เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 228 ตัวตนที่สาม

ตอนที่ 228 ตัวตนที่สาม

ตอนที่ 228 ตัวตนที่สาม

“ข้า เฉาหลัน วันนี้จะทะลวงขอบเขตที่สิบ!”

คำพูดนี้เป็นหินตกกระทบฟ้า!

บนรายนามดารามีอัจฉริยะมากมาย แต่ว่ากันที่สุดแล้วมีเพียงสิบขอบเขตถึงจะถูกหอบัวจัดในรายนาม

ลั่วฉางเซิงออกจากอันดับหนึ่งรายนามดารา ก็เพราะทะลวงขอบเขตที่สิบ จุดดาราชะตา!

หลังจากสิบขอบเขต ดาราชะตาจะแบ่งเป็นสองขั้นมายากับจริงแท้

ทะลวงสิบขอบเขตก็จะก้าวสู่ขอบเขตมายา ห่างจากการเข้าสู่ดาราชะตาที่แท้จริงอีกก้าวเดียว

ตอนนี้ประกายไฟมากมายรวมบนศีรษะเฉาหลัน เหมือนดวงตามังกรยักษ์ รวมเส้นยาวสีแดงสายหนึ่งขึ้น นี่คือเงามายาของดาราส่องแสง

หนึ่งก้าวทะลวงสิบขอบเขต ครั้งนี้ก้าวสู่ขอบเขตมายา

ทะลวงสิบขอบเขต จุดดาราชะตา ขวางอัจฉริยะไว้เท่าไร? เขาศักดิ์สิทธิ์มากมายล้วนมีผู้แข็งแกร่งดาราชะตา แต่เรื่องนี้พูดง่ายทำยาก ทะลวงสิบขอบเขตก้าวสู่ขอบเขตมายา ไม่ถือว่ายาก ผู้บำเพ็ญดาราชะตาขอบเขตมายาเรียกได้ว่ามีไม่น้อยในต้าสุย แต่คนที่จุดดาราชะตาอย่างแท้จริงได้มีน้อยกว่ามาก

หลังทะลวงมายาถึงจะมีสิทธิ์เรียกตัวเองว่า ‘ยอดผู้บำเพ็ญ’

แสงดาราเต็มฟ้าวนเวียนเหนือศีรษะเฉาหลัน งอบเขาถูกพลังในนั้นพัดลอยขึ้น ยังคงกดพลังบำเพ็ญอย่างดียิ่ง รวมเป็นเงามายาของดวงดาราสีแดงเพลิง

หลังเฉาหลันทะลวงพลัง ปราณกระบี่นั้นของหนิงอี้รวมถึง ‘ละครตลก’ ในวันนี้…ในที่สุดก็หายไปจนหมด ความฉงนและไม่เข้าใจทุกอย่างล้วนเป็นน้ำลดหินโผล่

คำพูดที่สองของเฉาหลัน…หมายความว่าเขาจะออกจากรายนามดารา!

เกิดเสียงดังเกรียวกราวขึ้น

บุตรศักดิ์สิทธิ์เขาศิลาเต่าที่นอนหมอบบนพื้นหน้าซีดขาว หลังเห็นเฉาหลันทะลวงพลังก็ก้มหน้าลง สายตาระหว่างสองคนเกิดการปะทะกัน

เฉาหลันหันมาพูดกับหนิงอี้อย่างเฉยชา “เดิมทีเจ้านี่จะมาเยือนจวนเจ้า ยกให้เจ้าจัดการแล้วกัน”

หนิงอี้ย่อตัวลง ดึงกระเป๋าเอวของหลิงสวินออกมาอย่างไม่เกรงใจ เขย่าๆ ของในกระเป๋า และยังถือโอกาสเอาไข่มุกตะวันคร้านพันปีมาอีกสองสามเม็ด ฐานะดีไม่น้อยเลย ดูท่าหลิงสวินเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เขาศิลาเต่า คงยังมีทรัพยากรอยู่ในเขาศักดิ์สิทธิ์มากกว่านี้ เพียงแค่ไม่ได้เอามา

“หนิงอี้ เจ้า!” หลิงสวินหน้าซีดขาวถึงที่สุด เขาพูดด้วยความโกรธ “ไม่ถามก็เอาไป นี่เขาเรียกว่าขโมย!”

หนิงอี้ได้ยินดังนั้นก็หยุดมือทันที ก่อนถามอย่างจริงจัง “แล้ว…เจ้ายังมีไข่มุกพวกนี้อีกหรือไม่”

หลิงสวินโกรธจนหน้าแดงไปหมด “เจ้าๆๆ…เจ้ารอข้าฟื้นกำลังกลับมาก่อนเถอะ เจ้ากับข้ามาสู้กันอย่างยุติธรรม”

หนิงอี้มองค้อนก่อนจะพลิกมือเก็บไข่มุกเข้ากระเป๋า จากนั้นพูดอย่างเกียจคร้าน “เจ้าทั้งวางค่ายกลทั้งกดดัน ข้าวของในจวนข้าพังหมดแล้ว ตอนนี้เอามาชดใช้นิดหน่อยคงไม่เกินไปหรอกนะ”

หลิงสวินกัดฟันกรอด พลังเลือดลมในตัวเขาฟื้นกลับมาเล็กน้อย กำหมัดก่อนมองศิษย์ในสำนักของตน ถึงมีศิษย์น้องจะมาพาเขากลับ

“เราต้องได้เห็นดีกันแน่!”

คืนนี้เป็นคืนที่เป็นที่จับตามองของทุกคนในเมืองหลวง และเขาถูกเฉาหลันทุบตีนอนกับพื้น และยังถูกหนิงอี้ชิงเอาของไปอีก ขายหน้าหมดแล้ว อยู่ที่นี่ก็ไม่มีความหมาย ผู้บำเพ็ญชุดหยาบสีขาวกลุ่มหนึ่งมารับบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับ ไปจากจวนของหนิงอี้ให้เร็วที่สุด

หนิงอี้ไม่ขวาง

เขารู้สึกถึงสายตาแปลกๆ

…..

ก่อนเฉาหลันทะลวงพลังก็สู้กับหนิงอี้

ศึกนี้ได้ฟันปราณกระบี่นั้นออกไป

ดังนั้นเขาศักดิ์สิทธิ์มากมายในตอนนี้ถึงมาที่จวนหนิงอี้

ก่อนที่เฉาหลันจะพูดประโยคที่สามของเขาก็รู้สึกถึงสายตาแปลกๆ สายตาพวกนี้มองตน มองหนิงอี้…ทุกคนต่างรู้ผลลัพธ์ของการต่อสู้นี้อยู่ในใจแล้ว แต่มีสายตาที่มากกว่าซ่อนความแปลกใจและความสงสัยที่พบกันครั้งแรกมองไปที่เด็กสาวข้างหนิงอี้

พวกเขารู้สึกถึงเจตจำนงกระบี่คุ้นเคยจากในตัวเด็กสาว

ในปราณกระบี่ที่เพิ่งพุ่งขึ้นค่ำคืนยาวนานของเมืองหลวงก็มีส่วนของนางอยู่

เช่นนั้นคำถามมาแล้ว…คนนั้นข้างหนิงอี้เป็นใคร

หากเป็นผู้บำเพ็ญเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ศึกษาหนิงอี้มาก่อนจะรู้ว่าเด็กสาวที่ดูไม่มีพิษมีภัยคนนี้ ความจริงเป็นน้องสาวของหนิงอี้ มาเมืองหลวงพร้อมกับหนิงอี้ เคยอยู่อย่างลำบากในเทือกเขาประจิม หลังมาเมืองหลวงก็ไม่เคยปรากฏต่อหน้าปุถุชนอีก

เผยฝานเม้มริมฝีปาก นางรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ เหล่านี้

ในสายตาพวกนี้ซ่อนความอยากรู้อยากเห็นไว้มากมาย มีความสงสัย มีความแปลกใจ และมีความฉงน

นางไม่เคยคิดเลยว่าตนจะยืนอยู่หน้าคนมากมายขนาดนี้

นางไม่เคยต้องการแบบนี้เลย

“ทุกท่าน นี่คือน้องสาวของข้า”

หนิงอี้รู้สึกถึงความร้อนใจของเด็กสาวข้างกาย เขายื่นมือมาข้างหนึ่งคว้ามือนางและแนะนำกับทุกคน

…..

อู๋ซานแห่งกรมข่าวกรองนั่งยองบนชายคา ข้างกายเขาตอนนี้มีสหายในกรมเต็มไปหมด และยังมีกองกำลังของกรมผู้คุมกฎ เจ้ากรมน้อยหลายคนมองหน้ากัน ต่างเห็นความหมายลึกซึ้งในแววตากัน

เบื้องบนให้ความสำคัญกับแม่นางแซ่เผยคนนี้มาก กระทั่งทำภารกิจตรวจสอบลับ

แต่ก็ยังไม่เจออะไร ไม่เจอประวัติหรือเป็นศิษย์ใคร สิ่งที่ตรวจสอบได้คือนางเป็นน้องสาวของหนิงอี้และอยู่ข้างกายเขาตลอด

เผยฝาน

ความจริงอู๋ซานก็รู้ความลับที่ไม่ถือว่าเป็นความลับเท่าไร

อย่างเช่นเจ้ากรมใหญ่ของตน จู่ๆ คืนนี้ก็จะไปเยือนหอยอดวิสุทธิ์

อู๋ซานมีสหายที่ไม่นับว่าเป็นสหายคนหนึ่ง ชื่อว่าเสิ่นหลิง บุรุษผู้ไม่ยอมโอนอ่อนคนนั้น ได้ยินว่าทั้งหน่วยเก่าถูกถอนออกหมด เพราะยืนกรานจะตรวจสอบตัวตนที่ไม่ควร ดังนั้นถึงมีจุดจบเช่นนี้

อู๋ซานไม่ได้เจอเสิ่นหลิงมานานมากแล้ว

เขารู้ว่าอาจจะไม่ได้เจอเสิ่นหลิงอีกตลอดไปแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่าการลาจากของตนกับเสิ่นหลิงคือการจากลาอย่างแท้จริง

ท่านอวิ๋นสวินชื่นชมเสิ่นหลิงมาก

ดังนั้นท่านอวิ๋นสวินถึงไปหอยอดวิสุทธิ์

เอกสารในมือเสิ่นหลิงคนสุดท้ายอยู่ในหอยอดวิสุทธิ์ ท่านเจ้ากรมใหญ่น่าจะฝ่าฝืนกฎเพื่อเข้าไปดูกับตา

ตอนนี้นักพรตชุดหยาบสำนักเต๋ายังไม่มา อู๋ซานพอจะเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ้างแล้ว ท่านอวิ๋นสวินไปเล่นหมากกับคุณชายซูมู่ ความจริงก็เท่ากับว่าใช้ตัวตนส่วนตัวรั้งสำนักเต๋าไว้ ไม่ให้ซูมู่ก้าวก่ายเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเมืองหลวง…ทว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเหนือความคาดหมายของอู๋ซาน

เขามองเด็กสาวคนนั้นหน้าประตูจวนพลางคิดในใจ

เผยฝานที่ทำให้กรมผู้คุมกฎกับกรมข่าวกรองสองหน่วยงานใหญ่ว้าวุ่นกันอยู่พักหนึ่ง เป็นใครกันแน่?

เจอกับทุกคนแล้ว หลบซ่อนไม่ได้แล้ว

ขั้นตอนการตรวจสอบเผยฝานทุกก้าวยุ่งยาก ตอนสุดท้ายที่ดูเหมือนจะสำเร็จอย่างราบรื่นนั้น ความจริงเป็นเพียงเอกสารทำชุ่ยๆ ส่งไป

มีคนสงสัยว่าเบื้องหลังของเผยฝานเป็นยอดฝีมือนิพพานที่ล่วงเกินไม่ได้บางท่าน

ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้มีน้อยมาก

และมีคนสงสัยว่าเบื้องหลังของเผยฝานเกี่ยวข้องกับคดีที่ไม่อาจพูดถึงได้เมื่อสิบปีก่อน…

อู๋ซานคิดว่าความเป็นไปได้นี้น้อยยิ่งกว่า คืนโลหิตเมืองหลวงเมื่อสิบปีก่อนปิดคดีไปแล้ว เขาเองก็ร่วมด้วย ยืนยันว่าตระกูลเผยสิ้นชีพทั้งตระกูล ศพทุกร่างผ่านการตรวจสอบยืนยันจากเขา จะบอกว่าเด็กสาวแซ่เผยที่โผล่มาอย่างน่าประหลาด จะเป็นบุตรสาวที่รักของตระกูลเผยหรือ

คนอื่นอาจจะจับลมจับเงา เลือกเชื่อ

แต่อู๋ซานไม่เชื่อ

เขาเคยเจอเด็กหญิงน้อยคนนั้นที่อยู่ในจวนตระกูลเผย ในผ้าอ้อมมีป้ายคำสั่งดอกบัว เป็นป้ายคำสั่งศิษย์ที่เขาลั่วเจียให้มาโดยเฉพาะ ท่านเผยหมินใช้วิชาลับนิพพานเพื่ออวยพรให้เด็กหญิง ตอนนั้นอู๋ซานเพิ่งเข้ากรมข่าวกรอง ก็อยู่ด้วย นั่นคือวิชาลับที่สูงส่งที่สุดของเขาลั่วเจีย หลอมละลายเข้าไปในเลือด ดวงชะตาเขาลั่วเจียอยู่ในนั้นตลอดไป เว้นแต่จะสิ้นชีพ

ตอนที่เขาตรวจสอบศพก็พลิกดูผ้าอ้อมของทารก ป้ายคำสั่งดอกบัวนั้นมีแต่กลิ่นอายมรณะ ดวงชะตาเขาลั่วเจียหายไปจนหมด

ทารกไม่ร้องไห้ไม่ส่งเสียง มองจากป้ายคำสั่งก็รู้ว่าตายแน่นอน

เพียงแต่ว่า…

อู๋ซานเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้ว เขานึกไปถึงปราณกระบี่นั้นที่เพิ่งพุ่งขึ้นฟ้า

มีกลิ่นอายคุ้นเคยอยู่จริงๆ

เขานึกไม่ออกนิดๆ เหมือนเคยรู้จัก แต่ก็มีความแปลกตากันเล็กน้อย

เขามองไปที่เด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีขาวคนนั้นอีกครั้ง พลันเกิดแสงสว่างวาบขึ้นในความคิด เสียงเบาดังขึ้นเนิบนาบ

“ข้าแซ่เผย นามฟ่าน”

เผยฟ่าน

เด็กสาวยืนข้างหนิงอี้ นางมีสีหน้าเรียบนิ่งและเฉยชา หนิงอี้จับมือนาง รู้สึกว่าเด็กสาวจิกเล็บเข้าไปในฝ่ามือตน

เจ้ากรมข่าวกรองน้อยที่นั่งยองบนชายคาพลันพูดขึ้น

“เผยฟ่าน…กรมข่าวกรองต้าสุยสงสัยตัวตนที่แท้จริงของเจ้า ในเมื่อวันนี้เจ้าออกจวนมาแล้ว ก็ช่วยอธิบายหน่อยเถอะ”

อู๋ซานขมวดคิ้ว มองสหายในกรมคนนี้ของตน

นี่ไม่ถูกต้องตามกฎ

เพิ่งคิดขึ้น เสียงของอวิ๋นสวินก็ดังขึ้นในป้ายชื่อ

“ให้เขาถาม”

อู๋ซานหุบปากลงอย่างว่าง่าย

เจ้ากรมใหญ่สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน

เจ้ากรมข่าวกรองน้อยที่นั่งบนชายคาเอ่ยราบเรียบ “เผยฟ่าน เจ้ามาจากที่ใด บ้านอยู่ที่ใด ชื่อแซ่บุพการี อดีตผ่านอะไรมาบ้าง เจอกับหนิงอี้ได้อย่างไร แล้วก็…ปราณกระบี่นั้นมาจากที่ใด”

เกิดในตระกูลพ่อค้าเผยในเทือกเขาประจิม บ้านอยู่เมืองกวางน้อยเทือกเขาประจิม บิดามีนามว่าเผยซาน มารดาซูซื่อ ถูกโจรชั่วปล้นจึงถูกฆ่าปิดปากทั้งตระกูล มีเพียงนางที่โชคดีรอดมาได้จนมาเจอกับเด็กหนุ่มหนิงอี้

จากนั้นสองคนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน

นี่เป็นเนื้อความในเอกสารปลอม

ซ่งอีเหรินไหว้วานให้คนส่งตัวตนใหม่ของเด็กสาวเข้าจวน เผยฝานจดจำทุกคำในนั้นได้ชัดเจน

แต่นางกลับพูดไม่ออกนิดๆ

เพราะนางไม่เข้าใจปราณกระบี่นั้น

ระหว่างเด็กสาวหายใจก็หน้าซีดขึ้นกว่าเดิม เพิ่งสู้กับเฉาหลันมา สีเลือดบนใบหน้าจึงจางมาก เลยปกปิดจุดนี้ไว้ได้

หนิงอี้ยังคงอยู่ในท่าทีไร้ความรู้สึก เขาเพียงแค่จับมือเด็กสาวไว้เงียบๆ

เผยฝานสูดลมหายใจเข้าลึก

นางพูดถึงตัวตนในเอกสารตามที่จดจำไว้ช้าๆ

เจ้ากรมข่าวกรองน้อยเงียบลงทีละนิด

ปกติมาก ธรรมดามาก

ไม่มีอะไรให้จับผิด หาพิรุธไม่เจอเลย

เขามองเผยฝานพลางถามอย่างจริงจัง “ข้ามีคำถามสุดท้าย ตัวตนเจ้าธรรมดาเช่นนี้ แล้วกระบี่นั้นมาจากที่ใด”

ใช่ นี่เป็นคำถามเดียว

เผยฝานเงียบแล้ว

ทุกคนรู้ว่ากระบี่นั้นคือกระบี่ใด

ดังนั้นพวกเขาจึงรอคำตอบ

เสียงเย้าหยอกดังขึ้น

“คำตอบง่ายมาก ตัวตนนางไม่ธรรมดาเลย หรืออาจจะพูดได้ว่า ตัวตนของนางไม่ได้ธรรมดาอย่างที่พวกเจ้าคิด”

หนิงอี้เม้มริมฝีปาก หน้าซีดขาว มองไปข้างหน้า

เด็กสาวมองบุรุษสวมงอบข้างหน้า

หลังทะลวงขอบเขตที่สิบ เฉาหลันก็มองไปทางกรมผู้คุมกฎกับกรมข่าวกรอง เผยรอยยิ้มกว้าง

“นางเป็นศิษย์ของฉู่เซียว”

………………………….

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Score 10
Status: Completed
ขลุ่ยกระดูกธรรมดาที่เด็กหนุ่มครอบครอง กลับเป็นยอดสมบัติที่จะทำให้เขากลายเป็นเชียนกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า หนิงอี้' เด็กหนุ่มยากจนจากเทือกเขาประจิมลอบเข้าไปปลันสุสานใต้ดินกับน้องสาว 'เผยฝาน' โชคดีเก็บ 'ไข่มุกตะวันคร้าน' สมบัติที่ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักใหญ่ตามหาได้ แต่เขาดันทำมันแตก! ซ้ำยังสลบไปจนน้องสาวต้องลากออกมา แม้จะรอดชีวิตจากสุสานใต้ดินมาได้ แต่กลับต้องมาถูกปีศาจแมงมุมตามล่า เพราะมันเข้าใจว่าไข่มุกตะวันคร้านอยู่ที่เขา หนิงอี้ไม่กลัว ถ้ำเกิดอะไรขึ้นเขายังมี 'ขลุ่ยกระดูก' ที่แม้ภายนอกจะดูเหมือนขลุ่ยใบไม้ธรรมดา ทว่าคมจนตัดเหล็กกล้ำได้ แต่หนิงอี้ไม่ทันได้ควักขลุ่ยกระดูกออกมาใช้ก็มีคนมาช่วยพวกเขาไว้เสียก่อน ผู้ใหม่คือ 'สวีจิ้ง ผู้บำเพ็ญอันดับ 3 แห่งต้สุยที่ถูกหลายสำนักหมายหัว และการได้พบกับสวีจั้งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของหนิงอี้เปลี่ยนไป ประตูสู่โลกของผู้บำเพ็ญที่เขาไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไปได้เปิดออก ขลุ่ยกระดูกธรรมดาๆ ที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดกลับกลายเป็นยอดสมบัติ! ทั้งยังมีความลับเบื้องหลังชาติกำเนิดที่รอวันเปิดเผย เส้นทางสู่การอยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset