ตอนที่ 241 สังหารเจ้าใช้แค่กระบี่เดียว
เมืองหลวง ตรงชานเมืองมีเมืองโบราณขนาดเล็กใหญ่ตั้งอยู่
แม่น้ำวายุแดงของต้าสุยไหลผ่าน ล้อมเมืองหลวงไว้ตรงกลาง องครักษ์เกราะทองลาดตระเวน เลียบแม่น้ำรอบเมือง บางครั้งจะผ่านนอกเมืองโบราณ เมืองโบราณเหล่านี้ส่วนใหญ่ทรุดโทรม ไม่มีคนอยู่ ถูกจัดเป็นโบราณสถาน ทั้งยังไม่คิดจะบูรณะใหม่
ในเมืองโบราณเล็กใหญ่มีเมืองหนึ่งชื่อว่า ‘รากษส’
ยามค่ำคืน
เมฆดำกดเมืองจนแทบจะถล่ม
หัวเมืองรากษส เงาผีขยับไปมา สายฟ้าวูบผ่าน ฝนตกหนัก
มีร่างเงาชุดขาวเปื้อนเลือดร่างหนึ่ง หน้าซีดขาว ออกจากเมืองหลวงมาที่นี่ ในมือเขาถือยันต์แผ่นหนึ่ง ฝนตกหนักเข้าใกล้ในระยะสามฉื่อรอบตัวไม่ได้
ยันต์กันน้ำ
เขายืนใต้เมืองรากษส เงียบไม่พูดไม่จา
ราวหลายลมหายใจต่อมา
สายฟ้าผ่าลงมาบนหัวเมือง ปรากฏเงายาวสีดำขึ้นร่างหนึ่ง มองเห็นใบหน้าไม่ชัด
เงาดำนั้นขมวดคิ้ว เสียงแหบแห้ง เอ่ยนามของคนชุดขาวใต้เมือง
“หลิ่วสืออี?”
พญายมขุมนรกที่เก้ามีสีหน้าอึมครึมไม่ชัดเจน
ตนไล่ล่าหลิ่วสืออีจากแดนประจิมมาถึงแดนกลาง ตนอยู่ในเงามืดอีกฝ่ายอยู่ในแสงสว่างตลอด การลอบสังหารครั้งก่อน หลิ่วสืออีหนีไปเมืองหลวงได้ เดิมทีเขาคิดว่าต้องรออีกนานมาก รอหลิ่วสืออีรักษาหาย ตนถึงจะมีโอกาสลอบสังหารครั้งต่อไป
แต่ไม่นึกเลยว่าตนจะถูกอีกฝ่ายพบ
หลิ่วสืออีอยู่ในเมืองหลวงเพียงสามวัน
คนนั้นใต้เมืองเงยหน้าขึ้น สีหน้าซีดราวกับกระดาษ เส้นผมยาวกระเซอะกระเซิง มองเห็นแววตาไม่ชัด ตอนนี้เขายืนตรงหน้าพญายมขุมนรกที่เก้าอีกครั้ง ยังสวมชุดขาวตอนที่บาดเจ็บนั้น หัวไหล่ถูกปราณกระบี่แทงเป็นสองรู คราบเลือดตรงท้องยังล้างไม่สะอาด ยังเป็นสีแดง
แผลสมานแล้ว
สามวันก็สมานแผลได้ ความจริงนี่เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ
บุรุษที่ยืนตรงหัวเมืองรู้ดีว่าปราณกระบี่สามครั้งในวันนั้นเฉียบคมเพียงใด
เว้นแต่จะมีโอสถทองคำ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางรักษาได้ในสามวัน
นี่คือเหตุผลที่เขาประมาท ถึงได้เกิดเหตุการณ์ไร้สาระอย่างตอนนี้
หลิ่วสืออีลากร่างบาดเจ็บมาหาถึงที่ฝึกฝนของตน
พญายมขุมนรกที่เก้ารู้สึกเหลือเชื่อนิดๆ ขณะเดียวกันยังรู้สึกขำ เขาเคาะกำแพงเมืองเบาๆ สายฝนแตกเป็นละอองน้ำกระจายไปตามจังหวะนิ้วมือ
“หลิ่วสืออี เจ้าหาเมืองรากษสพบ ทำให้ข้าแปลกใจจริงๆ…ตอนแรกข้าว่าจะฝึกอยู่ที่นี่สักระยะ รอเจ้าออกจากเมืองแล้วค่อยมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า”
เขาชะงักไปก่อนจะมองหลิ่วสืออีจากข้างบน พูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างแย่ที่สุดคือเจ้าหดหัวอยู่ในเมืองหลวงปีครึ่ง ตอนนี้ดูแล้ว ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป”
พญายมขุมนรกที่เก้าหยุดเคาะกำแพงเมือง
ข้างหลังเขาปรากฏหมอกลอยขึ้นเป็นกลุ่มๆ ภายในหมอกเกิดหยดน้ำลอยขึ้น ปรากฏเป็นสิ่งของแปลกประหลาดคล้ายๆ กับกลองกลมเล็ก
อาวุธของผู้บำเพ็ญมีหลากหลาย สมบัติชิ้นนี้ พญายมขุมนรกที่เก้าไม่เคยเอาออกมาก่อน ต่อให้เป็นการสู้กับหลิ่วสืออีสี่ครั้งก่อน เขาก็ไม่เคยใช้ ‘กลองอสนีบาต’ เลย
เขามาจากจวนปฐพี พญายมขุมนรกที่เก้าจึงมีความระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง เขามีความสามารถรู้ถึงอันตรายล่วงหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
เกิดเรื่องแปลกต้องมีอะไรแน่ หลิ่วสืออีรักษาแผลกระบี่แค่สามวัน นี่เป็นเรื่องผิดปกติมากแล้ว
หลิ่วสืออีมาหาเขาถึงที่ นี่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่า
ตนเป็นมือสังหาร การซ่อนพลังเป็นไพ่ตายที่ยอดเยี่ยมที่สุด มือสังหารที่ยิ่งมีพลังบำเพ็ญสูงก็ยิ่งโดนวิชาสัมผัสตรวจจับได้ยาก ที่พญายมขุมนรกที่เก้าไม่เลือกแฝงตัวเข้าไปในเมืองหลวง ก็เพราะกฎเหล็กที่มีอยู่ทุกที่นั้นทำให้เขารู้สึกไม่มีทางหนี อีกอย่างสหายคนหนึ่งถูกคนตัดหัว…เขาจึงไปหาเมืองที่ห่างไกลผู้คนที่สุดในเมืองโบราณเมืองหลวง
แต่หลิ่วสืออีกลับหาพบหรือ
จากที่พญายมขุมนรกที่เก้าเข้าใจหลิ่วสืออี คนคลั่งกระบี่คนนี้มีใจมุ่งสู่กระบี่ เอาการลอบสังหารของตนเป็นการขัดเกลากระบี่ นอกจากวิชาเกี่ยวกับกระบี่แล้ว เขาไม่มีจุดเด่นด้านอื่นเลย
กระบี่บิน คุมกระบี่ ออกจากฝัก กลับเข้าฝัก อย่างไหนข้องเกี่ยวกับวิชาสัมผัสบ้าง
บุรุษตรงหัวเมืองหน้ามืดทะมึน เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้…
ฝ่ามือกดบนหัวเมือง กลองอสนีบาตสี่หน้าลอยขึ้น ไม่ซ่อนอุบายอีก
ตอนนี้ไม่ใช่เขาลอบสังหารหลิ่วสืออีอีก
แต่หลิ่วสืออีหาเขาพบ ต้องสู้กันซึ่งหน้า
ข้างหลังพญายมขุมนรกที่เก้า เกิดเสียงฟ้าผ่าขึ้นในหมอก เหมือนจะสอดคล้องกับเสียงฟ้าผ่ากลางฝนตกหนักบนฟ้า
กลองเล็กสี่ใบลอยอยู่ข้างหลังบ่าเขา สายลมเย็นพัดผ่าน หมอกหมุนม้วน บางครั้งก็ถูกพัดจนเผยใบหน้าแท้จริงของตัวกลอง ตัวกลองขนาดเท่ากำปั้นทารกน่าจะทำขึ้นจากกระดูกสัตว์ หน้ากลองที่ขาวสะอาดดุจหิมะไม่ปนเปื้อนใดๆ เหมือนถูกคนใช้เลือดปลายนิ้ววาดออกมาเป็นตัวมางาตามะยาว
หนึ่งหน้ากลองขาวอสนีบาตจะวาดมางาตามะสีแดงสามตัว
“หลิ่วสืออี เจ้าต่างจากครั้งก่อนแค่มีกระบี่เพิ่มมาอีกเล่มรึ”
บุรุษน่ากลัวที่เอาสองมือจับกำแพงเมือง ตัวโค้งไปข้างหน้าเหมือนจะโดดลงจากเมืองโบราณรากษสได้ทุกเมื่อคนนี้ ยังไม่ออกแรงที่ฝ่ามือ เมืองโบราณที่โคลงเคลงแห่งนี้ก็มีหินทรายตกลงไป ไหลไปตามน้ำฝนกระทบพื้นพร้อมกัน แตกเป็นเงาสายฟ้าแลบกลางบ่อเลน
เมืองโบราณแห่งนี้เหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก
ตอนที่พญายมขุมนรกที่เก้ามาถึงเมืองโบราณรากษสก็พบว่าหอในเมืองถล่มลงทั้งหมด เหมือนถูกคนฟันกระบี่เดียวราบเป็นหน้ากลอง ดูเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง อาจจะเป็นคนใหญ่คนโตที่สุดยอดบางคนเคยบันดาลโทสะในเมืองรากษส ทั้งเมืองโบราณเลยพังไปด้วย กำแพงเมืองแทบจะถล่มลง
เขามองไม่ออกว่านี่คือกระบี่อะไร
หลิ่วสืออีกอดกระบี่ยาวนั้น มีความสูงเท่าคน
พญายมขุมนรกที่เก้าเลิกคิ้วขึ้น คนคลั่งกระบี่แห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ไม่มีสหาย มีแต่ศัตรู และยังล่วงเกินใครหลายคนในหุบเขานิรันดร์ ครั้งก่อนตอนที่ตนลอบสังหารหลิ่วสืออี อีกฝ่ายไม่มีกระบี่เลยสักเล่ม
เมื่อนึกถึงครั้งก่อน พญายมขุมนรกที่เก้าที่กดกำแพงเมืองอยู่ก็ออกแรงมากขึ้น บีบอิฐแตกทั้งก้อน
เขาหน้าดำมืด กลองอสนีบาตนั้นบนไหล่ซ้ายพลันทะลวงหมอก พุ่งไปหาหลิ่วสืออีในชุดขาวใต้เมือง
เขาอยากรีบสู้รีบจบ ไม่ให้เหมือนครั้งก่อน
หลิ่วสืออีเป็นเหยื่อที่เขาจับจ้องมานานมาก ล่าตั้งแต่แดนประจิมถึงแดนกลาง เป็นที่สนใจของพญายมอีกวิหารของจวนปฐพี ตามกฎจวนปฐพี การล่าต้องใช้ความสามารถตนเอง เขาพญายมขุมนรกที่เก้าล่วงเกิน ‘คนนั้น’ ไม่ได้ ได้แต่ยอมถอยออกมา แม้วันนั้นหลิ่วสืออีจะตายด้วยน้ำมืออีกฝ่ายจริงๆ ก็ได้แต่ยอมรับความซวย
ดีที่วันนั้นหลิ่วสืออีไม่ตาย
ครั้งนี้หลิ่วสืออีมาอยู่ตรงหน้าเขา หากไม่รีบลงมือ ถึงตอนนั้น เจ้าคนตึงมือตาแหลมจมูกดีนั่นมา เกรงว่าตนคงจะเสียเปล่าหมด
ไม่ใช่แค่นั้น…อาจจะมีบทสรุปที่แย่กว่านั้น
ตอนนั้นที่หลิ่วสืออีหนีไปเมืองหลวง พญายมขุมนรกที่เก้าออกมือได้ แต่ว่า…เขาไม่
เขาซ่อนตัวตลอดทาง ไม่แย่งหัวคนกับ ‘คนนั้น’ ทิ้งโอกาสล่าสังหารหลิ่วสืออีในตอนสุดท้ายไป ได้แต่มองโอกาสดีหลุดมือ ได้แต่ลบร่องรอยของตน
เขากังวลว่าตนเองก็จะเป็นเหยื่อของคนนั้นเหมือนกัน!
มือสังหารจวนปฐพีเกิดเหตุการณ์ล่ากันเองน้อยมาก หากสืบทอดตำแหน่ง ‘วิหาร’ ก็จะไม่ล่าสหายที่ฐานะต่ำกว่าตน นี่เป็นกฎในจวนปฐพี หากใครฝ่าฝืนกฎจะต้องจ่ายอย่างมหาศาล ถูกลงโทษอย่างหนัก
แต่คนนั้นเป็นคนบ้า
พญายมขุมนรกที่เก้าเคยเห็นคนนั้นออกมือน้อยครั้งมาก ทุกครั้งจะแย่งชิงเหยื่อของมือสังหารจวนปฐพีคนอื่น เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่ล่าเหยื่อ แต่เล่นกับเหยื่อ สุดท้ายก็สร้างภาพที่โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง
และคนที่ถูกแย่งเหยื่อไป สุดท้ายจะกลายเป็นเป้าหมายถูกเย้าหยอก…หากหนีไม่รอด หลบเงื้อมมือเขาไม่พ้น เช่นนั้นจิตมรรคจะพังทลายจนถึงขั้นสังหารตนเอง
ใช้การฆ่าตัวตายบอกลา
พญายมขุมนรกที่เก้าที่กดสองมือบนกำแพงเมืองอย่างแรงมีเหงื่อเย็นๆ ซึมมาจากแผ่นหลัง
ตอนนั้นที่มีคนมาหา เขาเหงื่อออกทั้งตัว
หลังพบว่าเป็นหลิ่วสืออี เขากลับโล่งอก
…….
กลองอสนีบาตนั้นส่งเสียงดังสนั่น ลากผ่านอากาศเป็นเส้นโค้งสายฟ้าเรียวยาว
พญายมขุมนรกที่เก้าขมวดคิ้ว
ในอากาศเหมือนจะมีสะเก็ดไฟเฉียดผ่าน
กลองอสนีบาตกระเด็นออกไป!
เขาเห็นไม่ชัดว่าสะเก็ดไฟในอากาศนั้นเฉียดออกมาอย่างไร และกลองอสนีบาตนั้นถูกอะไรโจมตี
หลิ่วสืออียังคงกอดกระบี่เงยหน้ามองตน
กลองอสนีบาตนั้นกลับมาข้างหลังพญายมขุมนรกที่เก้า หมอกไหลเข้ามา หน้ากลองส่งเสียงดังซ่าๆ ควันขาวลอยขึ้นจำนวนมาก
หน้ากลองที่ทำจากกระดูกสัตว์สีขาวบริสุทธิ์แตกเป็นรูหนึ่ง
พญายมขุมนรกที่เก้าพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “เป็นกระบี่รึ”
หลิ่วสืออีตอบนิ่งๆ “ไม่ใช่กระบี่ เป็นปราณกระบี่”
พญายมขุมนรกที่เก้าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
ไม่ใช่กระบี่ แต่เป็นปราณกระบี่…การปะทะเมื่อครู่มาจากพลังไร้รูปข้างหลิ่วสืออี
ในความเงียบงันใต้เมือง เสียงหลิ่วสืออีดังขึ้นด้วยความเหนื่อยล้า
“ข้าสู้กับเจ้ามาสี่ครั้งแล้ว”
เขาคลึงระหว่างคิ้ว ปักกระบี่ยาวนั้นลงอย่างแรง
“เจอกันครั้งแรก ข้าออกกระบี่เยอะมาก อาจจะสามร้อยกระบี่ สี่ร้อยกระบี่…หรืออาจจะมากกว่านั้น ตอนนั้นข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า เพราะข้าคิดว่า…” หลิ่วสืออีพ่นลมหายใจ ก่อนพูดเสียงเบา “ฆ่าเจ้า ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่มากขนาดนั้น”
พญายมขุมนรกที่เก้าแค่นยิ้ม เขาเคลื่อนกลองอสนีบาตข้างหลังอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้พุ่งออกไปทีละใบอีก แต่พุ่งไปพร้อมกันสี่ใบ
การลอบสังหารครั้งแรกไม่เหมือนการลอบสังหาร แต่เหมือนการต่อสู้มากกว่า
เขาซ่อนไพ่ตาย หลิ่วสืออีก็ซ่อนไพ่ตายเช่นกัน
สองคนเหมือนสายสืบหยั่งเชิงอีกฝ่าย ไม่มีใครใช้ไพ่ตายก่อน
เมืองรากษส ปราณกระบี่ไร้รูปพลันพุ่งออกมา
แสบตาดุจสายฟ้า
กลองอสนีบาตสี่ใบถูกโจมตีกระเด็นลอยออกจากศีรษะหลิ่วสืออีอีกครั้ง
“สู้ครั้งที่สอง ข้าออกเพียงสิบหกกระบี่ แล้วก็หนี”
กลางฝนตกหนัก เสียงเด็กหนุ่มชุดขาวไร้ความรู้สึก มีเพียงความเฉยเมย
“สู้ครั้งที่สาม ข้าออกสี่กระบี่แล้วก็หนี”
พญายมขุมนรกที่เก้าพลันรู้สึกเย็นแผ่นหลัง
หลิ่วสืออีพูดอย่างเย็นชา “สู้ครั้งที่สี่ ข้าไม่ได้ออกกระบี่กับเจ้า เพราะข้าในตอนนั้นยังขาดอะไรไปเล็กน้อย…ข้าขาดแค่กระบี่หนึ่งเล่ม
วันนี้ข้านำกระบี่มาแล้ว สังหารเจ้า ใช้แค่กระบี่เดียว!”
……………………….