เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 312 หิมะตกหนักใต้หล้า (2)

ตอนที่ 312 หิมะตกหนักใต้หล้า (2)

ตอนที่ 312 หิมะตกหนักใต้หล้า (2)

ชุดคลุมเต๋าสีฟ้าเข้มกลางอากาศนั้นลุกไหม้เพลิงมรรค ตกลงมาข้างล่าง

ตรงหน้าอกหลิ่วสือถูกคมกระบี่หักแทง

“อาจารย์”

หลิ่วสืออีทั้งโกรธทั้งเสียใจปะปนกัน ใบหน้าแดงขึ้นมา

เงาดำหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าเหนือวิหารผู้คุมกฎ รับหลิ่วสือที่อาภรณ์อาบเลือดลงมา

สวีไหลเงยหน้าขึ้น ใบหน้าดำมืด กัดฟันพูดด้วยความโกรธ “หยวนฝูอิน…”

ดาราชะตาสามดวงลอยขึ้นมา แสงดารามหาศาลไหลออกจากแขนเสื้อสวีไหล รวมเป็นกระบี่บินหลายร้อยเล่ม

สวีไหลที่กลับจากทะเลตะวันตกเคลื่อนความคิดหนึ่ง บนฟ้าเหนือวิหารผู้คุมกฎก็เกิดเสียงกระบี่พุ่งเต็มไปหมด

เมื่อเห็นดังนั้น หยวนฝูอินยังคงหน้าตาเฉย ในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา ไม่มีแม้แต่คลื่นกระเพื่อมขึ้น คนชราถูกสายลมแรงพัดอาภรณ์สะบัด มือถือกระบี่ยอดเหมันต์ฟันลงไป

ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนเบาๆ “ไป!”

ปราณกระบี่ยอดเหมันต์เหมือนกับคลื่นลูกหนึ่ง

กระบี่ที่รวมจากแสงดาราของสวีไหล ทันทีที่ปะทะกับคลื่นกระบี่ยอดเหมันต์ ก็เกาะตัวเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว จากนั้นปราณกระบี่ก็สั่นไหวและแตกเป็นเสี่ยงๆ โปรยปรายตกลงเหมือนหิมะจริงๆ

พื้นกลายเป็นสีขาวเงิน

สวีไหลรับหลิ่วสือมา ร่างพลันถูกคลื่นหิมะจมหายไป

หยวนฝูอินออกกระบี่แล้วก็ไม่มองสองคนนั้น แต่ยกอีกมือขึ้นทันที

เกิดพายุขึ้น!

ครืน!

ทันทีที่ยกฝ่ามือ เสาโบราณวิหารผู้คุมกฎลอยขึ้นจากพื้นพร้อมกัน วางเป็นค่ายกล

เสาโบราณวิหารผู้คุมกฎลอยขึ้นจากพื้น กดพายุหิมะ ปราณกระบี่ของกระบี่ยอดเหมันต์ไหลเข้าไปในนั้น ทุกคนที่มาที่นี่โดยรอบระยะสิบจั้งถูกขังอยู่กลางพายุหิมะ เงาลอยล่อง

แม้แต่เจ้าภูเขาสู่ซานน้อยที่ได้รับขนานนามว่าไร้พ่ายในการต่อสู้ระยะประชิดของต้าสุยยังส่งเสียงออกไปไม่ได้

ผู้บำเพ็ญทะเลสาบกระบี่ผู้ครองยอดเหมันต์ประกบฝักก็คือเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่ ทำให้ควบคุมข้อจำกัดทั้งหมดในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้

และตอนนี้ ค่ายกลที่วางใต้เสาโบราณวิหารผู้คุมกฎนี้มีชื่อว่า ‘พายุหิมะอ้างว้าง’ เป็นค่ายกลกำราบที่แกร่งที่สุดรองจากค่ายกลคุ้มกันภูเขาทะเลสาบกระบี่

มากพอจะกำราบทุกคนที่ต่ำกว่านิพพาน

คนชราที่ลอยอยู่บนฟ้าคิ้วและเคราเป็นสีขาว หลังอาบพายุหิมะก็มีกลิ่นอายดับสูญสามส่วน

เขายืนกลางอากาศ พ่นลมหายใจยาว

หลังได้ยอดเหมันต์ จิตใจหยวนฝูอินนิ่งจนน่ากลัว

ทะเลสาบจิตปกคลุมด้วยน้ำแข็งชั้นหนึ่ง

เข็มตกยังได้ยิน

ไม่รู้เพราะเหตุใด ตอนนี้เขานึกถึงคำพูดที่ศิษย์พี่บอกในตอนนั้น

การครองยอดเหมันต์ไม่ใช่เรื่องดี

คนชราหยิบยอดเหมันต์ขึ้นมาเพ่งพินิจเงียบๆ มองกระบี่โบราณกลับฝัก บนตัวกระบี่มีลายประหลาดที่หลอมขึ้นจากหิมะ สลักเป็นรูปปลาเวียนว่าย ปลาวาฬใหญ่ ปุยเมฆ โอสถโบราณ และยังมีเด็กหาบไม้คานสองคน…

กระบี่โบราณนี้มีมนตร์ทำให้คนลุ่มหลง

จิตใจดำดิ่งลงในนั้น

ทะเลสาบจิตก็ปกคลุมด้วยหิมะโดยไม่รู้ตัว

นี่คือความหมายที่ศิษย์พี่ตั้งใจจะบอกหรือ หลังครองยอดเหมันต์…หากพลังบำเพ็ญไม่พอ หากพึ่งพามากเกินไปก็อาจจะแว้งกลับมาทำร้ายตัวเอง

คนชรายิ้มเย้ยเยาะ

ความคมของยอดเหมันต์มีเพียงอยู่ในมือเท่านั้นถึงจะรู้สึกได้อย่างแท้จริง…

หากตรงหน้าเป็นภูเขา

เช่นนั้นยอดเหมันต์ก็เปิดภูเขาได้

หากตรงหน้าเป็นแม่น้ำใหญ่

เช่นนั้นยอดเหมันต์ก็ตัดแม่น้ำได้

หยวนฝูอินมั่นใจว่าโลกนี้ไม่มีกระบี่ใดที่คมกว่ายอดเหมันต์

แค่กระบี่เดียวก็สังหารผู้บำเพ็ญที่มีพลังบำเพ็ญเท่ากันได้ทุกคน

มีกระบี่เช่นนี้ ใต้หล้าจะยังมีนักกระบี่คนใดสู้กับเขาได้อีก

……..

ในค่ายกลพายุหิมะอ้างว้าง

พายุหิมะสิบลี้ สามจั้งชัดเจน

สวีไหลที่ริมฝีปากออกดำ ตรงหัวไหล่โดนปราณกระบี่ยอดเหมันต์จนเกาะเป็นน้ำแข็งสีครามแล้ว ระดับความน่ากลัวของปราณกระบี่ยอดเหมันต์เหนือกว่าที่เขาคิดไว้มาก หลังน้ำแข็งเกาะก็เข้าสู่กระดูกทันที แม้แต่แสงดาราของเขาก็ยังแช่แข็งได้ ไม่อาจกำจัดได้เลย…เขาเงยหน้าขึ้น มองหญิงชุดคลุมใหญ่สีขาวดำโบกสะบัดคนนั้น

ก่อนเขาออกจากตำหนักทะเลสาบกระบี่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้าภูเขาสู่ซานน้อยพันกร ตอนนั้นเขาสู่ซานยังไม่มีสวีจั้ง ทั้งเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในการดูแลของพันกรคนเดียว

หญิงคนนั้นดูจากใบหน้าและรูปร่าง มองอายุจริงไม่ออกเลย…แต่กลิ่นอายพลังในตัวนางกลับเหมือนเขาไท่ซานที่ผ่านลมผ่านฝน ยามเป็นศัตรู ก็หนักอึ้งจนสั่นคลอนไม่ได้ ยามเป็นมิตรก็พึ่งพาได้มาก ต่อให้พายุฝนถาโถมเข้ามาก็ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว ต่อให้ฟ้าถล่มก็จะแบกรับเอาไว้ให้ได้

หากค่ายกลพายุหิมะอ้างว้างทำงาน ต่อให้เป็นยอดผู้บำเพ็ญขอบเขตราชันดาราก็ต้องถูกขังไว้ข้างในนั้น พายุหิมะลูกนี้ตัดแสงดาราได้ เหมือนดาบกระบี่ฟันกระดูก

ท่านพันกรหน้าไม่เปลี่ยนสีไปเลย

ชุดคลุมใหญ่สีขาวดำพาดบ่าสะบัดดังพึ่บพั่บ

โดยเฉพาะสองแขนเสื้อใหญ่นั้นสะบัดแรงมาก ไม่ได้ถูกพายุหิมะพัด แต่ลอยขึ้นเอง ถูกพลังที่แผ่มาเหมือนคลื่นพัดใส่

ในระยะสามจั้งโดยรอบดูสดใส พายุหิมะเข้ามาไม่ได้

สายตานางจับจ้องไปที่ร่างเงาแก่ชราที่ยืนบนอากาศนอกค่ายกลพายุหิมะอ้างว้าง

ห่างกันเพียงยอดค่ายกล ต่อให้พายุหิมะรุนแรงแค่ไหนนางก็เห็นชัดเจนว่าหยวนฝูอินกำลังทำอะไรอยู่

คนชรานั่น หลังคว้ากระบี่ก็เพ่งพินิจอย่างลุ่มหลงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะชูขึ้นสูงอีกครั้ง

ท่าทางนั้นคืออะไร…ชัดเจนจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรแล้ว

ผู้ครองกระบี่ คือเจ้าตำหนักทะเลสาบกระบี่

ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาจากคลื่นปลายกระบี่ยอดเหมันต์

เหมือนกับน้ำฝนหยดแรกที่หยดบนผิวทะเลสาบใหญ่ที่นิ่งดุจกระจก

ทั้งเขาศักดิ์สิทธิ์ตำหนักทะเลสาบกระบี่ ทั้งฟ้าเมืองน้ำหลากเกิดพายุหิมะถาโถมเข้ามา

หยวนฝูอินไม่ได้เปิดค่ายกลแค่ของวิหารผู้คุมกฎ แต่เป็นทั้งตำหนักทะเลสาบกระบี่

ค่ายกลทั้งหมดเปิดออก

……

วิหารโอสถตำหนักทะเลสาบกระบี่ แสงเทียนในวิหารขยับไปมา

ศิษย์ทุกคนในวิหารโอสถตื่นจากการปิดด่านบำเพ็ญ พวกเขามีสีหน้างุนงง มองไปนอกวิหาร เมฆดำปกคลุมตำหนักทะเลสาบกระบี่ กระบี่ตรงเอวตนสั่นไหว

จากนั้นพลันหลุดออกจากฝักบินออกนอกวิหารใหญ่

ปราณกระบี่พุ่งออกไป เขาศักดิ์สิทธิ์ตำหนักทะเลสาบกระบี่ ประตูภูเขา กลางภูเขาและยอดเขา

หลังจากยอดเหมันต์กลับเข้าฝัก กระบี่ของศิษย์มากมายก็ทะยานกันออกไปอย่างไร้การควบคุมตามเจตนาของผู้ครองกระบี่

กลางวิหารใหญ่ แสงเทียนดับลง

ปราณกระบี่ไม่ดับ

ขณะที่ศิษย์ทุกคนกำลังมองหน้ากันนั้น ศิษย์คนหนึ่งร้องตกใจออกมา

กระบี่สั้นที่ไม่รู้ซ่อนมากี่ปีพุ่งออกมาจากใต้เบาะนั่ง

นี่คือกระบี่

กระบี่ที่ผู้อาวุโสตำหนักทะเลสาบกระบี่รุ่นก่อนซ่อนเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว

ไม่ใช่แค่วิหารโอสถ แต่ยังมีหอหลอมกระบี่ ทะเลสาบน้ำหลาก แดนลับเขาศักดิ์สิทธิ์หลายที่และยอดเขาห่างไกลผู้คน ที่ที่เคยถูกปราณกระบี่ยอดเหมันต์ปกครอง หลังตัวกระบี่กลับเข้าฝักต่างก็ขานรับ

นี่เป็นสิ่งที่กินกำลังและไร้ประโยชน์ยิ่ง

แต่นี่คืออำนาจหลังจากคว้ากระบี่ยอดเหมันต์มาได้เท่านั้นถึงจะทำได้

มีคนลำบากบนเส้นทางนี้มาทั้งชีวิต ในที่สุดก็สมปรารถนา ดังนั้นสิ่งแรกที่ทำคือมองกระบี่นี้ให้ชัด

จากนั้นสิ่งต่อไปที่จะทำคือมองดูว่ากระบี่นี้หมายถึงอะไรกันแน่

เงาที่ยืนบนฟ้าเหนือวิหารผู้คุมกฎตำหนักทะเลสาบกระบี่ เหยียดหลังตรงท่ามกลางประกายสายฟ้าสว่างวาบและเมฆมืดครึ้ม

เพียงไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ ก็เห็นกระบี่มากมายพุ่งเข้ามาแสดงความเคารพเขา เห็นค่ายกลทะเลสาบกระบี่สว่างขึ้นกลางภูเขาไม่หยุด แสงปราณกระบี่พุ่งขึ้นฟ้ามาเรื่อยๆ ใบหน้าเขาไม่ขาวซีดอีก ไม่แก่ชราอีก แต่มีความฮึกเหิมขึ้นเรื่อยๆ

กระบี่นี้หมายถึงอะไร?

ตอนนี้เขาเห็นชัดเจนแล้ว

กระบี่นี้เป็นตัวแทนตำหนักทะเลสาบกระบี่แดนประจิม

และเขา คือเจ้าของทั้งเขาศักดิ์สิทธิ์นี้

……..

ประตูภูเขาตำหนักทะเลสาบกระบี่ หญ้าแห้งสองข้างทางพลิ้วไหว ใบหญ้าลอยขึ้น

ทั้งตำหนักทะเลสาบกระบี่ กระบี่ทุกเล่มต่างบินไปเหนือศีรษะคนชราที่ยืนอยู่บนวิหารผู้คุมกฎบนยอดเขาทะเลสาบกระบี่

แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น

ตรงประตูภูเขา มีร่างสวมชุดคลุมขาวคนหนึ่ง

เขาห้อยกระบี่โบราณไว้ตรงเอว นิ่งเหมือนสายน้ำหยุด ไม่ขยับแม้แต่น้อย

ยอดเหมันต์เล่มนั้นเรียกมันแต่มันไม่เคลื่อนไหว

บางที…นั่นอาจเป็นเพราะใบหน้าใต้ชุดคลุมที่แก่ชรากว่าผู้อาวุโสใหญ่

คนชราชุดขาวยืนตรงประตูภูเขาตำหนักทะเลสาบกระบี่ เพราะปราณกระบี่ยอดเหมันต์ ใบหญ้าสองข้างทางเล็กประตูภูเขาจึงเหี่ยวเฉา

คนชรามองทอดไกล

เขามองเห็นทั้งเขาศักดิ์สิทธิ์ กระบี่หลายพันเล่มถูกยอดเหมันต์เรียกไป ลอยอยู่บนฟ้าเหนือวิหารผู้คุมกฎ แต่ละเล่มเรียงรายกันชัดเจน

กระบี่ยอดเหมันต์ไม่ได้กลับฝักมานานมากแล้ว

แต่พลังการเรียกกระบี่ก็ยังคงแข็งแกร่ง

ทว่าเทียบกับตอนที่เขาเจอยอดเหมันต์ครั้งแรกแล้ว ภาพกระบี่ลอยฟ้าเหนือทะเลสาบกระบี่ในตอนนี้ไม่อาจเทียบกันได้เลย กระทั่งไม่นับว่าน่าตกใจด้วยซ้ำ ได้แค่พื้นเพทั่วไป…ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนชราลง ไม่ใช่แค่คน กระบี่ก็เช่นกัน ตอนที่หลอมยอดเหมันต์ออกมา มันมีความคมเป็นชั้นหนึ่งในโลกจริงๆ

แต่ก็สืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น ออกจากฝักโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจอยู่บ้าง ทำให้เสียความคมไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

หากเคยเห็นยอดเหมันต์ออกจากฝักอย่างแท้จริงจะรู้ว่ามันงดงามอย่างไม่อาจลบล้างได้

ทว่ายิ่งเป็นสิ่งสวยงามมากเท่าไรก็ยิ่งตายเร็วมากเท่านั้น

ดังนั้นท่านที่ก่อตั้งวิมานเทพทะเลตะวันตกจึงได้สร้างฝักกระบี่ที่ใช้รักษายอดเหมันต์ขณะที่ยอดเหมันต์ออกสู่สายตาชาวโลก ให้ชื่อว่าชีวิตนิรันดร์ หวังว่าจะใช้มันชะลอเวลาตายของยอดเหมันต์ได้

วิมานเทพทะเลตะวันตกมอบชีวิตนิรันดร์ให้ตำหนักทะเลสาบกระบี่ต้าสุย

มีเพียงกระบี่สองเล่มอยู่คู่กันเท่านั้น ถึงจะเป็นยอดเหมันต์ที่ไร้พ่ายในตอนที่เพิ่งออกสู่สายตาชาวโลกเล่มนั้น

จนกระทั่งสวีไหลขโมยฝักกระบี่ชีวิตนิรันดร์ไปทะเลตะวันตก

กระบี่สองเล่มจึงแยกจากกัน

จากนั้น…ไม่นานก็เหลือเพียงยอดเหมันต์ที่เป็นร่างกระบี่ ก่อนจะถูกบุรุษอัจฉริยะนามเผยหมินคนนั้นหักกระบี่ไป

ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ทันทีที่ประกบฝักก็ถูกรวมเข้าไปในฝักแล้ว

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้คือหมอกควันลอยผ่าน

คนชราชุดขาวมีแววตาเรียบนิ่ง เขาเงยหน้าขึ้น

ปราณกระบี่ของยอดเหมันต์ปกคลุมตำหนักทะเลสาบกระบี่

ตรงตีนเขารกร้าง คนชราได้เดินก้าวแรกเข้าตำหนักทะเลสาบกระบี่

ในชั้นเมฆปรากฏผลึกขาวหิมะดอกแรกขึ้น

เขาไม่เคยใช้พลังบำเพ็ญ ทุกก้าวเดินช้ามาก รอบๆ ไม่มีสายลม ใบหญ้านิ่งไม่ขยับ

หลายร้อยปีมานี้ เขาเป็นเพียงแขกของใต้ฟ้านี้มาตลอด

…………………………….

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Score 10
Status: Completed
ขลุ่ยกระดูกธรรมดาที่เด็กหนุ่มครอบครอง กลับเป็นยอดสมบัติที่จะทำให้เขากลายเป็นเชียนกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า หนิงอี้' เด็กหนุ่มยากจนจากเทือกเขาประจิมลอบเข้าไปปลันสุสานใต้ดินกับน้องสาว 'เผยฝาน' โชคดีเก็บ 'ไข่มุกตะวันคร้าน' สมบัติที่ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักใหญ่ตามหาได้ แต่เขาดันทำมันแตก! ซ้ำยังสลบไปจนน้องสาวต้องลากออกมา แม้จะรอดชีวิตจากสุสานใต้ดินมาได้ แต่กลับต้องมาถูกปีศาจแมงมุมตามล่า เพราะมันเข้าใจว่าไข่มุกตะวันคร้านอยู่ที่เขา หนิงอี้ไม่กลัว ถ้ำเกิดอะไรขึ้นเขายังมี 'ขลุ่ยกระดูก' ที่แม้ภายนอกจะดูเหมือนขลุ่ยใบไม้ธรรมดา ทว่าคมจนตัดเหล็กกล้ำได้ แต่หนิงอี้ไม่ทันได้ควักขลุ่ยกระดูกออกมาใช้ก็มีคนมาช่วยพวกเขาไว้เสียก่อน ผู้ใหม่คือ 'สวีจิ้ง ผู้บำเพ็ญอันดับ 3 แห่งต้สุยที่ถูกหลายสำนักหมายหัว และการได้พบกับสวีจั้งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของหนิงอี้เปลี่ยนไป ประตูสู่โลกของผู้บำเพ็ญที่เขาไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไปได้เปิดออก ขลุ่ยกระดูกธรรมดาๆ ที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดกลับกลายเป็นยอดสมบัติ! ทั้งยังมีความลับเบื้องหลังชาติกำเนิดที่รอวันเปิดเผย เส้นทางสู่การอยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset