เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย 40 ความเสียหายโดยรวม 126 ล้านเยน

ตอนที่ 40 ความเสียหายโดยรวม 126 ล้านเยน

บทที่ 2 ตอนที่ 14

 

    —–ในขณะที่กำลังหลับใหล ก็ได้ยินเสียงพูดกับผม

 

『…..อยากจะจับไอ้เจ้าหมาเวรนั่นงั้นเหรอ?』

 

    น้ำเสียงท่าทางอวดดีแต่กลับฟังรื่นหู แล้วผมก็『มันแน่อยู่แล้ว』ตอบกลับไป

 

『บอกไว้ก่อน ต่อให้นายไม่ต้องทำอะไร ไอ้หมาเวรนั่นมันก็จะทำลายตัวเองไม่ช้าก็เร็ว จากที่ชั้นเห็น มันไม่มีอนาคตที่เจ้านั่นจะหนีไปได้เลย ไม่สิ ควรจะพูดว่าไม่มีความคิดที่จะหนี…..』

 

    ไม่สำคัญ นี่มันเป็นเรื่องของความตั้งใจ ผมที่ทอดทิ้งพวกเร็นกะราวกับเบี้ยแล้ววิ่งหนี ถ้าหากปล่อยให้มันจบแบบนี้ ผมก็คงจะต้องวิ่งหนีไปตลอด แบบนั้น จะเป็นการบิดเบือนเส้นทางของผม

    ถ้าเอาตามแบบเร็นกะ ก็จะกลายเป็นพวกที่เอาแต่วิ่งหนี

    ถ้าหากคนร้ายถูกจับได้โดยที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวด้วยแล้วมันก็ดีไป ในทางกลับกัน อาจจะมีบทบาทเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ก็เป็นได้

 

『คุคุคุ…..อย่างงี้นี่เอง หัวดื้อรึ ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้ เอาเถอะ พยายามเข้าละกัน ตัวนายจะไปได้ไกลแค่ไหน…..จะขอมองดูผ่านดวงตานั่นละกัน』

 

    รู้สึกเหมือนมีบางอย่างเข้ามาใกล้แล้วสัมผัส และแล้วก็ลืมตาตื่น

 

 

    ตอนเช้า คือสิ่งที่น่าหดหู่สำหรับทุกคน

    เว้นเสียแต่จะชอบไปโรงเรียนหรือทำงานเอามากๆ การที่ต้องสู้กับความง่วงและเตรียมตัวออกจากบ้านเป็นอะไรที่ยุ่งยาก

    เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่ความตื่นเต้นจะลดต่ำลง

    โดยเฉพาะ—-

 

『—–เกี่ยวกับการหายไปของเขาวงกต ขณะนี้ยังคงไม่มีการยืนยันรายละเอียดใดๆ ทีมวิจัยระดับชาติได้มาถึงยังบริเวณเกิดเหตุแล้ว แต่ก็ได้แค่ยืนยันว่าเขาวงกตได้หายไปเป็นที่แน่นอน หากว่าสามารถหาสาเหตุของการหายไปของเขาวงกตได้ล่ะก็ จะมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถควบคุมจำนวนเขาวงกตได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั่วทั้งโลกให้ความสนใจ

    ข่าวต่อไป เมื่อวันก่อนตอนประมาณ 14 นาฬิกา เด็กชายนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ผู้ซึ่งได้มาตั้งแคมป์ริมแม่น้ำกับผู้ปกครอง ได้จมน้ำเสียชีวิต กระแสของแม่น้ำว่ากันว่ามีความสงบโดยรวม แต่จะลึกและเชี่ยวมากขึ้นเมื่อเข้าสู่กึ่งกลาง—-』

 

    —-ถ้ามารายงานข่าวน่าหดหู่แบบนี้ตั้งแต่เช้ามันก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่มากขึ้นอีก

 

「ฮ่า…..」

 

    หันหน้าออกมาจากจอ TV แล้วถอนหายใจเล็กน้อย

    …..ที่ผมถูกโจมตีในเขาวงกตก็ผ่านมาแล้ว 3 วัน

    TV มีแต่ข่าวการหายไปของเขาวงกตตั้งแต่เช้ายันค่ำ ไม่น่าแปลกใจ นั่นเพราะมันเป็นครั้งแรกของโลกที่เขาวงกตได้หายไป

    ตอนแรกผมก็หวั่นๆในการรายงานของสื่อเพราะว่าผมไปอยู่ในเขาวงกตที่ได้หายไป แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีปรากฏ บางทีตำรวจกับกิลล์คงจะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลให้ แต่ถ้าหากว่ามีการสัมภาษณ์ก็คงตอบอะไรไม่ได้อยู่ดีนอกจาก『ไม่รู้อะไรเลย』

 

    ในอีกด้านหนึ่ง เรื่องการหายตัวไปภายในเขาวงกตบ่อยครั้งมีถูกพูดถึงเล็กน้อย

    แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นฝีมือของฆาตรกรต่อเนื่องที่โจมตีนักผจญภัย…..กลับบอกเป็น「จำนวนของผู้ที่ไม่ได้กลับมาจากเขาวงกตแรงค์ต่ำมีเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นขอให้นักผจญภัยระมัดระวังตัว โดยเฉพาะให้หลีกเลี่ยงการลุยเดี่ยว」ประมาณนี้

    นี่เป็นเพราะจากแค่คำให้การของผมเพียงอย่างเดียว ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ที่สูญหายรายอื่นๆ มาจากฝีมือของคนร้ายรึเปล่า แถมหากประกาศว่าเป็นฝีมือคนร้าย ก็เกรงว่าตัวคนร้ายจะไปซุ่มเก็บตัว

    เนื่องจากว่าผมไม่รู้เรื่องอะไร มันจึงเป็นธรรมชาติที่ทางประเทศจะคิดว่าผู้โจมตีคือคนที่กุมกุญแจของการหายไปของเขาวงกตเอาไว้ มันจึงสมเหตุสมผลที่จะระมัดระวังเพื่อที่จะจับตัวให้ได้

    ทว่าเนื่องจากได้มีผู้คนสูญหายไปจำนวนมากแล้ว ทางกิลล์และตำรวจจะละเลยไม่ออกคำเตือนเลยก็ไม่ได้ และนี่ก็คงจะเป็นแค่การเตือนอย่างเป็นทางการ

    ในฐานะคนที่ถูกโจมตีจริงๆ อยากจะให้เจาะลึกและออกคำเตือนมากกว่านี้…..ช่วยไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะมันเกี่ยวพันถึงอนาคตของมนุษยชาติ

    สุดท้ายแล้ว ในฐานะนักผจญภัยที่ตามระเบียบทั่วไปแล้วตัวคุณมีหน้าที่รับผิดชอบตัวเอง เดาว่ามันก็เป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้

    ถ้าไม่ไปลงเขาวงกต แค่นี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงอันตรายได้แล้ว

    ขณะที่กำลังกินขนมปังปิ้งพลางคิดอะไรแบบนั้นอยู่ จู่ๆคุณแม่ก็พูดขึ้นมา

 

「……นี่ลูก จะไปโรงเรียนนี่ไม่เป็นอะไรแล้วเหรอ? เพิ่งจะได้ออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อวานเองนี่」

 

    ได้เห็นแววตาแสดงความเป็นห่วงของคุณแม่ ผมก็รู้สึกเจ็บแปร๊บและรู้สึกผิดเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับ

 

「ไม่เป็นไรแล้วครับ เพราะว่าได้หยอดน้ำเกลือและพักผ่อนก็เลยดีขึ้นแล้วล่ะ」

「แต่ว่าที่ถึงกับล้มพับไปเพราะโหมหนักเกินหลังจากลงไปในเขาวงกตไม่ใช่เหรอ?」

「อา~ นั่นมัน…..เพราะว่านอนไม่ค่อยหลับจากที่ต้องไปทำการค้างคืน แล้วหลังจากไปเจอเข้ากับบ้านมอนสเตอร์ก็เลยเหนื่อยเท่านั้นเอง」

「ถ้าเป็นงั้นก็แล้วไปแต่…..งดเรื่องการไปเขาวงกตซักพักละกันนะ」

「เข้าใจแล้วครับ」

 

    ผมตอบสั้นๆ แล้วจัดการยัดแฮมกับไข่คำใหญ่เข้าปาก

    …..เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ผมกับครอบครัว「หลังจากพิชิตเขาวงกตได้ก็ล้มพับเพราะหักโหมมากเกินไป แล้วถูกพาไปที่โรงพยาบาล」อธิบายไปแค่นี้

    ไม่ใช่เพราะว่าทางตำรวจบอกให้ปิดปากเงียบเรื่องคดีเอาไว้…..เพียงแต่ถ้าหากบอกความจริงไป จะต้องถูกบอกให้เลิกเป็นนักผจญภัยแน่นอน

    ตามคาดหากเกิดได้ยินว่าตัวลูกชายเกือบจะถูกฆ่าโดยคนร้ายในเขาวงกตแล้วจะไม่ห้ามเลยเนี่ย พ่อแม่ผมคงจะไม่ใจกว้างมากถึงขนาดนั้น

    ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลก็รู้สึกเป็นห่วงว่าทางตำรวจจะบอกรายละเอียดไป แต่ไม่รู้ว่าทำไมทางตำรวจถึงไม่บอกอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์เลย เพราะแบบนั้นเลยตัดสินใจบิดเบือนความจริงไปได้อย่างสะดวก

    รู้สึกผิดนิดหน่อยที่ต้องโกหก แต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ต้องการจะจัดการมันด้วยมือของตัวเอง

 

    …..แต่ถึงอย่างนั้น ผมเองก็ยังไม่มีความตั้งใจจะไปเริ่มนัดล้างตาในเร็วๆนี้อยู่ดี

    ในตอนนี้ที่สมาชิกหลักถูกทำลายไป จะให้ไปท้าทายกับคนที่มาโจมตีด้วยกำลังรบที่มีน้อยกว่าตอนนั้นมันยิ่งกว่าประมาท แต่เป็นแค่บ้าเท่านั้น

    ก่อนอื่น เป้าหมายเร่งด่วนก็คือการหาข้อมูลเกี่ยวกับคนร้าย และหาเงินให้มากพอที่จะชุบชีวิตพวกเร็นกะ

 

「…..แต่ว่า, อย่างต่ำๆก็เกินกว่า 100 ล้าน, งั้นเหรอ ฮ่า~…..」

 

    ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

    ราคาตลาดปัจจุบัน เอ็มพูซ่า ราคาต่ำสุดเริ่มต้นที่ 6 ล้าน, ซาชิกิวาราชิ เริ่มที่ 40 ล้าน, และแวมไพร์ผู้หญิง เริ่มที่ 80 ล้าน

    โดยรวม 126 ล้านเยน เป็นจำนวนที่แค่มองก็เวียนหัวแล้ว

    แถมนี่ยังเป็นราคาที่หากสามารถหาได้แบบต่ำที่สุดอีกด้วย ราคามันจะผันผวนไปตามความต้องการของตลาดและสกิลที่มี บอกตามตรงเลยว่าเป็นราคาที่อยู่่ในระดับโชคดีหากว่าได้มา

    โดยเฉพาะความสำเร็จของเร็นกะที่ทำให้ความนิยมของซาชิกิวาราชิมีมากขึ้น ทำให้ราคาตลาดโดยรวมเพิ่มสูง เป็นอะไรที่น่าเจ็บปวด

    อย่างไรก็ดี สิ่งของในปัจจุบันของผมที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้อย่างรวดเร็วแล้วก็ประมาณ 35 ล้านเยน รายละเอียดดังต่อไปนี้

 

    – รายได้จากมอนโคโล : ประมาณ 12 ล้านเยน

    – รางวัลหินเวทที่ได้จากการพิชิตที่ยังไม่ได้เอาไปขึ้นเงิน : ประมาณ 17 ล้านเยน

    – หินเวทที่ได้จากไอเทมดรอป : ประมาณ 6 ล้านเยน

    นอกเหนือจากนี้ยังมีอุปกรณ์เวทหลายชิ้นที่ได้จากการพิชิตเขาวงกตเรื่อยมา, การ์ดไลแคนโทรป 2 ใบ, การ์ดแรงค์ D อีกกว่า 100 ใบ นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดของผม

 

    พอได้ยินว่าการ์ดแรงค์ D กว่า 100 ใบแล้วก็คงจะฟังเหมือนมันมีมูลค่ามาก แต่ในความเป็นจริงทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นการ์ดราคาถูกอย่างเช่น ไลแลปส์หรือออค ที่ถึงแม้จะขายให้กับกิลล์มันก็ไม่สามารถทำเงินได้มากมายนัก

    กุญแจสู่การคืนชีพพวกเร็นกะอยู่ที่ว่าจะหาคนมาซื้ออุปกรณ์เวทและการ์ดราคาแพงยังไง

 

「อืม งั้นก็คงได้เวลาไปแล้วล่ะครับ」

「เพิ่งจะฟื้นไข้มาก็ระวังตัวด้วยล่ะ」

 

    เสียงของคุณแม่บอกลา แล้วผมก็ออกจากบ้าน

    ขณะที่มุ่งไปโรงเรียน ก็คิดเกี่ยวกับเรื่องการแข่งมอนโคโลรอบต่อไป

    เนื่องจากการ์ดที่สามารถใช้ได้จำกัดอยู่แค่การ์ดสาวมอนร่างมนุษย์ ถ้าเป็นในตอนนี้จะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งได้ ที่มีอยู่คือยูคิและซูซุกะ ยังต้องการการ์ดสาวมอนอีก 1 ใบ

    ทางที่ไวที่สุดก็คือการชุบชีวิตเมอาก่อน แต่ว่า…..การรวมกลุ่มของ CxDxD น่าเป็นห่วงเรื่องกำลังรบ

    อีกทั้ง พอเป็นแบบนี้แล้วก็อยากจะเพิ่มรอบการลงแข่งเพื่อที่จะหาเงินสำหรับการชุบชีวิต แต่…..จะปิดเรื่องที่เร็นกะกับเอลิซ่าลอสไปได้นานแค่ไหนกัน

    สาเหตุที่สถานี TV เลือกผมเข้าร่วมมอนโคโลก็เพราะว่าผมเป็นมาสเตอร์ของการ์ดดาวเด่นอย่างเร็นกะ

    ถ้าหากกลายเป็นว่าทำลอสไป ต่อให้สามารถชุบชีวิตได้ เรตติ้งของสถานี TV จะต้องร่วงแน่ๆ…..

 

「โอ้ อาจารย์ อารุ้ณสาวัสดิ์ รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วรึยัง?」

 

    พอเข้าใกล้โรงเรียน ก็มีเสียงที่คุ้นเคยทักมาทางด้านหลังด้วยความเป็นห่วง

 

「โอโน่เรอะ…..อรุณสวัสดิ์ ถ้าสภาพร่างกายก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ」

「หืม…..? แล้วทำไมสีหน้าไม่สู้ดีแบบนั้นล่ะ」

「อา…..」

 

    ผมมีคิดไปแว่บนึงว่าจะพยายามแสร้งไปเรื่องอื่น แต่ก็เปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว

    เจ้าหมอนี่เองก็…..ควรจะบอกเผื่อเอาไว้

 

「โอโน่ เอาหูเข้ามาใกล้หน่อยซิ」

「เอ๋~ แบบว่าน่าขยะแขยงยังไงไม่รู้สิ~ มันอะไรกันล่ะเนี่ย」

「เอาเถอะน่า จริงๆแล้ว เรื่องสาเหตุที่ผมต้องเข้าโรงพยาบาลน่ะ…..」

 

    ผมกระซิบข้างหูโอโน่ บอกเรื่องที่ถูกใครบางคนโจมตีภายในเขาวงกตแล้วหนีเอาชีวิตรอดมาได้

    ในตอนแรกโอโน่ก็ยิ้มแย้มอยู่ แต่ครู่เดียวก็ทำหน้าตาตึงเครียด

 

「…..จริงเหรอเนี่ย บาดแผล…..ดูจะไม่มี การ์ดล่ะ? ความเสียหายมากแค่ไหน?」

「เอ๋? อ-อา…..เร็นกะ, เอลิซ่า, เมอา 3 ใบน่ะ…..สำเนียงคันไซไปไหนแล้วล่ะ」

「เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนมันหรอก! การ์ดแรงค์ C หลักถูกจัดการหมดเลยไม่ใช่รึไงกัน! เรื่องนี้ มีใครรู้อีกบ้างไหม?」

「ไม่ล่ะ นอกจากนายกับอันนาที่เป็นรุ่นน้อง」

「ก็หมายความว่า ยังไม่ได้พูดกับคนในชั้นเรียนที่เหลือใช่รึเปล่า?」

 

    พอผมพยักหน้า โอโน่ก็ถอนหายใจโล่งอกยาวๆ

 

「ฮ่าาาาาา~~…..ถ้างั้นก็เซฟแบบเกือบๆแล้วล่ะ คิทากาว่า…..ไม่สิ อาจารย์ เรื่องที่ว่ามานั้น อย่าเอาไปบอกคนอื่นอีกล่ะ กับพวกในชั้นเรียน โดยเฉพาะกับชิชิโด」

「ชิชิโด? ทำไมล่ะ?」

 

    พอผมถามไปแบบนั้น โอโน่ก็ทำสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

 

「…..อาจารย์ พักนี้จะประมาทเกี่ยวกับเรื่องทางโรงเรียนมากไปหน่อยรึเปล่า? ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าถ้าเทียบกับเรื่องนักผจญภัยแล้วมันก็เป็นแค่โลกเล็กๆ แต่…..ความแค้นของคนเรามันจะพุ่งเข้าใส่ตอนไหนก็ไม่รู้ใช่ไหม? นั่นเพราะในท้ายที่สุดแล้ว สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้มันก็คือมนุษย์นี่แหละ…..」

「………………..」

 

    พอได้ยินคำของโอโน่ ผมก็-กึก-ถึงกับพูดไม่ออก

    นั่นเพราะ ผมเพิ่งจะรับรู้ถึงความน่ากลัวของสัตว์ประหลาดที่ถูกเรียกว่ามนุษย์เมื่อเวลาไม่นานที่ผ่านมาเอง

    ศัตรูทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ นั่นก็คือมนุษย์เอง เรื่องนี้มันคือความจริงไม่ว่าจะเป็นในเขาวงกตหรือว่านอกเขาวงกต

    จริงด้วย โอโน่พูดถูกแล้ว นักผจญภัยมีความแข็งแกร่งแต่ก็แค่ภายในเขาวงกตเท่านั้น พอเป็นโลกภายนอก พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากมนุษย์ทั่วไป พลังที่จะพูดอะไรออกไป, พลังในด้านจำนวน, พลังของความคิดเห็นสาธารณะ

    ไม่เกี่ยวว่ามันจะมีอีกโลกหนึ่งของนักผจญภัย ยังไงเราก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อโลกของโรงเรียนไปได้

    แต่ว่า…..ความแค้นของคน งั้นเหรอ

    ภายในใจของผม มีใบหน้าของมินามิยาม่าโผล่ขึ้นมาแว่บหนึ่ง

    ไม่น่า ไม่หรอกน่า…..

    อย่างที่คิดว่าคิดมากไปเอง ผมบอกเตือนกับตัวเอง

 

「…..ผมผิดเอง จะจำใส่ใจเอาไว้ล่ะกัน แล้ว กับชิชิโดนี่มันยังไง?」

「เรื่องที่เจ้าชิชิโดเล็งตำแหน่งท็อบของชนชั้นไว้มาซักพักเนี่ย รู้อยู่ใช่รึเปล่า?」

「อย่ามาดูถูกนะ แน่นอนว่ารู้อยู่แล้วล่ะ」

 

    ไม่คิดว่าจะมีใครในห้องเรียนของเราที่จะไม่รู้สึก นั่นเพราะความคิดที่จะมุ่งขึ้นไปของชิชิโดมันชัดขนาดนั้นเลย

 

「งั้นเรื่องที่ชิชิโอมองอาจารย์เป็นหนึ่งในศัตรูเนี่ย แน่นอนว่าก็รู้ด้วยใช่ไหม?」

「น-แน่นอน…..?」

 

    ขณะที่แกล้งทำเป็นรู้ ใบหน้าก็ผมก็กระตุก

    …..เอ๋? ชิชิโด กับผม? ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าหมอนั่นไม่ถูกกับชินโดอยู่หรอกเหรอ!?

 

「ฮ่า~ กะแล้วว่าต้องไม่รู้เรื่องสินะ」

 

    โอโน่มองผมแล้วก็ถอนหายใจยาว

 

「ก็นะ พูดให้ละเอียดหน่อยก็ รู้สึกว่าเป็นเป้าการโจมตีมากกว่าศัตรูแหละ」

「…..มันก็อย่างเดียวกันไม่ใช่เหรอไง?」

「ต่างกันอยู่นิดหน่อย ความเป็นศัตรูจะขึ้นอยู่กับอารมณ์ส่วนตัวเป็นหลัก แต่เป้าการโจมตีจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ เข้าใจนะ? เดี๋ยวจะอธิบายตั้งแต่เริ่มให้ฟัง ในตอนนี้ มีอยู่ 5 คนที่มีพรสวรรค์ได้อยู่ในชนชั้นท็อปของห้องเราก็คือ ชิโนมิยะซัง, ชินโด, อิชิโจซัง, ชิชิโด, แล้วก็ตัวอาจารย์」

「หืม? แล้วอุชิคุระซังกับนายล่ะ?」

 

    กลุ่มชนชั้นท็อปของห้องพวกเรามันน่าจะเป็น ผม, ชิโนมิยะซัง, อุชิคุระซัง, ชินโด, แล้วก็โอโน่ 5 คนนี้นี่นา

    เพื่อตอบคำถามของผม โอโน่ก็ส่ายหน้าเงียบๆ

 

「ไม่ใช่หรอก การที่ได้อยู่ในกลุ่มชนชั้นท็อปมันไม่ได้หมายความว่าพวกเราคือชนชั้นท็อปเองซักหน่อย ก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่อุชิคุระซังเป็นแค่ตัวแถมของชิโนมิยะซัง ส่วนผมก็เป็นแค่ตัวแถมของอาจารย์เท่านั้นเอง」

「งั้นหรอกเหรอ?」

 

    ผมเอียงคอ

    ในฐานะคนที่รู้จักโอโน่และอุชิคุระซังซึ่งได้เป็นชนชั้นท็อปมาตั้งแต่ปีแรก เรื่องที่เล่ามามันเลยไม่ค่อยจะเข้าใจซักเท่าไหร่

 

「อืม ถ้าบอกแบบนี้น่าจะเข้าใจดีกว่ารึเปล่า? อาจารย์กับชิโนมิยะต่อให้ต้องไปอยู่ห้องอื่นก็สามารถไปอยู่ชนชั้นท็อปได้แน่ๆ แต่ว่าถ้าเป็นผมกับอุชิคุระซังไปอยู่ห้องอื่นที่ไม่มีอาจารย์กับชิโนมิยะซังแล้วล่ะก็ พวกเราอาจจะไม่ได้เป็นชนชั้นท็อปก็ได้ แบบนั้นแหละ」

 

    ถ้าแบบนั้นผมก็พอจะเข้าใจ อย่างงี้นี่เอง ต้องการจะสื่อแบบนั้นสินะ

    จริงที่ว่าถ้าอุชิคุระซังไปอยู่ต่างห้องจากชิโนมิยะซัง ก็จะมองไม่เห็นภาพว่าเธอได้เป็นชนชั้นท็อป เพราะถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะเหมาะในการเป็นคนของชนชั้นท็อป แต่เธอก็ไม่มีลักษณะนิสัยที่ต้องการจะทำตัวเด่น เหตุผลที่เธอยังคงอยู่ในชนชั้นท็อปก็เพราะว่ามีชิโนมิยะซังคอยดึง

    ในกรณีของโอโน่จะตรงกันข้ามกับอุชิคุระซัง ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมีความต้องการจะเป็นชนชั้นท็อป แต่เขามีเพียงแค่ความสามารถในการพูดเท่านั้น เป็นอาวุธที่ต้องอาศัยสิ่งรอบข้าง

    ถ้าหากว่ามีเพื่อนร่วมชั้นที่มีความสามารถในการพูดเทียบเท่ากับโอโน่ หรือตัวเขาถูกเกลียดจากสมาชิกชนชั้นท็อปคนอื่น มันก็เป็นเรื่องยากที่จะไปเข้ากลุ่มได้

    แม้จะมีอาวุธที่เรียกว่านักผจญถัย 2 ดาว ที่หาได้ยากภายในโรงเรียนอยู่ก็ตาม แต่เหตุผลที่สามารถใช้อาวุธนั้นได้ก็เพราะใช้ฉายาลูกศิษย์ของผมที่เป็นนักผจญภัย 3 ดาวที่ได้ไปโผล่ในมอนโคโล่เป็นปัจจัยสำคัญ

    แต่ว่า ชิโนมิยะซังที่ทำงานเป็นโมเดลลิ่งมือสมัครเล่นและมีเสน่ห์ดึงดูด, ชินโดที่เป็นหนุ่มหล่อและมีประวัติในวงการเทนนิส, และผมที่เป็นนักผจญภัยแล้วได้ไปออก TV ไม่ว่าจะไปอยู่ห้องไหนก็เป็นเรื่องปกติที่จะได้เป็นชนชั้นท็อป

 

「ถึงผมกับอุชิคุระซังจะได้เป็นชนชั้นท็อปในห้องนี้ แต่กับอิชิโจกับชิชิโดแล้วแตกต่างกัน พวกเขาสามารถจะเป็นชนชั้นท็อปของห้องไหนก็ได้นอกจากห้องนี้ การที่ชิโนมิยะซังกับชินโดอยู่ในห้องนี้พูดได้แค่คำเดียวว่าโชคไม่ดี

    อิชิโจซังกับชิโนมิยะซังเป็นโมเดลลิ่งมือสมัครเล่นเหมือนกัน สาเหตุที่ชิโนมิยะซังได้เป็นชนชั้นท็อปนั่นก็เพราะว่าเธอมีฝ่ายหญิงให้การสนับสนุนในห้องนี้มากกว่า

    ชิชิโดในอีกด้านหนึ่ง เป็นประเภทแยงกี้หัวโจกของโรงเรียน และในด้านของหน้าตาก็เหนือกว่าชินโดอีก แต่เหตุผลที่ชินโดได้เป็นชนชั้นท็อปก็เพราะความสามารถด้านเทนนิสที่สามารถไปได้ถึงระดับประเทศ….. และก็เพราะตัวอาจารย์ด้วย」

「ผม?」

「เอาตามความจริง ชินโดกับชิชิโดเป็นหนุ่มหล่อคนละประเภทกัน สามารถไปอยู่ในชนชั้นท็อปได้พร้อมกันด้วยซ้ำแต่….. ว่ากันตามตรง อาจารย์รู้สึกไม่ค่อยดีกับประเภทนักเลงอย่างหมอนั่นใช่ไหมล่ะ?」

「อา อืม…..ก็ถ้าเอาตรงๆนะ」

 

    บางทีมันคงจะเป็นนิสัยน่าเศร้าของคนคิดลบแหละ แต่ผมไม่ค่อยจะถูกกับคนหยิ่งๆอย่างชิชิโด

    ตามคาดว่าการที่ต้องรับมือกับสิ่งที่น่ากลัวกว่ามนุษย์จึงทำให้ไม่รู้สึกกลัวอะไรจริงจัง แต่มันก็ยังอึดอัดอยู่ดีที่ต้องอยู่ใกล้ๆกับคนที่คอยข่มคนอื่นอยู่ตลอดเวลา

 

「เดาว่าหมอนั่นคงจะอ่านความรู้สึกของอาจารย์ออก ทางชินโดเองก็เป็นประเภทนักกีฬาสดใสที่ชิชิโดไม่ชอบอีก เพราะแบบนั้นหมอนั่นก็เลยถอยออกมา แต่ว่าก็ไม่ได้ยอมแพ้เรื่องที่จะขึ้นไปสู่ชนชั้นท็อปเลย」

 

   อย่างงี้นี่เอง…..นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชิชิโดถึงได้ถอยลงจากตำแหน่งชนชั้นท็อปสินะ

 

「เรื่องมาถึงตรงนี้ก็คงจะเข้าใจแล้วนะ ในความเป็นจริงของการต่อสู้เพื่อตำแหน่งชนชั้นท็อป มันไม่ใช่ 5 ต่อ 2 แต่เป็น 3 ต่อ 2 ขอแค่จัดการได้ 1 คนก็ทำให้ตัวเลขมาเท่ากันได้แล้ว แถมด้วยความจริงที่ทั้ง 3 คนนั้นจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องโมเดลลิ่ง, กิจกรรมชมรม, และงานนักผจญภัย ซึ่งไม่ยึดติดกับชนชั้นห้องเรียนเลย ถ้าหากสามารถทำให้จำนวนเท่ากันได้แล้วล่ะก็ จะมีความเป็นได้อย่างมากที่จะพลิกกลับมา เพราะแบบนั้นถึงตกเป็นเป้าโจมตีไงล่ะ…..」

「หมายถึงผมอะนะ」

「ใช่แล้ว! ไม่เหมือนกับชิโนมิยะซังและชินโดที่มีหน้าตาดีเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ตัวอาจารย์ที่มีอาวุธแค่การเป็นนักผจญภัย จะต้องมองเห็นว่ามันคือโอกาศที่จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ล่ะ」

 

    …..ยังไงผมมันก็หน้าตัวประกอบ ถ้าหากเสียการ์ดไปก็เป็นแค่คนธรรมดานั่นแหละ

 

「ดูเหมือนว่าจะมีพยายามปล่อยข่าวลือแย่ๆอย่าง เป็นโอตาคุน่ารังเกียจที่เอาแต่สะสมการ์ดสาวมอนบ้างล่ะ, หรือว่าเป็นพวกหลงตัวเองหลังจากที่เพิ่งจะได้เป็นนักผจญภัยบ้างล่ะ แต่มันก็ไปได้ไม่สวย เริ่มได้ไปรากฏตัวในมอนโคโล แล้วตั้งแต่เริ่มงานนักผจญภัยก็เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆมากขึ้นโดยให้เหตุผลว่าบรรยากาศเปลี่ยนไป…..」

「เอ๋? เอารายละเอียดเรื่องนั้นมาหน่อยซิ」

 

    ผมอึ้งกับความจริงที่ว่าเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ แต่โอโน่ก็หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเมินไป

 

「ก็เป็นเพราะแบบนั้นแหละ จนถึงตอนนี้ ชิชิโดพยายามจัดการอาจารย์แต่ก็ไม่สำเร็จมาตลอด แต่ถ้าหากการ์ดแรงค์ C ถูกทำลายไปล่ะก็…..คงเข้าใจแล้วนะ?」

「…..อา ก็นะ แต่ไม่ใช่ว่าการ์ดแรงค์ C จะถูกจัดการไปจนหมดซักหน่อย ยังเหลืออยู่อีกตั้ง 3 ใบเลย」

 

    แต่ว่า 2 ใบในนั้นเอาไว้สำหรับเปลี่ยนเป็นเงิน ส่วนอีกใบก็แรงค์อัพไปตอนไหนก็ไม่รู้

    โอโน่ที่ไม่รู้เรื่องที่คิดในใจ ก็ทำหน้าตาหยั่งกับนกพิราบถูกหนังสติ๊กยิง

 

「ห๊ะ? ยังมีอีก 3 ใบ!? บอกเรื่องนั้นมาก่อนสิ! เป็นห่วงเก้อแล้วเนี่ย!」

 

    โอโน่พูดมาขณะที่เอามือมาวางบนไหล่ด้วยท่าทางจริงจัง

 

「แต่ถึงยังไง มันก็จะดีกว่าถ้าไม่พูดเรื่องที่สมาชิกหลักถูกทำลายไปล่ะนะ มันอาจจะมีคนเอาไปพูดลับหลังได้…..อาจารย์เองถ้าได้ยินอะไรแบบนั้นก็คงไม่ตลกด้วยใช่ไหมล่ะ?」

「ก็…..นะ」

 

    เรื่องที่สูญเสียการ์ดไปนั้นเป็นความผิดของผมเอง จะล้อเลียนอะไรไปก็ช่าง แต่ถ้าหากเอาความพยายามของพวกเร็นกะมาล้อเลียนล่ะก็…..ไม่มีความมั่นใจว่าจะสงบใจเอาไว้ได้

    ขณะที่คุยเรื่องพวกนี้อยู่ ไม่ทันรู้ตัวพวกเราก็มาถึงห้องเรียนแล้ว

    อาจจะเพราะยังเช้าตรู่ นักเรียนที่มาถึงยังคงมีบางตา

    ในกลุ่มชนชั้นท็อป มีเห็นอยู่แค่ชิโนมิยะซัง

    เธอกำลังทำหน้าง่วงซึมนั่งเล่นสมาร์ทโฟนอยู่ตรงที่นั่งของเธอ แต่พอเธอสังเกตุเห็นทางนี้ก็ทำการโบกมือให้

 

「อรุณสวัสดิ์ มาโร๊ะจิ…..กับโอโน่」

「อรุณสวัสดิ์」

「ผมเป็นตัวแถมรึไง」

 

    ชิโนมิยะซังหลบคำจิกกัดของโอโน่ไปอย่างงดงาม แล้วมองมาที่ใบหน้าของพวกเราพร้อมทำหน้าตางุนงง

 

「หายากนะเนี่ยที่มาโร๊ะจิกับโอโน่จะมาโรงเรียนด้วยกัน」

「บังเอิญเจอกันระหว่างทางมาโรงเรียนน่ะ…..แล้วอุชิคุระซังของทางนั้นล่ะ?」

 

    เป็นเรื่องแปลกของสาวๆที่มักจะอยู่ด้วยกันกลับอยู่แยกกัน…..ขณะที่พูดแบบนั้นก็ทำการมองหาไปรอบๆ ชิโนมิยะซังเห็นแบบนั้นก็ตกใจนิดหน่อย

 

「มาโร๊ะจินี่ก็ยังปลื้มชิซุกะอยู่เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนเลยน้า~ ชิซุกะมีซ้อมช่วงเช้ากับวงเครื่องเป่าน่ะ ก็นั่นไง งานกีฬาใกล้มาถึงแล้วนี่」

「ไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย แต่ว่างั้นเองเหรอ งานกีฬาตอนเดือนพฤษภาสินะ」

 

    ผมตอบขณะที่ความตื่นเต้นลดลงไปบางส่วน

    งานกีฬา สำหรับผู้คนที่ไม่ค่อยชอบออกกำลังกายอย่างผมแล้ว ถือว่าเป็นอีเวนต์ที่ไม่น่ายินดีเท่าไหร่

    พอโอโน่เห็นผมเป็นแบบนั้น เขาก็พูดหยอกขึ้นมา

 

「อาจารย์ ไม่คิดว่างานกีฬาปีนี้จะสามารถทำออกมาได้ดีหรอกเหรอ? ตั้งแต่เป็นนักผจญภัยก็ฝึกมาตั้งเยอะเลยใช่ไหมล่ะ?」

「ก็มีวิ่งกับฝึกกล้ามเนื้ออยู่บ้าง แต่พูดกันตามตรงมันก็แค่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางร่างกาย ไม่ได้ฝึกเพื่อเล่นกีฬาซักหน่อย」

「ถึงจะทำได้ดีก็คงมีแต่พวกน่าเบื่ออย่างมาราธอนหรือไม่ก็ซักเย่องั้นสินะ เอาเถอะ มันไม่มีความจำเป็นต้องกระตือรือร้นเรื่องงานกีฬาหรอก」

 

    ขณะที่พวกเรากำลังคุยกัน ชิโนมิยะซังที่กำลังฟังโดยเอามือเท้าคางเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง จู่ๆก็ถามคำถามผมมา

 

「…..เน่ อย่างที่คิด นักผจญภัยเนี่ยจำเป็นต้องมีพลังกายเยอะสินะ? แล้วก็ความรู้เรื่องการ์ดด้วย」

 

    เธอไม่ค่อยจะถามคำถามลงลึกเกี่ยวกับนักผจญภัยซึ่งไม่เข้ากับบุคลิคของเธอ ผมก็ตอบคำถามไปขณะที่มีความสงสัยในใจเล็กน้อย

 

「…..ก็ ถ้าเป็นเขาวงกตแรงค์ F แล้วล่ะก็ ขณะที่ไปลงสำรวจก็ถือว่าได้พลังกายขั้นต่ำกลับมาแล้ว ส่วนความรู้ก็ไม่จำเป็นต้องมีมากก็ได้แต่…..จู่ๆทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ?」

 

    เพื่อตอบคำถาม ชิโนมิยะซังก็เริ่มพูดเบาลงราวกับว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อร่วมชั้นคนอื่นๆได้ยิน

 

「แบบว่า~ จริงๆแล้ว เมื่อวันก่อน ได้ถูกถามเรื่องจะรับเป็นนางแบบพิเศษ(Exclusive Model)ไหมนะสิ…..」

「โอ้~! ในที่สุด!」

「ทำได้แล้วนะ! ยินดีด้วย!」

 

    ทำการส่งเสียงเชียร์เบาๆกับโอโน่อยู่ 2 คน

    เอาตามตรงผมก็ไม่คุ้นเคยกับโลกของแฟชั่นนัก รู้เพียงแค่ว่าชิโนมิยะซังเป็นโมเดลลิ่งมือสมัครเล่น แต่ไม่ได้รู้ว่าเธอที่เป็นโมเดลลิ่งมือสมัครเล่นนั้นมีความสำคัญแค่ไหน

    แต่ว่า พอบอกว่าได้เป็นนางแบบพิเศษแล้ว แม้แต่ผมที่ไม่รู้ประสีประสาก็สามารถบอกได้ว่ามันจะต้องเหนือกว่าโมเดลลิ่งมือสมัครเล่นคนอื่นๆแน่นอน

    พวกเราแสดงความยินดีอย่างใจจริง แต่ทว่าชิโนมิยะซังดูเหมือนจะลำบากใจอะไรอยู่

 

「แหม…..นั่นมัน ไม่ใช่แค่เป็นนางแบบพิเศษน่ะสิ แต่กำลังพูดถึงการเป็นนางแบบนักผจญภัยน่ะ…..」

「นางแบบนักผจญภัย…..? ไอดอลนักผจญภัยเวอร์ชั่นนางแบบ? แบบ REIKA นั่นน่ะเหรอ?」

 

    —–REIKA ในตอนนี้คือไอดอลระดับท็อปที่เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่คนหนุ่มสาว

    ถึงแม้ว่าจะเป็นไอดอลแต่ก็มีพรสวรรค์ด้านนักผจญภัยที่มาพร้อมใบอนุญาต 4 ดาว เพราะแบบนั้นจึงถูกเรียกว่าไอดอลนักผจญภัย

    โดยดั้งเดิมแล้วเธอเป็นนักผจญภัยมืออาชีพ นับตั้งแต่ช่วงที่ยังเป็นมือสมัครเล่นเธอได้บันทึกการสำรวจเขาวงกต ตัดต่อเพื่อให้ดูง่ายขึ้น แล้วก็โพสลงในอินเตอร์เน็ต

    ภาพของสาวสวยระดับไอดอล บางเวลาก็ดูน่าขบขัน บางเวลาก็เป็นการผจญภัยเสี่ยงชีวิตในเขาวงกต และด้วยความสามารถด้านการตัดต่อก็ยิ่งทำให้ยอดผู้รับชมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

    เว็บไซต์สำหรับโพสวิดีโอ『My Tube』ต่างก็อัดแน่นไปด้วยวิดีโอที่เลียนแบบวิดีโอของเธอ และเหล่าผู้คนที่สำรวจเขาวงกตเพื่อจุดประสงค์ในการโพสวิดีโอได้ถูกขนานนามว่าดันเจี้ยนทูเบอร์(Dungeon Tubers)

    ตัวเธอที่เป็นเช่นนั้นก็ไม่มีทางที่พวกสื่อจะปล่อยไป ทำให้เธอเริ่มไปปรากฏตัวบน TV จากนั้นก็เริ่มร้องเพลง แล้วพอรู้ตัวอีกทีก็กลายมาเป็นไอดอล

    ทุกวันนี้ แนวดันเจี้ยนทูเบอร์ได้แพร่หลายไปทั่วโลกโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากญี่ปุ่น และไม่ใช่เรื่องเกินจริงถ้าหากจะบอกว่า RAIKA มีชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศมากยิ่งกว่านายกรัฐมนตรีเสียอีก

    ดูเหมือนว่าในโลกของสื่อบันเทิงเล็งเห็นถึงความนิยมนี้และมีความพยายามอย่างมากในการจะสร้าง REIKA คนที่ 2 และ 3 ออกมาให้ได้ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคนที่มีความสามารถไหนที่จะทำตาม REIKA ได้โผล่มา

    ในคราวนี้ เรื่องที่ถูกคุยกับชิโนมิยะซังเอง บางทีแล้วก็คงเป็นหนึ่งในโครงการพวกนั้น

    แต่ว่า ไม่เหมือนกับ REIKA ตัวชิโนมิยะซังดั้งเดิมไม่ได้เป็นนักผจญภัย

    หรือก็คือ

 

「…..จะบอกว่าถูกขอให้เปิดตัวในฐานะนักผจญภัย จะได้เกิดเป็นคำติดปากว่าเป็นนางแบบนักผจญภัยแบบนั้นเหรอ?」

「ก็แบบนั้นแหละ」

 

    ไปมองหาสาวงามในหมู่ดันเจี้ยนทูเบอร์แล้ว แต่ก็หาคนที่อยู่ระดับ REIKA ไม่ได้เลย เพราะงั้นเลยตัดสินใจเปลี่ยนสาวงามไปเป็นนักผจญภัยแทน ก็เดาว่าคงเป็นอะไรแบบนี้

    …..อย่างงี้นี่เอง เข้าใจแล้วว่าทำไมท่าทีของชิโนมิยะซังถึงแตกต่างไปจากปกติ

 

「ไม่คิดว่าการให้คนมีความสามารถไปฝืนเป็นนักผจญภัยนี่มันมากไปหน่อยเหรอ?」

 

    โอโน่พูดพร้อมขมวดคิ้ว

    กฏหมายปัจจุบันของญี่ปุ่น「ห้ามมิให้บุคคลใดขัดขวางบุคคลอื่นที่มีความต้องการจะเป็นนักผจญภัย และห้ามมิให้บุคคลให้บังคับให้บุคคลอื่นเป็นนักผจญภัยเช่นกัน」ระบุเอาไว้แบบนั้น

    อาชีพของนักผจญภัยถือว่าเป็นสิ่งที่ใครจะเป็นได้ก็ด้วยความสมัครใจของตัวเองเท่านั้น

    ว่ากันว่ามันเป็นอิทธิพลที่ได้รับมาจากอเมริกา เป็นเจตนารมณ์ของผู้ที่สร้างอาชีพนักผจญภัยขึ้นมา

 

「ถ้าเอเจนซี่คิดจะเปลี่ยนคนมีความสามารถของตัวเองไปเป็นนักผจญภัยแบบนั้นจะเป็นปัญหาเอาได้ แต่ถ้าคนๆนั้นเป็นนักผจญภัยมาก่อนหน้าจะเข้าร่วมกับเอเจนซี่แล้วแบบนั้นก็ไม่เป็นปัญหา หมายความแบบนี้แหละ」

「อย่างงี้นี่เอง…..ว่าแต่ จะไปเป็นนักผจญภัยนี่มีเงินทุนแล้วเหรอ?」

「ค่าลงทะเบียนจะถูกจ่ายให้ล่วงหน้าจากงานแรก ส่วนการ์ดทางสำนักงานจะมีให้ยืม ถ้าหากว่าการ์ดลอสขณะทำงานจะไม่ต้องจ่ายค่าชดใช้ แต่ถ้าไปลอสในช่วงเวลาส่วนตัวจะต้องชดใช้ไป…..รู้สึกว่างั้นนะ」

『อืมม…..』

 

    ส่งเสียงครางอยู่กับโอโน่ 2 คน

    ว่ากันตามตรง เงื่อนไขในการเป็นนักผจญภัยมันค่อนข้างดีทีเดียว นั่นเพราะสามารถเป็นนักผจญภัยได้ฟรีๆ แต่นั่นมันก็สำหรับคนที่ต้องการจะเป็นนักผจญภัยมาอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น สำหรับคนที่ไม่มีความสนใจจะเป็นนักผจญภัย มันก็อาจจะรู้สึกเหมือนว่าถูกบังคับให้ต้องทำอะไรเสี่ยงๆ

 

「…..โดยส่วนตัวแล้วชิโนมิยะซังคิดยังไงล่ะ?」

「ชั้น…..เอาจริงๆก็ทั้งน่าดึงดูดแล้วก็น่ากลัวด้วย เพราะอย่างที่คิดว่าผลตอบแทนระหว่างการเป็นโมเดลลิ่งมือสมัครเล่นกับการทำงานเต็มเวลามันต่างกัน ทางแมวมองเองก็บอกว่าถ้ารับข้อเสนอนี้ไป ผลตอบแทนก็จะยิ่งมากขึ้นจากการที่เป็นนักผจญภัย แถมหางานได้ง่ายขึ้นด้วย…..แต่พอได้มองดูมาโร่กับโอโน่แล้ว ก็คิดว่านักผจญภัยมันมีสเน่ห์จริงแต่มันก็ค่อนข้างน่ากลัวและอันตรายด้วย แบบนั้นแหละ」

「อย่างงี้นี่เอง…..」

 

    ถ้าเป็นแบบนั้นคำตอบที่ผมให้ได้ก็มีแค่อย่างเดียว

    ตอนอยู่ปีแรกได้ยินข่าวลือมาหลายครั้งว่าครอบครัวของชิโนมิยะซังมีฐานะไม่ค่อยร่ำรวยนัก

    คุณพ่อของเธอเสียไปตั้งแต่ชั้นประถมจากอุบัติเหตุ ส่วนคุณแม่แทนที่จะออกไปทำงานนอกบ้านก็จำเป็นจะต้องเลี้ยงดูน้องชายของเธอและทำแต่งานบ้าน

    ดูเหมือนว่า การที่เธอเริ่มเป็นโมเดลลิ่งมือสมัครเล่นก็เพราะว่าต้องการจะลดภาระค่าใช้จ่ายแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

    ยังไม่เคยได้ยินคำยืนยันจากตัวเธอจริงๆ แต่ถ้าเกิดว่าข่าวลือเป็นจริงล่ะก็ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงต้องการใช้ประโยชน์จากรางวัลที่น่าดึงดูด

 

「เอาจากข้อสรุป เรื่องที่ว่ามานั้น ปฏิเสธเต็มที่ไปเลยจะเป็นการดีที่สุด」

 

    ผมบอกออกไปอย่างชัดเจน โอโน่ที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้าให้เงียบๆ

 

「จริงอะ? ทำไมเหรอ…..?」

 

    ชิโนมิยะซังถามมาขณะที่ขมวดคิ้วสวยๆนั่นเข้าไว้ด้วยท่าทางกังวล

    เอาล่ะ จะพูดโน้มน้าวไปยังไงดี ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจบอกเหตุการณ์ไปเล็กน้อย

 

「…..ไม่ค่อยอยากจะพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังมากเท่าไหร่แต่ ดูเหมือนว่าพักนี้จะมีใครบางคนที่ออกล่าพวกหน้าใหม่ภายในเขาวงกตน่ะ」

「จริงดิ!?」

 

    ชิโนมิยะซังหน้าซีดเล็กน้อย

 

「แต่ว่าไม่เห็นมีออกข่าวอะไรแบบนั้นเลยนี่…..?」

「พอจะได้เห็นข่าวที่ว่ามีผู้คนจำนวนมากสูญหายไปในเขาวงกตแรงค์ต่ำบ้างรึเปล่า ถึงจะบอกว่าสาเหตุไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ดูเหมือนนั่นน่าจะเป็นอาชญากรรมจากฝีมือมนุษย์ แล้วต่อให้มันเป็นแค่ความผิดปกติของเขาวงกตก็ตาม ถ้าเป็นในตอนนี้ไม่ขอแนะนำให้เป็นนักผจญภัยอย่างเด็ดขาดเลย」

 

    …..ถ้าถึงขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมแพ้ ก็คงไม่มีทางเลือกแล้วบอกเรื่องที่ผมโดนโจมตีไป

    ต่อให้คุณสารวัตรขอให้ปิดเรื่องเงียบไว้ แต่ชีวิตของชิโนมิยะซังมันไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้

    ผมตัดสินใจอย่างลับๆอยู่ในใจ…..

 

「งั้นก็ช่วยไม่ได้คงต้องยอมแพ้ไปล่ะน้า อา~ อุตส่าห์เป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดแล้วเชียว~」

 

    ชิโนมิยะซังแหงนหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจ โล่งอกไปที ดูจะยอมแพ้ไปแล้ว หันหน้าไปมองกับโอโน่แล้วเอามือทาบอกด้วยความโล่งใจ

 

「ก็นะ ไม่ว่าจะอะไรมันก็ขึ้นอยู่กับชีวิตก่อนนั่นแหละนะ…..」

 

    ผมพูดไปขณะที่นึกย้อนถึงความผิดพลาดในครั้งนี้ของตัวเองที่มัวแต่มองผมประโยชน์ระยะสั้น จนทำให้สมาชิกหลักถูกทำลายไป

    ชิโนมิยะซังเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากท่าทางของผม แล้วแสดงท่าทางแปลกๆออกมา

    ในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากพูดขึ้นมานั่นเอง

 

「ทุกคนอรุณสวัสดิ์~」

「โอ้ อรุณสวัสดิ์!」

 

    อุชิคุระซังที่ฝึกซ้อมช่วงเช้าเสร็จและชินโดก็เข้ามา

    พอมองไปรอบๆ ก่อนที่จะรู้ตัวไป ที่นั่งทั้งหมดก็เกือบจะเต็มแล้ว และมีเวลาเหลืออีกแค่ 1 นาทีก่อนจะเริ่มโฮมรูม

 

「โอ๊ตโตะ ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย งั้นชิโนมิยะซังถ้าหากว่ามีคำถามอะไรอีกก็ถามมาได้เลยนะ」

「อะ อืม ขอบใจนะ โอโน่ก็ด้วย」

「ผมเป็นตัวแถมอีกแล้วงั้นเรอะ」

 

    แยกตัวออกจากพวกชิโนมิยะแล้วไปนั่งที่ของตัวเอง

    เอาสมารท์โฟนออกมาดูเล่น(เครื่องสำรองสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น) แล้วก็ก็สังเกตุเห็นว่าได้รับข้อความมาจากอันนา

   

『หลังเลิกเรียน มารวมตัวชมรมนักผจญภัยกันเถอะ! สถานที่เป็นร้านอาหารครอบครัวเหมือนอย่างที่เคย, จากอันนา』

 

 

 

 

【Tips】ดันเจี้ยนทูเบอร์(Dungeon Tubers)

    คำเรียกทั่วไปของนักผจญภัยที่ลงสำรวจเขาวงกต โดยมีเป้าหมายเพื่อโพสวิดีโอลงบนเว็บไซต์สำหรับโพสวิดีโอ『My Tube』โดยส่วนใหญ่แล้วจะมี 1 ดาว ด้านรายได้ที่มาจากโฆษณาจากตัววิดีโอนั้นไม่ค่อยมาก แต่ก็มีบางคนที่สามารถทำรายได้มากกว่าระดับมืออาชีพทั้งๆที่มีแค่ 1 ดาวเท่านั้น

    มีดันเจี้ยนทูเบอร์หลายคนที่ทำบางอย่างแบบไม่สมเหตุสมผล หรือไปยุ่งเกี่ยวกับนักผจญภัยคนอื่นเพื่อเพิ่มคุณภาพของตัววิดีโอ ทำให้มักจะถูกนักผจญภัยที่ทำงานอย่างจริงจังไม่ชอบหน้า

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

เด็กม.ปลายสายม็อบอย่างผมจะกลายเป็นสายเรียลได้ไหมถ้าเป็นนักผจญภัย

Score 10
Status: Completed
ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ในโลกคู่ขนานของญี่ปุ่น จู่ๆ เขาวงกตได้ปรากฏขึ้น ที่ซึ่งมอนสเตอร์โผล่ออกมา ในช่วงแรกเริ่มนั้นเขาวงกตไม่ได้ต่างอะไรไปจากภัยพิบัติ แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยทรัพยากรที่เขาวงกตผลิต และตัวตนของ 'การ์ด' ที่ตกจากมอนสเตอร์ กลายเป็นช่วงแห่งการกอบโกย การ์ดมอนสเตอร์ที่สามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาได้ดั่งใจนึก เหล่านักผจญภัยที่ใช้พลังของการ์ดเพื่อพิชิตเขาวงกต ถ่ายทอดสถานการณ์เหล่านั้นด้วยดันเจี้ยนTV, โคลอสเซียมที่มอนสเตอร์ต่อสู้กัน..... สิ่งเหล่านี้กระตุ้นความสนใจในตัวผู้คน แล้วก่อนที่จะรู้ตัวนักผจญภัยก็กลายเป็นอาชีพที่ผู้คนใฝ่ฝันจะเป็น คิทากาว่า・อุทามาโร่ เด็กม.ปลายสายม็อบ เห็นเพื่อนที่น่าจะเป็นสายม็อบเดียวกัน หลังจากที่เป็นนักผจญภัยแล้วกลับถีบตัวไปอยู่ในกลุ่มท็อบได้ จึงตัดสินใจที่จะเป็นนักผจญภัยด้วยตัวเอง อุทามาโร่ เพื่อที่จะได้แรร์การ์ดไปอวดทุกคนได้จึงเดิมพันชีวิตกับกาชาสุดบ้าระห่ำราคา 1 ล้านเยน ทว่า---?

Options

not work with dark mode
Reset