ตอนที่ 2083 นำกลับเข้าไปหลอมใหม่ในเตา
ทว่านับตั้งแต่จำความได้ เขาก็รู้ว่าเขากับพ่อไม่ใช่สายเลือดของตระกูลจัว เรื่องนี้แทบไม่ใช่ความลับในตระกูลจัว และเพราะเหตุผลนี้ ฐานะของพวกเขาในตระกูลจัวจึงค่อนข้างน่าอึดอัดใจเช่นนี้
“งืม…”
ตาเฒ่าที่กำลังหลับสบายพลิกตัว กระแทกเข้ากับก้อนหินที่อยู่ข้างๆ ทำให้ตื่นขึ้นมา เขาอ้าปากหาวกว้างๆ พลางบิดขี้เกียจมองสองคนที่อยู่ด้านหนึ่ง ขยี้ตาถามว่า “พวกเจ้าสองคนนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้น?”
เฟิ่งจิ่วหันไปมองแวบหนึ่ง ยิ้มบอกว่า “คุยกันอยู่! เอ้า เมื่อครู่หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างคนนั้นเอาเนื้อย่างมาให้” เธอโยนเนื้อย่างชิ้นโตที่เหลือชิ้นสุดท้ายให้เขา
“ฮะๆๆ คนที่เราเจอในป่าก่อนหน้านี้น่ะหรือ?” ตาเฒ่ารับเนื้อย่างไปกิน พลางพูดงึมงำว่า “ข้ากำลังหิวอยู่พอดี แต่อยู่ที่นี่มีโอกาสกินเนื้อไม่มากจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนอื่นเอามาให้ถึงที่หมดเลย”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วกลอกตา เอ่ยว่า “รีบกินเสียเถิด! ข้าเตรียมตัวจะไปจากที่นี่แล้ว ท่านจะอยู่ที่นี่ต่อ หรือจะไปด้วย?”
“แค่กๆ!”
ตาเฒ่าที่กำลังกัดเนื้อกินคำโตได้ยินก็สำลัก รีบกลืนเนื้อในปากลงคอ ก่อนหันไปมองเฟิ่งจิ่ว “เจ้าจะไปแล้ว?” ถามจบ เขามองเธอด้วยสายตาประหลาด “สุนัขจิ้งจอกน้อยที่เจ้าเล่ห์อย่างเจ้า เหตุใดไม่แอบย่องหนีตอนข้าหลับ?”
เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุกมองเขาแวบหนึ่ง ถูกเขาทายถูกเสียได้ เดิมทีเธอตั้งใจจะฉวยโอกาสตอนเขาหลับย่องหนีไป ใครจะรู้จัวจวินเยวี่ยกลับบอกว่าจะพาเธอกลับไปพบท่านย่าของเขา? เดาว่าหากเขาไม่พูดอย่างนั้น เธอคงไปนานแล้ว
เห็นสีหน้าของเฟิ่งจิ่ว ตาเฒ่าถมึงตากว้าง “เจ้าคงไม่ได้มีความคิดอย่างนั้นจริงๆ หรอกกระมัง?” เจ้าคิดจะฉวยโอกาสหนีไปตอนข้าหลับจริงๆ หรือ? ข้าบอกเจ้าไว้เลยนะ! คราวนี้หากเจ้ากล้าทิ้งข้า ข้าจะตามไปถึงบ้านเจ้าเลยทีเดียว!”
“พรุ่งนี้ออกจากป่าทันทีที่ฟ้าสาง” เธอตัดบท ก่อนถามขึ้นว่า “ใช่แล้ว แกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงนั่นพาเราสามคนออกจากป่าไปพร้อมกันได้หรือไม่?”
ได้ยินอย่างนั้น ตาเฒ่าหัวเราะพรืด เขามองเธอตาขวาง “เจ้าเคยลองเคลื่อนย้ายทีเดียวหลายคนแล้ว?”
“ไม่เคย” เธอส่ายหน้าตอบ เพราะไม่เคยลอง ถึงได้ถามเขาอย่างไรเล่า!
“แกนเคลื่อนย้ายทั่วไปสามารถพาคนอื่นไปด้วยได้อยู่แล้ว ยิ่งของที่ถูกท่านเรียกว่าสมบัติล้ำค่า จะเคลื่อนย้ายได้เพียงทีละคนหรือ?” เธอมองเขาด้วยสายตาประหลาด หากเคลื่อนย้ายได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นข้อจำกัดนี้ก็เกินไปแล้ว สู้แกนเคลื่อนย้ายทั่วไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“ข้าถึงได้บอกว่าเจ้าเพ้อเจ้อไร้สาระอย่างไรเล่า” ตาเฒ่าแค่นเสียงขึ้นจมูก เอ่ยว่า “แกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงเมื่อเปิดออก สถานที่ที่มีชื่ออยู่ในนั้นล้วนไปถึงได้ทุกที่ แกนเคลื่อนย้ายอื่นทำได้หรือ? หากยังพาคนอื่นไปด้วยได้ เช่นนั้นสมบัติชิ้นนั้นก็เป็นสมบัติที่ฝืนลิขิตสวรรค์เกินไปแล้ว จะเหลือมาถึงมือเจ้าได้อย่างไรกัน?”
เห็นสีหน้าดูแคลนของตาเฒ่า เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก ตาเฒ่าคนนี้ เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาคงไม่เอาสมบัติล้ำค่าอะไรออกมาให้เธอ แต่คิดดูแล้วก็จริง แม้จะพาเธอเคลื่อนย้ายไปได้คนเดียวก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว อย่างน้อย แม้เธอจะอยากกลับไปที่ราชวงศ์เฟิ่งหวงซึ่งอยู่บนแผ่นดินใหญ่แถบใต้แม่น้ำ ก็ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
ตาเฒ่าชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “แต่ว่า! หากหานักหลอมอาวุธชั้นยอดเจอ เจ้าสิ่งนี้อาจยกระดับขึ้นไปอีกขั้นได้ ไม่แน่เมื่อถึงเวลาอาจนำแกนเคลื่อนย้ายจี๋กวงเข้าเตาหลอมใหม่อีกครั้ง บางทีอาจกลายเป็นอย่างที่เจ้าว่าได้จริงๆ”
………………………………….
ตอนที่ 2084 อารมณ์หนักอึ้ง
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วลุกขึ้น สะบัดชายเสื้อมองรอบๆ แวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปด้านหลังเขา
ชายชราเห็นอย่างนั้น รีบถาม “ดึกดื่นอย่างนี้เจ้าจะไปไหน?”
เฟิ่งจิ่วหันไปชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้าไปปลดทุกข์ ท่านจะไปด้วยไหมเล่า?”
ได้ยินอย่างนั้น ชายชราหนังหน้ากระตุก ถลึงตาจ้องหน้าเธออย่างอับอาย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับจัวจวินเยวี่ย “เจ้าดูนางๆ เหมือนสตรีเสียที่ไหน? อย่างไรก็เด็กเมื่อวานซืนชัดๆ!”
จัวจวินเยวี่ยไม่สนใจตาเฒ่า แต่หันไปถามเฟิ่งจิ่ว “ให้ข้าไปเฝ้าหรือไม่?”
“ไม่ต้อง” เฟิ่งจิ่วโบกมือโดยไม่หันกลับมา เงาร่างค่อยๆ หายลับไปในความมืด
“แม่หนูนี่คงไม่ฉวยย่องหนีไปหรอกกระมัง?” ฮุ่นหยวนจื่อถามอย่างไม่ค่อยวางใจ หันไปมองยังทางที่เฟิ่งจิ่วจากไป ส่ายหน้าเอามือไพล่หลังแล้วเดินไปเดินมา รอเฟิ่งจิ่วกลับมา
เห็นเขาท่าทางเหมือนกลัวนางจะหนีไป จัวจวินเยวี่ยจึงเอ่ยว่า “ข้าจะเชิญนางกลับตระกูลจัวด้วยกัน นางรับปากแล้ว ฉะนั้นนางไม่ไปไหนหรอก”
ได้ยินอย่างนั้น ตาเฒ่าชะงัก “เจ้าจะเชิญนางกลับตระกูลจัว? ไปทำอะไร?” เห็นเขาหลุบตาไม่ยอมตอบอะไร ตาเฒ่ากลอกตาไปมา ถามว่า “หรือว่า เจ้ากับอาจารย์ของแม่หนูนั่นเกี่ยวข้องกันจริงๆ งั้นหรือ?”
“อาจารย์ของนางน่าจะเป็นท่านปู่ของข้า” จัวจวินเยวี่ยตอบ
ได้ยินอย่างนั้น ตาเฒ่าพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ใต้หล้านี้มีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ…
ขณะเดียวกัน ณ จุดที่ห่างออกไปประมาณสามสิบจั้ง ซึ่งก็คือพื้นที่ด้านหลังภูเขาไฟ เฟิ่งจิ่วนั่งขัดสมาธิลงไป เธออยากลองดูว่าหญ้าเซียนสองต้นที่วิ่งมาหาเธอวันนี้ถูกดึงดูดมาเพราะกลิ่นอายของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดหรือไม่
เธอวางสองมือไว้บนเข่า ปล่อยกายใจตามสบาย ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนกลิ่นอายของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดในร่างกายไปด้วย ปล่อยกลิ่นอายของบัวเขียวกระจายไปกลางอากาศ จากนั้นเธอก็มองไปรอบๆ คอยสังเกตความเคลื่อนไหวอย่างเงียบงัน
หญ้าเซียนไม่ได้มีแค่สองต้น อย่างนั้นหลังจากที่เธอปล่อยกลิ่นอายเม็ดบัวเขียวออกไป จะดึงดูดหญ้าเซียนมาได้อีกหรือไม่? นาทีนี้ เธอรู้สึกคาดหวังและตื่นเต้นอยู่บ้าง
เวลาประมาณครึ่งก้านธูปผ่านไป ดวงจิตที่ปล่อยออกไปสัมผัสได้ถึงหญ้าเพลิงฉายสองต้นที่กำลังเคลื่อนไหวมาทางเธอ หญ้าเซียนสองต้นนั้นเคลื่อนไหวบนดิน มาหยุดอยู่ข้างเธอ ใช้ใบของมันสะกิดเธอ สุดท้ายก็ดึงตนเองออกจากดิน หนึ่งในนั้นกระโดดเข้ามาในอ้อมอกเธอ ส่วนอีกต้นซ่อนตัวในแขนเสื้อของเธอ มองดูจนเธออึ้งงันตั้งสติไม่ได้
“เป็นกลิ่นอายของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดดึงดูดมาจริงหรือ?”
เธอพึมพำอย่างรู้สึกเหลือเชื่อ แต่สิ่งที่ทำให้เธอเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ ในชั่วเวลาครึ่งก้านธูปต่อมา กลับมีหญ้าเซียนอีกหลายต้นวิ่งมาหาเธอ บ้างก็ต้นเล็ก บ้างก็ต้นใหญ่ แต่ละต้นราวกับมีวิญญาณโอสถสิงอยู่ทำให้เกิดสติปัญญา พากันเคลื่อนไหวมาหาเธอ
ครั้นเห็นอย่างนั้น เธอรีบเก็บงำกลิ่นอายเม็ดขัวเขียวก่อกำเนิดไว้ในร่างกาย จากนั้นก็เก็บหญ้าเซียนสิบกว่าต้นเข้าไปปลูกในห้วงมิติ เธอรู้สึกว่าคนพวกนั้นน่าจะหาหญ้าเซียนไม่เจอแล้ว หากมี เดาว่าคงมาหาเธอหมดแล้ว
“ดูท่า เม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดน่าจะมีแรงดึงดูดต่อยาทิพย์ที่มีสติปัญญา หนำซ้ำยังต้องเป็นเหมือนหญ้าเซียนที่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วย” เธอพึมพำกับตนเอง ถอนหายใจเบาๆ ลึกๆ ข้างในรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย
………………………………….