ตอนที่ 1927 กลับบ้าน / ตอนที่ 1928 สองจวนเคียงกัน
ตอนที่ 1927 กลับบ้าน
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่เพิ่งออกจากบ้านตระกูลน่าหลันพลันชะงักเท้า หันกลับไปมองเด็กสาวตัวอ้วนที่อยู่ข้างหลัง “เสี่ยวเอ้อร์ เจ้าตามข้ากลับไป แล้วพ่อเจ้าไม่ต้องตามหาเจ้าให้วุ่นไปทั่วหรือ?”
“ไม่เป็นไร ระหว่างทางต้องเจอคนของบ้านข้าแน่ ข้าสั่งให้พวกเขากลับไปบอกก็พอ” นางยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ถนนใหญ่
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วถอนหายใจเบาๆ หันไปพูดกับเฮยหลางที่อยู่ข้างหลัง “เจ้าไปบอกคนของตระกูลน่าหลันที ให้พวกเขาส่งสารไปบอกตระกูลหยาง”
“ขอรับ” ฮุยหลางรับคำ ก่อนจะรีบเดินกลับไปทางเดิม
“นายท่าน!”
เสียงขานเรียกด้วยความดีใจหลายเสียงดังขึ้น เฟิ่งจิ่วหันมอง ก็เห็นพวกตู้ฝานกับเหลิ่งซวงสาวเท้าเดินมาหาเร็วๆ ครั้นเห็นว่าเป็นพวกเขา ดวงตาและเรียวคิ้วของเธอโค้งมน “เป็นพวกเจ้าเองหรือ!”
“นายท่าน พวกข้าได้ยินว่าท่านมาถึงแล้ว ตามหาตามถนนอยู่รอบหนึ่งก็ไม่เจอ จึงมาที่ตระกูลน่าหลัน ท่านอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย” ตู้ฝานว่า ก่อนจะประสานมือคารวะเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ “เจ้าตำหนัก”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเฟิ่งจิ่ว “กลับกันก่อนเถิด!”
“ใช่ๆ นายท่านๆ พวกเรากลับกันก่อนเถิด!”
“ได้” เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ ก่อนจะออกเดินไปพร้อมกับพวกเขา
ส่วนเด็กสาวตัวอ้วนที่อยู่ข้างหลังกลับมองสามคนนั้นด้วยความฉงนฉงาย เห็นคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวพระจันทร์ ในมือถือพัด รูปร่างหน้าตาหรือก็พอใช้ได้ หากพูดถึงความรูปงาม ก็ต้องเป็นเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ รูปงามกว่า
เด็กหนุ่มคนนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาวธรรมดา มีเพียงป้ายหยกห้อยอยู่ที่เอวแผ่นเดียว นอกนั้นก็ดูเรียบง่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่กลับให้ความรู้สึกอ่อนโยน และสบายใจ หนำซ้ำยังหน้าตาดีมากด้วย
นางยิ้มหวานจ้องเด็กหนุ่มที่ทั้งหน้าตาดีและอ่อนโยนคนนั้น เด็กหนุ่มราวกับสัมผัสได้ว่านางกำลังจ้องอยู่ จึงหันมามองนาง และส่งยิ้มให้นางด้วยเช่นกัน ชั่วขณะนั้น หัวใจของนางเต้นระรัวอยู่ข้างใน พวงแก้มสองข้างร้อนผ่าว ก้มหน้างุดอย่างเหนียมอาย แต่กลับอดไม่ได้ที่จะแอบชำเลืองมองด้วยหางตา
เหลิ่งซวงในชุดกระชับตัวสีดำเหลือบมองเด็กสาวตัวอ้วนแวบหนึ่ง สายตาไหวระริก นี่คุณหนูรองของตระกูลหยางไม่ใช่หรือ?
“นายท่าน พวกเราซื้อบ้านหลังใหญ่ไว้ทางทิศตะวันตกของเมือง ลานสวนในนั้นกว้างมาก ตอนนี้ทุกคนล้วนพักอยู่ที่นั่น ระหว่างนี้พวกเราก็ไม่ได้อยู่ว่าง นอกจากฝึกวรยุทธ์ ก็ได้กระจายอำนาจออกไปด้วย”
ตู้ฝานรายงานเฟิ่งจิ่ว พลางชี้ไปข้างหน้า “นี่ก็ใกล้ถึงแล้ว เดินผ่านถนนใหญ่ข้างหน้าแล้วเลี้ยวไปตรงนั้นก็ถึงแล้ว แถบนั้นไม่ใช่จุดศูนย์กลางของตลาด จึงเงียบสงบ ซ้ำยังเป็นที่ดินราคาแพงด้วย ปกติไม่มีคนสัญจรผ่านนัก”
“สถานที่นั้นพวกเจ้าเลือกเองหรือ? หรือว่าโม่เฉินช่วยเลือก?” เธอถามพวกเขา
“พวกเราเลือกเองขอรับ” เหลิ่งหวาตอบเสียงนุ่มนวล “พวกเราพักที่ตระกูลน่าหลันระยะหนึ่ง ระหว่างนั้นก็ออกไปสำรวจและเก็บข้อมูล สุดท้ายเห็นว่าบ้านพักที่นั่นไม่เลวจึงซื้อขอรับ”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า หันมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ “ท่านเล่า? ท่านก็อยู่ที่นั่นด้วยหรือ?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเธอแวบหนึ่ง น้ำเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์เปล่งออกมาอย่างแช่มช้า “ข้าซื้อบ้านพักที่อยู่ข้างๆ บ้านของเจ้า และสั่งให้พวกเขาเชื่อมประตูเข้าด้วยกันแล้ว”
“อ้อ? ใช้เงินซื้อหรือ?” เธอยักคิ้ว เพราะไม่คิดว่าที่ดินอย่างนี้จะมีบ้านพักสองหลังอยู่ติดกันพอดี
“ข้าใช้ยาสองเม็ดเพื่อแลกกับบ้านหลังนั้น” เซวียนหยวนโม่เจ๋ออธิบาย
………………………………….
ตอนที่ 1928 สองจวนเคียงกัน
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วถึงกระจ่าง ที่แท้ก็ใช้ยาแลกมา อย่างนั้นก็ไม่แปลกแล้ว เพราะอย่างไรสถานที่อย่างนี้มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อได้เสมอไป แต่หากมียาก็ไม่แน่
“ไปกันเถอะ! พวกเรากลับบ้านกัน” เธอยิ้มๆ ออกเดินไปพร้อมกับคล้องแขนเขา
ไม่นาน สิ่งที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาก็คือบ้านพักสองหลังที่อยู่ติดกัน บ้านพักสองหลังเชื่อมติดกัน กินพื้นที่ไปไม่น้อย หนึ่งในนั้นมีคำว่า ‘จวนเฟิ่ง’ เขียนติดไว้ข้างบน ส่วนอีกหนึ่งหลังเขียนว่า ‘จวนหลิง’
“จวนหลิง?” เฟิ่งจิ่วประหลาดใจเล็กน้อย หันมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อที่อยู่ข้างๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะใช้ชื่อหลิงโม่หานสร้างจวนที่นี่
“ก็แค่ชื่อชื่อหนึ่งเท่านั้น ไปกันเถิด!” เขาพาเธอเดินไปที่จวนเฟิ่ง
พวกตู้ฝานเดินไปเปิดประตู ครั้นเข้าไปข้างใน เฟิ่งจิ่วดูออกว่าจวนแห่งนี้วางค่ายกลไว้ หนำซ้ำยังเป็นฝีมือของตู้ฝานด้วย พอเห็นค่ายกลบพวกนั้น เธอพยักหน้ากับตนเอง ไม่ได้เจอกันนาน ดูท่าวิชาค่ายกลของตู้ฝานจะพัฒนาขึ้นแล้ว
หยางเสี่ยวเอ้อร์ที่ตามหลังมากลับดูไม่ออก เพียงเดินตามพวกเขา พลางแอบจ้องเด็กหนุ่มอ่อนโยนคนนั้นเป็นระยะ ยิ่งมอง ก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กหนุ่มรูปงามนัก
“ข้าน้อยคารวะนายท่าน”
เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันดึงสติของหยางเสี่ยวเอ้อร์กลับมา เธอหันไปมองข้างหน้า ก็เห็นชายรูปงามสะดุดตาแปดคนยืนคารวะต่อหน้าเฟิ่งจิ่ว ครั้นเห็นใบหน้าหล่อเหลาของทั้งแปดคนนั้น เธออดคิดด้วยความตกตะลึงไม่ได้ ที่แท้ที่นี่ก็มีชายรูปงามอยู่หลายคนจริงๆ ด้วย!
“เข้าไปคุยกันข้างในเถิด!” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า พอเข้ามาถึงข้างใน ฝีเท้าชะงักเล็กน้อย ชำเลืองมองหยางเสี่ยวเอ้อร์ที่เอาแต่แอบมองเหลิ่งหวาตลอดแล้วอดยิ้มไม่ได้
“เสี่ยวเอ้อร์”
“หา?” หยางเสี่ยวเอ้อร์ได้สติกลับคืนมา หันมองเฟิ่งจิ่ว “ทำไมหรือ?”
พวกองครักษ์เฟิ่งหันไปมองเด็กสาวตัวอ้วน คิดในใจว่านายท่านไปพาเด็กอ้วนคนนี้กลับมาจากที่ใดกัน?
“เจ้าว่าใครในนี้หน้าตาดีที่สุด?” เธอยิ้มหยอกขณะมองนาง
หยางเสี่ยวเอ้อร์มองหน้าทุกคนด้วยความขัดเขินเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าเล่นนิ้ว พลางตอบเสียงเบาๆ “ดะ ดีหมดทุกคนเลย” อย่างน้อย คนที่นี่ก็หน้าตาดีกว่าเจ้าหน้าขาวตระกูลหร่วนที่นางเคยเห็นหมดเลย
“อย่างนี้เองหรือ!” เฟิ่งจิ่วกลอกหมุนลูกตา ก่อนจะยิ้มถามอีกว่า “งั้น หากให้เลือกใครคนหนึ่งในนี้พาเจ้าเดินเที่ยวรอบจวน เจ้าคิดว่า ให้ใครไปกับเจ้าดีที่สุด?”
ได้ยินอย่างนั้น องครักษ์เฟิ่งทั้งแปดงุนงง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
“ระ เรื่องนี้…” หยางเสี่ยวเอ้อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากกวาดมองทุกคนรอบหนึ่ง ก็ขยับเท้าไปยืนใกล้เหลิ่งหวา “เขา”
ใบหน้าของเหลิ่งหวายังคงอ่อนโยนเช่นเดิม ทว่าประกายตกตะลึงพาดผ่านดวงตา ก่อนจะยิ้มบอกว่า “งั้นก็ได้ นายท่าน ข้าพาแม่นางหยางไปเดินเที่ยวรอบจวน และให้คนในจวนเตรียมอาหารให้ด้วย”
เอ่ยจบ เขาก็หันไปเชื้อเชิญหยางเสี่ยวเอ้อร์ “แม่นางหยาง เชิญทางนี้”
หยางเสี่ยวเอ้อร์ทั้งดีใจแต่ก็ขวยเขิน นางพูดเสียงเบาๆ “เรียกข้าว่าเสี่ยวเอ้อร์ก็พอ ไม่ต้องเรียกแม่นางหยาง ห่างเหินเกินไปแล้ว”
กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็ดูแปลกๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะองครักษ์เฟิ่งทั้งแปดคนที่มองเหลิ่งหวากับหยางเสี่ยวเอ้อร์ด้วยสายตาประหลาดๆ พวกเขาได้ยินเสียงบทสนทนาของทั้งสองที่เดินห่างออกไปแว่วๆ
“อย่างนั้นหรือ? งั้นก็ได้! แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ ท่านหิวหรือยัง? ถ้าอย่างไรข้าพาท่านไปเอาของว่างที่ห้องครัวก่อน ค่อยเดินชมรอบจวน ดีหรือไม่?”
ครั้นเห็นสองคนเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เสียงก็เบาลงจนกระทั่งเงียบหายไป ทุกคนจึงค่อยเข้ามานั่งข้างใน
………………………………….