เริ่มแพร่ออกไป
แต่ว่าชิชิโอฮึดจมูกใส่แล้วแย้งกลับอย่างใจเย็น
「ก็นะ ในแง่ของนักผจญภัย 3 ดาวแล้วนั่นมันก็จริง แต่ว่า เวลาในการเป็นผู้เล่นมอนโคโลของเจ้าหมอนี่มันจบแล้ว สาเหตุที่เจ้าหมอนี่ถูกเชิญไปมอนโคโลก็เพราะผลกระทบจากซาชิกิวาราชินั่น ถ้าเกิดว่าพวกนั้นรู้ว่าทำลอสไปแล้วก็คงไม่เชิญไปอีกแน่ๆ」
…..เรื่องนั้นมันก็จริงซะด้วย
ผมสามารถเอาชนะการแข่งมาได้ก็จริง แต่หลังการแข่ง ทางรายการก็「คราวหน้าช่วยใช้ซาชิกิวาราชิด้วย」บอกมาว่างั้น
นั่น เป็นการบอกเป็นนัยว่าคุณค่าของผู้เล่นในมอนโคโลอยู่ที่ตัวเรนกะ ไม่ใช่ผม
ถ้าเกิดรู้ว่าเร็นกะลอสไปล่ะก็ ผมคงไม่ได้ถูกทางรายการเชิญไปอีกแน่
「สุดท้ายแล้ว ตัวคิทากาว่าเองไม่ได้มีดีขนาดนั้นไงล่ะ」
「…..ทั้งซาชิกิวาราชิและแวมไพร์นั่นต่างก็เป็นการ์ดที่ถูกตั้งชื่อ ต่อให้ลอสไปก็สามารถชุบชีวิตกลับมาได้ซักวันอยู่ดี」
「แล้วมันต้องใช้เงินกับเวลามากขนาดไหนเพื่อชุบชีวิตคืนมากันล่ะ แล้วก็ไลแคนโทรปนั่น คงจะทุ่มเงินไปเยอะเพื่อให้ได้มา ถ้าต้องเริ่มเก็บเงินจากศูนย์มันจะกินเวลาแค่ไหนกว่าจะชุบชีวิตซาชิกิวาราชิมาได้อีก? ครึ่งปี? 1 ปี? ไม่คิดว่าทางรายการจะรอนานมากถึงขนาดนั้นหรอก」
「……….」
โอโน่เงียบลงพร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้ง
อันที่จริง การแรงค์อัพของยูคิไม่ได้ใช้เงินเลยแม้แต่เยนเดียว เพราะงั้นแม้แต่เงินทุนในขณะนี้ ก็พอจะสามารถชุบชีวิตเร็นกะได้
แต่ว่าคงไม่มีทางที่จะอธิบายเรื่องนั้นออกมาในที่นี้ได้ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือชิชิโดมีอำนาจในการโน้มน้าวสูงกว่า
รายได้ของนักผจญภัย 3 ดาวทั่วไปโดยประมาณคือ 20 ล้าน – 40 ล้านเยน แน่นอนว่าค่าการ์ดและค่าใช้จ่ายต่างๆจะถูกนำไปหักลบออก ดังนั้นรายได้จริงๆจึงมีค่อนข้างต่ำ แต่รายได้ที่มาจากการลงสำรวจเขาวงกตก็จะประมาณนี้
ภายในครึ่งปี ผมหาหินเวทกับเงินได้ที่ 35 ล้านเยน แต่นี่ก็เพราะว่ามีแหล่งรายได้สูงจากมอนโคโล และต้องขอบคุณขลุ่ยของฮาเมลิน ที่ถึงแม้ว่าจะยังเป็นนักเรียนอยู่ก็สามารถสำรวจเขาวงกตได้ราวกับเป็นมืออาชีพที่ทำงานเต็มเวลา และเหนือสิ่งอื่นใด การเพิ่มอัตราดรอปของเร็นกะ
พูดอีกอย่างคือ ถ้าเอาตามสามัญสำนึกทั่วๆไป จะสามารถคาดเดาได้ว่าต้องใช้เวลา 1 ปีในการชุบชีวิตเร็นกะ
ผมยังคงเป็นนักผจญภัย 3 ดาวอยู่ และจากมอนโคโลเมื่อวันก่อนที่ได้แสดงกำลังรบใหม่ยูคิ ก็คงจะไม่ร่วงจากชนชั้นห้องเรียน แต่อย่างน้อยๆ คงเป็นที่แน่นอนว่าอิทธิพลของผมจะลดต่ำลงจากการที่เสียฉายาผู้เล่นของมอนโคโล
…..แต่ว่า ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าชิชิโดจะได้ภาคภูมิใจกับชัยชนะมากไปกว่านี้
การที่อิทธิพลของผมลดลง มันไม่ได้หมายความถึงคุณค่าในตัวของชิชิโดจะสูงขึ้น
จริงอยู่ว่าชิชิโดนั้นตัวสูง หุ่นล่ำ ร่างเพรียว และมีหน้าตาหล่อแบบนักเลง มันอาจจะเพียงพอสำหรับในหมู่ผู้หญิง แต่ในหมู่ผู้ชายแล้วเขาก็เป็นแค่แยงกี้หัวโจกในโรงเรียน
แม้แต่ในห้องเราเองก็มีคนเกลียดอยู่พอสมควร เพราะงั้นการทำให้ผมต่ำลงก็ไม่ได้นำไปสู่การพลิกกลับของชนชั้นอะไรเลย…..
ขณะที่ผมกำลังนึกสงสัย ชิชิโดก็เผยรอยยิ้ม
「คิทากาว่า ชั้นเองก็เป็นนักผจญภัยแล้วนะ」
「!!!」
「มีแผนจะขึ้น 2 ดาวในเร็วๆนี้ และวางแผนจะไล่ตามไป 3 ดาวให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ด้วย」
อย่างงี้นี่เอง งั้นเหรอ นี่ก็คือที่มาของความมั่นใจของชิชิโดงั้นสินะ
เดาว่าการที่ได้เห็นทั้งโอโน่และผมเป็น 2 ดาวและ 3 ดาวแล้ว ก็เลยคิดว่าคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะไปให้ถึงระดับนั้นได้
…..ดูถูกสินะ ดูถูกนักผจญภัยอยู่
ก็นะ ในตอนแรกผมเองก็คิดว่าสามารถเป็น 3 ดาวได้ง่ายๆ ก็คงพูดเกี่ยวกับคนอื่นมากไม่ได้ แต่ในตอนนี้ที่ได้รู้ความจริง จึงช่วยไม่ได้ที่คิดว่ากำลังโดนดูถูกอยู่
ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู…..ถ้าเป็นตอนปกติก็คงจะพูดไปแบบนั้น แต่ในตอนนี้มันอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ดีนัก
สบตากับโอโน่ เขาส่ายหน้าเล็กน้อยราวกับจะบอกว่าอย่าเลย…..จริงอยู่ว่า ต่อให้บอกไปก็คงไม่ถูกรับฟัง…..แต่มันก็อดไมไ่ด้ที่จะต้องให้คำแนะนำไป
「ชิชิโด」
「หา?」
「ตอนนี้อย่างเพิ่งเลยจะดีกว่า เวลามันไม่เหมาะ จำนวนของนักผจญภัยหน้าใหม่ที่ไม่กลับมาจากเขาวงกตพักนี้มันสูงขึ้นมาก—-」
「อุ๊บ! วะฮ่าฮ่าฮ่า!」
ชิชิโอระเบิดหัวเราะออกมาราวกับว่ากลั้นต่อไปไม่อยู่แล้ว กลุ่มที่ติดตามชิชิโดเองก็พากันหัวเราะเสียงดังเช่นกัน
ด้วยสิ่งนั้นเป็นจุดเริ่ม เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นกลางบางคนก็เริ่มพากันหัวเราะ
ไม่เหมือนกับจิตสังหารของมอนสเตอร์ ความมุ่งร้ายที่มาเกาะติดมนุษย์ค่อยๆซึมผ่านผิวหนังราวกับเหงื่อ…..
ด้านโอโน่ก็กุมขมับแล้วถอนหายใจอยู่ปลายหางตา
「หมอนี้ สิ้นหวังแล้ว วะฮ่าฮ่าฮ่า! ถ้าชั้นเป็นนักผจญภัยมันจะเป็นปัญหามากงั้นสินะ!」
「ไม่ใช่ซักหน่อย อย่าได้ลงสำรวจเขาวงกตคนเดียวเด็ดขาด แม้แต่ในข่าวเองก็—-」
「อา~ พอได้แล้ว…..ถ้าเป็นแบบนี้มันก็จบแล้วล่ะ」
พอถ่มน้ำลายส่งแล้วชิชิโดกับพวกก็จากไป
หลังจากนั้น เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นก็แยกย้าย ในตอนที่กำลังไปก็「กากจริง…..」「เหมือนถูกหลอกลวงเลย~」「คำประกาศยุติบทบาทของคิทากาว่าล่ะ」พูดออกมาให้ได้ยิน
จะมีก็แค่ชินโดกับเพื่อนร่วมชั้นฝ่ายพวกเราที่「เข้มแข็งเข้าไว้ ไม่เป็นอะไรหรอก ต่อให้การ์ดลอสก็สามารถผ่านมันไปได้」「รู้สึกไม่ค่อยดียังไงไม่รู้เนอะ~ ไม่ต้องคิดมากไปหรอก」「ชั้นเองก็เห็นข่าวอยู่ คงเป็นห่วงจริงๆใช่ไหม? เข้าใจดีเลยล่ะ」คอยพูดให้กำลังใจ
รู้สึกขอบคุณคำพูดอันอบอุ่นหัวใจ แต่ก็รู้สึกได้ว่าชนชั้นของโรงเรียนได้ลดต่ำลงไปแล้ว
ท้ายสุด โอโน่ก็เรียกพร้อมดัวยสีหน้าค่อนข้างประหลาดใจ
「…..อาจารย์ ใจดีเกินไปแล้ว ก็รู้อยู่ใช่ไหมว่าถ้าพูดไปมันจะเป็นแบบนี้?」
「โอโน่…..แต่จะไม่แนะนำอะไรเลยเนี่ยทำไม่ได้หรอก」
「ก็นะ นั่นมันก็…..แต่ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูด ผลลัพธ์มันก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะงั้นไม่พูดไปมันจะดีกว่า」
「………………..」
มันก็จริง ที่โอโน่พูดมานั้นถูกต้อง อันที่จริง คำแนะนำของผมมันจะไปเพิ่มโอกาศที่ชิชิโดจะหัวรั้นและไม่หยุด ต่อให้เขาได้รู้ข้อมูลของบุคคลที่สูญหายไปก็ตาม
โอโน่เห็นผมนิ่งเงียบไปก็เอามือมาวางที่ไหล่
「…..ก็นะ ยังไงในฐานะมนุษย์แล้วก็ทำให้เป็นที่ชื่นชอบมากขึ้นแหละ เอาเถอะ ปล่อยเรื่องตามเก็บกวาดให้ผมเอง ทางอาจารย์ก็ให้ความสนใจเรื่องจับคนร้ายไป」
「โอโน่…..」
หมอนี่ เป็นคนดีขนาดนี้เลย…..แอบประทับใจอยู่นะเนี่ย
「นอกจากนี้ ชื่อเสียงที่ลดต่ำลงมาแล้วครั้งหนึ่ง พออาจารย์จับตัวคนร้ายได้ชื่อเสียงมันก็จะพุ่งทะยาน แล้วผมที่คอยสบับสนุนการสืบสวนและไม่ทิ้งอาจารย์ไปแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ชื่อเสียงก็จะพุ่งทะยานตามไปด้วยไง~」
「โอโน่…..」
หมอนี่ ไม่มีเปลี่ยนเลยจริงๆ…..
แต่ว่า ก็นะ มันก็คือสิ่งที่โอโน่เป็นแหละ
แล้วตอนนั้นเอง -ครืด-ประตูห้องเปิดออกกว้างแล้วชิโนมิยะซังกับอุชิคุระซังก็เดินเข้ามา
「อรุณสวัสดิ์」「อารุณซาหวัด」
「อรุณสวัสดิ์~ อะ มาโร่ มีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อยแต่…..มีอะไรกันรึเปล่า?」
ชิโนมิยะซังพูดขึ้นมาก่อนแต่ก็ต้องเอียงคอเนื่องจากรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างไปภายในห้องเรียน
「ก็นิดหน่อยแหละ แล้วอยากจะถามอะไรเหรอ?」
「อา~…..」
พอผมถามคำถามไป ด้วยสาเหตุอะไรบางอย่างชิโนมิยะซังก็ทำท่าสับสนเล็กน้อยและอ้ำๆอึ้งๆ ตัวเธอที่เป็นแบบนั้น อุชิคุระซังก็เลยเข้าไปดึงแขนเสื้อ
「คาเอเดะจัง คิดว่าควรจะปรึกษาไปตรงๆจะเป็นการดีที่สุดนะ」
「อืม แต่ว่านา พักนี้ดูจะยุ่งๆกันอยู่ยังไงไม่รู้นะสิ…..」
แบบว่าไม่ค่อยจะเข้าใจแหะ
「ถ้าหากว่ามีคำถามอะไรก็บอกมาได้เลย」
พอผมพูดไปแบบนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางกลุ่มของชิชิโดซึ่งนั่งอยู่ห่างออกไป
「เลิกไปปรึกษาหมอนั้นจะดีกว่านะ! เพราะว่าเป็นไอ้กากที่ลอสกำลังรบหลักไปไงล่ะ!」
「ก็ากฮ่าฮ่าฮ่า!」
「ชิ! หนวกหูซะจริง ไอ้บวกบ้า! อย่ามาสอดตอนคนอื่นเขาคุยกันอยู่เซ่!」
พอได้ยินการตอบโต้กันของกลุ่มชิชิโดและโอโน่แล้ว ชิโนมิยะซังกับอุชิคุระซังจึงมองผมด้วยความตกใจ
「เอ๋ ลอสกำลังรบหลัก จริงเหรอ?」
「นั่นหมายถึงพวกเร็นกะรึเปล่า?」
「อา…..อืม」
พอทั้ง 2 คนเห็นผมพยักหน้าอย่างเก้ๆกังๆให้ ก็ต่างมองหน้ากันและกันแล้วพูดกระซิบ
「ท-ทำยังไงดีล่ะชิซุกะ…..」
「ไม่สิ แต่ว่ายังไงปรึกษาไว้ก็ดีกว่านะ」
「ไม่ได้หรอก ทำแบบนั้นไม่ไหว ไม่ว่าจะมองยังไงตอนนี้มันก็เป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดของมาโร๊ะจินะ….. 」
「เรื่องนั้น…..มันก็จริงอยู่ แต่ว่า…..」
ได้ยินเสียงของทั้งคู่ไม่ค่อยชัด แต่จากความจริงจังที่แสดงออกบนใบหน้ามันทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี แล้วในขณะที่ผมกำลังจะเรียกพวกเธอตอนนั้นเอง
「อืม ‘โทษที ไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดมากหรอก!」
ชิโนมิยะซังหันกลับมาทางนี้แล้วพูดแบบนั้น
แต่ว่า มาขนาดนี้แล้ว「อ่อ งั้นเหรอ」มันคงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนคิดแบบนั้นหรอก
「ไม่สิ มันจะไม่มีอะไรไปได้ยังไง บอกมาเถอะไม่ต้องลังเล」
「แหม ไม่มีอะไรเลยจริ๊งจริง อันที่จริง ตัดสินใจว่าไม่คุยด้วยจะดีกว่า ชิซุกะเองก็เห็นด้วยใช่ไหม?」
「ก็…..ถ้าเป็นงั้นล่ะก็นะ…..」
อุชิคุระซังดูจะเป็นห่วง แต่ก็-กึก-พยักหน้ารับ
…..ถ้าให้เดา ชิโนมิยะซังคงจะพยายามทำอะไรที่ไปพัวพันกับความเสี่ยงบางอย่าง แล้วอุชิคุระซังก็เลยเป็นห่วงในจุดนั้น
นั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทั้งคู่มาโรงเรียนช้าด้วย
อยากจะขุดไปให้ลึกกว่านี้อีกนิดแต่ คงจะเป็นเรื่องยากจากที่พวกเธอตัดสินใจตัดบทสนทนาเอง…..
ขณะที่ผมกำลังเลอยู่ ชิโนมิยะซังก็เดินออกไปจากตรงนั้น
ด้านอุชิคุระซัง มองสลับระหว่างชิโนมิยะซังกับผม…..
「…..เน่ วันนี้เองก็วางแผนที่จะไปรวมกลุ่มกับพวกสาวๆจากชมรมนักผจญภัยอีกใช่ไหม?」
「เอ๋?」
「ก็นั่นไง ร้านอาหารครอบครัวที่ไปกันอยู่ตลอด」
นี่ถูกเห็นด้วยเหรอเนี่ย…..ตกใจอยู่นิดหน่อย แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงต้องพยายามหาข้อแก้ตัวอย่างลุกลี้ลุกรน
「แหม นั่นมันก็ กำลังประชุมวางแผนกิจกรรมที่จะทำในอนาคตน่ะ」
「อืม ดีแล้วล่ะ แล้ววันนี้เองก็จะไปอีกรึเปล่า?」
แต่อุชิคุระซังก็ปล่อยผ่านอย่างเรียบง่ายแล้วใช้สีหน้าจริงจังถามมา
「อา~ ก็วางแผนไว้อยู่หรอก…..」
「งั้นเหรอ…..แล้วจะอยู่จนถึงค่ำเลยรึเปล่า?」
「อืม…..นั่นสินะ วันนี้อาจจะอยู่ถึงดึกนิดหน่อย」
เพราะว่าอยากจะเอาของที่โอโน่ให้มาไปให้พวกอันนาดู ตอบไปขณะที่คิดอยู่แบบนั้น
「งั้นเหรอ…..ขอบใจนะ」
แล้วอุชิคุระซังก็ออกจากไปด้วยสีหน้าโล่งอก
ขณะที่ผมกำลังมองเธอเดินไป ก็ได้แต่เอียงคอสงสัยว่ามันหมายถึงอะไร
【Tips】รายได้ของนักผจญภัยมือสมัครเล่นในแต่ละแรงค์
รายได้(ต่อปี) ของนักผจญภัยโดยทั่วไปในแต่ละแรงค์มีดังนี้
– 1 ดาว : หลายแสน ~ ประมาณ 2 ล้านเยน
– 2 ดาว : หลายแสน ~ เกินกว่า 10 ล้านเยน
– 3 ดาว : 20 ล้าน ~ 40 ล้านเยน
รายได้ของ 1 ดาวเป็นของกลุ่มประเภทรักสนุก แทบทั้งหมดคือนักศึกษามหาวิทยาลัยหรือพนักงานออฟฟิศที่มีงานเต็มเวลาอยู่แล้ว งานนักผจญภัยถือว่าเป็นแค่งานรองหรือไม่ก็เป็นการออกกำลังเล็กน้อยช่วงสุดสัปดาห์ สำหรับผู้มีความต้องการหาเงินอย่างจริงจังมักจะเพิ่มแรงค์ไป 2 ดาวอย่างรวดเร็ว
จาก 2 ดาวไปจะเป็นการผสานของกลุ่มประเภทรักสนุก, ประเภทงานเต็มเวลา, และผู้ที่มุ่งมั่นจะเป็นมืออาชีพ กลุ่มประเภทงานเต็มเวลาคือผู้คนที่หมดไฟหลังจากได้ขึ้นเป็น 2 ดาว แต่ก็ยังมีรายได้อยู่ราวๆ 4 ~ 6 ล้านเยนต่อปีจากการพิชิตเขาวงกตหลายแห่งในแต่ละเดือน สนามรบหลักก็คือเขาวงกตแรงค์ F
สำหรับผู้ที่มุ่งมั่นจะเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำรายได้ได้มากกว่า 10 ล้านเยนต่อปี แต่เงินแทบทั้งหมดนั้นจะถูกนำไปลงทุนเพื่อการเป็น 3 ดาว จึงทำให้รายได้จริงๆมีน้อย และแตกต่างไปจากกลุ่มประเภทงานเต็มเวลาที่มีสนามรบหลักอยู่ที่เขาวงกตแรงค์ F มักจะทำการสำรวจในเขาวงกตแรงค์ E ที่มีอัตราการใช้งานการ์ดแรงค์ D สูง และยังมีโอกาศที่จะพบ อิเรกูลาร์เอ็นเคาเตอร์มากขึ้นซึ่งนำไปสูงอัตราการเสียชีวิตที่มาก
3 ดาว กลุ่มประเภทรักสนุกเป็นศูนย์ ทั้งหมดคือผู้ที่มุ่งมั่นจะเป็นมืออาชีพหรือไม่ก็ประเภทงานเต็มเวลา ถึงแม้ว่าจะทำการค้างคืนในเขาวงกตแทบทุกวัน รายได้ที่มีก็ต่ำกว่าครึ่งที่อุทามาโร่ที่เป็นนักเรียนทำได้ นั่นเพราะเป็นการจัดทีมสำรวจหลายคน และไม่มีพรจากเร็นกะที่ช่วยเพิ่มอัตราดรอป