บทที่ 2 ตอนที่ 16
วันต่อมาหลังเลิกเรียน พวกเราได้มายังเขาวงกตเพื่อค้นหาเบาะแสของผู้สูญหายในทันที
「ที่นี่คือ เขาวงกตที่ซาโต้ โชโกะซังหายตัวไปสินะ」
ผมก้าวเข้าสู่เขาวงกตแล้วมองไปรอบๆ
ประเภทของพื้นที่เป็นประเภทป่า แสงอาทิตย์ตกดินส่องพอประมาณผ่านช่องว่างของต้นไม้ที่ขึ้นหนาช่วยให้ทัศนวิสัยสว่างขึ้น อุณหภูมิเหมือนฤดูใบไม้ผลิและมีสายลมพัดเย็นสบาย เป็นเขาวงกตที่พวกชอบเล่นสนุกโปรดปราน
หากจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นในเขาวงกตแรงค์ F มันก็น่าจะเป็นตอนกลางคืนหรือมีสภาพอากาศที่ย่ำแย่อย่างเช่นฝน
ตามที่คาดว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่จะมีบุลคลสูญหายในสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การสำรวจแบบนี้ มันยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าต้องเป็นคดียิ่งขึ้นไปอีก
「ที่ซาโต้ โชโกะซังหายตัวไปนี่แค่เมื่ออาทิตย์ก่อนใช่รึเปล่า?」
「ค่ะ อิงจากเควส…..คนรู้จักมีความเป็นห่วงซาโต้ โชโกะซังที่ไปเขาวงกตเพียงคนเดียวแล้วไม่กลับออกมา พอ 2 วันให้หลังจึงทำคำร้องค้นหาส์」
「ถ้าจำไม่ผิด ดูพอจะมีประสบการณ์การเป็นนักผจญภัยอยู่บ้างใช่ไหม?」
「ตามบันทึกก็ประมาณ 1 ปีได้ส์ล่ะนะ」
1 ปี…..จากประวัตินักผจญภัยแล้วมีความอาวุโสมากกว่าผมเสียอีก ขึ้นอยู่กับว่าลงเขาวงกตมากแค่ไหน แต่ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เคยชินกับการออกคำสั่งการ์ดเพื่อโจมตีมอนสเตอร์ไปแล้ว
ถึงจะเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยก็ไม่คิดว่าจะทำให้ต้องสูญหายในเขาวงกตแรงค์ F หรอก
อย่างที่คิด เธอถูกใครบางคนโจมตีในเขาวงกตแห่งนี้ บางที…..โดยผู้ใช้หมาล่าเนื้อ
「…..ก่อนอื่นก็ อัญเชิญการ์ดออกมากันเถอะ」
ถึงแม้ว่าที่ด้านหลังจะเป็นเกทให้กลับไปได้ แต่มันก็เป็นเขาวงกตที่คนร้ายอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนซักแห่งก็เป็นได้
จะเป็นการดีหากรีบทำการอัญเชิญการ์ดออกมาโดยเร็ว
ผมนำการ์ดของยูคิออกมาจากกระเป๋า
ที่ถูกวาดภาพอยู่บนนั้น คือสาวสวยที่ไม่รู้จักพร้อมกับชื่อที่คุ้นเคย
ประมาณอายุน่าจะพอๆกับผม ผมสีน้ำตาลพร้อม meche สีเขียวเข้มถูกมัดเป็นหางม้า ดวงตากลมโตสดใสมีสีทองซีดราวกับดวงจันทร์ จ้องมองมาทางนี้ด้วยรอยยิ้มอันร่าเริงบนใบหน้า
…..ตั้งแต่ตอนนั้นมาก็ได้ทำการค้นคว้ามากมาย แต่สกิลใหม่ที่ได้มาแทบทั้งหมดหาไม่เจอแม้แต่ชื่อ อันที่พอเกือบๆจะเดาได้มีแค่จ้าวอาณาเขตกับวิชานินจาขั้นสูง
เจ้าวิชานินจาขั้นสูงพอจะทำการค้นคว้าได้ง่าย เพราะถือว่าเป็นสกิลท้องถิ่นของญี่ปุ่น
สกิลท้องถิ่น คือสกิลพิเศษที่จะปรากฏบนมอนสเตอร์ในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเท่านั้น
วิชาเซียนของจีน, คาถาแม่มดของยุโรป, เวทรูนของสแกนดิเนเวีย เป็นต้น…..สกิลที่มอนสเตอร์ซึ่งปรากฏอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนั้นเท่านั้นจะได้รับมา จะถูกเรียกว่าสกิลท้องถิ่นเพื่อแยกมันออกจากสกิลปกติ
หนึ่งในลักษณะของสกิลท้องถิ่นคือ ไม่เหมือนกับสกิลปกติที่มีความหลากหลายน้อยกว่าแต่มีลักษณะที่เฉียบคม
ในกรณีของวิชานินจา จะมีวิชาที่ทำให้ศัตรูสับสนอยู่หลากหลาย อย่างเช่นวิชาแปลงกายและวิชาแยกร่าง
ยกตัวอย่าง วิชาวารี เป็นวิชานินจาที่ทำให้สามารถซ่อนตัวในน้ำและอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานาน
…..ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว วันนั้นที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อให้ไลแคนโทรปลอบโจมตีที่ทะเลสาปก็อาจจะมีวิชานินจาด้วยก็เป็นได้
ต่อให้สกิลวิชานินจาเป็นสกิลส่วนน้อยที่มีครอบครองกันอยู่ไม่มาก แต่การที่หันหลังให้ทะเลสาปโดยขาดความระวังก็เป็นความผิดของผมเอง
ต่อไปคือจ้าวอาณาเขต นี่เป็นสกิลที่ทำให้สามารถสร้างอาณาเขตขึ้นมารอบตัวเองโดยอิงตามพลังต่อสู้ของตน เป็นสกิลขั้นสูงที่รวมเอาตรวจจับตัวตน, พฤติกรรมรวมฝูง, และสกิลฟื้นฟูเข้าไว้ด้วยกัน ดูเหมือนว่าจะสามารถรับรู้ถึงตัวตนของศัตรูที่รุกล้ำเข้ามาภายในอาณาเขต, เพิ่มความสามารถของพรรคพวกทั้งหมด, และแม้แต่ฟื้นฟูความเสียหายกับความเหนื่อยล้าให้เล็กน้อย
ข้อเสียก็คือขณะทำการสร้างอาณาเขต ตัวตนของยูคิจะถูกเผยให้ทราบไปทั่วพื้นที่โดยรอบ จะผลักไสศัตรูที่มีพลังต่อสู่ต่ำกว่ามากออกไป และดึงดูดศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือมากกว่า แล้วระยะของอาณาเขตก็สามารถแคบลงได้ขึ้นอยู่กับพลังต่อสู้ของศัตรูที่อยู่โดยรอบ
แต่ถึงอย่างนั้นข้อดีที่ใช้ค้นหาศัตรู, เสริมความสามารถของพรรคพวกทั้งหมด, และการฟื้นฟู เป็นการชดเชยข้อเสียที่มากเกินพอ
ถึงแม้จะมีอีกหลายอย่างที่รายละเอียดยังเป็นปริศนาอย่างผู้แท้จริงและทำลายขีดจำกัด เพียงแค่จ้าวอาณาเขตและวิชานินจาขั้นสูงนี้ก็มีพลังมากพอจะเปลี่ยนกลยุทธที่มีอยู่ก่อนหน้าได้ทั้งหมดแล้ว
นี่มันทำให้ผมต้องคิดว่าถ้าหากมีสกิลพวกนี้อยู่ในตอนนั้น คงจะสามารถรับมือกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้มากกว่านี้ก็เป็นได้…..
และเพราะเหตุนั้น ยิ่งพลังที่ได้มายิ่งมากเท่าใด มันก็ยิ่งทำให้ผมกังวลว่านี่จะเป็นยูคิที่ผมรู้จักจริงๆงั้นเหรอ
แต่มันก็จะเป็นที่ชัดเจนเมื่อได้เรียกเธอออกมาในตอนนี้แล้ว
「ออกมาเลย ยูคิ!」
สลัดความลังเลแล้วอัญเชิญยูคิ
มาพร้อมกับแสงสว่าง หญิงสาวตามภาพวาดได้ปรากฏตัวออกมา
ส่วนสูง…..ประมาณ 160 ซม. อยู่ระหว่างเร็นกะกับเอลิซ่า ร่างกายเพรียวบางและมีความกระชับเหมือนนักกีฬา สวมเสื้อคอเต่าแขนกุดสีขาว ตัวเสื้อลอยสูงเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้อง ตรงกันข้ามกับร่างกายช่วงล่างที่ถูกปกคลุมด้วยกางเกงขายาวสีดำทรงหลวม ไม่สามารถมองเห็นสัดส่วนได้
เป็นเด็กสาวแสนสวยที่โดยรวมให้ความรู้สึกตื่นตัวกระตือรือร้น
「ยูคิ…..งั้นเหรอ?」
ถึงแม้จะมีบรรยากาศแบบเดียวกันกับยูคิก่อนหน้า แต่เพราะว่าได้กลายเป็นเด็กสาวราวกับคนละคน ก็เลยถามไปอย่างพะวักพะวน…..
「ฮะ! มาสเตอร์!」
ด้วยทั้งน้ำตาตรงหางตา…..ยูคิได้ขานตอบ
ท่าทางอันอ่อนโยนนั้นและเสียงที่เหมือนกันกับตอนที่เป็นคูซี่
อาจจะเพราะผมรู้สึกไปเองแต่เหมือนกับว่ามองเห็นหางกำลังส่ายไปมาอยู่ด้านหลังเลย
ก่อนอื่นก็โล่งใจไปหน่อยนึง แล้วผมก็เปลี่ยนไปใช้ลิงค์เพื่อถามคำถามกับเธอ
『…..มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? นี่กลายเป็นไลแคนโทรปไปตอนไหนกัน?』
『เรื่องนั้น…..ขอโทษฮะ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…..』
『งั้นเหรอ…..』
『ยิ่งไปกว่านั้น…..ขอโทษฮะ มาสเตอร์ มีแค่ผมที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย…..』
พอพูดแบบนั้นแล้ว ยูคิก็ก้มหน้าลงด้วยความคับข้องใจ
ผ่านทางลิงค์ รู้สึกได้ถึงความเสียใจและความสมเพชต่อตัวเองที่ไม่มีทางเลือก นอกจากที่ต้องหนีแล้วทิ้งพรรคพวกเอาไว้ข้างหลัง…..
แต่ว่า นั่นมัน…..
『ไม่หรอก นั่นไม่ใช่ความผิดของเธอเลย เป็นความผิดพลาดในการตัดสินใจของผมต่างหาก』
คนที่ตัดสินใจผิดก็คือผม ที่ตัดสินใจทิ้งพวกเร็นกะเอาไว้เป็นเบี้ยแล้ววิ่งหนีก็คือผมอีก ทุกความรับผิดชอบเป็นของผมทั้งหมด
ถ้าหากว่าเริ่มไปโทษความพ่ายแพ้ของตัวเองว่าเป็นเพราะการ์ดแล้วล่ะก็ ทั้งฐานะนักผจญภัยหรือแม้แต่ฐานะมนุษย์ก็คงได้จบลงไปหมดแล้ว
นั่นมันคือ กำลังใจเล็กๆสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ของผมที่ต้องหนีอย่างไม่มีทางเลือก
ทว่า แม้เป็นเช่นนั้นยูคิก็ยังคงส่ายหน้า
『ไม่ฮะ ต่อให้เป็นแบบนั้น ถ้าในตอนนั้นผมแข็งแกร่งมากกว่านั้นล่ะก็……….มาสเตอร์』
ยูคิจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นแรงกล้า
『มีอะไรเหรอ?』
『ยังมีการ์ดไลแคนโทรป 2 ใบนั้นอยู่รึเปล่าฮะ?』
『อา ยังมีอยู่…..』
『ถ้าหากไม่ว่าอะไรแล้วล่ะก็ จะช่วยยกการ์ดนั้นให้ผมจะได้ไหมฮะ?』
『หา…..?』
ถึงกับผงะไปแบบไม่ทันตั้งตัว
เรื่องที่การ์ดอยากได้การ์ดมันเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาด ไม่สามารถทำความเข้าใจได้
『เอ๋ ท-ทำไมล่ะ?』
『สกิลใหม่ของผม อัญเชิญวงศ์วานแท้จริง…..เป็นสกิลที่กลืนกินการ์ดอื่นแล้วจับมอนสเตอร์นั้นเข้ามาผสานฮะ』
『กลืนกินแล้วผสาน…..?』
『มาสเตอร์รู้เรื่องสกิลอัญเชิญวงศ์วานแบบปกติรึเปล่าฮะ?』
『อา』
สกิลอัญเชิญวงศ์วาน คือความสามารถในการอัญเชิญมอนสเตอร์เฉพาะที่อยู่ในแรงค์เดียวกันหรือต่ำกว่าออกมาได้อย่างอิสระ โดยไม่จำกัดหรือจำกัดจำนวนตามรอบช่วงเวลาออกมาเป็นดั่งโทเค็น(token)
ในกรณีแรกก็เช่นไฮโคโบลด์ ที่ทำการเรียกโคโบลด์ ใช้เวลาในการเรียกครั้งละ 1 ตัวแต่สามารถเรียกออกมาได้ไม่จำกัดจำนวน
ในกรณีหลังก็เช่นซุยโค ที่เคยสู้มาแล้วในอดีต มีจำนวนที่สามารถเรียกออกมาได้จำกัด แต่สามารถเรียกออกมาจำนวนมากได้ในคราวเดียว อีกทั้งความสามารถโดยรวมจะมีมากกว่าหากเอาไปเทียบกับกรณีแรก
นอกจากนี้ ลักษณะโดยรวมของโทเค็นทั้งหมดก็คือ มีพลังต่อสู้ที่ต่ำกว่าพลังต่อสู้ของเผ่าที่เป็นต้นแบบเท่านั้น, สกิลที่มีคือทักษะติดตัวเท่านั้น, อีกทั้งโทเค็นจะไม่สืบทอดความทรงจำหรือมีการเติบโต ก็ประมาณนี้
พูดอีกอย่างคือ อัญเชิญวงศ์วานคือความสามารถในการเรียกอะไรบางอย่างที่คล้ายกับเงาของเผ่าที่ต่ำกว่า
ทั้งหมดทั้งมวลคือสกิลที่เน้นไปที่ปริมาณมากกว่าเน้นคุณภาพ
แต่ถึงอย่างนั้น ความสามารถที่ช่วยเพิ่มจำนวนพวกเดียวกันโดยที่ไม่สนขีดจำกัดการอัญเชิญของตัวเขาวงกตก็ถือได้ว่าน่าทึ่ง เหล่าการ์ดที่มีสกิลอัญเชิญวงศ์วานต่างก็มีราคาที่สูงด้วยกันถ้วนหน้า
ในปัจจุบัน การ์ดที่มีสกิลอัญเชิญวงศ์วานแทบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นทักษะติดตัว แล้วก็ยังไม่พบวิธีการที่จะให้เรียนรู้เป็นทักษะเรียนรู้ได้เลย
จะมีในกรณีหายากมากๆ ที่เมื่อการ์ดดรอป จะมีปรากฏเป็นทักษะเรียนรู้มาเลยตั้งแต่แรก
…..นี่ก็ เป็นสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับอัญเชิญวงศ์วาน
『อัญเชิญวงศ์วานแท้จริงของผมจะแตกต่างไปจากอัญเชิญวงศ์วานปกตินิดหน่อยฮะ อย่างแรก อัญเชิญวงศ์วานจะสามารถเรียกมอนสเตอร์ได้โดยที่ไม่ต้องใช้สื่อกลางอะไร ในขณะที่อัญเชิญวงศ์วานแท้จริงต้องใช้การ์ดที่เป็นชนิดเดียวกัน อีกทั้งจำนวนโทเค็นที่สามารถเรียกได้จะเท่ากันกับจำนวนของการ์ดที่ถูกผสานเข้าฮะ』
『ฟุมุ…..』
ต้องใช้การ์ดชนิดเดียวกัน พอเริ่มเรื่องมาก็เป็นข้อเสียเลยทำให้ผมรู้สึกกังวลนิดหน่อย แต่ก็ตัดสินใจฟังไปจนจบก่อนที่จะทำการตัดสินใจ
『ต่อไป โทเค็นปกติจะมีความสามารถอยู่ในขั้นต่ำที่สุดและไม่เติบโต แต่โทเค็นที่ผมเรียกมาจะมีความสามารถตามการ์ดที่นำมาผสาน แล้วยังสามารถเติบโตเหมือนการ์ดปกติด้วยการได้รับค่าประสบการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น เหมือนกับโทเค็นปกติที่ต่อให้ตายก็ไม่ใช่การลอส สามารถเรียกออกมาอีกครั้งได้เมื่อเวลาผ่านไปซักพักฮะ』
『เอาจริงดิ!?』
ด้วยคำพูดของยูคิ ทำให้คราวนี้ผมไม่สามารถซ่อนความตกใจเอาไว้ได้
สามารถสร้างโทเค็นที่เติบโตได้…..นี่มันเหมือนกับบอกว่าสามารถเรียกการ์ดอมตะได้เลย
แบบนี่มัน เกินไปกว่าการเป็นการ์ดแล้วเข้าใกล้การเป็นมาสเตอร์แล้ว
ไม่สิ ถ้าพิจารณาจากที่จำเป็นต้องใช้การ์ดเป็นสื่อกลางแล้ว นี่มันควรจะเรียกว่าสกิลประเภทการ์ดมาสเตอร์
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว…..สกิลระดับแรงค์ A…..อาจจะเกินไปหน่อย แต่ว่าแข็งแกร่งถึงระดับแรงค์ B ขั้นสูงได้เลย
『ช่วยบอกรายละเอียดมามากกว่านี้หน่อย』
จากนั้นก็ได้ฟังรายละเอียดของอัญเชิญวงศ์วานแท้จริง โดยสรุปที่รู้มาตามด้านล่าง
– เพื่อที่จะบันทึกเป็นโทเค็น จำเป็นต้องใช้การ์ดชนิดเดียวกัน การ์ดที่ถูกผสานแล้วไม่สามารถเอากลับคืนมาได้
– ไม่เหมือนกับโทเค็นทั่วไป ตัวโทเค็นสามารถเติบโตได้เหมือนการ์ด เพียงแต่อัตราการเติบโตจะช้ากว่าการ์ดปกติ และเรียนรู้สกิลได้ยากกว่า
– แม้โทเค็นจะตายก็ไม่ลอส เพียงแค่มีเวลาคูลดาวน์ (cool down)
– ตัวโทเค็นสามารถได้รับสกิลจากร่างหลักได้ 1 อย่างแต่จะมีแรงค์ต่ำกว่า 1 ระดับ
– จำนวนการ์ดที่สามารถบันทึกเป็นโทเค็นในปัจจุบันคือ 3 ใบ ไม่สามารถเกินกว่านี้ได้จนกว่าจะลบใบที่มีอยู่ก่อน จำนวนมีความน่าจะเป็นว่าสามารถเพิ่มได้ในอนาคต
– ถ้าหากว่าปฏิบัติต่อโทเค็นไม่ดี มีแนวโน้มว่าจะได้รับสกิลต่อต้านเช่นเดียวกันกับการ์ดปกติ
– เมื่อยูคิแรงค์อัพแล้วเผ่ามีการเปลี่ยนแปลง ตัวการ์ดที่ถูกผสานอยู่จะหายไป
…..ข้อเสียมันก็มีอยู่ การที่ไม่สามารถเอาการ์ดคืนมาหลังจากผสานและพอแรงค์อัพจะหายไปเป็นอะไรที่เจ็บปวด แถมถ้าจัดการไม่เหมาะสมก็จะลงเอยด้วยสกิลต่อต้านอย่าง『ปิดกั้นจิตใจ』เหมือนอย่างเร็นกะแต่ก่อน
แต่ว่า ยิ่งไปกว่านั้นคือโทเค็นสามารถเติบโตได้…..ไม่สิ การที่สามารถเรียกการ์ดที่ไม่มีลอสออกมาได้ถือว่าเป็นข้อดีมหาศาล
เหนือสิ่งอื่นใด การที่สามารถเรียกออกมาได้เกินกว่าขีดจำกัดการอัญเชิญของเขาวงกตเป็นอะไรที่น่าดึงดูดมาก
ไม่เพียงแค่ในเขาวงกตปกติ แต่ยังมีประโยชน์ในการแข่งของมอนโคโลด้วย
『แล้วสกิลอื่นๆล่ะ?』
『เกี่ยวกับผู้แท้จริง…..ขอโทษฮะ ไม่เข้าใจเลย』
ยูคิ-ซึม-ก้มหัวลง ในหมู่สกิลนั้นชั่วขณะที่ได้รับมันมาจะมีทั้งที่เข้าใจวิธีใช้งานได้ทันที, ไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับมันเลย, และผสมด้วยกันทั้งคู่ มี 3 รูปแบบนี้
รูปแบบแรกจะเป็นของสกิลเวทมนตร์และสกิลด้านเทคนิคเกือบทั้งหมด, รูปแบบที่ 2 เป็นพวกชนิดพิเศษอย่างสกิลผู้กล้า ตัวผู้แท้จริงดูจะเป็นชนิดพิเศษเหมือนกันกับสกิลผู้กล้า
นอกจากนี้แล้ว สกิลแทบทั้งหมดสามารถนับได้เป็นรูปแบบที่ 3
『งั้นเหรอ…..แล้วทำลายขีดจำกัดล่ะ?』
『อ๊ะ ถ้าอันนี้พอจะเข้าใจอยู่นิดหน่อยฮะ ทำลายขีดจำกัดดูจะมีความสามารถในการเพิ่มค่าพลังต่อสู้ตั้งต้นและขีดจำกัดการเติบโตขึ้น 2 เท่า แล้วยังช่วยดึงพลังของบางสกิลออกมาได้มากกว่าปกติด้วยฮะ』
『2 เท่า! แบบนี้ไม่ใช่ว่าจริงๆแล้วเป็นแรงค์ B หรอกเรอะ!?』
ไม่สิ ตัวแรงค์ B จะมีสกิลติดตัวที่แข็งแกร่งมากกว่าแรงค์ C อยู่ งั้นก็น่าจะเรียกว่าเป็นแรงค์ B ตกชั้น แต่ถึงยังไงมันก็หลุดกรอบของแรงค์ C ไปแล้ว
ในทางตรงกันข้าม หากว่ายูคิสามารถสืบทอดสกิลเหล่านี้ได้ตอนแรงค์อัพล่ะก็ พลังจะเทียบเท่าได้กับแรงค์ A เลยทีเดียว
อันตราย…..อันตรายเกินไปแล้ว ทั้งอัญเชิญวงศ์วานแท้จริงทั้งทำลายขีดจำกัด
ความรู้สึกตื่นเต้นพุ่งขึ้นจากสันหลังจนขนลุกซู่
ถ้าหากว่ามีพลังนี้อยู่ล่ะก็ คราวนี้รับมือผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้แน่…..
ในขณะเดียวกัน ในใจส่วนที่ยังคงความสงบไว้ได้ก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา
พลังนี้แข็งแกร่งเกินไป เกินไปกว่าขีดจำกัดของสกิลธรรมดา โดยเฉพาะทำลายขีดจำกัดที่เบนออกไปจากระบบแรงค์ของการ์ด
ถ้าหากว่าถูกล่วงรู้ตัวสกิล กลัวว่าจะเกิดปัญหาตามมา…..
…..ควรจะ รายงานเรื่องสกิลใหม่ให้ทางกิลล์ไปดีไหม
ทางกิลล์มีระบบการให้รางวัลเมื่อทำการรายงานเรื่องสกิลใหม่
เป็นระบบที่มีไว้เพื่อทำให้การศึกษาการ์ดก้าวหน้าขึ้นไป แล้วก็ยังให้ทางกิลล์สามารถช่วยปกป้องตัวผู้รายงานได้อีกด้วย
ถ้าหากรายงานกิลล์ไป ทางนั้นก็อาจจะขอความร่วมมือให้ทำการทดสอบบางอย่าง แต่ในทางกลับกันก็จะช่วยปกป้องจากปัญหาหลายๆอย่างด้วย
…..เว้นแต่ว่าทางกิลล์จะเป็นศัตรูเสียเอง
ตัวกิลล์เองก็เป็นหน่วยงานของรัฐ ประเทศที่มีแต่ความสวยหรูมันไม่มีอยู่จริงหรอก ในเวลาฉุกเฉินมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกยึดเอาไป『พร้อมตัวผม』
ควรจะเก็บเป็นความลับ หรือว่าไปรายงานด้วยตัวเองดี…..
「อาโน~ เป็นอะไรงั้นเหรอส์คะ? มีปัญหาอะไรรึเปล่า?」
คงเพราะสงสัยที่ผมทำการพูดคุยผ่านลิงค์อยู่นาน อันนาก็เลยถามมา
…..หยุดคิดอะไรเยอะแยะวุ่นวายไว้ตรงนี้ละกัน
「อา ไม่หรอก ไม่มีอะไร…..นั่นคือปาร์ตี้ของเธองั้นสินะ」
บอกกับยูกิ『เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนั้นต่อทีหลัง』แล้วผมก็หันไปทางพวกอันนา ที่ตรงนั้นพวกเธอก็ได้อัญเชิญการ์ดออกมาแล้ว
การ์ดของอันนาคือม้าสีขาวที่มาพร้อมปีกอันสวยงาม…..เพกาซัสล่ะ บางทีคงจะเป็นยูนิคอร์นตัวที่ได้สู้กันในการแข่งครั้งก่อนที่แรงค์อัพแล้ว
ตัวเพกาซัลสวมบังเหียน, เชือก, และโกลนมาพร้อม เห็นได้ชัดว่าอันนามีรสนิยมในการขี่ม้า
พอได้เห็นแบบนี้ ก็ตระหนักได้ว่าตัวเธอคือคุณหนูตัวจริง ถึงแม้ว่าตอนปกติเธอจะดูไม่เหมือนก็เถอะ
คนรับใช้เอลฟ์ ม้าสีขาวเพกาซัส ลูกครึ่งสาวสวยลูกสาวประธานบริษัท ภาพสุดแสนจะสมบูรณ์แบบของอันนา เป็นปาร์ตี้ที่ตระการตาจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง ส่วนของโอริเบะนั้น…..
「อูอออ…..ไม่ว่าจะมองยังไงก็ขยะแขยง」
「อย่าพูดว่าขยะแขยงนะ! ซึ้ดจิน่ะทั้งแข็งแกร่ง, อ่อนโยน, ฉลาด, แล้วก็ภักดีด้วย!」
พอผมไล่สายตาไป ก็เห็นสิ่งที่โอริเบะเรียกออกมา ส่วนทางอันนาก็ตัวสั่นขนลุกไปทั้งตัว
โอริเบะจึงทำการประท้วงเธอกลับไป ดูอารมณ์เสียจริงจังอยู่นิดหน่อย
…..แต่ว่า ถึงจะรู้สึกสงสารโอริเบะ แต่สำหรับผมเองต่อการ์ดของเธอนั้น…..ก็ต้องบอกว่าขยะแขยงเหมือนกัน
ลำตัวที่กลมและส่วนท้องที่ใหญ่โต พร้อมด้วยขาทั้ง 8 ที่ยาวและบางแปลกๆ ขนลายเสือที่ขึ้นตามร่างกายไปทั่ว ส่วนที่อยู่บนหลังก็มีใบหน้าของหญิงชราดูน่าขนลุกติดอยู่
สึจิงูโมะ(Tsuchigumo/土蜘蛛) นั่นก็คือชื่อของการ์ดที่โอริเบะเรียกออกมา
『มาสเตอร์ อย่าได้ใส่ใจไปเลย ชั้นไม่ติดใจอะไรหรอกค่ะ…..』
「ซึ้ดจิ…..」
ถึงจะได้ยินคำพูดของอันนา สึจิงูโมะก็ยังคงยิ้มอยู่ โอริเบะมองเธอด้วยความเป็นห่วง
เป็นการแลกเปลี่ยนที่อบอุ่นหัวใจระหว่างการ์ดและมาสเตอร์…..ให้บอกไปแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
สีหน้าของอันนาราวกับว่าได้เห็นฉากสุดสยองที่น่ากลัวยิ่งกว่าหนังสยองขวัญ ถึงขนาดน้ำตาเล็ดออกมา
「อุ๊บ…..รู้สึกคลื่นไส้…..」
「โอ่ย! นั่นมันหยาบคายเกินไปแล้วนะ!」
อันนาที่ตัวโซเซแล้วป้องปาก คราวนี้โอริเบะเลยโกรธจริงๆ
「น-น่าน่า ใจเย็นๆก่อน อันนา…..มันเสียมารยาทนะที่ไปล้อเลียนหรือทำให้รู้สึกแย่กับการ์ดของคนอื่นน่ะ」
「อู…..ขอโทษส์ค่ะ ก็แค่…..」
ถึงแม้ผมจะมีความรู้สึกใกล้เคียงกับอันนาแต่ก็ทำการปลอบพวกเธอ
อันที่จริง มันถือว่าเป็นการเสียมารยาทอย่างรุนแรงที่ไปล้อเลียนการ์ดของคนอื่นภายในเขาวงกต
ในบางครั้งมันถึงขึ้นนำไปสู่การดวลกันโดยใช้การ์ดด้วย การยั่วยุซ้ำหลายครั้งก็ถึงขั้นที่ต้องได้รับคำเตือนอย่างเข้มงวดจากทางกิลล์
…..อย่างไรก็ตาม ในหมู่นักผจญภัยผู้หญิงก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ทางสรีรวิทยานั้นไม่สามารถยอมรับมอนสเตอร์ที่มีหน้าตาชวนขนลุกอย่างสึจิงูโมะได้
มีบางคนกล่าวว่าถ้าหากการไม่ล้อเลียนการ์ดของคนอื่นถือเป็นมารยาทที่ดีแล้วล่ะก็ การที่ไม่ใช้การ์ดที่เป็นการคุกคามคนอื่นก็ถือเป็นมารยาทที่ดีเช่นกัน
「ฟุ…..สมแล้วที่เป็นรุ่นพี่ เข้าใจดีสินะคะ มิน่าถึงได้ใช้กูล่า」
พออันนาก้มหัวขอโทษแต่โดยดี ทางโอริเบะที่หายโกรธ ด้วยเหตุผลบางอย่างได้มองมาที่ผมพร้อมความรู้สึกดีๆให้
…..ดูจะเป็นเพราะได้ใช้กูล่า เธอเลยดูมีความประทับใจที่ดีต่อผม
สงสัยว่ากูล่าจะเป็นการ์ดที่คนทั่วไปหลีกเลี่ยงอยู่พอสมควรแหะ
「โดยส่วนตัวแล้วอยากให้กูล่าไปตามสายของเจียงซืออย่างเฮล หรือว่าราชินีอันเดดอย่างโยมตสึโอคามิ(黄泉津大神) แต่ก็นะ รางวัลจากงานแข่งเป็นแวมไพร์มันก็เลยช่วยไม่ได้ แวมไพร์เองก็เท่ด้วย」
「อา โอริเบะเนี่ยคือ…..ชอบแนวสยองขวัญงั้นเหรอ?」
「อืม…..ก็ นะ」
พอผมถามคำถามไป โอริเบะดูจะรู้สึกตัวที่จู่ๆตัวเองก็เริ่มพูดแบบได้อารมณ์ก็เลยหน้าแดงแล้วเงียบไป
「ซาโยะน่ะชอบหนังสยองขวัญเอามากส์ การ์ดเองก็มีแต่อันเดดกับอะไรพวกนั้นส์」
「ด-เดี๋ยวเถอะ! อย่าเอามาแฉกันสิ!」
「ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอส์ แทนที่จะเป็นชั้นที่ไม่ชอบหนังสยองขวัญ ครั้งหน้าก็ชวนรุ่นพี่ไปดูซะเลย ไม่สิ เอาจริงๆ ขอเถอะ」
「คุ ยัยเพื่อนไร้ประโยชน์!」
ดูเหมือนจะเพราะเธอโดนลากไปดูหนังสยองขวัญที่ไม่ชอบเอาเยอะมาก น้ำเสียงของอันนาเลยดูจริงจัง ทางโอริเบะก็สบถใส่
ผมยิ้มแห้งๆให้เธอแล้วพูด
「ผมเองก็ชอบหนังสยองขวัญอยู่บ้างเพราะงั้นครั้งหน้าไปดูด้วยกันก็ได้นะ」
「เอ๋…..อะ…..ถ-ถ้ารุ่นพี่ยืนกรานว่างั้นล่ะก็…..」
「ซึนเดเระเรอะ」
โอริเบะทำท่าทางเขินอาย ทางอันนาก็ตบมุขมา
เอาล่ะ ได้เวลาละ…..
「ก็นะ เอาไว้คุยเรื่องนั้นกันทีหลังละกัน…..ได้เวลาไปกันแล้ว」
พอผมพูดแบบนั้น ทั้ง 2 คนก็ทำหน้าเคร่งแล้วพยักหน้า
สมแล้วที่เป็นนักผจญภัย 2 และ 3 ดาว สับเปลี่ยนได้ไว
เห็นพวกเธอกำลังขึ้นขี่การ์ดของตัวเองผมจึงพยายามจะขึ้นขี่ยูคิเหมือนอย่างเคย แต่ก็ต้องหยุดชะงัก
…..ในตอนนี้ยูคิมีร่างเป็นสาวสวยแล้ว ต่อให้กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าก็ยังคงเดิน 2 ขาเหมือนกับมนุษย์
ไม่เหมาะที่จะขึ้นขี่หลัง
ช่วยไม่ได้ เอาดราโกเน็ตออกมาล่ะกัน
「ออกมา! ดราโกเน็ต」
ตอบรับต่อเสียงเรียกของผม มังกรขนาดเล็กได้ปรากฏตัวออกมา
ดราโกเน็ตที่โผล่ออกมา ทำการทักทายด้วยเสียงอันชัดเจนเหมือนอย่างเคย
「ดีใจจริงๆที่ปลอดภัยค่ะ มาสเตอร์!」
「อา กับดราโกเน็ตเองก็ต้องขอโทษด้วยที่จู่ๆก็เกิดอะไรแบบนั้นขึ้น」
จากมุมมองของมังกรตัวเล็กนี่ หลังจากที่เพิ่งมาเป็นพรรคพวกได้ไม่ทันไรกลับต้องมาเกือบตาย จึงน่าจะมีความรู้สึกอะไรอยู่บ้าง แต่…..
「ไม่ค่ะ! ทางนี้ต่างหากที่ไม่สามารถเป็นกำลังให้ได้เลยที่ต้องขอประทานอภัยด้วย!」
กลับกันเป็นถูกก้มหัวให้แทน
นี่เองก็คงเป็นผลจากอุทิศตัวรับใช้สินะ จากมุมมองของมาสเตอร์แล้ว การที่ยับยั้งชั่งใจความเห็นแก่ตัวและจดจ่อกับการรับใช้นั้นถือว่าเป็นอะไรที่ดี แต่ก็กลัวว่าจะระเบิดอยู่นิดหน่อย
ถึงจะมีขนาดเล็ก แต่ว่ากันว่ามังกรเป็นเผ่าที่มีความหยิ่งทระนงสูง อาจจะมีความเครียดที่สูงมากกว่ามอนสเตอร์อื่นๆเลย
ในแง่หนึ่ง อาจจะต้องระมัดระวังให้มากกว่าเร็นกะหรือเมอาที่ดูเข้าใจง่าย
「…..งั้น ขอโทษด้วยแต่มาเริ่มกันเลยละกัน ขึ้นขี่หลังได้ไหม?」
「ค่ะ! รับทราบแล้วค่ะ!」
จากที่ได้เรียนรู้มาเมื่อครั้งก่อน ทำการติดตั้งอานแบบง่ายๆสำหรับดราโกเน็ตลงไปก่อนแล้วขึ้นขี่ แล้วพอยูคิขึ้นตามมาด้านหลังผม กลิ่นหอมที่ไม่มีอยู่ตอนที่เป็นคูซี่ได้ลอยมา อีกทั้ง สัมผัสนุ่มๆด้วย…..
「? เป็นอะไรเหรอฮะ มาสเตอร์?」
「ม-ไม่ ไม่มีอะไรหรอก」
ทำการส่ายหัวแล้วหันหน้าไปทางพวกอันนา
「เอาเป็นว่าตอนนี้ สำรวจไล่ไปตั้งแต่ชั้นบนไหม? เควสไม่ได้ระบุใช่ไหมว่าเหยื่อสูญหายไปแถวไหน?」
「…..ไม่ค่ะ ถ้าหากว่าเป็นการค้นหาบุคคลสูญหายทั่วไปก็คงทำแบบนั้นได้ แต่คราวนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับผู้ใช้หมาล่าเนื้อ เพราะฉะนั้น…..」
「มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกบังคับให้หนีจากชั้นล่างสุดขึ้นมาทางบันได…..หมายความว่างั้นส์สินะ งั้นเริ่มสำรวจตั้งแต่ชั้นล่างกันเถอะค่ะ」
ผมพยักหน้าแล้วให้ดราโกเน็ตมุ่งหน้าไปยังชั้นล่างสุด
การเดินทางไปชั้นล่างสุดราบรื่นมาก
สมแล้วที่เป็น 2 และ 3 ดาว มอนสเตอร์ระหว่างทางแค่เดินผ่านก็ตายแล้ว เนื่องจากว่าแค่ตื้นๆจึงใช้เวลาไม่มากก็สามารถมาถึงชั้นล่างสุดและจัดการจ้าวลงได้
「อืม อย่างที่คิดถึงแม้จะเป็นจ้าวแต่ในเขาวงกตแรงค์ F แล้วก็ไม่ต่างอะไรไปจากพวกกระจอกส์เลยนะคะ」
อันนาพูดขณะที่จ้องมองร่างของจ้าวในชั้นล่างสุดโอมโมรากิ…..หรือจะให้ถูกคือหินเวท
ใบหน้าของโอมโมรากิตอนที่ถูกยูคิซัดเข้าใส่ดูเหมือนจะมีความเศร้าที่อธิบายไม่ได้อยู่
「…..ผู้ใช้หมาล่าเนื้อก็ ไม่มีวี่แววการโจมตีในตอนนี้สินะ」
ผมพูดขณะที่ทำการมองไปรอบๆ ทางโอริเบะก็พยักหน้า
「ก็นะ ผู้ใช้หมาล่าเนื้อปกติจะเล็งเป้าหมายที่มาคนเดียว เดาว่าถ้าเล็งที่ 2 คนหรือมากกว่า โอกาศที่จะหลบหนีไปได้ก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นมาก อีกทั้ง…..รุ่นพี่ได้ถูกอีกฝ่ายเล็งไปแล้ว เป็นธรรมดาที่อีกฝ่ายต้องคิดว่าการกลับเข้ามาที่เขาวงกตจะต้องมีเตรียมหนทางหลบหนีเอาไว้แล้วแน่ๆ เว้นแต่ตัวรุ่นพี่จะมีหลักฐานอะไรที่ชัดเจนเอามากๆ หรือเหตุผลที่เล็งรุ่นพี่ไว้นั้นมีความพิเศษ ก็ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะถูกคนร้ายเล็งเป้าอีกหรอกค่ะ」
「งั้นเหรอ…..」
มันก็จริง ถ้าคิดกันตามปกติแล้ว หากพยายามจะฆ่าใครแล้วคนๆนั้นกลับมาที่เขาวงกตอีกในทันที คนร้ายก็ต้องคิดว่ามีการวางแผนรับมืออะไรไว้แน่ๆ
และในความจริง แม้จะเป็นการพึ่งพาอันนาแต่ก็ได้เตรียมการ์ดเวทมนตร์เอาไว้เพื่อหลบหนีแล้ว
ข้อมูลที่ผมมีก็ไม่สามารถเชื่อมโยงไปที่ผู้ใช้หมาล่าเนื้อได้โดยตรง
ส่วนเร็นกะ ถึงแม้ในมุมมองของพวกเราจะเห็นว่ามีความพิเศษอยู่ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าจะไม่มีการ์ดอื่นที่เป็นเหมือนกันเลย
ถ้าอย่างนั้นจะเป็นการฉลาดกว่าที่จะไปเล็งเป้าเหยื่อคนอื่นที่ไม่ทันสงสัย แทนที่จะมายุ่งกับผมมากไปกว่านี้
ก่อนอื่นก็ในตอนนี้โล่งอกที่ไม่น่าจะถูกโจมตี แต่ก็เสียดายที่ในยามฉุกเฉินจะไม่สามารถใช้ผมเป็นตัวล่อเพื่อล่อคนร้ายออกมาได้
「เอาล่ะ…..กล่องน่าผิดหวังก็ ฮึบ อืม ก็แค่โพชั่นล่ะนะ…..จะว่าไปแล้ว เรื่องแบ่งของกันล่ะ?」
พอผมเก็บของรางวัลจากการพิชิตเขาวงกต จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้แล้วถามอันนา
「นั่นสินะส์ ของเล็กๆน้อยๆรุ่นพี่ก็เอาไปเลยก็ได้…..ก็อยากจะบอกแบบนั้นอยู่แต่ว่า เนื่องจากมันจะเป็นอะไรที่เกี่ยวพันไปถึงอนาคต เพราะงั้นจะถือโอกาศนี้พูดเลยละกัน」
อันนาทำหน้าตาเคร่งเครียดแล้วพูด
「ชั้นจะใช้ระบบต่อหัวสำหรับรายได้อิงตามค่าธรรมเนียมสัญญาหลังจากหักค่าใช้จ่ายไปแล้วส์ค่ะ」
พอจะเข้าใจว่าแบ่งกันหลังจากหักค่าใช้จ่ายแต่…..ค่าธรรมเนียมสัญญา?
ขณะที่ผมเอียงคออยู่ โอริเบะก็ทำการอธิบายให้
「ระบบค่าธรรมเนียมสัญญา เป็นระบบที่มักจะถูกใช้กับทีมมืออาชีพ ในตอนที่มีการเชิญชวนผู้เล่นที่มีระดับฝีมือมากกว่าระดับเฉลี่ยของทีมนั้น ตอนเริ่มแรกจะมีการมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าธรรมเนียมสัญญาก่อน จากนั้นจึงมีข้อตกลงที่จะแบ่งผลประโยชน์กันจากกิจกรรมที่จะทำกันในอนาคตค่ะ」
「อย่างงี้นี่เอง」
มักจะได้ยินอยู่บ่อยๆว่าการแบ่งผลประโยชน์คือต้นตอของปัญหาสำหรับนักผจญภัยที่เป็นปาร์ตี้
วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือการหารกันตามจำนวนคนในปาร์ตี้ แต่ถ้าหากว่ามันมีความแตกต่างกันในกำลังรบภายในปาร์ตี้ขึ้นมา มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความแตกต่างกันในระดับการมีส่วนร่วมด้านกลยุทธ ทำให้เกิดความไม่พอใจสะสมขึ้นมาในปาร์ตี้
แต่ทว่า หากค่าตอบแทนถูกแบ่งแยกตามระดับการมีส่วนร่วมล่ะก็ จะเกิดข้อถกเถียงกันอีกว่าจะคำนวณระดับการมีส่วนร่วมยังไง
ถ้าจัดการศัตรูได้เยอะจะนับว่ามีส่วนร่วมเยอะงั้นเหรอ ถ้าแบบนั้นคนที่มีการ์ดที่เน้นพลังโจมตีรุนแรงก็ได้ประโยชน์สิ แล้วพวกที่มีส่วนร่วมใช้สกิลฟื้นฟู, สนับสนุน, หรือสกิลพิเศษล่ะจะประเมินกันยังไง ถ้าหากว่าสูญเสียการ์ดไปกลางทางจะนับการมีส่วนร่วมยังไงและได้รับการชดเชยไหม เป็นต้น ที่มาของปัญหามีมาไม่จบไม่สิ้น
ปาร์ตี้ที่มีความตายตัวมาตั้งแต่ต้นอย่างชมรมนักผจญภัยในมหาวิทยาลัย ที่ซึ่งมีลำดับอาวุโสรุ่นพี่-รุ่นน้อง ดูจะมีความมั่นคง แต่ปาร์ตี้ทั่วๆไปของนักผจญภัยมือสมัครเล่นดูจะมีเรื่องอยู่มาก
อีกทั้ง นอกเหนือไปจากหินเวทก็ยังมีเรื่องถกเถียงกันกับการแบ่งของดรอปพวกการ์ดและอุปกรณ์เวทอีก แล้วยังตอนที่ไปแลกเป็นเงินก็ต้องถูกภาษีไปด้วย การแบ่งรางวัลปาร์ตี้ก็ยังคงเป็นเรื่องน่าปวดหัวสำหรับนักผจญภัยอยู่ต่อไป
ส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ผมลุยเดี่ยวมาจนถึงป่านนี้ ก็เพราะว่าไม่อยากมีความสัมพันธ์ยุ่งยากกับคนอื่นๆนั่นแหละ
พอเป็นแง่นั้นแล้ว คิดว่าระบบค่าธรรมเนียมสัญญาที่มอบเงินให้ในรูปแบบของค่าธรรมเนียมสัญญาในตอนแรก แล้วจากนั้นก็ให้ตกลงกันในรูปแบบต่อหัวดูจะเป็นความคิดที่ดีทีเดียว
ก็นะ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องมีการพูดคุยกันอีกหลายๆอย่าง…..
「ก็ส่วนเรื่องรายละเอียดปลีกย่อยค่อยมาคุยกันคราวหน้า แต่ในตอนนี้อยากให้เข้าใจว่านโยบายพื้นฐานของชั้นคืออยากจะจ่ายเป็นแบบต่อหัวเป็นพื้นฐานส์ค่ะ」
「โอ้ เข้าใจแล้ว」
เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่อะไรที่ควรจะมาคุยกันภายในเขาวงกตสินะ ผมพยักหน้าให้กับคำของอันนา
「เอาล่ะ ระวังตัวกันมาก็ตั้งนานแล้วแต่ดูท่าว่าผู้ใช้หมาล่าเนื้อจะไม่โจมตีมาเลย เพราะงั้นก็มาใจกล้าแยกกันเป็น 3 กลุ่มแล้วค้นหาในแต่ละชั้นกันเถอะ!」
「รับทราบ ถ้ามีอะไรก็จะติดต่อผ่านทางตรานะ」
แบ่งแผนที่ออกเป็น 3 ส่วนง่ายๆ กำหนดพื้นที่ที่รับผิดชอบกันตามลำดับ
พอผมได้อยู่คนเดียว ก่อนอื่นจึงทำการเรียกซุซูกะมาแทนที่ดราโกเน็ตเพื่อเพิ่มกำลังคน
เนื่องจากซุซูกะมีรูปร่างเป็นมนุษย์จึงเหมาะสมมากกว่าในการค้นหาของชิ้นเล็กๆ
…..จะว่าไปแล้ว ต้องทำการขอโทษซุซูกะด้วย
ทั้งที่อุตส่าห์แนะนำมาก่อนจะลงชั้นล่างสุด แต่กลับถูกเมินไป
ก่อนอื่นจะต้องขอโทษที่ไม่เชื่อเธอ
คิดได้แบบนั้นแล้วจึงสลับตัวดราโกเน็ตเรียกเธอออกมา…..
「…..ฟุฟุ, ฟุฟุฟุ!」
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซุซูกะปรากฏตัวออกมาพร้อมสีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เป็นรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทำเอาสับสน
「เน่เน่ มาสเตอร์? มีอะไร อยากจะบอกกับชั้นรึเปล่าเอ่ย?」
ซุซูกะถามผมมาพร้อมลากเสียงยียวน
ย-ยัยนี่…..ถึงจะคิดอยู่ในใจ แต่ก่อนอื่นก็ก้มหัวให้ก่อน
「…..ครั้งนี้ต้องขอโทษด้วยที่ไม่สนใจคำแนะนำของซุซูกะซังแล้วเร่งลงไปชั้นล่างสุด จนทำให้เกิดความเสียหายมากมายครับ」
「คะฮะฮะฮะ! นั่นสินะ! นั่นสินะ!」
-แปะแปะ-ซุซูกะทำท่าตื่นเต้นพร้อมปรบมือ ดูมีความสนุกสุดๆ ตามนิสัยของยักษ์
ท่าทางแบบนั้น「อาเร๊ะ? หรือว่านี่ผมไม่จำเป็นจะต้องขอโทษก็ได้」ความคิดมันยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
「อ่า~ห์! ทั้งที่ชั้นอุตส่าห์แนะนำให้ถึงขนาดนั้นแล้ว แต่เพราะแบบนั่น ทั้งซาชิกิวาราชินั่นก็ด้วย…..อุบคุคุคุ จากนี่ไปก็คอยฟังที่ชั้นพูดให้ดีๆด้วยล่ะ นะ เข้าใจนะ? 」
「…..คุ」
ด้วยคำพูดถากถางของซุซูกะ ที่ทำได้ก็แค่กัดฟันอยู่ในใจ
อย่างที่คิดว่ายัยนี่…..เป็นอัจฉริยะด้านกวนประสาทคนอื่น
แต่ไหนแต่ไรแล้ว ไอ้ที่บอกว่าแนะนำมาเยอะขนาดนั้น แต่ที่แนะนำก็แค่「รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ」แล้วที่เอาแค่ตรงนี้มาใช้เพื่อร่ายยาวก็เลยรู้สึกหงุดหงิดน่าดู
โดยเฉพาะ ท่าทางที่ดูจะมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดกับการที่พรรคพวกมาตายไปก็ยิ่งไม่ช่วยอะไร
…..แต่ถึงอย่างนั้น ที่ผมไม่ทำตามคำแนะนำก็เป็นเรื่องจริง
อีกทั้ง เธอไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบต่อการตายของพวกเร็นกะ
เพราะเหตุนั้น ต่อให้จะรู้สึกรำคาญขนาดไหนก็ต้องกัดฟันอดทนไป
「—-ซุซูกะซัง ไม่ใช่ว่ามีวิธีพูดแบบอื่นอยู่หรอกเหรอ?」
ที่พูดออกมาอย่างเฉียบคมก็คือยูคิที่ทำการมองดูสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด
สายตาที่ยูคิมองซุซูกะดูจะเต็มไปด้วยความโกรธเงียบๆซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ปกติสำหรับเธอ
「พวกเร็นกะซัง เพื่อที่จะให้มาสเตอร์หนีได้จึงยอมสละตัวเอง ไม่คิดว่าควรจะเอาเรื่องนั้นมาหัวเราะเยาะนะฮะ」
ยูคิที่เป็นแบบนั้นถูกซุซูกะจ้องมอง
「—-อ่า หล่อนเองในที่สุดก็ได้เป็นพวกเดียวกับพวก”พิเศษ”แล้วสินะ อ่าห์~ น่าอิจฉาจริงๆ จริงๆเลย น่าอิจฉา เอาเถอะ ถูกซาชิกิวาราชินั่นเลือกไปตอนไหนล่ะ? รู้อยู่แล้วล่ะว่ามันจะต้องเกิดขึ้นเข้าซักวันล่ะน้าาาาาาาาาาาา!」
แล้วก็ถ่มน้ำลายออกมาด้วยความรังเกียจ
อะไรล่ะนั่น? ซุซูกะพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?
ด้านยูคิเองก็ดูจะสับสนกับท่าทางของซุซูกะเช่นเดียวกัน
「เน่มาสเตอร์…..ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่ชั้นเองก็ชอบมาสเตอร์เอามากๆเลยนะรู้ไหม?」
ซุซูกะเข้ามาใกล้แล้วเกาะตัวผมไว้ กลิ่นหอมเย้ายวนที่เหมือนสามารถล่อลวงผู้ชายลอยมาเตะจมูก
「ดูค่อนข้างจะมีพรสววรค์เรื่องการ์ด ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่มีอะไรพิเศษเลย วิธีที่เข้าต่อสู้ด้วยความดิ้นรน…..มันช่างน่าสมเพชและงดงาม」
ซุซูกะพูดในขณะที่ดวงตาเริ่มเปียกชื้น ความร้อนรุ่มเริ่มเพิ่มขึ้นสูง
「เพราะแบบนั้น…..มันจึงน่าเจ็บปวดที่จะต้องมาเห็นการแตกสลายไป เพราะการต้องอยู่ภายใต้อิทธิพลของเหล่าคนพิเศษ」
ความสงสาร, ความเห็นอกเห็นใจ, การขอความช่วยเหลือ…..ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทำเอาผมต้องมนตร์สะกดและไม่สามารถขยับตัวได้
นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกแปลกๆที่เธอเคยใช้ แต่เป็นเสน่ห์ของตัวเธอเอง…..
「พวกคนพิเศษมักจะเรียกร้องความต้องการที่สูงจากคนธรรมดาที่อยู่รอบตัวพวกนั้น….. นั่นก็เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกนั้นสามารถทำได้เป็นปกติ ถูกดึงดูดด้วยแสงที่พวกนั้นเปล่งออกมา เหล่าคนธรรมดาจึงพยายามทำเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกนั้น แต่ไม่ว่าจะพยายามมากมายขนาดไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องถูกทิ้งไป…..」
มันเป็นเรื่องปกติที่มักจะได้ยินเหล่าคนที่มีความสามารถสูง ไปเรียกร้องมาตรฐานที่สูงจากคนที่อยู่รอบข้าง
มันยังมีเรื่องที่บริษัทหนึ่งจู่ๆก็กลายเป็นบริษัทมืด หลังจากที่มีการแต่งตั้งคนมีความสามารถขึ้นเป็นประธาน
แต่ว่าในน้ำเสียงของซุซูกะที่เธอพูดขณะที่ขมวดคิ้วอันสวยงามนั้นเข้าไว้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้พูดถึงเรื่องทั่วไป แต่เป็นการความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเธอเอง
เป็นเรื่องที่น่าแปลก ตัวการ์ดน่าจะสูญเสียความทรงจำทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนมือมาสเตอร์…..
หรือว่าบางที เธอเองอาจจะมีประสบการณ์ในการดิ้นรนภายในมาสเตอร์ที่”พิเศษ” แล้วต้องล้มลงก็เป็นไปได้
ถึงแม้จะสูญเสียความทรงจำ แต่ความรู้สึกในตอนนั้นอาจจะยังคงอยู่ในวิญญาณ
「กับคนหลากหลายรูปแบบแล้ว แต่ละคนก็มีรูปแบบการใช้ชีวิตของตนเอง จากที่ชั้นเห็น…..ในตอนนี้มาสเตอร์อยู่เกือบๆคาบเส้น พอใจแค่ตรงนี้แล้วไปทำเรื่องสนุกกับชั้นดีกว่าไหม? ไม่เป็นอะไรหรอก จะอยู่ด้วยจนถึงท้าย~ที่สุดของที่สุดเลยล่ะ」
「…………………………」
ด้วยรอยยิ้มชวนหลงไหลแต่ว่าจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซุซูกะยั่วยวน
บางที เป็นรูปแบบของเธอเอง ที่พูดออกมาเพราะว่าคิดถึงผม
เพียงแต่แนวทางนั้นมันเป็นทางตรงข้ามกับพวกเร็นกะ
ถ้าเร็นกะเป็นประเภทที่ให้กำลังใจและส่งเสริมการเติบโตของมาสเตอร์ล่ะก็ ซุซูกะก็คงเป็นประเภทที่คอยเบรกและปกป้องจากการกดดันตัวเองมากเกินไป
การจะมองว่าอย่างไหนมีค่ามากกว่ากันนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของแต่ละคน
สำหรับผม เอาจริงๆ…..รู้สึกสบายใจกับแนวทางของซุซูกะมากกว่า
ดั้งเดิมทีผมก็มีนิสัยชอบเก็บตัว แทนที่จะเป็นการท้าทายเพื่อชัยชนะและการทำลายแล้ว เป็นประเภทที่ชอบตัวเลือกที่ปลอดภัยโดยปราศจากความสำเร็จหรือความล้มเหลวมากกว่า
ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักผจญภัย ก็คิดว่าดีอยู่แล้วตรายเท่าที่มีเพื่อนฝูง ได้ไปโรงเรียน ได้เรียนต่อ มีงานทำ และถ้าเป็นไปได้ก็มีแฟนหน้าอกใหญ่ๆหน่อย
พอแล้ว กับการหาเงินที่ได้จากการเป็นนักผจญภัย 3 ดาว มีได้ความเคารพอยู่ในระดับหนึ่ง ในแง่ของชีวิต ไม่มีความจำเป็นต้องดึงดันตัวเองไปมากกว่านี้
ความคิดเรียบง่ายที่แค่รักษาสภาพที่เป็นอยู่ต่อไป ฟังดูน่าดึงดูดเสียจริง
แต่ว่า
「ซุซูกะ…..ความรู้สึกของเธอนั้นเข้าใจแล้ว บอกตามตรงว่า ดีใจนะ แต่ว่า…..ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าต้องการพยายามไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้」
ตามคำของซุซูกะ ผมนั้นกับพวกพิเศษ…..กับเร็นกะ ถูกแสงที่เธอเปล่งออกมาดึงดูด
นั่นก็จริง ไม่มีผิด
แต่ว่า ในท้ายที่สุด นั่นมันก็เป็นความตั้งใจของผมเองเช่นกัน
เป็นความต้องการของผมเองที่อยากจะเห็นสิ่งที่รออยู่ หลังจากที่ได้เดินไปพร้อมกับพวกเร็นกะ
ซุซูกะจ้องมองเข้ามาที่ดวงตาของผม…..
「…..ฮ่า~~~~~」
สุดท้ายก็ถอนหายใจยาว
「อย่างที่คิด เป็นชั้นไม่ได้สิน้า~…..เน่?」
「…..อะไรรึ?」
ถึงแม้จะรู้สึกผิดเล็กน้อยกับซุซูกะที่ดูท่าทางหดหู่จริงๆแต่ก็ถามกลับไป แล้วเธอก็พูดขณะที่ดวงตาเปียกชื้น
「…..ถ้าเกิดบอกว่าหากเลือกชั้นแล้วจะให้ทำเรื่องลากมกได้เยอะๆเลยล่ะ?」
「!?!?」
บ-บบบ, แบบนั้นมันขี้โกงนี่!
ตัวผมพลุ่งพล่าน ผมมันไม่รู้เรื่องผู้หญิง ก็ผมมัน บริสุทธิ์ไงล่ะ มีมือขวาเป็นคนรัก มีชีวิตและเล่นมากับเพื่อนผู้ชาย แต่ว่าสำหรับเรื่องร่างกายของผู้หญิงแล้ว ก็สนใจไม่แพ้ใครหน้าไหนทั้งนั้น
ไอ้เงื่อนไขสำคัญแบบนั้น อยากจะให้บอกออกมาก่อน!!! คำนำมันทำให้อะไรต่อมิอะไรแตกต่างกันมากเลยนะรู้ไหม!?
ได้ทำเท่ไปแล้วกลับยกเรื่องแบบนั้นมาในตอนที่ถอยกลับไมไ่ด้เนี่ยคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลย!!
「…..ว่า~ไปนั่น รู้อยู่หรอกน่าว่าต้องปฏิเสธอยู่แล้ว นั่นเพราะชั้นไม่มีเสน่ห์เหมือนกับยัยนั่นนี่นา~…..」
ซุซูกะพูดราวกับเยาะเย้ยตัวเองแล้วกอดอก เนินอกมโหฬารที่ราวกับเป็นแตงโม 2 ลูกถูกบีบอัดเข้าด้วยกันถูกเน้นย้ำขึ้นมา ทำเอาดวงตาผมจ้องติดอยู่กับมัน
「ม-ไม่หรอก ก็ไม่รู้สินะ?」
ถ้าหมายความอย่างที่พูดแล้ว มันก็น่าสนใจสุดๆเลย กับความเล็กของเร็นกะแล้วมันเทียบกันไม่เห็นฝุ่นเลย
…..ได้โปรดขอโอกาศให้พิจารณาอีกซักครั้งจะได้ไหมเนี่ย?
ก็นั่นไง ขนาดทรราชผู้ชั่วร้ายยังให้โอกาศเมลอสตั้งครั้งนึงเลย ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวให้คู่หูตะวันออก-ตะวันตกเป็นตัวประกันเลย
「…..มาสเตอร์」
「ห๊ะ…..!」
ยูคิกำลังจ้องมองมาทางนี้ด้วยสายตาชวนอึ้ง…..!
คุ…..สงสัยจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องถอยไปก่อนตอนนี้
「อา~ อะแฮ่ม…..ถ-ถ้างั้นซุซูกะ ขอโทษด้วย แต่ว่าช่วยค้นหาเบาะแสของผู้สูญหายหน่อยได้ไหม?」
「จ้าจ้า เข้าใจแล้ว~ ถ้าอย่างงั้น ไปก่อนล่ะนะ」
「อา ฝากด้วยล่ะ」
พูดส่งท้ายขณะที่ซุซูกะออกไปค้นหาด้วยท่าทางไร้ชีวิตชีวา
…..ปล่อยปลาใหญ่หลุดมือไปแล้ว สินะ
ผมคอตกด้วยความผิดหวัง
【Tips】สกิลท้องถิ่น
สกิลพิเศษที่จะปรากฏกับมอนสเตอร์ในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งเท่านั้น นอกจากวิชานินจาของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีวิชาเซียนของจีนกับเวทรูนของสแกนดิเนเวีย
ในอีกด้านหนึ่ง สกิลปกติที่สามารถได้รับโดยการ์ดทุกใบอย่างเช่น เวทโจมตีขั้นพื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง จะถูกเรียกว่าสกิลสากล
สกิลสากลจะมีความหลากหลายมากแต่มีแนวโน้มที่จะอยู่ในรูปแบบบางอย่าง ในขณะที่สกิลท้องถิ่น จะไม่หลากหลายเท่าแต่มีประสิทธิภาพที่คมชัดกว่า
อีกทั้งการ์ดที่มีสกิลท้องถิ่นอยู่มักจะมีถูกเรียกเป็น นินจา, คุโนะอิจิ, เซียน และอื่นๆ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม
สึจิงูโมะ(Tsuchigumo/土蜘蛛) ภูติผีจากตำนานของญี่ปุ่น มีลักษณะเป้นแมงมุมยักษ์
https://en.wikipedia.org/wiki/Tsuchigumo
เจียงซือ(Jiangshi) ผีดิบจากวัฒนธรรมจีน
https://en.wikipedia.org/wiki/Jiangshi
โยมตสึโอคามิ(黄泉津大神) จากตำนานของญี่ปุ่น อีกชื่อหนึ่งของเทพอิซานามิ เมื่อครั้งที่ได้สิ้นชีพไปแล้ว หลังเหตุการ์ณที่เทพอิซานากิหนีจากปรโลกและเทพอิซานามิให้คำว่าจะพรากชีวิตคน 1,000 คนทุกวัน
https://www.facebook.com/440625849641947/photos/a.462320564139142/639020539802476/?type=3
โอมโมรากิ(陰摩羅鬼) ภูติผีจากตำนานของญี่ปุ่น เกิดจากวิญญาณของคนตายที่ไม่ได้รับการสวดศพ มีลักษณะเป็นนกอัปลักษณ์
https://amorerana.com/articles/detail/onmoraki
ทรราชผู้ชั่วร้ายกับเมลอส จาก Run, Melos! เรื่องสั้นจากตำนานกรีกที่ถูกนำมาเขียนใหม่โดยดาไซ โอซามุ ในปี 1940 ถูกใช้เป็นหนังสือส่งเสริมการอ่านอย่างแพร่หลายในโรงเรียนของญี่ปุ่น
https://en.wikipedia.org/wiki/Run,_Melos !