ตอนที่ 293 ผลลัพธ์ของการถูกยั่วโมโหจนเวียนศีรษะ
โครม…
พื้นดินตรงที่ศพยักษ์ล้มลงแตกเป็นผุยผงโดยสมบูรณ์ ศพยักษ์และจอมพลังเกราะทองจมลงตรงกลางด้วยกัน
น้ำฝนรอบข้างพากันไหลลงไปในหลุมเสียงดังซู่
ตึก…ครืน…
เสียงดังสนั่นดังมาจากในหลุมอีกครั้ง ชั้นดินรอบๆ สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง น้ำที่เพิ่งไหลลงไปในหลุมราวกับเจอระเบิด พุ่งออกไปอีกครั้งราวกับลูกธนู
ภายในบ้านร้างที่อยู่ค่อนข้างไกล พวกหวงจือเซียนและหานหมิงตัวสั่นโดยพลัน ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงดังลั่น ร่างกายของพวกเขาจะเริ่มชาหนึบตามเสียง ตอบสนองตามสัญชาตญาณ
เหนือศีรษะยังคงมีฝุ่นตกลงมา กระเบื้องเก่าบนหลังก็สั่นไหวอยู่หลายครั้งแล้ว
โครม…
เสียงดังเกิดขึ้นอีกครั้ง หวงจือเซียน หานหมิง และคนอื่นๆ เตรียมรับเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนครั้งต่อไปแล้วแท้ๆ ทว่ายังคงตัวโยนตามเช่นเดียว ร่างกายสั่นไหวอีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้
หลายคนล้วนอยากรู้ว่ารูปการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง แต่ระหว่างรอคอยที่ยาวนานจนทรมานกลับไม่กล้าเอ่ยปากด้วยซ้ำไป
บนสนามต่อสู้ข้างนอก หลุมลึกเกินกว่าสี่ห้าจั้งแล้ว ศพยักษ์ได้รับหมัดจากจอมพลังเกราะทองถึงสี่หมัดแล้วเช่นกัน ตอนหมัดที่สี่มาถึง มันถึงขนาดได้ยินเสียงปริแตกดังขึ้นจากในร่างกายอยู่บ้าง
ในที่สุดการจู่โจมที่น่ากลัวและความเจ็บปวดรุนแรงก็ทำให้มันตื่นเต็มตาโดยสมบูรณ์
หวิว…
เสียงผ่าลมกลางอากาศดังมาอีกครั้ง เห็นหมัดของจอมพลังเกราะทองเข้ามาใกล้อย่างว่องไว ศพยักษ์พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบโต้กลับด้วยฝ่ามือทั้งสองข้าง
“โฮก…”
ตูม…
การปะทะกันทำให้น้ำฝนที่ตกลงมารอบๆ สะเทือนแตกสลาย
กึกๆๆๆๆ…
สองฝ่ามือของศพยักษ์ต้านหนึ่งกำปั้นของจอมพลังเกราะทอง ร่างกายยิ่งโค้งงออยากลุกขึ้นยืน
ทว่าวินาทีที่กำปั้นนี้ถูกต้านไว้ หัวเข่าข้างขวาของจอมพลังเกราะทองงอลงอย่างแรง กระแทกที่หน้าอกของศพยักษ์
ตึง…
“แค่ก…”
ศพยักษ์ถูกแทกเข่าใส่จนต้องไอเอาปราณสีเทาออกมา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าปล่อยสองมือ รวบรวมกำลังทั่วร่างดิ้นพล่านอยากหนีไป แต่ผ้าสีเหลืองบนกายพันมันไว้อย่างแน่นหนา ไม่เพียงห้ามให้มันจากไป ยิ่งทำให้มันใช้แรงได้ไม่มากเท่าไหร่
‘แย่แล้วๆ เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่…’
ศพยักษ์พลันคำรามขึ้นมา
“โฮก…”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามนี้ ทาสศพชั่วร้ายที่เดิมที่วนเวียนอยู่รอบหลุมใหญ่ไม่กล้าเข้าไปพลันกระโจนเข้าใส่บ้านร้างที่อยู่ไกลออกไป
ระยะห่างสามสิบจั้งถือว่าใกล้แค่คืบเดียวสำหรับศพประหลาดพรรค์นี้ แต่ความเร็วของมันในครั้งนี้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับกำลังห้อตะบึงอยู่
“โฮก…”
ศพประหลาดวิ่งไปพลาง ส่งเสียงคำรามชวนพวกหวงจือเซียนให้เสียขวัญไปพลาง
กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว[1]นี้ศพยักษ์เพียงอยากลองพนันดูสักตั้ง ในสายตาของมันความเป็นความตายของมนุษย์ไม่กี่คนไม่ควรค่าให้พูดถึงอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับหวังให้จอมพลังเกราะทองเสียสมาธิสักครู่หนึ่งก็ยังดี
ทันใดนั้นจอมพลังเกราะทองยืดตัวตรง หลังจากเหยียบบนตัวศพยักษ์อย่างหนักเพื่อยืมแรงแล้ว เสียงตูมดังขึ้นอีกครั้ง มันเปิดด้านหนึ่งของหลุมใหญ่ออกไปในแนวทแยงมุม
ตึง…ตึง…ตึง…
ราวกับสัตว์ขนาดยักษ์และกำยำ เพียงย่างเท้าไปหกก้าว ร่างกายของมันลากลมคลั่งไร้สิ้นสุดไล่ตามไปถึงข้างหลังศพชั่วร้ายศพนั้น
ย่างเท้าหกก้าวของจอมพลังเกราะทองเงียบเชียบเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเข้าประชิดศพชั่วร้ายแล้วถึงหยุดฝีเท้า โน้มตัวไปข้างหน้า ยกแขนซ้ายขวาใช้สองฝ่ามือปัดป่ายศพชั่วร้ายที่กำลังวิ่งอยู่
หวิว…
หวิว…
สองฝ่ามือสีแดงเถือกโบกไป ศพชั่วร้ายอยากหลบก็ไม่ทันแล้ว ยิ่งไม่ต้องพดถึงว่าศพยักษ์ควบคุมมันอยู่ มันจึงไม่อาจเปลี่ยนทิศทางได้เลย
ท่ามกลางเสียงร้องดังลั่น ฝ่ามือแดงทั้งสองข้างของจอมพลังเกราะทองประกบเข้าหากัน ทั้งมือซ้ายและขวาตบเข้าใส่ศีรษะของศพชั่วร้ายศพนั้นอย่างแรง
ปึง…
พรวด…
ศพชั่วร้ายแข็งแกร่งมากจนแม้แต่ดาบหรือกระบี่ของจอมยุทธ์ธรรมดายากจะตัดศีรษะของมันได้ ทว่าตอนนี้ถูกสองฝ่ามือของจอมพลังเกราะทองตบใส่จนระเบิดเละเทะเหมือนขนมงาทอดกรอบแล้ว
หวิว…
กึกๆๆ…
เสียงลมคลั่งดังขึ้น ประตูใหญ่ของบ้านร้างสั่นไหวอย่างแรง กองไฟหนึ่งกองที่เหลืออยู่ในบ้านร้างยิ่งดับลงในวินาทีที่จอมพลังเกราะทองโบกมือ
พวกหวงจือเซียนและหานหมิงในเรือนล้วนถูกลมคลั่งพัดจนล้มลงนั่งกับพื้น สองมือของทุกคนขวางอยู่ตรงหน้า ถูกลมกดอัดจนไม่อาจหายใจและลืมตาขึ้นได้
หลังจากสองลมหายใจให้หลัง ลมคลั่งที่ทำให้ไม่อาจหายใจสงบลงแล้ว เวลานี้ทุกคนในเรือนที่เมื่อครู่มองอะไรไม่ค่อยเห็นเพิ่งพบว่าห่างจากประตูออกไปไม่ถึงหนึ่งจั้งมีเงาดำยืนอยู่ตรงนั้น ทว่าส่วนบนไม่ใช่ศีรษะที่หน้ากลัวอย่างที่คิด กลับเป็นฝ่ามือยักษ์คู่หนึ่ง
จอมพลังเกราะทองยืนอยู่ข้างหลังศพชั่วร้าย
ตึง…
ศพชั่วร้ายล้มลงที่หน้าประตู ตรงคอมีกระแสแสงจางๆ หน้าตาเหมือนผงแป้งสีเหลืองอยู่ชั้นหนึ่ง ชัดเจนว่าการจู่โจมของจอมพลังเกราะทองไม่ใช่แรงธรรมดา ยังมีความลึกลับอื่นอยู่ในนั้นด้วย
ต่อให้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างศพชั่วร้าย แต่ถูกระเบิดศีรษะเช่นนี้ก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว
จอมพลังเกราะทองกวาดสายตามองศพที่อยู่บนพื้นครั้งหนึ่ง จากนั้นหมุนกายยืนนิ่งอีกครั้ง สองแขนวางอยู่ข้างลำตัว ผ้าสีเหลือกลับมาอยู่ที่เดิม ราวกับไม่ได้ขยับเลยตั้งแต่แรกเริ่ม
ภายในหลุมใหญ่ห่างออกไปสามสิบจั้ง ศพยักษ์ดำดินหนีไปไกลในพริบตาที่จอมพลังเพราะทองผละออกไป
มันจำไม่ได้แล้วว่าตนเองไม่รู้สึกกลัวมานานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กลับหนีออกห่างตามสัญชาตญาณ ถึงขนาดไม่มีความคิดตามไปจู่โจมตอนจอมพลังเกราะทองหันหลังให้มัน
หากอีกฝ่ายสบโอกาสจับตนเองได้อีกครั้ง เช่นนั้นคาดว่าไม่จบแค่ถูกต่อยสองสามหมัดแน่
ศพยักษ์เห็นว่าตนเองน่าจะหลุดพ้นแล้ว จอมพลังเกราะทองไม่กลับหลังหันอีก ทว่ายืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านร้าง ตามองไปทางหลุมยักษ์ ในแววตาเต็มไปด้วยความดูถูก
ภายในบ้านร้าง ทุกคนพักหายใจอยู่ครู่ใหญ่ถึงค่อยฟื้นคืนจากความรู้สึกกลัวและงุนงง
“ฮู่…ฮู่…ฮู่…พวกเรา ยังมีชีวิตอยู่กระมัง”
“เฮือก…น่าจะ ยังไม่ตาย…”
“ม้าของพวกเราเล่า ม้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไอ้หยาอย่าเพิ่งสนใจม้าเลย ชีวิตสำคัญกว่า!”
“ไฟดับหมดแล้ว!”
“จุดสิ เร็วหน่อย ยังมีเชื้อเพลิงนำไฟได้อยู่!”
เสียงภายในเรือนมีทั้งความรู้สึกรีบร้อนและเป็นกังวล จากนั้นมีเสียงดังอึกทึกเกิดขึ้น ไม่นานนักกองไฟภายในเรือนก็ถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แสงสว่างค่อยๆ กลับคืนสู่ภายในเรือน
ถึงแม้รู้ว่ามีจอมพลังเกราะทองคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ข้างนอก แต่ไฟยังคงมอบความรู้สึกปลอดภัยให้ทุกคนอยู่ดี นำมาซึ่งความอบอุ่นด้วย อย่างไรเสียลมคลั่งก่อนหน้านี้ก็พัดความอบอุ่นจากไปมาก ตอนนี้ทุกคนตัวสั่นกันหมดแล้ว
จนกระทั่งผ่านไปอีกพักหนึ่ง ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาแล้ว จอมยุทธ์อย่างพวกหวงจือเซียนสงบอารมณ์ได้ก่อน เข้าใกล้หน้าประตูที่ปิดสนิทอีกครั้ง มองผ่านรูบนประตูที่แปะกระดาษเอาไว้ออกไปข้างนอก
ครืน…ครืน…
สายฟ้าสว่างวาบผ่านท้องฟ้าติดต่อกันหลายเส้น ส่องสว่างพื้นดินซ้ำๆ
ถึงตอนนี้แล้ว ในสายตาของพวกหวงจือเซียนเพิ่งมองเห็นทางตะวันตกของประตู ตรงนั้นปรากฏหลุมขนาดยักษ์หลุมหนึ่ง
ต่อให้มีร่างกายของจอมพลังเกราะทองบังสายตาอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าหลุมนี้ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้มองไปแล้วไม่รู้เหมือนกันว่าลึกเท่าไหร่ ทว่ามืดมิดน่ากลัวทีเดียว
ชาวบ้านธรรมดาอย่างหานหมิงงุนงงไม่เข้าใจเล็กน้อย ทว่าจอมยุทธ์อย่างหวงจือเซียนกลับคิดย้อนไปถึงความรู้สึกพื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงก่อนหน้านี้ จินตนาการภาพออกมาไม่น้อย เกรงว่าหลุมใหญ่นี้ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนจอมพลังเกราะทองต่อสู้กับสัตว์ประหลาด
“ขอถาม ขอถามท่านเทพ ปีศาจนั่นพ่ายแพ้ท่านแล้วหรือ”
หวงจือเซียนลองหยั่งเชิงถาม ทว่าจอมพลังเกราะทองข้างนอกหันหลังให้บ้านร้างไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ถึงขนาดไม่หันกายมามองด้วยซ้ำไป
หลายคนมองศพชั่วร้ายไร้ศีรษะศพนั้น แม้ไม่มีศีรษะแล้ว แต่แค่มองปลายเล็บแหลมก็รู้สึกกลัวหัวหด
ใต้ดินซึ่งห่างออกไปประมาณร้อยจั้ง ศพยักษ์รู้สึกเจ็บน้อยลงแล้ว ความสนใจยังคงรวมศูนย์อยู่ที่ร่างจอมพลังเกราะทองบนพื้นดินไกลๆ
ศพยักษ์ไม่ได้รู้สึกเจ็บตัวแบบนี้มานานมากๆ แล้ว นานเสียจนเกือบลืมความรู้สึกนี้ไป เดิมทีมันไม่ควรมีความรู้สึกเจ็บ แม้มือเท้าขาดก็ไม่ควรรู้สึกเจ็บเช่นกันถึงจะถูกต้อง แต่การจู่โจมของจอมพลังเกราะทองกลับทำให้มันรู้สึกเจ็บจนยากจะทนไปทั่วทั้งตัว พอจะอธิบายได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียว ยังมีวิชาลี้ลับซุกซ่อนอยู่ภายในนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งว่ามันอาจฆ่าตนได้
ทว่าจอมพลังเกราะมองกลับไม่สนใจมันโดยสิ้นเชิง นี่เป็นความอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด ทำให้ศพยักษ์ร้อนใจและจนใจอยู่บ้างในเวลาเดียวกัน
มันยอมรับจากใจจริงว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมพลังดกราะทอง ทว่าความโกรธแค้นรุนแรงทำให้มันถอยไปอย่างไม่ยินยอม อย่างน้อยก็ต้องทำให้มนุษย์พวกนั้นตายให้หมด
ตอนนี้กลางท้องฟ้าไกลลิบพลันมีเสียงร้องน่ากลัวดังมาก
“อ๊าก…อ๊าก…อ๊าก…”
เสียงยิ่งเข้าใกล้ยิ่งดังขึ้น เจ้าของเสียงนี้คือปาจื่อ ตอนนี้เขายังคงถูกจี้หยวนหิ้วไว้ในมือ ทว่าตัวกลับอยู่กลางอากาศ การคุมลมเดินทางทำให้เขาต้องใช้เสียงร้องเพื่อระบายความกลัวและตื่นเต้นที่อยู่ในใจออกมา
จี้หยวนหมดคำพูดอยู่บ้างเช่นกัน ผู้โชคดีรอดชีวิตหนึ่งเดียวของค่ายราชาทักษิณทั้งไม่ใจกล้าและไม่ใจเสาะ บอกแล้วแท้ๆ ว่าหากกลัวก็หลับตาเสีย แต่ระหว่างทางกลับลืมตาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นเห็นตนเคลื่อนที่อยู่บนท้องฟ้าก็เกิดกลัวจนปัดป่ายมือเท้าไปเรื่อย ไม่อาจควบคุมตนเองได้
โชคดีที่ขาไปเสาะหาบนพื้นดิน ไม่เช่นนั้นด้วยสภาพเช่นนี้ของปาจื่อ แยกแยะทิศทางอยู่บนท้องฟ้าคงจะน่ากลัวน่าดู
เมื่อเตรียมลดระดับลงบนท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านร้าง จี้หยวนย่อมพบหลุมขนาดใหญ่นั่นแล้ว ยิ่งมองเห็นว่าจอมพลังเกราะทองถูกเรียกออกมาแล้ว ในใจรู้ชัดแจ้งว่าที่นี่ก็เจอความยุ่งยากแล้วเช่นกัน
“อ๊าก…อ๊าก…”
“หุบปาก”
คำพูดเรียบเฉยของจี้หยวนราวกับมีอานุภาพยิ่งกว่าความหวาดกลัวตลอดทางมานี้ ปาจื่ออุดปากตนเองไว้ในทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จี้หยวนพาปาจื่อตกลงหน้าบ้านร้างพอดิบพอดี ตอนนี้คนข้างในล้วนเข้าใกล้หน้าประตูกันหมดแล้ว หวงจือเซียนยิ่งรีบเปิดประตูออก
“ท่านจี้! ท่านกลับมาแล้ว!”
“ท่านจี้ ท่านไม่เป็นไรกระมัง”
“ท่านจี้กลับมาแล้ว!”
“ดียิ่งนักๆ ท่านจี้กลับมาแล้ว!”
“ท่านรีบเข้ามาข้างในเถอะ”
คนข้างในกระตือรือร้นอย่างหาใดเปรียบ การกลับมาของจี้หยวนทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกปลอดภัยอย่างแรงกล้า หัวใจที่แขวนคว้างอยู่กลับไปอยู่ในท้องได้เสียที
จี้หยวนพยักแล้วตอบอืมเสียงหนึ่ง ชำเลืองเห็นศพไร้ศีรษะข้างเท้า จึงปล่อยคอเสื้อปาจื่อแล้วดันเขาเข้าประตูไป
สายตาของจอมพลังเกราะทองจับจ้องจี้หยวนตั้งแต่เขายังไม่ตกลงบนพื้น เมื่อจี้หยวนตกลงบนพื้นแล้ว จอมพลังหมุนกายหาเขา
ครั้งนี้มันไม่มองหวงจือเซียน ไม่มองกระเรียนกระดาษที่หลบอยู่ตรงขื่อเช่นกัน ประสานมือคารวะจี้หยวนโดยตรง
“นายท่าน!”
“ไม่เลว ดีกว่าที่ข้าคิดไว้อยู่บ้าง”
จี้หยวนพยักหน้าให้มัน บนใบหน้าเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าวชม ทว่าจอมพลังย่อมไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด
“ท่านจี้ ข้างนอกฝนตกมีลมหนาว รีบเข้ามาข้างในก่อนดีหรือไม่”
จี้หยวนโบกมือ สายตากวาดมองความมืดข้างนอก
“ไม่รีบ”
เขาพูดพลางก้าวไปยังบ่อน้ำข้างนอกเรือน มองไปทางกลิ่นศพสายนั้น จากนั้นมองไปยังบางแห่งนอกหมู่บ้าน สองตาอาศัยตาทิพย์มองดู ปราณสีดำสกปรกคลับคล้ายคลับคลาปรากฏให้เห็นอยู่ตรงนั้น
ศพยักษ์ใต้ดินพยายามเก็บลมปราณทั้งหมดของตนเอง ทว่าความหวาดกลัวที่อยู่ในใจยากจะปิดบังไว้ได้
จนกระทั่งจี้หยวนกลับมา มันที่ถูกยั่วโมโหจนเวียนศีรษะพลันนึกขึ้นได้ จอมพลังเกราะทองพูดถึง ‘นายท่าน’ ด้วยนี่นา
[1] กลยุทธ์ล้อมเวยช่วยจ้าว หมายถึง เมื่อข้าศึกรวมศูนย์กำลังพลไว้ ควรจะใช้กลอุบายดึงแยกข้าศึกออกไป ทำให้กำลังพลกระจัดกระจาย ห่วงหน้าพะวงหลัง ครั้นแล้วจึงเข้าโจมตี