ตอนที่ 510 เกราะทองยืนหยัด ยากทำลายภูเขา
……………………………………………………………………..
ภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่บุคคลอย่างขอทานชรามั่นใจในการคาดเดาของตนมาก ก่อนมาเขาเก้ายอดคิดว่าภายในสิบปีเขาลาดชันคงไม่เป็นไร ไม่ใช่แค่ผนึกคลายลงหรือไม่ แต่พิจารณาถึงปัจจัยภายนอกด้วย
แต่มาคิดดูตอนนี้ แม้ว่าปราณปีศาจจิ้งจอกแปดหางไม่ถูกปกปิด แต่น่าจะเล่นลูกไม้ไว้ ทำให้ขอทานชราคิดว่าทำนายแม่น ความจริงกลับคลาดเคลื่อนบ้าง
บางครั้งวิธีการเช่นนี้อาจทำให้การคำนวณของผู้สูงส่งบางส่วนเกิดเหตุไม่คาดฝัน ด้วยข้อสรุปค่อนข้างชัดเจน ไม่เลือนรางหรือว่างเปล่าเหมือนจี้หยวน ดังนั้นเลยยิ่งทำให้คนเชื่อโดยง่าย
ตอนนี้ขอทานชราซึ่งรับรู้ว่าเกิดเรื่องย่อมตระหนักถึงประเด็นนี้ ดังนั้นเลยหงุดหงิดอยู่บ้าง
เมื่อจู้ทิงเทาเอ่ยถาม ขอทานชรายิ่งควบคุมสีหน้าไม่อยู่ แต่ขอทานชรายังแอบมองจี้หยวนเล็กน้อย คล้ายว่าแม้แต่จี้หยวนยังถูกสั่นคลอนอยู่บ้าง สองคนร่วมกันขายหน้ายังดีหน่อย
“ทุกท่าน เรื่องอื่นค่อยคุยกันภายหลัง ทำตามสิ่งที่คุยกันก่อนหน้านี้ หลอมรวมหยินหยางก่อน จากนั้นค่อยหลอมห้าธาตุ! ไม่อาจแบ่งสมาธิแม้แต่น้อย!”
มังกรเฒ่ากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ เตือนทุกคนว่าจำเป็นต้องจดจ่อ
เตรียมการนับหมื่นเพื่อเวลานี้ ขอทานชรากับจี้หยวนข่มความรู้สึกในใจ จดจ่อกับกระบวนการหลอมอย่างมุ่งมั่น
ทั้งห้าคนลงมือพร้อมกัน ชี้เชือกไหมทองจากห้ามุม พริบตานั้นกลางเพลิงสมาธิปรากฏลักษณ์ยอดหยางกับยอดหยิน เขตแดนของจี้หยวนส่องสะท้อน ลักษณ์มัจฉาหยินหยางสาดส่องฟ้า
ภาพนี้ปรากฏบนยอดเขาเซียนมาเยือนเช่นกัน ไม่ใช่แค่ยอดเขามรรคสวรรค์ ผู้ฝึกปราณในรัศมีเขาเก้ายอดเริ่มสนใจอีกครั้ง มัจฉาหยินหยางมหึมาเหมือนเมฆขาวดำกว้างใหญ่หมุนวนไม่หยุด ทำให้ผู้สังเกตการณ์ลุ่มหลง
…
ขอบฟ้าตรงเขาลาดชัน เมฆดำทะมึนกดทับเหมือนอยากทำลายเขาสูงตระหง่าน
โครม ครืน…
สายฟ้าแลบเจิดจ้า ไม่นานฝนห่าใหญ่กระหน่ำลงมาดังซ่า
ภูตสือโหย่วเต้าที่ทางการต้าซิ่วยอมรับเป็นเทพภูเขาปรากฏตัวตรงภูเขาซึ่งถูกผนึก หันมองโดยรอบด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ใต้เท้าขุนพลเทพๆ เมฆลมผันเปลี่ยนแปลกประหลาด ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ ข้าน้อยรู้สึกว่ามุ่งเป้ามาทางผนึกเขาลาดชันของพวกเรา ใต้เท้าขุนพลเทพ พวกเราควรทำอย่างไรดี”
ร่างกำยำของจอมพลังเกราะทองปรากฏ ก้มหน้ามองภูตตัวเตี้ยค่อม
“ปราณพิภพภูเขาไม่อาจเสียหาย”
เมื่อได้ยินคำพูดของขุนพลเทพ สือโหย่วเต้าเข้าใจความหมายของเขาทันที ก่อนรีบพยักหน้ากล่าว
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ข้าน้อยจะหลบซ่อนตัว ข้าน้อยจะพยายามปกป้องปราณพิภพกับภูเขา เพียงแต่ข้าน้อยมรรควิถีตื้นเขิน ไม่อาจควบคุมปราณพิภพของเขาลาดชันโดยสมบูรณ์ ได้แค่ทำเต็มที่แล้ว!”
เมื่อเงยหน้ามองขุนพลเทพเกราะทอง ฝ่ายหลังแค่เหลือบตามองเขา คล้ายบอกเขาว่า ‘ข้าเองไม่คิดว่าเจ้ามีประโยชน์อะไร รีบหนีไปเถอะ!’
สือโหย่วเต้ารู้สึกเพียงความหวาดกลัวในใจถูกใต้เท้าขุนพลเทพมองออกปรุโปร่ง ประสานมืออย่างคับข้องก่อนพูดเสียงเบา
“ข้าน้อยขอลา ใต้เท้าขุนพลเทพรักษาตัวด้วย!”
จากนั้นสือโหย่วเต้ากลายเป็นควันเขียว พุ่งตัวลงพื้นดินปราศจากร่องรอย
จอมพลังเกราะทองเดินมาตรงซอกภูเขาทีละก้าว มองถูซือเยียนซึ่งอยู่กลางภูเขา
“ทำไม เจ้านายไม่อยู่ ลนลานหรือ”
เสียงถูซือเยียนดังแผ่วออกมาจากภูเขา แม้ว่านางไม่ทราบสถานการณ์โดยละเอียด แต่รับรู้การเปลี่ยนแปลงลักษณ์สวรรค์ ทั้งได้ยินเสียงลนลานของเทพภูเขานั่น ตอนนี้ในใจเบิกบานมาก
ต่อให้ถูซือเยียนกล่าววาจาเหน็บแนมเช่นนี้ เจ้าหน้าแดงเกราะทองนั่นกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่เปลี่ยนสีหน้า แม้แต่แววตายังไม่เปลี่ยน สายตาเหมือนมอง ‘คนต่ำต้อย’ ทำให้ถูซือเยียนแค้นจนเข่นเขี้ยว แต่กลับไม่กล้าตอบสนองเกินเหตุ ขุนพลเทพผู้นี้เย็นชาผิดธรรมดา ขอแค่นางทำอะไรเกินงาม มันย่อมกระตุ้นผนึกทรมานนางโดยไม่ลังเล ไม่ใช่บุรุษจริงๆ
เมื่อฝนตกกระหน่ำ ชั้นเมฆบนฟ้าเหมือนกดตัวต่ำลงมายิ่งกว่าเดิม
โครม ครืน…
สายฟ้าแลบเจิดจ้า ส่องชั้นเมฆบนฟ้า คล้ายมีเงามังกรเริงระบำ แต่ความจริงนั่นไม่ใช่มังกร แต่เป็นงูยักษ์สีดำตัวหนึ่ง
“ถูซือเยียน คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็มีวันนี้ด้วย ถูกคนกำราบใต้ภูเขาหรือ ฮ่าๆๆๆๆ…”
แค่ฟังเสียงนี้ ถ้าไม่รู้จักคงคิดว่ามาหาเรื่อง แต่ถูซือเยียนซึ่งอยู่ในภูเขาได้ยินแล้วกลับดีใจ
“ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสใช่หรือไม่ รีบมาช่วยข้าเร็ว!”
ถูซือเยียนไม่คิดมากความ รวบรวมเสียงเต็มกำลัง ส่งเสียงดังออกมาจากซอกเขา แม้ว่าถึงข้างนอกแล้วเป็นเสียงแผ่วเบา แต่ยังถูกเงาดำกลางป่าเขาได้ยิน
“ผู้อาวุโส? ผู้อาวุโสอยู่ห่างไกลถึงทวีปหมอกแดนตะวันตก มีหรือจะมาได้ แต่เจ้าวางใจเถอะ ข้าช่วยเจ้าออกไปได้เช่นกัน! ข้าย่อมรู้ว่าผู้กำราบเจ้าต้องเป็นผู้สูงส่ง คำนวณฤกษ์วันนี้ดีจึงมา!”
เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่ผู้อาวุโสมาช่วยตน ในใจถูซือเยียนหนาวเยือกครึ่งหนึ่ง ส่วนฤกษ์ที่อีกฝ่ายพูดถึงนางไม่มีอารมณ์มาสนใจ นางเชื่อว่าต้องมีคนทำนายเรื่องจี้หยวนได้ แต่ว่าไม่มีทางใช่คนที่พูด
เห็นชัดว่าข้างนอกไม่ได้มีมารปีศาจตัวเดียว บนยอดเขาทุกแห่งรอบเขาผนึกมีเงาคนมากมายปรากฏ รวมทั้งสิ้นสิบกว่าคน บ้างแผ่ปราณปีศาจ บ้างแผ่ปราณมาร บ้างกลิ่นอายซ่อนเร้นแปลกประหลาด บนฟ้ายังมีงูดำมหึมาตัวหนึ่งร่ายรำกลางชั้นเมฆ
หนึ่งในนั้นกวาดตามองภูเขาใหญ่กับจอมพลังเกราะทองหน้าภูเขา ก่อนเอ่ยปากกล่าวแผ่วเบา
“พวกเจ้าพี่น้องอย่าคุยเรื่องเก่าอีกเลย ทำลายผนึกก่อนค่อยว่ากัน ใช้วิชาอสนีจัดการ ดูว่าทำลายอักษรวิญญาณบนตัวภูเขาได้หรือไม่ ถือโอกาสสังหารเจ้าเกราะทองที่คอยเฝ้านั่นพร้อมกันด้วย”
กลางชั้นเมฆบนฟ้ามีเสียงแค่นหัวเราะดังมา ต่อจากนั้นคืออสนีบาตฟาดผ่าไม่หยุด
เปรี้ยง… ครืน… ครืน…
อสนีบาตฟาดผ่าภูเขาใหญ่เหมือนยอดเขาทั่วไป แม้ว่าผ่าจนก้อนหินไหม้เกรียม บางแห่งเศษหินดินโคลนแหลกละเอียด แต่สำหรับภูเขาใหญ่กลับไม่ส่งผลแม้แต่น้อย
ส่วนจอมพลังเกราะทองก็เหมือนภูเขาลูกนั้น ไม่หลบหลีกอสนีบาตฟาดผ่าสักนิด ทั้งอสนีบาตยังไม่ส่งผลกระทบกับเขา กวาดตามองมารปีศาจบนยอดเขาโดยรอบ
ท่ามกลางฝนกระหน่ำ อสนีบาตฟาดผ่าน ภูเขายังเหมือนเดิม ไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย ถึงขั้นไม่อาจกระตุ้นแสงวิญญาณ จอมพลังเกราะทองยังเหมือนเดิม ไม่ขยับแม้แต่ก้าวเดียว
“คนผู้นี้ร้ายกาจอยู่บ้าง มิน่าถึงมาเฝ้าภูเขานี้ได้ บางทีเขาอาจรู้วิธีปลดผนึกด้วย”
ชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งขี่ลมปีศาจลอยมาใกล้ภูเขาซึ่งกำราบถูซือเยียน สายตาจอมพลังเกราะทองจับจ้องเขา
“บอกพวกเรามาว่าทำลายผนึกภูเขานี้อย่างไร พวกเราจะได้ออมแรงหน่อย ส่วนเจ้าเองไม่เจ็บตัว เป็นอย่างไร”
จอมพลังเกราะทองแค่มองคนตรงหน้า
“รับคำสั่งนายท่านคอยเฝ้าภูเขา ปีศาจอย่างพวกเจ้า ถอยไป!”
แม้ว่าจอมพลังเกราะทองคำพูดมีค่าดั่งทอง แต่เสียงกลับกังวานยิ่ง เสียงสั่นสะเทือนกระจายทั่วป่าเขา ทำให้มารปีศาจโดยรอบได้ยินชัดเจน
“เหอะๆ ตอนนี้เป็นช่วงงานชุมนุมมรรคเซียน เจ้านายของเจ้าอยู่ห่างไกลถึงเขาเก้ายอด ต่อให้รับทราบสถานการณ์ของที่นี่ รีบเดินทางมาอย่างน้อยคงสองสามวัน ช่วยเจ้าไม่ได้หรอก!”
พวกมารปีศาจไม่กลัวสิ่งใดด้วยคำนวณเวลามา เมื่อเห็นจอมพลังเกราะทองไม่ยอมจำนน พวกเขาไม่เปลืองน้ำลายอีก
“แม้ว่าภูเขาใหญ่เกินเหตุ แต่อภินิหารมรรคเซียนเช่นนี้กว่าครึ่งคือวิชาสยบภูผา ทำลายภูเขาลูกนี้ย่อมมีผล ทุกท่านลงมือ!”
ยามสิ้นเสียงชายรูปงาม ในหูได้ยินเสียงดังตูม เบื้องหน้าพร่ามัวก่อนเปี่ยมแสงทอง ยามนัยน์ตาหดรัดหมัดแดงก่ำหุ้มเกราะทองข้างหนึ่งซัดโดนตัวเขาแล้ว
ปึง…
ยามทั่วร่างเหมือนถูกฉีกกระชาก สองมือสองเท้าของชายหนุ่มอยู่ข้างหน้า ทั้งตัวโค้งเหมือนธนู พริบตาต่อมาคือทะลวงผ่านม่านฝนหลายชั้น ถูกซัดลอยไปไกล กลายเป็นดาวตกกระแทกภูเขาลูกหนึ่ง
ตูม…
เสียงกึกก้องดังมาแต่ไกล เกิดเสียงสะท้อนดังกระหึ่ม
เสียงฝนยังเซ็งแซ่ แต่เหมือนระหว่างหมู่เขาเงียบสงบชั่วขณะ เนิ่นนานกว่าเสียงหญิงสาวซึ่งหัวเราะเยาะถูซือเยียนก่อนหน้านี้จะดังขึ้นอีกครั้ง
“ทลายภูเขา! ถล่มสันเขาโดยรอบด้วย!”
“ลงมือ!”
“ข้าจัดการคนผู้นี้เอง โฮก…”
บนยอดเขาโดยรอบมารปีศาจหลายตนเผยร่างเดิม กลายเป็นร่างปีศาจมหึมาซัดสันเขา มีลิงยักษ์ตัวหนึ่งฉีกเสื้อพุ่งเข้าหาจอมพลังเกราะทองที่อยู่หน้าเขาผนึกปีศาจ
ลิงยักษ์กุมมือเหวี่ยงแขนจนเกิดเสียงแหวกลมฝน กระแทกจอมพลังเกราะทองเต็มแรง กำปั้นใหญ่มหึมาครอบคลุมตัวเขา
ตูม…
ตัวภูเขาสั่นสะเทือนเล็กน้อย พื้นดินถูกกระแทกจนเกิดหลุมใหญ่ แต่กลับไม่มีร่องรอยของจอมพลังเกราะทอง
ลิงยักษ์มองซ้ายมองขวา ก่อนพบว่าชายคนนั้นอยู่ตรงสันเขาซึ่งห่างไปไม่ไกล
“อะไรกัน!? เฮ้ยๆๆ ระวัง!”
จอมมารตนหนึ่งบนสันเขารู้สึกได้ เมื่อจอมพลังเกราะทองเข้ามาใกล้ สองแขนเหลือบแสงสลัว หันหลังโจมตีเขา
ปึง…
จอมพลังเกราะทองหยุดตรงหน้าจอมมาร ม่านฝนระเบิดออกท่ามกลางแรงสั่นสะเทือน มือคมกริบดุจกรงเล็บจิกแขนข้างหนึ่งของจอมพลังเกราะทองแน่น แต่กลับไม่มีผลอะไร ฝ่ามือข้างนี้ของจอมพลังกุมใบหน้าจอมมารแล้ว ตอนนี้จอมพลังกลายร่างสูงหนึ่งจั้งกว่า จอมมารในมือเหมือนเด็กทารก
กร๊อบๆ… กึกๆๆ… ปึง…
ศีรษะจอมมารถูกบดละเอียด เลือดกระจายเต็มพื้น
ขณะเดียวกันจอมพลังเกราะทองเหยียบหินผาแถบหนึ่งจนละเอียด ก่อนหายไปจากสันเขาแห่งนี้ พุ่งไปหาปีศาจตนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปยิ่งกว่า
หลังจากจอมพลังเกราะทองจากไป เลือดเนื้อบนพื้นกลับรวมตัวใหม่อีกครั้ง ไม่นานก็ควบรวมเป็นจอมมารก่อนหน้านี้ เพียงแต่ตอนนี้สีหน้าเขาซีดเผือดหอบหายใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดจากความเสียหายหรือถูกทำให้ตกใจมากกว่า
“ระยำ ตายซะ!”
ลิงยักษ์ตัวนั้นโกรธจนควันออกหู พุ่งเข้าหาแสงทองสายนั้น คิดขัดขวางระหว่างทาง แต่จอมพลังเกราะทองกลับไม่หยุด โน้มตัวพุ่งไปข้างหน้า ปะทะลิงยักษ์ตัวนั้นเต็มแรง
ตึงๆๆๆ…
เสียงฝีเท้ากระชั้นถี่ของทั้งสองฝ่ายราวเสียงตีกลองก้องป่ากลางฝนกระหน่ำ
“อย่าฝืนปะทะเขา แรงเขามากกว่าเจ้า!”
จอมมารซึ่งเคยถูกจอมพลังเกราะทองบดขยี้ครั้งหนึ่งสื่อจิตมาก็สายไปแล้ว ลิงยักษ์สองตาแดงก่ำปะทะกับจอมพลังเกราะทองหน้าแดงเข้มแล้ว
ตูม…
จอมพลังเกราะทองถอยหลังห่างออกไปสิบกว่าจั้ง สองเท้าไถพื้นจนเกิดรอยแยกเปี่ยมดินโคลน ส่วนลิงยักษ์ลอยกระแทกภูเขาเต็มแรงดังตูม ร่างปีศาจฝังเข้าหินผาติดตัวภูเขา
ความสนใจของมารปีศาจจดจ่อกับลิงยักษ์ เมื่อหันมามองตรงจุดที่สองฝ่ายปะทะกันกลับพบว่าชายเกราะทองหายไปแล้ว คราวนี้ในใจทุกคนพลันบีบรัด
ยามปีศาจตนหนึ่งค้นหาโดยรอบ เขาพลันรู้สึกว่าฝนเหนือศีรษะซาลง ตระหนักรู้ว่าท่าไม่ดีทันที แสยะเขี้ยวเผยกรงเล็บคมกริบแทงขึ้นไปเต็มแรง
แปล๊บๆๆ ฉ่าๆ…
ท่ามกลางเสียงอสนีบาตแปลกประหลาด ปีศาจรู้สึกชาไปทั้งตัว แขนข้างหนึ่งถูกจอมพลังเกราะทองคว้าไว้ มืออีกข้างจับตัวปีศาจแน่น
ตอนนี้จอมพลังเกราะทองสูงสามจั้งแล้ว ฝ่ามือข้างหนึ่งคว้าลำตัวปีศาจกว่าครึ่ง คล้ายของเล่นชิ้นหนึ่งในมือ
กึกๆ… กร๊อบ… พรวด…
“อ๊าก…”
แขนข้างหนึ่งถูกดึงขาด ยามมืออีกข้างเกือบถูกบีบแน่น ปีศาจกลางฝ่ามือดูดเลือดแดงสดของตน กลายเป็นแสงโลหิตหนีออกจากเขตอันตรายถึงชีวิต ได้ยินแค่ข้างหลังมีเสียงดังปึง นั่นคือเสียงรวบฝ่ามือบีบอัดอากาศ
ในใจปีศาจรู้ว่าหากช้ากว่านี้แค่พริบตา ตนต้องกลายเป็นโคลนเนื้อแน่
จอมพลังเกราะทองหยัดร่างขึ้น ร่างสูงสามจั้งมองยอดเขาโดยรอบ บนตัวรัศมีสายฟ้าแล่นปราดรางๆ
“เฮือก… แค่กๆ…”
ครืนๆๆ…
ก้อนหินเกลือกกลิ้ง ลิงยักษ์ติดภูเขาดิ้นรนคว้าหินผาดึงตัวออกมา ชายรูปงามที่อยู่ห่างไกลขี่ลมปีศาจลอยกลับมาอีกครั้ง แต่สีหน้าไม่น่าดูยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงจอมมารที่ถูกบดขยี้ครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ รวมถึงปีศาจเสียมือข้างหนึ่งซึ่งใช้แสงโลหิตหนีออกมา
“ทุกท่าน! ชายเกราะทองคนนี้รับมือยากเกินไป จำเป็นต้องจัดการเขาก่อน!”