ตอนที่ 512 ปีศาจ! อย่าหนี!
……………………………………………………………………..
เดิมหวาดกลัวจอมพลังเกราะทองมากอยู่แล้ว คำพูดของถูซือเยียนถือเป็นการเพิ่มน้ำหนัก มารปีศาจหลายตนไม่ฝืนปะทะกับจอมพลังเกราะทองอีก ทั้งไม่คิดสำแดงวิชาจัดการเขา แค่คุมวารี อสนี ปฐพี ส่วนตัวหลบบนฟ้าสูง สำแดงวิชาถ่วงเวลาจอมพลังเกราะทองทุกวิถีทาง
หากไม่ใช่ว่าคำพูดถูซือเยียนดึงดูดความสนใจ หากไม่ใช่คำว่า ‘ผู้คุ้มกันเซียนแท้’ มีน้ำหนักเกินไป หากพายุฝนไม่ตกหนัก หากมารปีศาจพวกนี้สลัดความคิดฟุ้งซ่านและสังเกตการณ์โดยละเอียดยามชุดเกราะของจอมพลังเกราะทองแตกเป็นเสี่ยง บางทีอาจพบร่องรอยเสี้ยวหนึ่งยามจอมพลังเกราะทองดูดซับวิญญาณปฐพี ครั้นแล้วคงมีโอกาสคาดเดาจุดอ่อนบางส่วนของจอมพลังเกราะทองได้
ถึงขั้นว่ายามลิงยักษ์ตายก่อนหน้านี้ หากพวกเขาโจมตีจอมพลังเกราะทองไม่หยุดคงใช้จำนวนคนสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ จากนั้นค่อยโจมตียันต์วิญญาณจนแหลกละเอียด แม้ว่าจอมพลังตนนี้เคยผ่านอสนีเคราะห์ รวมถึงเป็นของที่หลอมจากสวรรค์ แต่ถือว่ามีขีดจำกัดเช่นกัน
แต่คำว่าหากไม่ได้มีมากเช่นนั้น ตอนนี้ความคิดในใจมารปีศาจที่เหลือคือวางแผนสำแดงวิชาถ่วงเวลาชายหน้าแดงคนนั้น เวลาไม่ได้ยืนอยู่ข้างพวกเขา ผ่านไปเพิ่มครู่หนึ่งอันตรายยิ่งเพิ่มมาส่วนหนึ่ง
งูดำมหึมาหมุนวนรอบน้ำป่ากับเศษหินดินโคลนไม่หยุด ก่อตัวเป็นน้ำวนมหึมากลางป่า ตรงกลางคือจอมพลังเกราะทอง แม้ว่าเท้าเหยียบพื้นดินทำให้เขาแน่นิ่งไม่ขยับ แต่กลับยากเคลื่อนไหวเท่าความเร็วก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่าเดินเหินลำบาก
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นปีศาจตนอื่นก็แค่ช่วยสำแดงวิชา ไม่กล้าเข้าใกล้ขุนพลเทพเกราะทองเกินไป มิฉะนั้นหากถูกสิ่งของทรงผ้าคาดเหลืองนั่นตวัดรัด คาดว่าคงเจริญรอยตามลิงยักษ์แน่ ต่อให้มั่นใจในวิชาท่องเหินของตนมากแค่ไหนก็ไม่มีใครยินดีลอง สุดท้ายชีวิตตนย่อมสำคัญกว่า
ดินโคลนกับน้ำป่าปกคลุมภูเขาโดยรอบเกือบทั้งหมด คลื่นน้ำวนแทบชิดพยับเมฆบนฟ้า หากจี้หยวนมาเห็นภาพนี้คงทอดถอนใจว่าน้ำท่วมเขาทองอาจเป็นเช่นนี้
ตึง…
ตึง…
ตึง…
…
กลางกระแสน้ำหลากจอมพลังเกราะทองยังคิดเดินหน้า หินยักษ์มากมายถูกเขาเหวี่ยงหมัดใส่จนแหลกละเอียด
เปรี๊ยะๆๆๆๆ…
รัศมีสายฟ้าบนตัวจอมพลังส่องประกายขึ้นมาปกคลุมท้องฟ้ากะทันหัน
เปรี้ยง… ตูม…
อสนีบาตกลางนภาฟาดผ่าชั่วพริบตา คล้ายวิชาคุมอสนีผันเปลี่ยน แต่อสนีบาตไม่ได้ฟาดผ่ามารปีศาจ ทว่าฟาดผ่าตัวจอมพลังเกราะทองเอง
แสงอสนีสายหนึ่งพันรอบแขนขวาของจอมพลังเกราะทอง ครู่ต่อมาจอมพลังพลันเหวี่ยงหมัดไปข้างหน้า
ปึง…
ตูม…
แรงปะทะทรงพลังระเบิดล่างวังวนกระแสน้ำหลากจนเกิดช่องว่างแถบหนึ่ง อสนีบาตเหลือบแสงม่วงสายหนึ่งราวกับทวน ทะลวงกระแสน้ำหลากท่ามกลางรัศมีสายฟ้า อานุภาพอสนีบาตไม่ถูกกระแสน้ำบั่นทอนแม้แต่น้อย ทวนอสนีเพ่งเล็งงูดำมหึมาซึ่งอยู่ข้างนอก
“รีบหลบเร็ว!”
ฉัวะ…
“อะ อ๊าก…”
งูยักษ์ระวังตัวเต็มที่แล้ว ยามหลีกหลบชั่วพริบตายังโคจรพลังปีศาจต้านทาน แต่ยังถูกทวนอสนีแทงทะลุหาง
ซ่า… ครืน…
กระแสน้ำหลากกลางป่าเขาปั่นป่วน เวลานี้จอมพลังเกราะทองทลายสันเขาใต้ฝ่าเท้าจนละเอียด กระแสน้ำเชี่ยวไหลทะลักไปหามารปีศาจใกล้เคียง
งูยักษ์ตื่นตระหนกจนลอยขึ้นฟ้าสูง ตอนนี้หางเขาไม่มีความรู้สึกแล้ว ตรงนั้นมีบาดแผลจากการทะลวง ใหญ่เท่าปากชาม แต่ตรงแผลกลับไหม้เกรียม ทั้งมีแสงอสนีหลายสายพันรอบไม่สลาย สิ่งที่แปลกคือแม้ว่าตรงหางไม่มีความรู้สึก แต่เขารับรู้จากจิตวิญญาณ ทำให้จิตรับรู้ของตนปวดแสบอย่างเด่นชัด
“พี่เสอ รีบคงสภาพกระแสน้ำหลากเถอะ เขาจะหลุดออกมาแล้ว เร็วๆๆ!”
มารปีศาจที่เหลือล้วนไม่ชำนาญการควบคุมวารี ตอนนี้ต่อให้คงสภาพเต็มกำลังจะต้านทานจอมพลังเกราะทองได้อย่างไร ภายใต้แรงดันของกระแสน้ำเหมือนฝ่ากองกำลังพันหมื่น
งูดำไม่อาจคิดมากความ รีบคงสภาพน้ำป่าอีกครั้ง ขณะเดียวกันยังตะโกนบอกพวกพ้อง
“คอยระวังอสนีบาต อย่าปล่อยให้เขายืมอานุภาพอสนี!”
…
อีกด้านหนึ่งปีศาจสี่มารหนึ่งซึ่งจากไปพร้อมกัน หันกลับมามองตรงส่วนลึกเขาลาดชัน น้ำท่วมล้นฟ้าอสนีบาตดังกระหึ่ม ถึงขั้นมีแรงสั่นสะเทือนตลอด บ่งบอกว่าสถานการณ์การต่อสู้ตรงนั้นดุเดือดยิ่ง
เมื่อเสียงร้องโหยหวนของงูยักษ์ดังมาแต่ไกล พวกมารปีศาจตกใจสะดุ้งโหยง คิดว่าตรงนั้นใกล้ยืนหยัดไม่อยู่ โชคดีว่าแค่ตื่นตระหนกเก้อ กระแสน้ำป่ายังไม่ลดลง
ต่อให้เดิมทีต่างฝ่ายต่างระวังตัว แต่ตอนนี้ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจ
“จิ้งจอกนั่นบอกว่าเทพภูเขาชอบหลบอยู่ใต้อารามเทพภูเขาซึ่งยังสร้างไม่เสร็จราวพันฉื่อ พวกเราเก็บซ่อนปราณปีศาจก่อน รอข้ามุดเข้าใต้ดิน จากนั้นค่อยจู่โจมจากเบื้องล่าง เขาต้องหนีแน่ ขณะเดียวกันพวกเจ้าใช้ยันต์กักวิญญาณสกัดวิญญาณปฐพีของภูเขาโดยรอบ เมื่อเขาไม่ทันตั้งตัวย่อมปะทะยันต์คาถา ถึงตอนนั้นค่อยจับตัวเขาพร้อมกัน!”
หญิงสาวซึ่งก่อนหน้านี้เยาะเย้ยถูซือเยียนอยู่ตรงนี้ด้วย นางได้ยินแล้วพยักหน้ากล่าวเสริม
“อืม รีบลงมือหน่อย มิฉะนั้นสถานการณ์จะยืดเยื้อ หากมีเซียนข้ามแดนมาย่อมไม่เข้าท่า”
แสงปีศาจปราณมารห้าสายจางลงช้าๆ ลอยไปทางเขตภูเขารอบนอกที่ห่างไกล
ตอนนี้เทพภูเขาสือโหย่วเต้ากำลังขดตัวอยู่ในคฤหาสน์ใต้ดิน คาดหวังว่าท่านเซียนสองคนจะรีบมา แม้ว่าสือโหย่วเต้ารู้ว่าขุนพลเทพเกราะทองย่อมร้ายกาจมาก แต่มารปีศาจมีไม่น้อย การเคลื่อนไหวมากขนาดนี้ เห็นชัดว่ามารปีศาจมากอภินิหาร
ดังคำกล่าวว่าสองหมัดยากต้านสี่มือ ตอนนี้สือโหย่วเต้าค่อนข้างมองโลกในแแง่ร้าย ดังนั้นเลยขดตัวอยู่ที่นี่อย่างหวาดกลัว เขายังไม่ใช่เทพภูเขาอย่างเป็นทางการ แต่เพลิดเพลินกับอานุภาพเทพภูเขาช่วงหนึ่ง ย่อมเสียดายความรู้สึกเช่นนี้
“ท่านเซียนๆ พวกท่านรีบมาเถอะ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ปีศาจต้องหลุดพ้นแน่ เรื่องนี้เทพภูเขาตัวจ้อยอย่างข้าไม่อาจจัดการ ความสามารถไม่ถึงจริงๆ!”
ยามวิตกหวาดกลัวความสนใจเกือบทั้งหมดของสือโหย่วเต้าจดจ่อกับสถานการณ์ซึ่งห่างออกไป เขาถึงขั้นรับรู้ว่าวิญญาณปฐพีรวมตัวอยู่ห่างไกลเรื่อยๆ แม้ไม่ทราบว่าปีศาจสำแดงวิชาหรือขุนพลเทพเกราะทองสำแดงวิชา แต่บ่งบอกว่าสถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดแน่
“ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญๆ ใต้เท้าขุนพลเทพ ใช่ว่าข้าน้อยไม่ไปช่วยท่าน ความดุดันของมารปีศาจมากเกินไปจริงๆ พลังข้าน้อยต้อยต่ำ ถ้าไปคือรนหาที่ตาย! ใต้เท้าขุนพลเทพหากท่านไม่เป็นไร ภายหน้าโปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย!”
สือโหย่วเต้าบ่นพึมพำอยู่ใต้ดินไม่หยุด เขาหวาดกลัวมารปีศาจ แต่หวนนึกถึงแววตาเรียบเฉยของจอมพลังเกราะทองแล้ว ไม่แน่ว่าถึงตอนนั้นอาจคิดบัญชีเขาทีหลัง
“ใต้เท้าขุนพลเทพ ท่านบอกข้าเป็นนัยว่าให้ซ่อนตัว… ท่านอย่าคิดบัญชีเล่า…”
ยามสือโหย่วเต้าหวั่นหวาดใจ ทันใดนั้นรู้สึกว่าใต้ดินสะเทือนเบาๆ แม้ว่าตอนนี้ส่วนลึกเขาลาดชันมีการเคลื่อนไหวไม่น้อย แต่เขายังแยกแยะความแตกต่างโดยละเอียดออก
‘บางทีอาจเป็นสัตว์ใต้ดินกระมัง… ไม่สิ! ที่นี่ลึกขนาดนี้ สัตว์อะไรจะมาได้ แย่แล้ว!’
เมื่อเกิดลางสังหรณ์ขึ้นในใจ สือโหย่วเต้าไม่มัวพิสูจน์อะไรแล้ว เขาหนีออกจากคฤหาสน์ใต้ดินทันที หลบหนีไปยังทิศทางซึ่งห่างจากผนึก
ฟุ่บ… ตึง…
ยามหลบหนีมาเกือบลี้ ภายใต้อภินิหารคุมปฐพีหินผาใต้ดินซึ่งเชื่อฟังยิ่งกลับเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าชั่วพริบตา ทำให้สือโหย่วเต้าพุ่งปะทะจนมึนงง
แสงหลายสายพลันปรากฏขึ้นโดยรอบ นั่นคืออักษรวิญญาณบนยันต์คาถา
‘แย่แล้ว! ติดกับแล้ว!’
ถึงอย่างไรสือโหย่วเต้าก็เป็นเพียงภูตภูเขาที่เพิ่งเริ่มเชื่อมต่อกับปราณพิภพเท่านั้น ต่อให้ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ต้าซิ่ว มีสัญญาณเชื่อมต่อระดับหนึ่ง แต่ยังห่างจากเทพภูเขานัก กอปรกับความแตกต่างของมรรควิถีมากเกินไป ต่อให้อาศัยอยู่ใต้ดิน ตอนนี้ก็ถูกกักขังทั้งเป็น
ครู่ต่อมาร่างกายรู้สึกถูกกดทับอย่างรุนแรง ยันต์วิญญาณถูกดูดซับเข้าพื้นดิน
“ใต้เท้าขุนพลเทพช่วยข้าด้วย! ใต้เท้าขุนพลเทพ!”
ท่ามกลางเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตระหนกของสือโหย่วเต้า เพียงไม่กี่ลมหายใจก็ถูกหญิงสาวทรงเสน่ห์ปราณปีศาจแผ่ซ่านคนหนึ่งจับตัว
“โอ้… เทพภูเขาเจ้าที่รูปร่างเช่นนี้กันหมดหรือ ใต้เท้าเทพภูเขา… ช่วยผู้น้อยสักหน่อยได้หรือไม่”
เสียงออดอ้อนเช่นนี้สือโหย่วเต้าฟังแล้วกลับขวัญหนีดีฝ่อ แสงปีศาจวาบผ่านนัยน์ตาหญิงสาวคนนี้ ทั้งยังเผยปราณสังหาร ชีวิตของตนจบสิ้นแล้ว!
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ เขาลาดชันเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ชาวบ้านกลางป่าต้องฝ่าฝนกระหน่ำหนีออกจากบ้าน
เมื่อรู้สึกว่าผนึกกำราบคลายลงทีละน้อย ถูซือเยียนดีใจแทบคลั่ง
ดังคำกล่าวว่าน้ำป่าทลายภูเขา เมื่อมารปีศาจห้าตนซึ่งไปจับเทพภูเขากลับมาช่วย ด้านหนึ่งคิดหาวิธีถ่วงเวลาจอมพลังเกราะทอง ด้านหนึ่งคุมวารีโจมตีเขาผนึก ใช้น้ำหลากเซาะภูเขาตามจุดที่ผนึกคลายลง อาศัยสิ่งนี้มาสั่นคลอนผนึก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ถูซือเยียนพบว่าพลังตนกลับมาส่วนหนึ่งแล้ว แน่นอนว่านางไม่ใช่ซุนหงอคงซึ่งพลังไร้ขอบเขต ดังนั้นเลยไม่อาจระเบิดภูเขาใหญ่ออกไป
แต่ตอนนี้พอจะหลุดพ้นได้แล้ว ไม่อาจคิดมากความ ถูซือเยียนล่องตามกระแสน้ำหลากทันที ท่องออกไปตามซอกเขาซึ่งเป็นรอยแยกอย่างระวัง
ชั่วพริบตายามหนีออกมาจากเขากำราบ ถูซือเยียนซึ่งน้ำตานองหน้าเห็นรูปร่างหน้าตาจอมพลังเกราะทองเป็นครั้งแรก ตอนนี้มีมารปีศาจมากถึงสิบตนร่วมแรงสำแดงวิชาใช้น้ำป่ากักขังเขา
จอมพลังเกราะทองร่างสูงห้าจั้งยืนกลางป่าเขาเหมือนหอคอยเหล็กสีทอง ทุกครั้งยามเคลื่อนไหว มารปีศาจโดยรอบจะหลีกหลบตามจิตใต้สำนึก
เมื่อเห็นถูซือเยียนหลุดออกมา ดวงตาจอมพลังเกราะทองระเบิดแสงอสนี
“ปีศาจ! อย่าหนี! ย่า…”
นี่คือประโยคเปี่ยมสีสันความรู้สึกที่สุดของจอมพลังเกราะทอง ส่งเสียงตวาดราวอสนีบาตฟาดผ่า โดยเฉพาะคำสุดท้าย ทำให้มารปีศาจซึ่งได้ยินคำนี้จิตวิญญาณสั่นสะเทือนรุนแรง
ครืน…
น้ำป่าระเบิดออกกลางอากาศราวร้อยจั้งเพราะคำพูดนี้ อสนีบาตกลางนภาฟาดผ่ารอบตัวจอมพลังเกราะทองชั่วพริบตา ทำให้ตัวเขาเหมือนเทพอสนีเยือนโลกา
“ถูซือเยียนหลุดออกมาแล้ว หนีเร็ว!”
“อย่ามัวแต่สู้! อย่ามัวแต่สู้!”
“ทุกคนหนี!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนพวกมารปีศาจพากันหลบหนี ทั้งมีคนคว้าถูซือเยียนซึ่งอ่อนแอหนีไปด้วย
ตูม…
ยอดเขาแห่งหนึ่งถูกจอมพลังเกราะทองเหยียบแหลก เขาพาอสนีบาตรอบตัวพุ่งตามถูซือเยียนขึ้นฟ้า นี่คือครั้งแรกและครั้งเดียวที่สองเท้าห่างจากพื้นตั้งแต่จอมพลังเกราะทองต่อสู้กับมารปีศาจมา
“ขวางเขาไว้!”
ถูซือเยียนตวาดแผ่วเบา แค่มองแววตาจอมพลังเกราะทองตนยังตกใจ มีหรือจะกล้าลงมือ สองมือทำมุทราอย่างรวดเร็ว กลายเป็นมายาล่องลอยจากไป หันมาเห็นปีศาจที่เดิมประคองนางถูกจอมพลังเกราะทองคว้าตัว จากนั้นค่อยร่วงหล่นลงพื้น
“ช่วยข้าด้วย พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป ช่วยข้าด้วย…!”
ปีศาจตะโกนอย่างตื่นตระหนก คิดสำแดงวิชาเอาตัวรอด แต่กลับพบว่าถูกสายคาดเหลืองตวัดรัด ทั้งมีแสงอสนีทำให้ตัวชา
แต่มารปีศาจทุกตนไม่มีใครหันกลับมาสักคน ถูซือเยียนจำเป็นต้องช่วย แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการหนีออกจากที่นี่