ตอนที่ 2345 ชดใช้
ตู้ฝานอ้าปาก พึมพำเบาๆ “นายท่าน พวกเข้ากล้ามาหาถึงที่เช่นนี้ ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล”
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างได้ยินก็หยุดเดิน หันกลับมาเหล่มอง “ว่ามา”
“เพราะข้างนอกมีข่าวลือว่านายท่านถูกฆ่าอยู่ข้างนอก กอปรกับนายท่านไม่ได้ปรากฏตัวหนึ่งปีแล้ว ฉะนั้นพวกเขาจึงได้กระทำกำเริบเสิบสาน ไร้ความกลัวเช่นนี้”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วเดินช้าๆ เข้ามา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “กำเริบเสิบสาน ไร้ความกลัว ข้ากลับอยากเห็นนักว่าพวกเข้าจะใจกล้าขนาดไหน”
เธอเดินไปยังด้านหน้าจวน เหลิ่งซวงกับตู้ฝานที่อยู่ข้างหลังตามไป ยิ่งเข้าใกล้ด้านหน้า เสียงเคาะประตูร้องตะโกนหาเรื่องก็ยิ่งดังชัดเจน เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงฝั่งด้านในของประตู ก่อนจะหันส่งสัญญาณให้ตู้ฝาน
ตู้ฝานก้าวเข้ามาเปิดประตู เมื่อประตูใหญ่เปิดออก ดวงตาของพวกคนที่อยู่ข้างนอกเป็นประกายขึ้นมา ขณะกำลังจะบุกเข้ามาข้างใน ก็เห็นเงาร่างสีแดงร่างหนึ่งเดินออกมาช้าๆ
พอพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นั้นอย่างชัดเจน ก็ตกตะลึงอึ้งค้างไปทันที “ภะ ภูติหมอ เฟิ่งจิ่ว!” ผงะถอยหลังไปหลายก้าว แต่ละคนหน้าซีดเผือดไปในพริบตา
ไหนว่าภูตหมอเฟิ่งจิ่วถูกฆ่าตายข้างนอกนั่นแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงออกมาจากข้างในนั้นได้
เฟิ่งจิ่วเดินเอามือไขว้หลังออกมา นัยน์ตาสุกใสเหล่มองพวกเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ตวัดมองไปข้างหลัง สายตาจับจ้องไปที่ประตูใหญ่ที่ถูกทุบตีจนเป็นรอย น้ำเสียงเย็นใสแฝงกลิ่นอายทรงพลังเปล่งออกจากปากของเธอ
“ทหาร!”
เธอตะโกนเสียงเย็น ไม่นานก็เห็นทหารยี่สิบกว่าคนกรูออกมาจากจวนเฟิ่ง สี่สิบคนนั้นจ้องมองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาเร่าร้อนและเปี่ยมไปด้วยความเคารพ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง “คารวะนายท่าน!”
คนสามสิบกว่าคนนั้นที่รุมล้อมอยู่หน้าประตูจวนเฟิ่งเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็อดตะลึงไม่ได้ ต่างถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณ ขณะเดียวกันก็จ้องพวกเฟิ่งจิ่วด้วยความระแวดระวัง หนึ่งในนั้นถามขึ้น “พวกเจ้าจะทำอะไร”
“ทำอะไรงั้นหรือ”
เฟิ่งจิ่วกระดกมุมปาก เผยรอยยิ้มเย็นชาชั่วร้ายออกมา เพียงแต่ รอยยิ้มนี้กลับไปไม่ถึงดวงตา เธอไม่ยิ้มยังดี เมื่อยิ้ม กลับยิ่งทำให้หัวใจของสามสิบกว่าคนนั้นหนักอึ้งจมดิ่ง เริ่มมีสังหรณ์ใจผุดขึ้นมารางๆ
“ชดใช้”
สามสิบกว่าคนนั้นเมื่อได้ยินเธอพูดคำว่าชดใช้ออกมา ต่างก็นิ่งอึ้ง “ชะ ชดใช้ ชดใช้อะไร” พวกเขายังตั้งสติไม่ได้
“ชดใช้อะไร”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเย็น เหล่มองพวกเขาแวบหนึ่ง “พวกเจ้าคงไม่ได้คิดว่า ประตูใหญ่จวนเฟิ่งของข้าใครคิดอยากจะมาทุบก็ทุบได้ ใครอยากจะมาเตะก็เตะได้”
ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนจึงเพิ่งเข้าใจ เหตุใดเมื่อครู่ตอนออกมาเธอถึงตวัดมองไปที่ประตูใหญ่แวบหนึ่ง ที่แท้ก็มีความคิดเช่นนี้เอง
“ภูตหมอ กวนสีหลิ่นฆ่าคนในตระกูลของพวกข้า บัญชีนี้จะคิดอย่างไร ในเมื่อเจ้าอยู่ อย่างนั้นเจ้าลองว่ามา เรื่องนี้จะจัดการอย่างไร!” หนึ่งในนั้นตวาดเสียงเข้ม ก้าวออกมาด้วยท่าทางราวกับแพ้คนไม่แพ้กล
“เขาฆ่าคนของพวกเจ้า” เฟิ่งจิ่วตวัดสายตาเย็นเยือกไปที่พวกเขา “หากฆ่าคนของพวกเจ้าจริง เรื่องนี้ข้าย่อมจะจัดการ แต่ตอนนี้ เขาอยู่ที่ใดยังไม่รู้ เรื่องจริงเป็นอย่างไรก็ยังไม่แน่ชัด พวกเจ้าต้องการคำอธิบายอะไรจากข้า”
เธอเปล่งเสียงเสียดจมูก “บัญชีนี้ข้าคิดไว้แล้ว แต่ตอนนี้พวกเจ้าชดใช้บัญชีค่าเสียหายประตูใหญ่ของข้าก่อนดีกว่า! ไม่อย่างนั้นวันนี้ พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะรอดชีวิตกลับไปได้แม้แต่คนเดียว!”
สิ้นเสียงของเธอ ทุกคนสะท้านไปทั้งใจ เห็นหน้าตาของเธอไม่เหมือนโกหก จึงอดลังเลไม่ได้ พลางมองหน้ากันแวบหนึ่ง
………………………………….
ตอนที่ 2346 คารวะนายท่าน
“ก็แค่ประตูบานเดียว ข้าทำประตูบานใหม่ให้เจ้าจะคิดเป็นเงินเท่าไรกัน” ชายคนหนึ่งเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ
เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก “ไม่มาก พวกเจ้าที่นี่มีคนจากสามตระกูล แต่ละคนชดใช้ให้ข้ามาคนละหนึ่งแสนเหรียญทองก็แล้วกัน!”
ครั้นเอ่ยประโยคนี้ออกไป คนพวกนั้นสูดหายใจลึกๆ “เจ้าปล้นเงินกันชัดๆ! คนละหนึ่งแสนเหรียญทอง ประตูนั่นแม้เลี่ยมทองก็คงไม่แพงขนาดนั้นกระมัง!”
“พวกเจ้าพูดผิดแล้ว หนึ่งแสนตำลึงนี้ไม่ได้คิดพวกเจ้าแพงไปเลย” เฟิ่งจิ่วสาวเดินช้าๆ สายตากวาดมองผ่านพวกเขา “ประตูนี้มีค่าไม่มาก แต่หน้าตาของข้าเฟิ่งจิ่วผู้นี้มีค่ามหาศาล พวกเจ้าเอะอะโวยวายตบถีบประตูอยู่ตรงนี้ ก็ถือว่าล่วงเกินข้าแล้ว พวกเจ้ารู้หรือไม่ ล่วงเกินผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งต้องชดใช้ด้วยอะไร”
สิ้นเสียง แรงกดดันอันแข็งแกร่งกระจายออกจากตัวเธอ แผ่ปกคลุมไปยังสามสิบกว่าคนนั้น ทำให้พวกเขาคุกเข่าลงไปบนพื้น สีหน้าซีดเผือด หวาดกลัวสุดขีด
“ล่วงเกินผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง ข้าสามารถเอาชีวิตพวกเจ้าได้!”
น้ำเสียงเย็นใสแฝงแววเกรี้ยวโกรธ ฝีเท้าของเธอชะงัก ตวัดกวาดมองพวกเขา “ฉะนั้น หนึ่งแสนนี้ไม่ใช่แค่ค่าประตูบานนี้ แต่พวกเจ้ากำลังซื้อชีวิตของพวกเจ้าอยู่
หากคิดว่ามากเกินไป ทำใจเอาออกมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอแค่ข้าสั่งคำเดียว ข้าทำให้พวกเจ้าเลือดสาดตายคาที่ได้ทันที หากพวกเจ้าตาย อย่างนั้นหนึ่งแสนเหรียญทองก็ช่างเถอะ”
น้ำเสียงของเธอเปล่งออกไปอย่างเบาหวิวลอยล่อง แต่กลับเหมือนลมหนาวเดือนสิบสองที่พัดหัวใจพวกเขาจนเย็นวาบ ทำให้พวกเขาตัวสั่นเทิ้มอย่างอดไม่ได้ นาทีนี้ เสียใจแทบตายให้ได้
รู้อย่างนี้แต่แรก พวกเขาคงไม่มาทุบตีประตูร้องเอะอะโวยวายแล้ว ตอนนี้กลับดี เฟิ่งจิ่วออกมา พวกเขาขโมยไก่ไม่ได้ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ หนึ่งแสนเหรียญทอง สำหรับพวกเขาถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มากทีเดียว!
“ตู้ฝาน เจ้าเก็บเงินจากพวกเขาให้ครบ หากก่อนอาทิตย์ตกเงินยังรวบรวมมาไม่ถึงมือเจ้า คนพวกนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีชีวิตอยู่แล้ว” เฟิ่งจิ่วหันไปกำชับตู้ฝานที่อยู่ด้านหนึ่ง
“ขอรับ” ตู้ฝานรับคำ
“เหลิ่งซวง ตามข้ามาเถอะ!” เธอขานเรียก ก่อนจะเดินไปข้างหน้า เหลิ่งซวงเดินตามหลังเธอไปเงียบๆ
มาถึงหอยาสวรรค์ เมื่อพวกเหลิ่งหวาเห็นเฟิ่งจิ่ว แต่ละคนรุมล้อมเข้ามาด้วยความดีใจ “นายท่าน!”
ในห้องใต้หลังคา หงส์ไฟกลายร่างเป็นนกน้อยกระพือปีกบินมาเกาะที่ไหล่เฟิ่งจิ่ว “นายท่าน ท่านกลับมาเสียที!”
“ข้ากลับมาแล้ว” เธอตอบรับเบาๆ มองทุกคนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “หนึ่งปีมานี้ ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วงแล้ว”
“นายท่าน ขอแค่ท่านกลับมาก็พอแล้ว เห็นท่านกลับมาอย่างปลอดภัย พวกข้าก็วางใจ”
“ใช่ นายท่าน ท่านกลับมาก็ดีแล้ว” ทุกคนรายล้อมเธออย่างยิ้มแย้ม
เวลานี้ เงาร่างสีขาวร่างหนึ่งเดินออกมาจากมุมห้อง มองเฟิ่งจิ่วที่ถูกพวกเขายืนล้อม อดก้มหน้าต่ำอย่างลังเลไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ยังก้าวเข้ามา
“ไป๋ชิงเฉิงคารวะนายท่าน” เธอคารวะเฟิ่งจิ่วอย่างมีระเบียบนอบน้อม
ครั้นเห็นนาง เฟิ่งจิ่วสายตาไหวระริก ตวัดมองนางแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “เงยหน้าขึ้นมา”
“เจ้าค่ะ” นางรับคำ เงยหน้ามองเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วมองเพียงแวบเดียว ก็รู้ว่าไป๋ชิงเฉิงได้เก็บความเย่อหยิ่งอวดดีทั้งหมดไปแล้ว นางในตอนนี้ไม่มีความโอหังดังเช่นตอนนั้นที่เจอในสำนักตะวันฉายอีกแล้ว กลับดูรื่นหูรื่นตาขึ้นมาก
“ไปทำงานของเจ้าเถอะ!” เธอเอ่ยเสียงนิ่มนวล พยักหน้าให้นางถอยออกไป
………………………………….