เซียนหมากข้ามมิติ 434 ประกายหมอกทั่วท้องฟ้า

ตอนที่ 434 ประกายหมอกทั่วท้องฟ้า

ตอนที่ 434 ประกายหมอกทั่วท้องฟ้า

“ท่านจี้ วิชาที่ท่านใช้กับตาเฒ่าผู้นั้นคืออะไร สะดวกอธิบายให้ข้าฟังสักหน่อยหรือไม่”

ในที่สุดไป๋ฉีก็ถามออกมา เพียงอธิบายสักหน่อย ไม่ได้ล้วงลึกถึงเคล็ดวิชาแท้จริง น่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หูอวิ๋นหูตั้งทันที แม้แต่เต่าเฒ่าและปลาชิงฮื้อในน้ำก็สนอกสนใจเช่นกัน

จี้หยวนยื่นมือไปแตะจอกชาของตนเอง ดึงสายน้ำเส้นบางออกมา ขณะเดียวกันหยิบตะเกียบบนโต๊ะขึ้นอันหนึ่ง จากนั้นสายนั้นลอยวนกลางอากาศเป็นวงกลม พัวพันตะเกียบอันนี้เอาไว้

จี้หยวนปล่อยมือ ตะเกียบถูกสายน้ำมัดไว้จึงตั้งอยู่กลางอากาศได้

“ข้าใช้กระแสน้ำปั้นเป็นรูปร่างมัดสิ่งของเอาไว้ นอกจากนี้ใช้ดินฝังสิ่งของได้ด้วย นี่ก็คือหลักการพื้นฐานของวิชาผนึกร่าง ส่วนใหญ่พึ่งพาสิ่งของที่มีรูปร่าง แต่มีวิชาอภินิหารอย่างหนึ่งกลับสำแดงพลังที่ไร้รูปร่างได้ ทำให้ท้องฟ้า ผืนดิน คน และสรรพสิ่งทั้งหมดเชื่อฟังคำสั่ง”

ไป๋ฉีพลันมุ่นคิ้ว ลองถามดูว่า

“หรือว่าจะเป็นวิชาบัญชา”

“ใช่และไม่ใช่”

จี้หยวนพยายามอธิบายสิ่งที่ตนเองเข้าใจด้วยคำพูดที่คนอื่นเข้าใจได้ แต่นึกขึ้นได้ว่าไป๋ฉีเป็นมังกรเจียว หูอวิ๋นและเต่าเฒ่า ไปจนถึงปลาชิงฮื้อล้วนเป็นปีศาจ โดยพื้นฐานแล้วไม่น่าจะเรียนรู้วิชาบัญชาในมรรคเซียนได้ จึงกร่อนคำพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกหน่อย

“ว่ากันว่าแม้การบัญชามีทั้งรูปแบบตำราและเสียงมรรค แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นวิชาสั่งการด้วยเสียง ถึงเป็นตำราบัญชาก็จำต้องให้ผู้ใช้วิชาท่องออกมาเช่นเดียวกัน ต้องเป็นคนที่มีมรรควิถีสูงล้ำจึงจะใช้ตำราบัญชาได้ ทำให้เงื่อนไขของผู้ใช้วิชาลดลงเล็กน้อย”

ไป๋ฉีพยักหน้า พวกหูอวิ๋นถึงไม่เข้าใจรายละเอียดเหล่านั้น แต่ทำเข้าใจทิศทางวิชาได้โดยคร่าว จึงไม่ถือว่าหัวหมุนสักเท่าไหร่

จี้หยวนกล่าวอีก

“แต่พวกเจ้ารู้จักเพียงบัญชา กลับไม่รู้ว่าบัญชาเกิดขึ้นได้อย่างไร อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย ผู้ฝึกเซียนที่ร่ำเรียนวิชาบัญชามากมายเพียงสืบทอดวิชาสายตรงจากปากของผู้อาวุโสเท่านั้น กลับไม่รู้ที่มาของวิชาบัญชา”

ไป๋ฉีมีสีหน้าจริงจัง

“เห็นทีท่านจี้ต้องรู้เป็นแน่ ข้าคนแซ่ไป๋ยินดีฟังรายละเอียด”

“ใช่ หูอวิ๋นก็ยินดีฟังรายละเอียด!”

จี้หยวนยิ้ม จิ้งจอกตัวนี้เข้าขากับไป๋ฉีดีทีเดียว เขานึกถึงความรู้สึกเมื่อได้รับ ‘บันทึกรัชสมัยเจิ้งเต๋อ’ ในตอนนั้น จัดระเบียบคำพูดก่อนกล่าว

“ความจริงทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกมีหลักการและกฎเกณฑ์ ฟ้าดินเองก็มีเสียงมรรค เสริมด้วยหลักการของฟ้าดิน ความจริงแล้วบัญชานับว่าเป็นการระดมพลังวิญญาณ คาดเดาไม่ได้เหมือนอำนาจสวรรค์ ทว่าควบคุมยากยิ่งเช่นเดียวกัน”

หากเมื่อครู่นี้นักพรตตู้ถูกควบคุมเพราะบัญชา เช่นนั้นตะเกียบอันนั้นบนโต๊ะถูกเชือกน้ำตรึงไว้เช่นกัน ‘มองเห็น’ เชือกได้ ย่อมคลายเชือกได้เช่นกัน ทว่าเมื่อครู่นี้…ไม่มีเชือก

“สิ่งที่ท่านจี้ใช้ไม่เหมือนวิชาบัญชานะ!”

ไป๋ฉีลังเลเล็กน้อย กระนั้นยังคงพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา

“ถูกต้อง ที่จริงไม่ใช่วิชาบัญชาทั่วไป มองไม่ออกว่าวิชาเกิดขึ้นได้อย่างไรกระมัง”

ไป๋ฉีพยักหน้า เป็นเช่นนั้นจริง เต่าเฒ่าคิดเช่นเดียวกัน ฝ่ายหูอวิ๋นและปลาชิงฮื้อทำได้เพียงฟังเรื่องสนุกแล้วจดจำไว้ในใจเท่านั้น

ได้แสดงสิ่งที่ตนเองรู้ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งจริงๆ แม้จี้หยวนในตอนนี้จะหลีกเลี่ยงก็ได้ ทว่าระดับพลังต่างกันอยู่แล้ว เขาไม่ดึงความสนใจอีก พูดออกไปตามตรง

“ผู้ฝึกปราณมักพูดว่าฟ้าดินใหญ่อยู่นอกกาย ฟ้าดินเล็กอยู่ในกาย สิ่งมีชีวิตบนโลกล้วนบกพร่อง มีเพียงร่างมนุษย์ที่สมบูรณ์ กลายเป็นคำกล่าวที่ว่าภายในกายมีฟ้าดิน หากข้า ‘บัญชา’ ฟ้าดินภายในนั้นเล่า”

ไป๋ฉีพลันชะงักค้าง ฟ้าดินในกายก็บัญชาได้หรือ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสั่งจากภายนอกได้ใช่หรือไม่ วิชาอัศจรรย์นี้น่ากลัวเกินไปแล้วกระมัง

“ไม่ได้ร้ายกาจเช่นที่พวกเจ้าคิด ขีดจำกัดอยู่ที่มรรควิถีของอีกฝ่ายด้วย มรรควิถียิ่งสูง พลังยิ่งแข็งแกร่ง ผลกระทบที่ได้รับจะค่อนข้างน้อย หากมรรควิถีเหนือกว่าข้าย่อมไร้ประสิทธิภาพ”

ได้ฟังดังนั้นแล้วไป๋ฉียิ้มแห้งๆ กล่าวชมจากใจจริงคำหนึ่ง

“เป็นวิชาอภินิหารโดยแท้ ข้าคนแซ่ไป๋ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

จี้หยวนชินกับคำพูดนี้แล้ว ความสามารถที่เขามีส่วนใหญ่นั้นเกิดจากการทำความเข้าใจได้ด้วยตนเอง คิดๆ ดูแล้วประสบความสำเร็จมากเช่นกัน ได้รับคำชมจากผู้อื่นย่อมสมควรแล้ว

“ความจริงแล้วเจ้าควรไม่เคยได้ยิน วิชานี้ข้าคนแซ่จี้ทำความเข้าใจด้วยตนเอง เห็นทีบนโลกนี้น่าจะไม่มีใครอื่นที่เป็นวิชานี้แล้ว”

ห่างจากเรือเล็กที่พวกจี้หยวนอยู่ประมาณหลายสิบลี้ เรือประดับโคมลำหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปทางตัวเมืองจังหวัดชุนฮุ่ยอย่างรวดเร็ว ท่วงท่าขยับพายของฝีพายมีจังหวะและมีพลัง เพิ่มแรงผลักมหาศาลให้กับเรือเล็ก

เพราะเหตุนี้เองจึงไปถึงท่าเรือตัวเมืองจังหวัดได้ในเวลาอันสั้น ยิ่งมาใกล้เข้าใกล้ท่าเรือ คนเดินไปมาบนฝั่งขวักไขว่ เสียงมากมายจอแจขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งถึงตอนนี้ นักพรตตู้ถึงถอนหายใจโล่งอก หวังเซียวก็ผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน เมื่อเรือใกล้เทียบท่าแล้ว ฝ่ายแรกมองฝีพายที่กำลังพายเรือก่อนถามยิ้มๆ

“พี่ใหญ่ท่านนี้เป็นสัตว์น้ำในแม่น้ำกระมัง”

ฝีพายคลุมชุดกันฝนหนาและยาว อีกทั้งสวมหมวกสานขนาดใหญ่ แทบจะปิดบังร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อได้ฟังที่นักพรตตู้เอ่ยแล้ว เขาถึงเงยหน้ามองอีกฝ่าย

“ฮ่าๆ ถูกต้อง ข้าเป็นสัตว์น้ำในแม่น้ำ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าเทพแม่น้ำ ตอนนี้พลังดวงอาทิตย์กำลังเข้มข้น ไม่อาจแปลงกายเป็นร่างคนได้ตามใจ เดิมทีข้าหน้าตาน่ากลัว เกรงว่าจะทำให้ทั้งสองท่านตกใจ จึงใช้หมวกสานและชุดกันฝนคลุมร่างเอาไว้”

นักพรตตู้ประสานมือให้ฝีพายอย่างนอบน้อม หวังเซียวที่อยู่ข้างๆ เลียนแบบเขา

“ขอบคุณท่านที่มาส่ง”

เกรงว่าปีศาจเผ่าวารีตนนี้ไม่ได้ห่างไกลจากการแปลงกายมากนัก หรือไม่ก็แปลงกายแล้วทว่าน่าเกลียดมากกระมัง

“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น ไต้ซือทั้งสองไปดีมาดีล่ะ”

ระหว่างพูดอยู่นั้น เรือเล็กหยุดที่ท่าเรือมีบันไดหินอย่างมั่นคงแล้ว นักพรตตู้และหวังเซียวคารวะอีกครั้งถึงก้าวขึ้นบันได้ เดินขึ้นไปบนท่าเรือหินสีดำที่แข็งแรง

“ฮู่…”

นักพรตตู้ผ่อนลมหายใจยาว หันกายไปมองอีกครั้ง เรือเล็กที่เพิ่งส่งเขาและหวังเซียวกลับมาค่อยๆ ออกจากท่าเรือแล้ว เมื่อหันหัวเรือเรียบร้อยก็มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำไกลลิบ

“อาจารย์ นั่นคงจะเป็นเทพเซียนกระมัง”

นักพรตตู้พยักหน้า เอ่ยเสียงเบา

“ถูกต้อง คนหนึ่งเป็นเทพ คนหนึ่งเป็นเซียน เฮ้อ น่าเสียดายนัก หากท่านจี้ยอมให้ข้ามีชื่อเสียงสักเล็กน้อย แม้จะเป็นชื่อของข้า ทว่าหลังจากนี้ต้องได้รับประโยชน์มากมายแน่”

กระนั้นนักพรตตู้ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ถอนหายใจเสร็จแล้วอารมณ์ดีไม่หยอก

“ไปเถอะ พวกเรากลับไปกัน แม้ท่านจี้ไม่รับพวกเราเป็นศิษย์ แต่อย่างน้อยก็ชี้ทางสว่างให้พวกเราแล้ว มาดูกันว่าอาจารย์ของเจ้าจะทะลวงระดับขั้นได้หรือไม่ ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายสิบปี อืม อย่างดีที่สุดหลายร้อยปี!”

นักพรตตู้สะบัดแขนเสื้อ เดินนำหวังเซียวออกจากท่าเรือแห่งนี้ มุ่งหน้าไปยังตัวเมืองจังหวัดชุนฮุ่ย ระหว่างเดินอยู่นั้นฝ่ายแรกยังคงคลำถุงผ้าไหมในอกเสื้อ ข้างในนั้นใส่ป้ายทองทรงกลมขนาดเท่าครึ่งฝ่ามือที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อแห่งต้าเจินพระราชทานให้ เรียกว่าป้ายทองปรมาจารย์

‘ยังดีที่เก็บของสิ่งนี้เอาไว้อยู่!’

นักพรตตู้ร้องด้วยความปีติอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหากทะลวงระดับขั้นได้ จะหาช่างหลอมป้ายทองที่มีน้ำหนักมากนี้ให้เป็นก้อนทอง

ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ เสียงชาวบ้านรอบข้างพลันดังขึ้น แม้ก่อนหน้านี้จอแจมาก แต่ตอนนี้มีความตื่นตกใจเพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน

“มองบนฟ้าเร็ว!”

“ท่านแม่ๆ รีบมองบนฟ้าสิ ท่านพ่อมองบนฟ้า!”

“อะไรกัน ไอ้หยา นี่คืออะไร”

“อา…ทุกคนมองบนฟ้าเร็วเข้า…”

“ไอ้หยา เง็กเซียนฮ่องเต้แสดงจิตวิญญาณหรือนี่”

ขโมยคนหนึ่งถือโอกาสที่ทุกคนเงยหน้ามองท้องฟ้า หยิบกระเป๋าเงินคนจำนวนหนึ่งอย่างอารมณ์ดี ในใจยังคิดว่าจะมีสายฟ้าหรือฝนตกลงมาจากบนฟ้าหรือไม่ มองท้องฟ้าแล้วเห็นเงินหรืออย่างไร

จากนั้นเขาเงยหน้ามองตามสัญชาตญาณ ก่อนจะอึ้งงันไปในทันที

นักพรตตู้และหวังเซียวที่อยู่ข้างๆ ย่อมเงยหน้าหลังจากได้ยิน ทั้งคู่ต่างก็ตื่นตกใจ

“อาจารย์ นั่นคืออะไร”

“อาจารย์ อาจารย์ก็ไม่รู้เหมือนกัน…”

ที่สูงยิ่งบนท้องฟ้า แสงที่เหมือนกับสายรุ้งมีไอหมอกหลายสายวาบผ่านมาจากที่ไกล เมื่อผ่านท้องฟ้าแล้วยังคงเหลือร่องรอยงดงาม แสงนั้นมีจำนวนไม่น้อย มาต่อเนื่องติดๆ กันไม่รู้เท่าไหร่

นักพรตตู้โคจรวิชาทั่วร่างไปจนถึงดวงตา ทันใดนั้นแสงบนท้องฟ้ายิ่งส่องสว่างจ้าตา คนทั่วไปมองเห็นเพียงแสงสีรุ้งบางๆ หลายสายวาบผ่านมา ทว่านักพรตตู้ในคอนนี้กลับมองเห็นประกายหมอกหลากสีแต่งแต้มขอบฟ้าแล้วครึ่งหนึ่ง

บางแห่งเหนือแม่น้ำเทียมฟ้า จี้หยวนและไป๋ฉียืนขึ้นบนเรือพร้อมกัน เงยหน้ามองท้องฟ้า มองแสงรุ้งงดงามทั่วท้องฟ้าสูงลิบ

“ท่านจี้ นี่คืออะไร”

จี้หยวนมีสีเหน้าเคร่งเครียด บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงธรรม เชื่อเลยว่าแม้แต่คนธรรมดาก็มองเห็นชัดเจน นั่นเป็นเพราะปราณเต็มเปี่ยมยิ่งนัก และผู้สำแดงวิชาเร่งเดินทางมีมาก มองดูอีกครั้งพบว่าทิศทางที่แสงธรรมมานั้นมาจากทางตะวันออกเฉียงใต้ รัฐจีอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้าเจิน เลยไปหน่อยก็เป็นสองเกาะที่อยู่ติดกัน

หลายแห่งล้วนไม่ใช่สำนักเซียนที่ยอดเยี่ยมอะไร และแสงธรรมพวกนี้ไม่น่ามาจากเขาล้อมหยอก พูดได้ว่าเป็นสถานที่ที่อยู่ไกลยิ่งกว่านั้น ไกลออกไปถึงมหาสมุทร

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งเหล่านี้บนท้องฟ้าเป็นของอริยะเทพองค์ไหน ทว่าเป็นของผู้ฝึกเซียนอย่างแน่นอน”

“เช่นนั้นท่านจี้คิดจัดการอย่างไร”

ไป๋ฉีรีบถาม เห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ท่านจี้ไม่มีทางนิ่งดูดาย

จี้หยวนก้มหน้ามองเขา

“ข้าจะตามไปดูหน่อย หากไม่กลับมาภายในเวลาอันสั้น ช่วยส่งหูอวิ๋นกลับเรือนสันติหรือเขาโคเทพที”

สิ้นเสียงแล้วจี้หยวนกระโจนตัวขึ้น เรือเล็กใต้เท้าไม่โคลงเคลงเลยสักนิด เมื่อจี้หยวนอยู่ในระดับความสูงสิบกว่าจั้ง กระบี่เครือเขียวค่อยตามหลังไปอยู่แทบเท้าเขา

จากนั้นประกายกระบี่ส่องสว่าง จี้หยวนหายไปจากที่เดิมแล้ว เหลือไว้เพียงแสงที่ค่อยๆ จางหายไป

อาศัยพลังของกระบี่เซียน พร้อมกันนั้นสำแดงวิชาคุมวาโย นี่เป็นวิธีการเหาะเดินที่เร็วที่สุดของจี้หยวนในตอนนี้

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Score 10
Status: Completed
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

Options

not work with dark mode
Reset