เซียนหมากข้ามมิติ 424 สองครอบครัวเกี่ยวดอ

ตอนที่ 424 สองครอบครัวเกี่ยวดอ

ตอนที่ 424 สองครอบครัวเกี่ยวดอง

ได้ยินจี้หยวนถามเช่นนี้ หูอวิ๋นภาคภูมิอยู่บ้าง

“ท่านก็เคยบอกข้ากับเจ้าภูเขาลู่ วัฒนธรรมเผ่ามนุษย์ยิ่งใหญ่ลึกล้ำ ข้าเห็นมามากย่อมรู้มาก ชายโสดหญิงไม่ออกเรือน แน่นอนว่าคาดเดาได้”

“เจ้ารู้ว่าหญิงใดไม่ออกเรือนด้วยหรือ”

จี้หยวนถามหูอวิ๋นอย่างสนอกสนใจ หรือว่าจิ้งจอกตัวนี้ฝึกจนมีตาทิพย์บางอย่าง หยั่งรู้วิชามองปราณด้วยตัวเองแล้ว?

แต่เห็นชัดว่าจี้หยวนคิดผิด หูอวิ๋นใช้กรงเล็บชี้จมูกตัวเองพลางกล่าว

“ดมกลิ่นได้ สาวบริสุทธิ์กลิ่นย่อมแตกต่าง แผ่กลิ่นอาย…”

“เอาเถอะๆ…”

จี้หยวนทำหน้าไม่ถูก นี่ยังคงเป็นวิธีของเหล่าสัตว์ แต่ต้องบอกว่าแม่นจริงๆ

หูอวิ๋นหัวเราะอยู่ด้านข้าง มองอิ๋นชิงกับหญิงสาวไม่รู้จักคนนั้นพากันเดินห่างออกไป แน่นอนว่าเขารู้ว่าตามอายุของมนุษย์ อิ๋นชิงไม่ใช่เด็กแล้ว ควรพิจารณาเรื่องสำคัญของชีวิตนานแล้ว

“อืม ท่านจี้ ท่านคิดว่าสตรีนางนี้เป็นอย่างไร คู่ควรกับอิ๋นชิงหรือไม่”

“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความคิดของอิ๋นชิงเอง สตรีนางนี้ไม่ใช่คนทั่วไป น่าจะเป็นองค์หญิงเชื้อพระวงศ์”

ได้ยินจี้หยวนพูดเช่นนี้ หูอวิ๋นทำท่าเลียนแบบอิ๋นชิงช่วงนี้ ใช้กรงเล็บลูบเส้นขนตรงคาง คล้ายคนลูบเครา ทั้งพยักหน้ากล่าวอย่างจริงจัง

“เป็นองค์หญิงหรือ พูดถึงฐานะนับว่าพอผ่านด่าน ไม่รู้ว่าคุณธรรมเป็นอย่างไร”

จี้หยวนส่ายหัวเล็กน้อย สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง หมากขาวบนกระดานหมากล้วนเข้ากล่องตัวหมาก เมื่อสะบัดอีกครั้ง หมากดำล้วนเข้ากล่องตัวหมากเช่นกัน

หูอวิ๋นยังมองชายหญิงตรงสุดโถงทางเดิน ตอนนี้เห็นทั้งสองเลี้ยวเข้ามุมกำแพงเรือนจนไม่เห็นแล้ว มันร้อนรนอยู่บ้างทันที

“ไม่ได้ โอกาสหายากเช่นนี้ ข้าต้องตามไปดู! ท่านจี้ ข้าไปได้หรือไม่”

หูอวิ๋นไม่ได้วู่วาม แต่ถามความเห็นจี้หยวนก่อน หากจี้หยวนไม่เห็นด้วย มันย่อมไม่กล้าวิ่งเล่นตามใจ

“ไปเถอะๆ อย่าถูกเจอก็พอ ตอนนี้อาจารย์อิ๋นน่าจะรับรองฮ่องเต้ต้าเจินองค์ปัจจุบันอยู่ ตัวเขามีปราณดอกยี่เข่งพิทักษ์กาย ทั้งกลิ่นอายยังไม่ตื้นเขิน แม้ว่ายามไม่คิดร้ายแล้วไม่เป็นไร แต่เจ้าอย่าเข้าใกล้ฮ่องเต้องค์นี้ดีกว่า”

“แหะๆ ทราบแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าไปนะ!”

หูอวิ๋นกระโดดออกมาจากใต้โต๊ะหิน บอกจี้หยวนประโยคหนึ่งก่อนเตรียมตัวจากไป แต่ก่อนไปนกกระดาษบนตัวจี้หยวนกระพือปีกดังพึ่บพั่บ บินไปอยู่เหนือศีรษะหูอวิ๋นอย่างรวดเร็ว หมายความว่าอะไรไม่ต้องบอกก็รู้

หูอวิ๋นยื่นกรงเล็บออกมาแตะตัวนกกระดาษน้อย ก่อนกล่าวกับจี้หยวนอีกประโยค

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปนะ”

“ไปเถอะ อืม เฝ้าดูอย่างละเอียดหน่อย กลับมาบอกข้าด้วย!”

“อืม!”

หูอวิ๋นตอบรับ ไม่ทันไรก็กระโดดหายตัวไป แต่จี้หยวนไม่ทันสงบนานนัก เสียงตื่นเต้นของอิ๋นจ้งเข้ามาใกล้ตามเสียงวิ่งเขา

“ท่านจี้ ท่านจี้ วันนี้มีเรื่องใหญ่ มีเรื่องใหญ่แล้ว…”

อิ๋นจ้งวิ่งเร็วมาก แต่ยามวิ่งเลียบโถงทางเดินมาอยู่ตรงหน้าจี้หยวนกลับไม่หอบหายใจนัก หน้าแดงก่ำโดยไม่รู้ว่าถูกลมหนาวหรือตื่นเต้นยินดี

“เรื่องใหญ่อะไร เกี่ยวกับสตรีนางนั้นที่พี่ชายเจ้าพามาหรือ”

“แหะๆๆ ไม่ผิด ท่านจี้ ข้าขอแอบบอกท่าน สตีนางนั้นถือว่ามาดูตัวกับพี่ชายข้า ฐานะยิ่งใหญ่ นั่นคือองค์หญิงฉางผิงซึ่งฝ่าบาททรงโปรด!”

อิ๋นจ้งกล่าวกับจี้หยวนอย่างเจือความโอ้อวด นัยส่วนใหญ่ของคำพูดคือ ‘ดูสิ ตระกูลข้าร้ายกาจใช่หรือไม่ องค์หญิงมาดูตัวกับพี่ชายด้วย’

“อีกทั้ง…”

อิ๋นจ้งพูดถึงตรงนี้แล้วกดเสียงต่ำ

“อีกทั้งฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังอยู่ด้วย น่าเสียดายว่าองค์ชายไม่มาสักคน มิฉะนั้นข้าคงมีคนเล่นด้วย ท่านจี้ ท่านคงไม่เคยเจอฝ่าบาทกระมัง ปกติพระองค์อยู่แต่ในวัง ข้างกายล้วนมีผู้คุ้มกัน”

จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย

อิ๋นจ้งยิ้มระรื่นพลางมองไปตรงโถงทางเดิน กดเสียงต่ำลงอีกเล็กน้อย

“ข้าหรือ เมื่อครู่อ้างว่าออกมาหาท่าน ออกจากห้องรับแขกแล้วแอบเดินตามท่านพี่กับองค์หญิงฉางผิงอยู่ห่างไกลครู่หนึ่ง แหะๆๆ พวกเขาอยู่ห้องหนังสือนานกว่าจะออกมา ไม่รู้ว่าทำอะไร! มีคำกล่าวว่าชายหญิงอยู่ร่วมห้องตามลำพัง…”

อิ๋นจ้งกำลังยิ้มระรื่นกล่าวอย่างมีหลักการ จี้หยวนยื่นมือมาตรงหน้าผากเขาก่อนดีดดังป๊อก

“โอ๊ย!”

อิ๋นจ้งกุมหน้าผากลูบสองครา

“ท่านจี้ดีดหน้าผากข้าทำไม!”

จี้หยวนส่ายหัวเล็กน้อย ฉวยโอกาสยามอวิ๋นจ้งกุมศีรษะไม่ทันสังเกต ด้านหนึ่งเก็บกระดานหมากกับกล่องตัวหมากบนโต๊ะหินเข้าแขนเสื้อ ด้านหนึ่งกล่าวค่อนขอด

“อายุยังน้อย คิดไม่ซื่อทำไม”

“ข้าเปล่า…”

อิ๋นจ้งกล่าวพึมพำอย่างร้อนตัว ทันใดนั้นเขาเห็นบิดาตนอิ๋นจ้าวเซียนมาจากโถงทางเดินแต่ไกล เขาตกใจจนหดคอเล็กน้อย มุดหลบเข้าด้านหลังโต๊ะหินตามจิตใต้สำนึก

การเดินของอิ๋นจ้าวเซียนไม่เร็วไม่ช้า ความจริงก้าวเท้าค่อนข้างกว้าง ดังนั้นเลยไม่เชื่องช้า เมื่อมาถึงกลางลานเรือนรับรอง เขามองไปตรงโต๊ะหินเป็นอันดับแรก

“หู่เอ๋อร์ เจ้าทำอะไร”

“เอ่อ ข้า เอ่อ… ข้ากำลังหาหูอวิ๋น แปลกจริง จิ้งจอกตัวนี้ไปไหนแล้ว”

อิ๋นจ้งแสร้งเกาหัวลุกขึ้นมา อิ๋นจ้าวเซียนส่ายหัวไม่มองเขาอีก หันมากล่าวกับจี้หยวน

“ท่านจี้ คิดว่าท่านรู้แล้วว่าวันนี้ใครมา ฝ่าบาทรู้ว่าท่านเป็นแขกในจวน ทั้งบอกว่าอยากเจอท่าน อีกเดี๋ยวจัดงานเลี้ยงที่ห้องอาหาร รับสั่งให้ข้าพาท่านไปด้วยกัน ข้าปฏิเสธว่าท่านเป็นชาวบ้านไม่รู้จักมารยาท คิดว่า…”

จี้หยวนยกมือห้ามอิ๋นจ้าวเซียนพลางยิ้มกล่าว

“ในเมื่อฮ่องเต้หงอู่อยากเจอข้า ถ้าอย่างนั้นข้าไปเจอเขาก็ย่อมได้ ถึงอย่างไรก็เป็นฮ่องเต้ต้าเจิน อัครเสนาบดีอย่างท่านย่อมต้องเห็นแก่หน้าเขา”

“ระ… เรื่องนี้เหมาะสมหรือไม่”

อิ๋นจ้าวเซียนคิดไม่ถึงว่าจี้หยวนยินดีเจอฮ่องเต้ แต่ฟังคำพูดนี้แล้วรู้สึกว่าอาจพิจารณาถึงตระกูลอิ๋น

“ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม อย่างมากแค่กินข้าวมื้อหนึ่ง กินกับใครก็ได้ อาจารย์อิ๋นไม่ต้องคิดมากนัก เหมือนอย่างที่ท่านกล่าว ถือว่าข้าเป็นชาวบ้านทั่วไปซึ่งไม่เคยเจอฮ่องเต้แต่อยากเห็นสักหน่อยก็พอ”

เมื่อเห็นจี้หยวนไม่ถือสาจริงๆ แน่นอนว่าไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว อิ๋นจ้าวเซียนค่อยวางใจ

“ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านตามข้าไปห้องอาหารด้วยกันเถอะ ทางห้องครัวเตรียมพร้อมแล้ว จริงสิ ยามท่านอยู่ต่อหน้าฝ่าบาท เอ่อ หวังว่าท่านจะเรียกว่าฝ่าบาทเช่นกัน…”

จี้หยวนอยู่ต่อหน้าชาวบ้านทั่วไปยังไม่ขาดมารยาท นับประสาอะไรกับฮ่องเต้ เขายิ้มพลางกล่าวปลอบ

“วางใจเถอะ ข้ารู้จักความพอดี จริงสิ วันนี้ฮ่องเต้มาเพราะอิ๋นชิงโดยเฉพาะหรือ”

อิ๋นจ้าวเซียนมองอิ๋นจ้ง ก่อนพยักหน้ากับจี้หยวน

“พาองค์หญิงฉางผิงมาด้วย… หากเรื่องนี้สำเร็จ ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างหนึ่ง!”

ทั้งสองคนก้าวเดินพลางพูดคุยกันเสียงเบา พร้อมกับอิ๋นจ้งซึ่งดูเหมือนตามมาอย่างเชื่องเชื่อ แต่ความจริงตั้งใจฟังอย่างยิ่ง ทั้งสามคนพากันมุ่งหน้าไปทางห้องอาหาร

ไม่นานก็เลียบโถงทางเดินมาถึงห้องอาหาร สิ่งสะดุดตายิ่งคือเหล่าผู้คุ้มกันพกดาบข้างนอก ยืนอยู่หน้าประตูกับกลางลานด้วยท่าทางนิ่งสงบ

เมื่อเห็นอิ๋นจ้าวเซียนเดินมา ผู้คุ้มกันประสานมือให้เขาเล็กน้อย จากนั้นความสนใจของหลายคนจดจ่อมาทางจี้หยวน สังเกตฝีเท้าและการแต่งกายของเขา

ขอเพียงผู้คุ้มกันเหล่านี้ไม่ค้นตัว จี้หยวนย่อมมองข้ามสายตาตรวจสอบพวกนี้ อิ๋นจ้าวเซียนก็เช่นกัน เมื่อใกล้ถึงหน้าประตูเขาผายมือเชิญ

“ท่านจี้เชิญ ฝ่าบาทกับพระสนมเต๋อเฟยอยู่ข้างในแล้ว”

ผู้คุ้มกันช่วยเปิดประตู อิ๋นจ้าวเซียนกับจี้หยวนพากันเดินเข้าไปด้านใน อิ๋นจ้งรั้งท้ายก้าวหนึ่ง

ห้องอาหารแห่งนี้ใหญ่มาก สามารถวางโต๊ะงานเลี้ยงได้หลายตัว แต่ตอนนี้กลับวางอยู่ตัวเดียว ดูเหมือนกว้างขวางอย่างยิ่ง เดินเข้าประตูมาราวสี่ห้าจั้งค่อยถึงโต๊ะอาหาร ฮ่องเต้หงอู่อยู่ตรงตำแหน่งประธานมองมาทางประตู ตรงกลางยังมีสาวใช้ ขันที รวมถึงผู้คุ้มกันสองสามคน

อีกฝ่ายคือฮ่องเต้ ถือว่าเป็นคนพิเศษ แน่นอนว่าจี้หยวนย่อมเห็นชัดเจน หยางฮ่าวน่าเกรงขามกว่าตอนนั้นมาก

อิ๋นจ้งวิ่งไปข้างกายมารดาตนโดยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย ทุกคนรวมถึงฮ่องเต้ต่างยิ้มมองมา อิ๋นจ้าวเซียนยืนประสานมือคารวะฮ่องเต้ตรงประตู

“ฝ่าบาท นี่ก็คือสหายสนิทของกระหม่อมคนแซ่อิ๋น…”

อิ๋นจ้าวเซียนพูดพลางมองจี้หยวน กล่าวเตือนเสียงเบาประโยคหนึ่ง

“ท่านจี้…”

จี้หยวนไม่ต้องปล่อยให้เขาพูดมากความ ยิ้มพลางประสานมือคารวะฮ่องเต้หงอู่เล็กน้อย

“กระหม่อมจี้หยวน ถวายบังคมฝ่าบาท”

ฮ่องเต้หงอู่สำรวจมองจี้หยวนโดยละเอียด แม้ว่าผู้มาเยือนแต่งกายเรียบง่าย แต่ท่าทางกลับผ่อนคลายสง่างามเจิดจรัส ยืนร่วมกับอิ๋นจ้าวเซียนซึ่งท่าทางโดดเด่นแล้วไม่ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย ภาพจำแรกนี้ถือว่าเป็นยอดบุคคลจริงๆ

“มาๆๆ ขุนนางอิ๋นกับท่านจี้ไม่ต้องมากพิธี รีบนั่งเถิด ท้องข้าหิวนานแล้ว รอชิมอาหารของอำเภอหนิงอันอยู่เชียว!”

อิ๋นชิงซึ่งนั่งประจำที่นานแล้วแปลกใจอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าท่านจี้จะมาจริง แต่เห็นสายตาท่านจี้มองตนกับองค์หญิงฉางผิงหลายครั้ง เขาคิดในใจอย่างบอกไม่ถูก

‘ท่านจี้คงไม่ได้มาร่วมสนุกเพราะเรื่องของข้ากับองค์หญิงฉางผิงกระมัง’

เมื่อจี้หยวนกับอิ๋นจ้าวเซียนมาถึง ทุกคนต่างมาครบแล้ว ห้องครัวเริ่มจัดวางอาหารทันที ประตูเล็กของห้องกั้นถูกเปิดออก บ่าวจวนตระกูลอิ๋นหลายคนยกอาหารอุ่นร้อนกรุ่นกลิ่นมา

งานเลี้ยงย่อมเลี่ยงการชนจอกกับฮ่องเต้ไม่ได้ แต่จี้หยวนกลับไม่สนใจเรื่องนี้ แค่ดื่มกับตัวเอง ฮ่องเต้หงอู่ไม่โกรธด้วยเรื่องนี้ กลับพูดคุยกับอิ๋นจ้าวเซียนอย่างไม่เลวนัก

การกินข้าวร่วมกับฮ่องเต้ ความจริงไม่ได้เกินกว่าเหตุอย่างที่คนทั่วไปคิด แค่ใช้สายตาอ้าปากกินพลางพูดคุยเรื่องน่าสนใจ ด้วยตัวละครหลักวันนี้คืออิ๋นชิงกับองค์หญิงฉางผิง ดังนั้นบนโต๊ะอาหารจึงคุยเรื่องพวกเขาเป็นส่วนใหญ่

ฮ่องเต้กับพระสนมเต๋อเฟยตรัสถึงเรื่องน่าสนใจวัยเด็กขององค์หญิงฉางผิง ชมว่าองค์หญิงองค์นี้ฉลาดเพียบพร้อมแค่ไหน เชี่ยวชาญพิณหมากพู่กันจิตรกรรม ฝั่งจวนตระกูลอิ๋นเองเล่าว่าตอนเด็กอิ๋นชิงฉลาดรู้ความแค่ไหน อ่านตำราผ่านตาไม่ลืมเลือน แม้ว่าบางครั้งซุกซนมาก แต่ไม่มีใครไม่ชอบ แม้แต่สัตว์ตัวน้อยยังใกล้ชิดเขา

‘สองครอบครัวถูกชะตาการพูดคุยบนโต๊ะอาหารคึกคักโดยแท้ ดูจากสถานการณ์นี้คงคล้อยตามคำสั่งพ่อแม่แม่สื่อแนะนำ อิ๋นชิงกับองค์หญิงฉางผิงคงทำอะไรไม่ได้แล้ว!’

จี้หยวนส่ายศีรษะเล็กน้อย ดื่มสุราภายในจอก คิดอย่างขบขันและจนปัญญา

เซียนหมากข้ามมิติ

เซียนหมากข้ามมิติ

Score 10
Status: Completed
เพราะกระดานหมากเก่าๆ จี้หยวน พนักงานบริษัทธรรมดาๆ จึงข้ามมิติมาสู่โลกใหม่ในร่างขอทานตาเกือบบอด เพื่อเอาตัวรอดในโลกที่ไม่คุ้นเคย เขาจึงต้องใช้ไหวพริบของคนยุคปัจจุบันและกลหมากพัฒนาตัวเองให้แกร่งกล้า!

Options

not work with dark mode
Reset