ตอนที่ 422 อิ๋นชิงถูกเร่งรัดหาคู่แต่งงาน
“คุณชายสาม…”
จี้หยวนมองเงาหลังซึ่งรีบจากไปของพวกอิ๋นจ้าวเซียนกับอิ๋นชิง ปากยังกล่าวพึมพำกับตัวเอง เมื่อนึกย้อนกลับไปเล็กน้อย ได้ยินคำเรียกนี้ครั้งแรกตอนอยู่นอกจังหวัดจิงจี บนท่าเรือจ้วงหยวนฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเทียมฟ้า
“ฮ่องเต้องค์นี้เปี่ยมความรู้สึกอยู่บ้าง!”
…
ประตูทางเข้าจวนตระกูลอิ๋น อิ๋นจ้าวเซียนพาฮูหยินกับบุตรชายของตน เดินซอยเท้ามาพร้อมพวกบ่าวประจำตระกูลจนกระทั่งถึงตรงประตูจวน หลังจากจัดระเบียบเสื้อผ้าเล็กน้อย พวกเขาค่อยออกมาข้างนอก ผู้คุ้มกันกับรถม้าล้วนไม่ขยับสักนิด คนบนรถม้าไม่ลงจากรถเช่นกัน รอจนอิ๋นจ้าวเซียนมาหา
อิ๋นจ้าวเซียนพาครอบครัวเดินออกจากประตูจวน ก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็ว จากนั้นค่อยเดินมาหน้าพาหนะ ทุกคนค้อมตัวคารวะพร้อมกัน
“กระหม่อมอิ๋นจ้าวเซียน นำครอบครัวทั้งจวนมาถวายบังคมฝ่าบาท!”
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
ทุกคนที่อยู่ด้านหลังพูดตามเป็นเสียงเดียวกัน
เวลานี้ม่านบนรถม้าเพิ่งถูกเปิดออก ยามผู้คุ้มกันวางเก้าอี้รอง ขันทีคนหนึ่งลงมาจากรถม้าก่อน จากนั้นค่อยประคองอีกคนลงมาจากรถ เป็นหยางฮ่าว ฮ่องเต้หงอู่แห่งต้าเจินนั่นเอง
“ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ!”
ฮ่องเต้หงอู่เดินมาใกล้อิ๋นจ้าวเซียนสองสามก้าว ประคองอิ๋นจ้าวเซียนขึ้นมาด้วยตัวเอง
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
“หึๆๆ ขุนนางอิ๋น วันนี้ข้าออกจากวังมาโดยไม่ได้เปิดเผยตัว มาเยี่ยมเยียนถึงจวนเจ้าเป็นการส่วนตัว ทั้งพาครอบครัวมาด้วย พวกเจ้าลงมาเถอะ!”
ครึ่งประโยคแรกของฮ่องเต้หงอู่กล่าวกับอิ๋นจ้าวเซียน ส่วนครึ่งประโยคหลังเอ่ยกล่าวกับคนบนรถม้าอีกคันซึ่งอยู่ด้านหลัง ต่อมาม่านรถม้าคันนั้นถูกเปิดออกจากด้านใน สตรีสองคนทยอยเดินออกมา คนหนึ่งอายุมากหน่อยแต่กลับท่าทางสง่างาม คนหนึ่งหน้าตางามผุดผ่องเรียบร้อย
“ถวายบังคมพระสนมเต๋อเฟย ถวายบังคมองค์หญิงฉางผิง!”
อิ๋นจ้าวเซียนกับครอบครัวด้านหลังคารวะอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
“ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี วันนี้พวกเรามาจวนของเจ้า ไม่ได้รบกวนพวกเจ้ากระมัง”
พระสนมเต๋อเฟยพาองค์หญิงเดินมาอยู่ข้างกายฮ่องเต้ ยิ้มร่าพลางเอ่ยถามอิ๋นจ้าวเซียนกับมารดาตระกูลอิ๋นประโยคหนึ่ง โดยเฉพาะฝ่ายหลังยังมีตำแหน่งเก้าหมิ่ง เข้าวังเพื่อพูดคุยกันเป็นครั้งคราว
“มิบังอาจๆ ฝ่าบาท พระสนม องค์หญิง ฟ้าใกล้มืดแล้ว ข้างนอกอากาศหนาว รีบเสด็จเข้าจวนเพื่ออบอุ่นร่างกายเถิด กระหม่อมคนแซ่อิ๋นสั่งทางห้องครัวแล้ว พวกเขาย่อมเตรียมงานเลี้ยงพร้อมสรรพ”
ไม่ว่าฮ่องเต้เสด็จมาทำอะไรก็ไม่อาจยืนคุยข้างนอก อิ๋นจ้าวเซียนเชิญฮ่องเต้เสด็จเข้าจวน ก่อนหน้านี้ยังสั่งบ่าวในจวนกับทางห้องครัวให้เตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว
“ดี วันนี้ข้าจะชิมรสชาติอาหารของจวนเสนาบดีอิ๋นว่าเป็นอย่างไร!”
“มีเนื้อปรุงรสจากบ้านเกิดอำเภอหนิงอันพอดี ฝ่าบาทโปรดลิ้มรส เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ!”
อิ๋นจ้าวเซียนผายมือเชิญ ทุกคนค่อยเดินเข้าจวนช้าๆ อิ๋นชิงไม่เอ่ยวาจามาตลอด แค่เดินตามข้างกายบิดาตน ถือโอกาสดูแลอิ๋นจ้ง แต่เขากลับพบว่าพระสนมเต๋อเฟยและองค์หญิงฉางผิงคอยประเมินเขาเป็นพักๆ
เรื่องนี้ทำให้อิ๋นชิงขมวดคิ้วไม่หยุด หลังจากใคร่ครวญเพิ่มเติม เขานึกถึงความเป็นไปได้ไร้สาระอย่างหนึ่ง
ตอนนี้ในห้องรับแขกของจวนตระกูลอิ๋นก่อเตาผิงหลายแห่ง ทั้งมีบ่าวเตรียมน้ำชาขนมพร้อมสรรพ ทุกคนเดินผ่านประตูระเบียงมาถึงที่นี่ เพิ่งเข้าประตูก็รู้สึกถึงกระแสอบอุ่นปะทะใบหน้า
ภายในห้องรับแขกแห่งนี้มีศิลปะคัดลายมือและภาพวาดแขวนอยู่เต็มไปหมด อักษรส่วนใหญ่อิ๋นจ้าวเซียนเป็นคนเขียน ส่วนภาพอิ๋นชิงเป็นคนวาดทั้งสิ้น บิดาบุตรตระกูลอิ๋นถือว่ามีชื่อเสียงด้านนี้ทั้งนอกในราชสำนัก
หลังจากพวกเขานั่งประจำที่ สายตาฮ่องเต้หงอู่กวาดมองภาพวาดภายในห้อง มองอยู่นานก่อนกล่าวชื่นชมจากใจ
“ทุกคนต่างบอกว่าขุนนางอิ๋นซื่อสัตย์มือสะอาด ความจริงถือว่าเจ้าไม่ขาดแคลนเงิน ทุกหนแห่งภายในเรือนล้วนคือสมบัติ แค่ภาพวาดในห้องรับแขกนี้ ไม่รู้ว่าเศรษฐีผู้ทรงอำนาจมากทรัพย์สินเท่าไหร่ยังหาซื้อไม่ได้!”
อิ๋นจ้าวเซียนดื่มชาพลางยิ้มเล็กน้อย
“เสนาบดีอิ๋นถ่อมตัวเกินไปแล้ว หญิงแต่งงานแล้วอย่างข้าอยู่วังหลังยังเคยได้ยินไม่รู้กี่รอบ ทราบว่าเสนาบดีอิ๋นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญการเขียนอักษรแห่งยุค ส่วนฝีมือวาดภาพของบุตรชายอิ๋นชิงก็เลื่องชื่อเช่นกัน อักษรกับภาพวาดล้วนยากเสาะหายิ่ง พวกเจ้าพ่อลูกล้วนเป็นอัจฉริยะ!”
พระสนมเต๋อเฟยพูดเก่งมาก ทั้งรู้สถานะของอิ๋นจ้าวเซียนในใจฮ่องเต้ดี ฮ่องเต้หงอู่เคยคุยเรื่องอิ๋นจ้าวเซียนกับนางยามร่วมเตียงเคียงหมอนหลายครั้ง ส่วนใหญ่เป็นคำชมถึงขั้นกล่าวอย่างนับถือ
อนาคตอิ๋นจ้าวเซียนย่อมเป็นราชครูของรัชทายาท พูดจากอีกมุมมองได้ว่าหากอิ๋นจ้าวเซียนคิดว่าองค์ชายคนไหนไร้ความสามารถปราศจากคุณธรรมไม่อาจรับหน้าที่ใหญ่หลวง ไม่ว่าชอบองค์ชายองค์นั้นมากแค่ไหน เขาคงไม่ใช่ตัวเลือกรัชทายาทแน่
กอปรกับเคยได้ยินข่าวลือจากชาวบ้านรวมถึงขุนนางบุ๋นบู๊ บอกว่าอิ๋นจ้าวเซียนเป็นมหาบัณฑิตเปี่ยมคุณธรรมแห่งยุค ครองปราณต้านทานยิ่งใหญ่ รู้แจ้งเรื่องทางโลก กำจัดสิ่งชั่วร้าย คล้ายคดีไหมโลหิตเมื่อตอนนั้น
เวลาล่วงเลยจวบจนวันนี้ จังหวัดลี่ซุ่น จังหวัดอวิ๋นปอ รวมถึงทั่วรัฐหวั่น มีชาวบ้านอวยพรอิ๋นจ้าวเซียนทุกปีโดยตลอด หลายแห่งยังตั้งศาลท่านอิ๋น มีสีสันอัศจรรย์อยู่บ้าง
“ใช่แล้ว เสนาบดีอิ๋น ความสามารถของท่านทั่วราชสำนักใครไม่รู้บ้าง ฝีมือวาดภาพของรองเสนาบดีอิ๋นก็เช่นกัน”
องค์หญิงฉางผิงกล่าวเสริมประโยคหนึ่งพลางมองอิ๋นชิง ฝ่ายหลังซึ่งนั่งอยู่ตรงริมเพียงประสานมือกล่าวขอบคุณเล็กน้อย ไม่กล่าวอะไรมาก
“จริงสิ ขุนนางอิ๋น รองเสนาบดีอิ๋นอายุเกินสามสิบปีแล้ว แต่ถึงตอนนี้ยังไม่แต่งงาน เขามีสัญญาหมั้นหมายหรือไม่”
อิ๋นจ้าวเซียนมองอิ๋นชิงซึ่งก้มหน้าดื่มชาพลางกล่าวตอบ
“ไม่มีสัญญาหมั้นหมายพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นรองเสนาบดีอิ๋นมีคนที่หมายปองหรือยัง”
คราวนี้ฮ่องเต้หงอู่ตรัสถามอิ๋นชิง ฝ่ายหลังจำต้องเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม
“กราบทูลฝ่าบาท อิ๋นชิงไม่มีคนที่หมายปอง แค่ยุ่งงานราชการทั้งต้องเจียดเวลาอ่านตำราเล่าเรียน ดังนั้นเลยไม่มีความคิดเที่ยวเล่นรักสนุกพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หงอู่พยักหน้าเล็กน้อย
“สมเป็นบุตรชายเสนาบดีอิ๋น ถือเป็นเสาหลักของอาณาจักรเช่นกัน แต่ถึงวัยแต่งงานควรต้องแต่ง ทายาทตระกูลอิ๋นต้องยืนหยัดต่อกระมัง เสนาบดีอิ๋นว่าอย่างไร”
อิ๋นจ้าวเซียนเผยรอยยิ้ม พยักหน้ากล่าวเสริม
“ฝ่าบาทตรัสถูกต้อง ชิงเอ๋อร์ เจ้าสมควรแต่งงานแล้ว”
อิ๋นชิงไม่ได้แต่งงาน ด้านหนึ่งเป็นเพราะยุ่งมากจริงๆ เรื่องที่ต้องดูแลมากเกินไป อีกด้านหนึ่งเป็นเพราะหวั่นเกรงอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้อิ๋นชิงจึงไม่เคยคิดเรื่องการแต่งงานมาก่อน
อย่างแรกเป็นเพราะปัจจุบันฐานะทางราชสำนักของตระกูลอิ๋นโด่งดังมาก แต่กลับน่าอักอ่วนอยู่บ้าง รากฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจก้าวพลาดสักนิด
อย่างที่สองคือภายในตระกูลอิ๋นไม่ธรรมดานัก อาจเจอเรื่องอัศจรรย์บางส่วน การเลือกภรรยาต้องรอบคอบมากเช่นกัน
คนอื่นอาจไม่คิดมากเช่นนี้ แต่อิ๋นชิงกลับคิดอย่างลึกซึ้ง เขารู้ดีว่าตอนนี้ตนไม่อาจแต่งงานกับหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งได้ แต่ถ้าแต่งกับบุตรสาวตระกูลเด่นดังคงพัวพันกับครอบครัวอีกฝ่าย เรื่องฮ่องเต้องค์ก่อนทำให้เขาต้องใคร่ครวญครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่สถานการณ์วันนี้คงหลบไม่พ้นแล้ว อิ๋นชิงแค่ยิ้มเล็กน้อยแต่กลับไม่ตอบอะไร
ตอนนี้พระสนมเต๋อเฟยกำลังกระซิบกับมารดาตระกูลอิ๋น จากนั้นค่อยส่งสายตาบอกนาง ฝ่ายหลังเข้าใจโดยปริยาย
“อ้อ จริงสิ ชิงเอ๋อร์ องค์หญิงฉางผิงมาจวนตระกูลอิ๋นเป็นครั้งแรก มิสู้เจ้าพานางเดินเล่นรอบจวนแห่งนี้เป็นอย่างไร”
อิ๋นจ้งกล่าวพึมพำอยู่ข้างอิ๋นชิง
“อากาศหนาวเดินเล่นอะไรกัน”
อิ๋นชิงจนปัญญา ได้แค่มององค์หญิงฉางผิง
“องค์หญิงอยากเดินเล่นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฝ่ายหลังอมยิ้มพยักหน้าอย่างเหมาะสม
“รบกวนรองเสนาบดีอิ๋นแล้ว ข้าอยากรู้เรื่องจวนตระกูลอิ๋นนัก”
พูดมาถึงขั้นนี้ อิ๋นชิงยากปฏิเสธ รอองค์หญิงฉางผิงสวมชุดคลุมขนสัตว์แล้ว เขาค่อยพานางออกไป
อิ๋นจ้งมองพี่ชายทั้งมองสถานการณ์ภายในห้อง เดินมาข้างมารดาตระกูลอิ๋นพลางกล่าวเสียงเบา
“ท่านแม่ ข้าไปพร้อมท่านพี่ได้หรือไม่”
“เจ้าไปทำอะไร ห้ามไป!”
ได้ยินคำพูดมารดาตระกูลอิ๋น อิ๋นจ้งขมวดคิ้ว ท่านพี่ไปแล้ว ที่นี่ยังมีฮ่องเต้กับพระสนม บรรยากาศกดดันทั้งไม่น่าสนุก
“ถะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปหาท่านจี้…”
อิ๋นจ้งพึมพำเสียงเบา ซอยเท้าเดินไปข้างอิ๋นจ้าวเซียน คารวะฮ่องเต้พระสนมรวมถึงบิดาตนตามลำดับอย่างนอบน้อมยิ่ง
“ฝ่าบาท พระสนม ท่านพ่อ หู่เอ๋อร์รู้สึกว่าที่นี่ร้อน อยากออกไปเดินสักหน่อย”
“หึๆๆ ร่างกายหู่เอ๋อร์ดีนัก เหล่าองค์ชายของข้าไม่มีใครเทียบหู่เอ๋อร์ได้สักคน”
ฮ่องเต้หงอู่โปรดเด็กคนนี้ซึ่งร่วมเรียนกับเหล่าองค์ชายมาก อิ๋นจ้าวเซียนรับคำชม ก่อนหันมากล่าวอิ๋นจ้ง
“มีธุระอะไรต้องจากไป ไปก่อความวุ่นวายให้พี่ชายเจ้ากระมัง”
“ไม่ใช่เสียหน่อย! ข้าไปหาท่านจี้…”
เด็กอย่างอิ๋นจ้งพลันปากไว กล่าวถึงครึ่งหนึ่งค่อยเบาเสียงลง อิ๋นจ้าวเซียนไม่รู้สึกแปลกอะไร ส่ายหัวพลางโบกมือกล่าว
“ไปเถอะๆ”
ฮ่องเต้ไม่รู้จักจี้หยวน ถ้าเป็นสหายจากบ้านเกิดธรรมดาคงไม่เป็นไร อีกทั้งอิ๋นจ้าวเซียนไม่ทราบว่าจี้หยวนรู้จักเหยียนฉาง ด้วยเหยียนฉางไม่เคยเล่าเรื่องนี้ข้างนอก ตอนเผชิญหน้ากับฮ่องเต้องค์ก่อน ยามมอบขนมไหว้พระจันทร์ยังบอกแค่ว่าเป็น ‘เซียนคนหนึ่ง’
เมื่ออิ๋นจ้งจากไปอย่างลิงโลด ฮ่องเต้หงอู่ค่อยยิ้มสบตาอิ๋นจ้าวเซียน รู้สึกเหมือนว่าฮ่องเต้ขุนนางเหมาะสมกันยิ่ง
“จวนขุนนางอิ๋นมีแขกหรือ”
“กราบทูลฝ่าบาท มีแขกคนหนึ่งมาอาศัยอยู่จริงๆ ถือเป็นสหายคู่ใจจากบ้านเกิดอำเภอหนิงอันของกระหม่อมคนแซ่อิ๋น ตอนนั้นเป็นเพื่อนบ้านพ่ะย่ะค่ะ”
สหายคู่ใจ?
ฮ่องเต้หงอู่สนใจขึ้นมาบ้าง วันนี้เรื่องสำคัญคือพาบุตรสาวตนองค์หญิงฉางผิงมาเยือน ในเมื่อนางออกไปกับอิ๋นชิงแล้ว คนที่เหลืออยากคุยอะไรก็ย่อมได้
“สหายคู่ใจของขุนนางอิ๋นเป็นบัณฑิตเหมือนกันหรือ”
อิ๋นจ้าวเซียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“แน่นอนว่ามีการศึกษา แต่กลับไม่ถือว่าเป็นบัณฑิตซึ่งพากเพียรอ่านตำราเพื่อสร้างชื่อโดยทั่วไป”
“อ้อ เป็นสหายของขุนนางอิ๋นได้ คิดว่าความสามารถคงไม่ด้อยกระมัง”
อิ๋นจ้าวเซียนฟังแล้วพอคาดเดาออก เขาแค่ยิ้มพลางกล่าวกับฮ่องเต้
“แน่นอนว่าท่านจี้มีความสามารถนัก แต่เขากลับเคยพูดว่าไม่มีความคิดรับราชการ หากแต่ชอบการออกเดินทางทั่วหล้า ดื่มชาฟังนักเล่าเรื่อง ทั้งเล่นหมากมากกว่า”
ฮ่องเต้หงอู่ครุ่นคิด จากนั้นค่อยกล่าวกับอิ๋นจ้าวเซียน
“นับว่าเป็นบัณฑิตงามสง่าชอบผ่อนคลายคนหนึ่ง อีกเดี๋ยวยามจัดงานเลี้ยง เชิญเขามาร่วมทานอาหารด้วยเถอะ”
อิ๋นจ้าวเซียนอึ้งงัน
“ถะ ถึงอย่างไรสหายของกระหม่อมก็เป็นสามัญชน ทะ ทั้งไม่เข้าใจมารยาทของชนชั้นสูง เกรงว่าหากพบฝ่าบาทจะ…”
“เฮ้อ ขุนนางอิ๋น สำหรับเจ้าแล้ว ข้าคงไม่ใจแคบเช่นนั้นกระมัง”
ฮ่องเต้หงอู่ยิ้มแล้ว สวรรค์สร้างรากฐานให้เขามาไม่เลว ถามตัวเองแล้วเขาก็อยากเป็นฮ่องเต้ปราดเปรื่องตลอดกาล แน่นอนว่าไม่มีทางถือสาเรื่องยิบย่อยเช่นนี้