ตอนที่ 216 ฆ่ามังกรกับชะตาของหยกขาว
บ่อน้ำดุจน้ำหมึก
เลือดมังกรสีแดง
หนิงอี้ที่กางร่มกระดาษมันพินิจเหมันต์ต้านแรงปะทะของกลิ่นอายมรณะอย่างยากลำบาก แขนเสื้อมุมหนึ่งเปื้อนกลิ่นอายมรณะ พลันสลายเป็นเถ้าถ่าน ลอยกลายเป็นความว่างเปล่า
ศีรษะมังกรใหญ่แหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า จากนั้นพุ่งลงมาด้วยความเร็วและดุดันยิ่ง น้ำบ่อเทพสั่นสะเทือนแยกออก เกล็ดที่กางแยกออกจากกันตั้งเหมือนกระบี่แทง เหมือนกับป่าสีดำหลอมจากเหล็กกล้าฟาดใส่ร่มกระดาษมันของหนิงอี้
เกิดเสียงดัง ‘ปัง’
ใบร่มพินิจเหมันต์เหมือนกับชั้นหิมะที่สั่งสมมานาน หลังถูกฟาดก็มีเจตจำนงกระบี่สีขาวหิมะหลุดออกมา หนิงอี้ถูกกระแทกลอยออกไป ขาสองข้างเหยียบบนน้ำ น้ำหมึกเข้มกระเพื่อมไปทั้งบ่อ คลื่นสีดำแตกออกเป็นสองทาง
‘ป่าเกล็ดสีดำ’ นั้นพุ่งเข้ามาเป็นครั้งที่สอง
เกิดเสียงดังปังอีกครั้ง
พลังมหาศาลนี้ส่งผลกับจิตวิญญาณโดยตรง หนิงอี้มีเลือดไหลมาจากจมูกแล้ว
ยอดฝีมือราชันดาราที่เหลือตอนศึกษาศิลาหินหุบเขานิรันดร์ อำนาจคุกคามคุ้นเคยนั้นรวมเข้าด้วยกัน ก่อนจะตามการพุ่งชนของหางมังกรดำนั้นลงบนทะเลสาบจิต
“จงแหลก!”
ดวงตาหนิงอี้พ่นเพลิงโทสะ ตอนที่หางมังกรฟาดเข้ามาครั้งที่สาม เขาพลันมีสีหน้าเหี้ยมเกรียมขึ้น
จิตกระบี่ประจำตัวที่เพิ่งรวมออกมานั้นลอยอยู่บนบ่อเทพสูง ตอนนี้สั่นไหวเบาๆ กลิ่นอายมรณะสีดำวนเวียนรอบจิตกระบี่ ‘ทุกสรรพสิ่ง’ รุกรานเข้ามาไม่ได้
จิตกระบี่ยิงปราณกระบี่ ไอดำนั้นพลันถูกทำลายลงทั้งหมด
ในโลกของกระบี่ อากาศธาตุสลัวเพิ่งกำเนิด ยังไม่มีกฎ คำสั่งของยอดฝีมือวิถีกระบี่ในอดีตยังคงเป็นเพียงตัวแบบ ยังไม่แตกหน่อออกราก สอดคล้องกับน้ำบ่อเทพ ในนั้นเกิดเป็นพื้นที่ว่างขึ้น
เมื่อหนิงอี้ตะโกนเสียงดัง ตัวกระบี่พินิจเหมันต์ก็ขยับประกายแสงสว่างพร่างพราย
หางมังกรฟาดเข้ามา
หนิงอี้พลันหุบร่ม เดินหนึ่งก้าวต้านพายุคลั่ง
พินิจเหมันต์ลากเป็นเส้นยาวจากบนลงล่าง!
เสียงร้องโหยหวนของมังกรดำดังบนฟ้าบ่อเทพ หางมังกรดุจเหล็กทมิฬถูกพินิจเหมันต์ฟันลอยขึ้นเหมือนน้ำพุ เปราะบางราวกับกระดาษ หลังจากเกิดเสียงฉีกขาดดังฉึกแล้ว ก็เป็นเสียงหางมังกรขาดลอยขึ้น จากใกล้ไปไกลออกไป สุดท้ายตกลงบนบ่อเทพ น้ำหมึกสาดกระจาย หางมังกรนั้นยังคงดิ้นไปมา ตีกับผิวน้ำอย่างบ้าคลั่ง
หางมังกรขาดที่ถูกปราณกระบี่รุกรานเข้าไป กลิ่นอายมรณะลอยขึ้นเป็นควันดำเหมือนถูกเผา ไม่เกินสามสี่ลมหายใจ หางขาดก็สลายหายไปทั้งหาง
ท่ามกลางเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด น้ำบ่อเทพรอบตัวมังกรดำเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง
หนิงอี้มีแววตาเย็นชา คีบสองนิ้วมือลูบไล้ตัวกระบี่สีขาวพินิจเหมันต์ เกิดเสียงร้องกระบี่ดังชิ้งๆ
ตอนที่ฟันหาง มีไอสีดำสามสี่สายวนเวียนรอบตัวกระบี่ แต่เมื่อหนิงอี้ลูบปลายนิ้ว ไอชั่วร้ายนั้นก็ดับสลายไป
มังกรดำขนาดเท่าโบสถ์พุทธกับเด็กหนุ่มอาภรณ์ดำรูปร่างบางเกิดเป็นการเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน
หนิงอี้เริ่มวิ่งทันที เขาออกวิ่งเร็วมาก ใต้ฝ่าเท้าเกิดน้ำค้างสีขาว ในจิตกระบี่ทุกสรรพสิ่ง แสงสว่างมหามรรคทั้งหลายตกลงมาเสริมพลังให้ เช่นไฟ สายลม หิมะและน้ำค้าง ก้นของบ่อเทพสีดำระเบิดเป็นสายน้ำพุ่งขึ้นฟ้าหลายสิบสาย
แค่ชั่วอึดใจเดียว หนิงอี้ก็มาอยู่ในระยะสามฉื่อของมังกรดำยักษ์นั่น
พินิจเหมันต์เล่มนั้นปักกลางเลือดเนื้อมังกรดำ ไม่มีการติดขัดใดๆ เลยเหมือนกับมีดแทงกระดาษ ด้วยความที่กระบี่เร็วและแหลมคมยิ่ง ครั้งนี้หนิงอี้ถือกระบี่ด้วยสองมือ ก่อนจะแทงคมกระบี่ลงผิวหนังเหมือนกับถือสิ่วน้ำแข็ง ไม่มีแม้แต่เลือดมังกรออกมา
หนิงอี้พลิกข้อมือ เอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบผิวมังกร ใต้ฝ่าเท้าส่งความรู้สึกสัมผัสที่แข็งเหมือนเหล็กกล้า เขารวดเร็วยิ่ง เร็วจนมังกรดำตั้งตัวไม่ทัน กระทั่งเกล็ดไม่แตกด้วยซ้ำ
อยู่เป็นมุมตั้งตรงดิ่งกับน้ำบ่อเทพ
หนิงอี้ไม่ดึงกระบี่ แต่สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะลากกระบี่ไปเหมือนลากดาบ
ปราณกระบี่เปิดออก นกยูงรำแพนหาง!
หนิงอี้ที่ลากพินิจเหมันต์มาอยู่ข้างหน้า ข้างหลังเกิดเป็นแสงเรืองรองสีแดงลักษณะกลม เลือดเนื้อทั้งก้อนถูกฟันออกมา
มังกรดำนั่นแผดเสียงคำราม ตัวดิ้นไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟาดลงบนบ่อเทพ
คนกับมังกรพลันตกลงบ่อสีดำ
หนิงอี้หรี่ตาลงโดยพลัน เขาพลิกตัวขึ้น เหยียบบนหลังมังกรดำในลักษณะขี่หลัง กลิ่นอายมรณะทั้งบ่อไหลย้อนขึ้นมา มังกรดำยาวนั่นพลิกตัวไม่หยุดเพื่อระบายความโกรธที่มาพร้อมกับความเจ็บปวด อยากจะเหวี่ยงหนิงอี้ออกไปอย่างแรง
หนิงอี้ยืนขึ้นด้วยความยากลำบากยิ่ง แต่ด้วยความที่โคลงเกินไปจึงดิ่งลงมา ช่วงที่ฟ้าดินกลับด้าน เขาใช้ปลายห้านิ้วมือลากจนเกิดสะเก็ดไฟเหมือนตะขอ สุดท้ายก็จับเกล็ดสีดำเอาไว้แน่น
ตรงขอบเกล็ดมังกรนั่นแหลมคมมาก เปิดออกไม่หยุด เกิดเสียงโลหะกระทบกับผิวหนังหนิงอี้เรื่อยๆ
ฟ้าดินมืดครึ้ม
หนิงอี้เงยหน้าขึ้นจ้องดวงตาลุกโชนนั้น มังกรนั่นบิดคอ น้ำบ่อโดยรอบสั่นสะเทือน หยดน้ำหลายหยดพุ่งเข้าใส่เขา
ปราณกระบี่แผ่ออกในระยะสามฉื่อ
กระเทือนกลิ่นอายมรณะแตกออกทั้งหมด ฉีกขาด
ในโลกมีเพียงเสียงเดียว
“ข้าจะ ฆ่ามังกร!”
เสียงแหบของหนิงอี้ไม่ได้ถูกน้ำบ่อจมหายไป แต่เป็นแสงสว่างร้อนระอุสว่างขึ้นในเงามืด
พินิจเหมันต์แทงเข้าสันหลัง
หนิงอี้ใช้สองมือจับด้ามกระบี่ ตัวถูกน้ำกระแทกจนแทบจะลอยออกจากสันหลังมังกร
แสงกระบี่เรียวยาวแทงเข้าเลือดเนื้อลึกถึงกระดูก เลือดสีแดงและเหนียวพุ่งออกมาดังฉึก เมื่อมังกรสะบัดตัวอย่างบ้าคลั่งและมีแนวโน้มจะล้มลงนั้น กระบี่ก็ได้ฟันทั้งร่างมังกรขาด
ควันดำลอยโขมงทั้งซ้ายและขวา เกิดไฟลุกขึ้นทั้งบ่อ!
เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ใกล้มาก จู่โจมถึงจิตวิญญาณ
ราชันดาราฝูผิงราชันกระบี่เทพหิมะราชันกระบี่ประกายเพลิง ร่างเงาของยอดผู้บำเพ็ญวิถีกระบี่มากมายพุ่งเข้าใส่จิตสำนึกของหนิงอี้
ในน้ำหมึกบ่อเทพ ไม่ได้มีแค่เลือดมังกรเหนียวจำนวนมาก
เด็กหนุ่มปล่อยสองมือที่จับกระบี่ หมดสติลง
เอนตัวตกลงไปช้าๆ
……
กลิ่นอายมรณะในบ่อเทพได้ย้อมฟ้าดินเป็นสีดำ
ค่ำคืนอันยาวนานจะสิ้นสุดลงแล้ว
กระดูกมังกรตกลงบ่อน้ำ ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ดิ้นไปมาไม่หยุด สุดท้ายก็สลายเป็นเถ้าธุลี
หมอกดำเริ่มหายไป
จิตกระบี่ประจำตัวที่ลอยอยู่บนบ่อเทพเหมือนดวงตะวันใหญ่ เริ่มเปล่งแสงสว่าง ลบล้างกลิ่นอายมรณะที่เหลือ
น่าเสียดายว่าจิตกระบี่ประจำตัวเพิ่งรวมออกมา แสดงอานุภาพได้มีจำกัด ไม่นานก็อ่อนแสงลง
มังกรที่รวมจากกลิ่นอายมรณะถูกหนิงอี้สังหาร แต่ไอชั่วร้ายในน้ำบ่อเทพกับกำแพงหินกลับเหมือนตัวอ่อนแมลงวันเกาะกระดูกข้อเท้า ยังตัดไม่ขาด
นี่คือความร้ายกาจของกลิ่นอายมรณะ
อัจฉริยะที่ขึ้นสู่ยอดหุบเขานิรันดร์ได้ มีใครบ้างไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่มีพรสวรรค์สุดยอด แข็งแกร่งอย่างอวี๋ชิงสุ่ยแห่งแดนทักษิณยังไม่อาจลบกลิ่นอายมรณะได้ทั้งหมด
กลิ่นอายมรณะไม่ได้สังหารคนโดยตรง แต่จะมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย
หลังสังหารมังกร กระดูกมังกรยังอยู่ เลือดมังกรยังอยู่
กลายเป็นกลิ่นอายมรณะ แล้วจะลบกลิ่นอายมรณะได้อย่างไร?
หนิงอี้สติพร่าเลือน ดวงจิตของยอดฝีมือวิถีกระบี่เหล่านั้นในหุบเขานิรันดร์พุ่งลงในทะเลสาบจิต ทำให้จิตวิญญาณเขาจมลงบ่อเทพ เหมือนตกหุบเหวลึก…เขาพยายามลืมตาขึ้น รอบด้านมีแต่กลิ่นอายมรณะที่เย็นเยือกถึงกระดูก ปะปนในบ่อน้ำ เตรียมจะกัดกินจิตวิญญาณของเขา
ตัวกระบี่พินิจเหมันต์อยู่ไม่ไกลจากเขา
แรงปะทะจิตวิญญาณก่อนตายของมังกรนั่นกระแทกใส่หนิงอี้ด้วยพลังที่ไม่อาจต่อต้านอย่างเหนือความคาดหมาย
เด็กหนุ่มที่กำลังจมลง อาภรณ์เหนียวหนืด ตัวเหมือนเหล็กทมิฬ แม้แต่เขาที่จิตแข็งก็ยังทนไม่ไหวต้องร้องด้วยความเจ็บปวด
จะจบแล้วหรือ…
หนิงอี้สับสนเล็กน้อย
เหนือบ่อเทพ พลันเกิดแสงสว่างขึ้น
เงากระบี่เรียวยาวตกลงมาจากฟากฟ้า เปล่งแสงสว่าง เปิดความสว่างสดใส
จากนั้นเป็นสายที่สอง สายที่สาม สายที่สี่
หลายสิบสาย
เป็นร้อยสาย
เป็นพันสาย
ไม่รู้กี่สาย
คลังสมบัติแห่งกระบี่
บ่อเทพพลันระเบิดออก เปิดเส้นทางสายหนึ่งให้หมื่นกระบี่
หนิงอี้ที่สติพร่าเลือนเห็นร่างเงาเซียนกระบี่หญิงคุ้นตานั้นที่เคยเห็นใต้ตำหนักภูเขาแดง
เซียนกระบี่หญิงนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาหงส์ซ่อนความร้ายกาจ เดินเหยียบหมื่นกระบี่ ฆ่าล้างกลิ่นอายมรณะ
งดงามมาก
“ยัยเด็กนั่น…”
น้ำเสียงหนิงอี้มีความเข้าใจเสี้ยวหนึ่ง
เสียงของเซียนกระบี่หญิงมีความร้อนใจและแหบพร่า
“พี่”
เขาเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด ยื่นมือออกไปช้าๆ อยากจะคว้าแขนขาวหิมะที่ยื่นมาของหญิงคนนั้น
คว้าไว้
จับไว้
ไม่ปล่อยมืออีก
สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะตกลงแล้ว
ในมือนางเหมือนจะกำหยกขาวไว้
กลิ่นอายมรณะพันรอบ รุกรานเข้าแขนเสื้อ ไหลไปช้าๆ จิตวิญญาณของหนิงอี้เริ่มไม่มั่นคง ขมุกขมัว กำลังจะตาย รอบตัวเขาลอยขึ้นเป็นไอสีดำ
เหมือนแกะสลักเส้นใยน้ำหมึก
คำพูดผู้อาวุโสฉู่เซียวในหยกขาวดังขึ้นในความคิดเผยฝาน ทุกคำพูดชัดเจนมาก
“กลิ่นอายมรณะพันรอบกายไม่น่ากลัว หากลอยขึ้นเป็นเส้นใยน้ำหมึก นั่นจะเสียเวลาไม่ได้แล้ว บีบหยกขาว จะช่วยชีวิตเขาได้ ต่อให้มีพลังบำเพ็ญอย่างข้า การจะทำเช่นนี้ก็ต้องจ่ายไปไม่น้อย เหตุและผลในโลก มียืมมีคืน มีรากมีใบ เจ้าน่าจะรู้ว่าหลังบีบหยกขาวก็จะผูกชะตากับภูเขาม่วง…การเลือกทั้งหมดอยู่ในมือเจ้า”
จะเลือกอย่างไร
ความคิดของเด็กสาววูบผ่าน นางมีใบหน้าแน่วแน่ขึ้นมา ก่อนจะเกิดเสียงดัง ‘กึก’ ในฝ่ามือ
นางบีบหยกขาวนั่นแตก
ไม่มีทางเลือกแล้ว
เสียงของเซียนกระบี่หญิงดังก้องบ่อเทพ
“ขอให้ผู้อาวุโสฉู่เซียวออกมือ ลบล้างกลิ่นอายมรณะด้วย!”
หลังบีบหยกขาวแตก ก็เกิดแสงสว่างพร้อมกับแสงสีม่วงพุ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน รุ้งขาวต่างจากกลิ่นอายมรณะอย่างสิ้นเชิง แผ่กระจายมาพร้อมกับพลังชีวิตมหาศาล
บ่อเทพเดือดพล่าน จากดำเปลี่ยนเป็นขาว
ฟ้าดินพลิกกลับ หยินหยางกลับตาลปัตร
ดวงจิตที่เจ้าภูเขาม่วงที่ฝึกวิชาต้องห้ามเป็นตายโดยเฉพาะใส่ไว้ในหยกขาวได้กวาดล้างไปรอบๆ
ก้นบ่อเทพ ตรงจุดที่บีบหยกขาวแตก มีเด็กหญิงเยาว์วัยกางร่มสีแดงคันใหญ่โผล่มา
ฉู่เซียวเอาฝ่ามือตบหน้าผากหนิงอี้เบาๆ ก่อนยกมือขึ้นช้าๆ ฝ่ามือดึงเส้นใยเหนียวหนืดขึ้นมาจากหน้าผาก นั่นคือกลิ่นอายมรณะชั่วร้ายสีดำ
เซียนกระบี่หญิงโค้งตัวลงลึก
ฉู่เซียวยิ้มพลางพูดเสียงเบาอย่างไม่ใส่ใจ “จะกำจัดกลิ่นอายมรณะต้องใช้เวลาเกือบครึ่งก้านธูป ระหว่างนี้ห้ามให้วิญญาณออกจากร่าง”
นางเงยหน้าขึ้นมองผ่านม่านฟ้า เหมือนมองไปโลกภายนอก
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาดี…” เจ้าภูเขาม่วงพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าเหมือนจะเจอปัญหาไม่น้อย ‘เจ้าหนุ่มนั่น’ ไม่มีเจตนาดี”
บนฟ้าจวน
ยันต์มากมายลอยลงมา
ยันต์ที่ใช้กั้นเสียง บ้างฉีกขาด บ้างลุกแผดเผาจนหมด สิ้นอานุภาพไปแล้ว
ค่ายกลของเขาศิลาเต่ากำราบอยู่บนฟ้าจวน
หลิงสวินที่ยืนหน้าประตูจวนมีแววตาเย็นชา
“ค่ายกลพังแล้ว พวกเจ้าจะทำอะไรได้อีก”
ผู้บำเพ็ญชุดหยาบสีขาวที่เข้ามาในตรอกหยุดเดินหน้าและเริ่มใช้สองมือประสานมุทรา
กระดองเต่าที่ลอยอยู่เหนือศีรษะหนิงอี้กับเผยฝานสั่นไหวเล็กน้อย แรงกดดันมหาศาลรวมกันเข้ามา
“จัดการมัน!”
………………………….