เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 245 ประชันฝีมือ

ตอนที่ 245 ประชันฝีมือ

ตอนที่ 245 ประชันฝีมือ

ยันต์กันน้ำในมือหลิ่วสืออีพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ

แรงต้านมหาศาลระเบิดออกระหว่างสองคน

บุรุษชุดกันฝนเหมือนถูกค้อนหนักทุบหน้าอก เขาคว้าสองมือไปข้างหน้า คว้าปราณกระบี่ที่ระเบิดออกไว้ ตัวเขาถูกแรงระเบิดยันต์อัดลอยออกไป ใต้เท้าเหยียบหินแตก ลากออกไปเป็นร่องไม่ลึกไม่ตื้นสองสายจนหยุดตัวเองไว้ได้

พญายมขุมนรกที่เจ็ดมีใบหน้าไร้ความรู้สึก

เมืองโบราณรากษสถล่มลงแล้ว รอบๆ มีแต่กำแพงแตกหัก

สุดทางของเมืองโบราณนี้มีรูปปั้นหินตั้งอยู่ เป็นหญิงงดงามที่ยกปีกค้างคาวเรียวยาวสองข้างขึ้นมาบังแก้ม แต่ตรงเท้ามีสามนิ้วเท้า เขี้ยวดำ เล็บดำ มีกาวติดตรงฐานเล็กน้อย ทำท่าจะโผบินขึ้น เหมือนผีเสื้อจะทะลวงรังไหมมากกว่า

หลิ่วสืออีได้บุรุษที่ยืนอยู่คนนั้นรับไว้

คนนั้นพูดต่อ

“วางค่ายกลแล้วหรือไม่”

“ยังขาดอีกหน่อย แต่ก็ใช้ได้แล้ว”

สตรีตัวเล็กรับยันต์กันน้ำนั้นจากในแขนเสื้อหลิ่วสืออีมา ก่อนจะพูดเชิงเสียดายนิดๆ “ยันต์นำทาง มนตร์กันน้ำ ยันต์สะท้านภูผา เสียหมดแล้ว หากยันต์นี่วางในตลาดมืดแดนบูรพาแดนประจิม คงจะขายได้ราคาดีเลย น่าเสียดายมาก”

บุรุษลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม “ยันต์เราเหลือไม่มากแล้ว…พอจะซ่อมได้หรือไม่”

น้ำเสียงเด็กสาวเด็ดขาดมาก นางส่ายหน้าก่อนจะตอบ “ซ่อมไม่ได้”

ดังนั้นจึงเกิดความเงียบ

สองคนเหมือนจะมองไปที่หลิ่วสืออี

คนแซ่หลิ่วที่เงียบมาตลอดกัดฟันพูด “ข้าจะชดใช้ให้”

“เฮ้อๆ สืออี เจ้าก็ทำเป็นคนอื่นคนไกลไป…” ร่างในเงามืดพลันยิ้ม ก่อนจะตบบ่าหลิ่วสืออีอย่างสนิทสนม พูดพลางกดมือไปด้วย “โอสถวิมานเซียนของตำหนักทะเลสาบกระบี่เม็ดเดียวก็พอ ให้มากกว่านี้ข้าคงรับไว้ไม่ได้หรอก”

หลิ่วสืออีมองหนิงอี้ด้วยสีหน้าซับซ้อน

เขาถึงกับพูดไม่ออกกับคำพูดของผู้สืบทอดเขาสู่ซานคนนี้ที่หน้าด้านจนไม่มีใครเทียบได้

หนิงอี้ตบบ่าหลิ่วสืออีแล้วกดเสียงเบาลง “เก็บปราณนิรันดร์ไว้ อย่าเหนี่ยวนำปราณกระบี่”

หลิ่วสืออีเม้มริมฝีปาก เขาเพิ่งเห็นชัดเจนว่า…

รอบๆ มียันต์คุ้นเคยที่เขารู้จักลอยอยู่เต็มไปหมด

ในจวนของหนิงอี้ เขาเห็นยันต์ลอยไปลอยมาบ่อยๆ นี่ล้วนเป็นผลงานอันยอดเยี่ยมของผู้สืบทอดภูเขาม่วงคนนั้น ต่อให้เขาอยู่ในสภาวะปิดด่านบำเพ็ญตระหนักรู้กระบี่ สามวันมานี้ ทุกครั้งที่เขารู้สึกถึงพลังอัศจรรย์ที่ซ่อนในยันต์พวกนั้น ก็มักจะตกใจทุกที

หลิ่วสืออีไม่เคยคิดเลยว่าวิถีของค่ายกลกับยันต์จะตัดสินสูงต่ำกับวิถีกระบี่ได้

แต่เผยฝานได้ล้มล้างความคิดเขา

ยันต์แต่ละแผ่นลอยอยู่สุดทางเมืองโบราณรากษส หญิงปีศาจผีเสื้อที่จะทะลวงรังไหมนั้นอยู่ใจกลาง ยันต์ทุกแผ่นรอบฟ้าเหมือนเกิดความรู้สึกร่วมกัน

ตอนนี้น้ำฝนรวมกันเป็นเส้นสาย วาดออกมาเป็นเค้าโครงเลือนราง

เหมือนกับอยู่ใต้ผืนดารา ยันต์ทุกแผ่นคือดวงดาวอ่อนแสง

หนิงอี้ไม่ให้เขาเหนี่ยวนำปราณกระบี่

หลิ่วสืออีสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะกอดปราณนิรันดร์ไว้ในอ้อมกอด

…..

“หนิงอี้…ข้าน่าจะเดาได้ตั้งนานแล้ว”

ชุดกันฝนสั่นไหวเบาๆ พญายมขุมนรกที่เจ็ดยื่นมือมาข้างหนึ่ง ใช้หลังมือเช็ดมุมปากช้าๆ ออกมาเป็นสีแดง

นี่คือเลือด แต่ไม่ใช่เลือดของเขา และไม่ใช่เลือดของหลิ่วสืออี

พญายมขุมนรกที่เจ็ดจ้องเด็กหนุ่มที่เดินออกมาจากเงามืดช้าๆ สายตาเพ่งมองร่มกระดาษมันนั้นตรงเอวหนิงอี้

“คนที่สัมผัสได้ถึงที่ซ่อนตัวของพญายมขุมนรกที่เก้า ใต้ฟ้านี้มีไม่กี่คน” มุมปากเขาแตก เหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาน่ากลัว “เจ้ามาที่นี่ก่อนแล้ว วางค่ายกลนี้ล่อให้ข้ามาติดกับรึ”

หนิงอี้มองใบหน้าที่โผล่มาครึ่งหนึ่งใต้งอบ

เขาถอนหายใจเบา ก่อนจะพูดเสียงเบา “คนจวนปฐพี ห้าทะเลสาบสี่สมุทร ดูท่าเจ้าน่าจะมาจากแดนบูรพา”

พญายมขุมนรกที่เจ็ดอึ้งงัน

“กินหัวใจคน ตัดลิ้น กินตับไต” หนิงอี้เอามือข้างหนึ่งกดร่มกระดาษมันก่อนจะพูดเนิบนาบ “จุดสูงสุดขอบเขตที่เก้า อยู่วิหารที่เจ็ดจวนปฐพี วิหารที่เจ็ดจวนปฐพีมีชื่อเสียงมาก หานเยวียบ่มเพาะเจ้าน่าจะลงแรงไปไม่น้อย กายจิตและพลังบำเพ็ญยอดเยี่ยม…น่าเสียดาย หากเจ้าเป็นขอบเขตที่สิบจริงแท้ น่าจะมีคณสมบัติเข้าไปอยู่ชั้นสูงสุดในหลอดแก้วแดนบูรพา ตอนนั้น เจ้าคงไม่ถามคำถามอย่างตอนนี้”

พญายมขุมนรกที่เจ็ดขมวดคิ้ว

“เรื่องน่าเบื่อที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่มีความหมายกับเจ้าตอนนี้เลย ดังนั้น เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” หนิงอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้คร่าวๆ แค่ว่าเจ้านายของเจ้าถูกทุบตีที่นี่ เลยทำให้ข้าสนใจขึ้นมา

ที่นี่เป็นแดนล้ำค่าจริงๆ ไอชั่วร้ายหนาแน่นพอ หากวันใดข้าต้องสร้างความตกใจให้กับ ‘สหาย’ ที่เดินทางไกลมาพวกนั้น เมืองรากษสนอกเมืองหลวงก็จะเป็นทางเลือกแรก”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หนิงอี้มองไปรอบๆ น้ำเสียงมีความเสียดายนิดๆ “น่าเสียดาย พญายมขุมนรกที่เก้าไร้ความสามารถ ดันเลือกสู้กันที่นี่ ทำเมืองรากษสถล่มลง…ค่ายกลที่ยัยหนูบอกว่ามีอานุภาพรุนแรงมากเลยเสียหายเลย”

“เจ้า…หมายความว่าอย่างไร”

พญายมขุมนรกที่เจ็ดขมวดคิ้ว

“หลิ่วสืออีต่อสู้ ข้าเก็บกวาดให้” หนิงอี้พูดอย่างตรงไปตรงมา “ขั้นตอนการเก็บกวาดก็ประมาณว่า…ฝังศพพญายมขุมนรกที่เก้า แล้วก็ปัญหาที่จะตามมาภายหลัง อย่างเช่นเจ้า”

พญายมขุมนรกที่เจ็ดหรี่ตาลง งอบเขาเริ่มสั่นไหว

เขามองข้ามรูปปั้นหินหญิงปีศาจผีเสื้อนั้นไปยังยันต์ที่ปกคลุมพื้นที่เล็กๆ เหนือศีรษะตน

“งอบนี่คุ้นตามาก เมื่อไม่นานมานี้ข้าก็เพิ่งสู้กับเจ้าคนสวมงอบเหมือนกัน” หนิงอี้มองพญายมขุมนรกที่เจ็ดพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “หากไม่มีค่ายกล เกรงว่าแค่ประจันหน้ากันข้าก็คงถูกทุบตีลงไปนอนกับพื้นแล้ว แต่ว่าเจ้าห่างชั้นกับเขามาก ต่อให้ไม่ใช้ค่ายกล ข้าก็สั่งสอนเจ้าได้” เด็กหนุ่มที่ยืนตรงหน้าพญายมขุมนรกที่เจ็ดมีใบหน้าเรียบนิ่งและสุขุม

หนิงอี้ผ่านการต่อสู้มามากมายแล้ว

จวนเขาคราม ที่ราบสูงภูเขาแดง ใต้หุบเขานิรันดร์ แล้วก็การต่อสู้กับเฉาหลัน

กลยุทธ์ต่อสู้ไม่ต่ำกว่าสิบอย่างขยับวูบผ่านในความคิดเขา

อีกฝ่ายเป็นผู้บำเพ็ญภูตผีจากแดนบูรพา การเหนี่ยวนำสายฟ้าแบ่งได้เป็นการใช้ยันต์สายฟ้าโจมตีตรงๆ หรือจะใช้ปราณกระบี่เหนี่ยวนำฝนตกหนักและฟ้าผ่า

ดาบกระบี่สู้กัน ประชันกัน ทั้งตัดสินสูงต่ำและก็ตัดสินความเป็นตาย

พญายมขุมนรกที่เจ็ดที่ยืนห่างจากหนิงอี้ไม่ไกลหน้ามืดทะมึน สองข้างมุมปากเขาพลันฉีกออกซ้ายและขวา เสียงเส้นเลือดลมฉีกดังมาจากตรงแก้ม เส้นสีแดงเหมือนกับด้ายเย็บปาก ตอนนี้หลุดออก ลิ้นสีแดงขยับไปมาเหมือนกับงูเล็ก

เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ อ้าปากกว้าง ของเหลวเหนียวไหลไปมาในลำคอ

เกิดเสียงดังปึก ศีรษะโล้นพุ่งออกมาจากปากเขา ตกลงพื้นดังตึกๆๆ ก่อนจะวนรอบเท้าเขา ของเหลวเหนียวสีดำตกพื้นก็กระจาย กลายเป็นควันดำลอยโขมง

ปึก ปึก ปึก…

ศีรษะเจ็ดแปดหัวพุ่งออกมาจากปากเขาทีละหัว บุรุษชุดกันฝนรูปร่างสูงใหญ่คนนี้ หน้าอกที่เดิมทีนูนขึ้นมา ตอนนี้เว้าลงไป สำรอกศีรษะคนมาเจ็ดแปดหัว เหมือนว่ากำลังวังชาถูกสูบไปทั้งหมด กลายเป็นคนชราหลังค่อม

แปดศีรษะที่ตกลงมาทีหลังรวมกับหนึ่งหัวก่อนหน้านี้เป็นทั้งหมดเก้าหัว ตกลงพื้นก็เด้งหลายครั้ง เกิดสายลมขึ้นเบาๆ หลังน้ำฝนชะล้าง ศีรษะโล้นพวกนี้ก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง ตอนที่ตกลงพื้นยังส่งเสียงตึงเหมือนกับตีกลอง จากนั้นก็เงียบอีก ตกลงพื้นอีกก็ไม่เด้งแล้ว เหมือนถูกติดหนึบกับพื้น

ศีรษะแวววาวพลันลืมตาขึ้น

ใบหน้าคนที่เดิมทียังถือว่าดูดี พอลืมตาสีดำขึ้นทั้งเก้าคู่ ในนั้นกลับไม่มีอะไรเลย

พญายมขุมนรกที่เจ็ดพ่นลมหายใจขุ่นเบาๆ

เขายกมือขึ้นข้างหนึ่งจับงอบ ถอดงอบนั้นออกช้าๆ โยนลงพื้น ยังไม่ทันถึงพื้นก็ถูกสายฝนและพายุพัดสลายไป เหมือนเผาตัวเองกลางสายฝนเสียมากกว่า

แววตาเขาว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย

กระดูกคางหลุดออกมาแล้ว เส้นสีแดงที่ขาดต่อกับคางครึ่งหนึ่งเหมือนกับหุ่นเชิดไม้ เขาเผยรอยยิ้มกว้างให้หนิงอี้

หนิงอี้มองลิ้นสองแฉกสีแดงนั้น

เขาพูดพลางถอนหายใจ “แดนบูรพาพวกเจ้าเป็นเช่นนี้กันหมดหรือไม่ น่ารังเกียจจริงๆ”

พญายมขุมนรกที่เจ็ดยกสองแขนขึ้นช้าๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเพ่งมองท้องฟ้า สายฝนมากมายตกลงมา เข้าไปในกระบอกตาว่างเปล่าสีดำของเขา เพลิงวิญญาณแตกกระเซ็น

เขาเหมือนฟ้ายามราตรีที่โอบอุ้มทั้งเมืองรากษส

เก้าศีรษะเริ่มสั่นไหวไม่สงบสุข

ใต้ร่างพญายมขุมนรกที่เจ็ด น้ำเลือดเข้มข้นสีดำไหลนองพื้น เหมือนเหยียบบนกระจกมันวาว เหมือนกับว่าใต้เท้าเป็นบึงน้ำมรณะพันปี

ศีรษะเก้าหัวที่วางบน ‘บึงน้ำ’ สั่นไหวเบาๆ และถี่ขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งมือกระดูกสีขาวคู่หนึ่งยื่นมาจากกลางบึงน้ำโดยไม่มีสัญญาณใดๆ ก่อนจะตบลงทันควัน จับศีรษะหนึ่งในเก้าหัวนั้นโซเซลุกขึ้น

เลือดเนื้อสีแดงไหลย้อนออกมาจากกระจกนั้น พันรอบกับกระดูกขาวจนรวมออกมาเป็นร่างสมบูรณ์แบบ

หลังเก้าร่างเติมเต็ม ร่างสูงดุจภูเขาเล็กก็โคลงเคลงยืนขึ้นเช่นนี้

หลิ่วสืออีที่อยู่ไกลๆ หน้าซีดขาว

เขาไม่เคยเห็นวิชาประหลาดเช่นนี้มาก่อน

เผยฝานชำเลืองตามองหน้าหลิ่วสืออีก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ผู้บำเพ็ญภูตผีมีแต่พวกประหลาด ชินไว้เถอะ”

ทันใดนั้นเสียงปรบมือของหนิงอี้ดังขึ้น

เสียงปรบมือฟังดูเบามาก เว้นช่วงนานมาก

เพราะคนปรบมือขี้เกียจมากแล้ว

หนิงอี้ปรบมือสองครั้งเป็นพิธี

เขามองพญายมขุมนรกที่เจ็ดพลางพูดอย่างจริงจัง “สุดยอดไปเลย เก้าร่าง ทุกร่างเป็นจุดสูงสุดขอบเขตที่เก้า ต้องฆ่าคนไปไม่น้อยเลยสิ”

บุรุษชุดกันฝนไม่ตอบ

หลังจากเขาพ่นเก้าศีรษะออกมา พลังบำเพ็ญของร่างจริงกลับลดฮวบลง ตอนนี้อยู่ขอบเขตที่แปด

พญายมขุมนรกที่เจ็ดพ่นลมหายใจก่อนแสยะปากยิ้ม ลิ้นสีแดงแลบออกมาส่ายไปมาข้างนอก จากนั้นยื่นมือไปทางหนิงอี้ กวักมือเรียก

หนิงอี้ยิ้ม

เขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย

“เจ้าไม่ใช้เก้าร่างนั่น ข้าไม่ใช้ค่ายกล มาสู้กันเป็นอย่างไร”

หนิงอี้ยิ้มหยีตามองพญายมขุมนรกที่เจ็ด ก่อนจะยื่นมือไปแบบเดียวกับพญายมขุมนรกที่เจ็ด

“เข้ามาสิ”

……………………………

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Score 10
Status: Completed
ขลุ่ยกระดูกธรรมดาที่เด็กหนุ่มครอบครอง กลับเป็นยอดสมบัติที่จะทำให้เขากลายเป็นเชียนกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า หนิงอี้' เด็กหนุ่มยากจนจากเทือกเขาประจิมลอบเข้าไปปลันสุสานใต้ดินกับน้องสาว 'เผยฝาน' โชคดีเก็บ 'ไข่มุกตะวันคร้าน' สมบัติที่ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักใหญ่ตามหาได้ แต่เขาดันทำมันแตก! ซ้ำยังสลบไปจนน้องสาวต้องลากออกมา แม้จะรอดชีวิตจากสุสานใต้ดินมาได้ แต่กลับต้องมาถูกปีศาจแมงมุมตามล่า เพราะมันเข้าใจว่าไข่มุกตะวันคร้านอยู่ที่เขา หนิงอี้ไม่กลัว ถ้ำเกิดอะไรขึ้นเขายังมี 'ขลุ่ยกระดูก' ที่แม้ภายนอกจะดูเหมือนขลุ่ยใบไม้ธรรมดา ทว่าคมจนตัดเหล็กกล้ำได้ แต่หนิงอี้ไม่ทันได้ควักขลุ่ยกระดูกออกมาใช้ก็มีคนมาช่วยพวกเขาไว้เสียก่อน ผู้ใหม่คือ 'สวีจิ้ง ผู้บำเพ็ญอันดับ 3 แห่งต้สุยที่ถูกหลายสำนักหมายหัว และการได้พบกับสวีจั้งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของหนิงอี้เปลี่ยนไป ประตูสู่โลกของผู้บำเพ็ญที่เขาไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไปได้เปิดออก ขลุ่ยกระดูกธรรมดาๆ ที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดกลับกลายเป็นยอดสมบัติ! ทั้งยังมีความลับเบื้องหลังชาติกำเนิดที่รอวันเปิดเผย เส้นทางสู่การอยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset