เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า 208 ศึกเทพเซียน (2)

ตอนที่ 208 ศึกเทพเซียน (2)

ตอนที่ 208 ศึกเทพเซียน (2)

เมื่อเอ่ยจบ อ้อยอิ่งข้างหลังหนิงอี้ถึงกับปิดปากหัวเราะ กดเสียงเบาถึงที่สุด

“น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้…” หยวนหลินโกรธจนคันจมูกไปหมด ก่อนจะพูดต่อว่า “ใจเจ้าคนนี้เผาออกมาจากโพรงถ่านหินรึ ถึงดำนัก สกปรกนัก ถ้าข้าเป็นศิษย์พี่นะ ข้าจะตบมัน…”

คุณชายครามได้ยินแบบนั้นก็เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากจะตบเหมือนกัน

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ในที่สุดก็กลั้นเพลิงโทสะไว้ได้ คงใบหน้าที่ยังถือว่านิ่งเฉยไว้ แค่พูดเย้ยเยาะ “ไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจไม่ใช่ของหายาก ด้วยฝีปากของเจ้าก็ไปที่โลกเทาดูสิ ดูว่าจะสังหารราชันปีศาจสักตนสองตนได้หรือไม่”

หนิงอี้ทำเสียงจิ๊ๆ เห็นด้วยกับคำพูดของคุณชายคราม รู้สึกพอใจในตัวเองขึ้นมานิดๆ ก่อนจะพูดเย้ยเยาะตัวเอง “ที่แท้ฝีปากข้าก็ร้ายกาจขนาดนี้เชียว”

“หนิงอี้”

คุณชายครามสะบัดแขนเสื้อ จากนั้นพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ศึกนั้นระหว่างเจ้ากับข้าครั้งก่อน ไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริง ตอนนั้นเจ้าพลังบำเพ็ญยังไม่พอ จิตมรรคข้าเองก็ไม่มั่นคง”

หนิงอี้หรี่ตาลง

ไม่อยากเชื่อว่าคุณชายครามจะยอมรับในจุดนี้

ตอนนั้นตนมีพลังบำเพ็ญเพียงขอบเขตกลาง ที่ชนะคุณชายครามในจวนเขาครามได้ก็เพราะอาศัยเศษความเป็นเทพนั้นของราชาหัวใจราชสีห์ เทียบกับความเป็นเทพของสวีชิงเยี่ยนแล้ว พลังที่หลุดมาจากผลึกความเป็นเทพที่แข็งทนทานนั้น ไม่ว่าจะระดับความหนาแน่นหรือปริมาณ ก็แกร่งกว่ามาก

ดังนั้นหนิงอี้ถึงออกกระบี่ความเป็นเทพที่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ได้

“กระบี่บินของคุณชายเฉาผีอยู่ในมือเจ้า เมื่อโอกาสมาถึง ข้าจะไปเอาคืนจากเจ้า” คุณชายครามเอ่ยนิ่งๆ “จนถึงตอนนี้ จิตมรรคข้าก็ยังไม่มั่นคง มีปัญหาอยู่หลายอย่าง แต่หนวดมังกรเล่มนั้นเป็นหน้าตาของจวนขานฟ้ามาพันปี ในจวนไม่มีใครแล้ว มีแต่ข้าที่เอากลับมาได้”

หนิงอี้ยิ้ม เขาไม่ใช่คนได้คืบจะเอาศอกอยู่แล้ว คุณชายครามพูดจบ เขาก็มองบุรุษคนนี้ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย

“สู้อย่างยุติธรรม ข้าจะรอเจ้า” หนิงอี้ยิ้ม “น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีทางชนะข้าเอาหนวดมังกรคืนไปได้แล้ว แต่ว่าถึงตอนนั้น จะคืนกระบี่บินหนวดมังกรให้จวนขานฟ้าก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร”

คุณชายครามคลึงระหว่างคิ้ว

เขาเหมือนกำลังลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่

ข้างหลังเขาไม่ใช่แค่จวนขานฟ้า แต่ยังมีสำนักศึกษาขุนเขาและสำนักศึกษาตะวันสูงที่เสียหายหนัก ศิษย์สำนักศึกษาพวกนี้ยังไม่กลับไป

ตอนศึกสำนักศึกษาก็มากันไม่ครบ แต่กลับมารวมกันที่ใต้หุบเขานิรันดร์

“อาจารย์ของข้าจูโฮ่วทำความผิด” เหลียนชิงมองข้ามหนิงอี้ไปมองท่านหญิงพิณก่อนพูดด้วยความจริงใจ “สำนักศึกษาพันปี เดิมทีควรจะรักษาเจตนาเดิม คงพลังที่ยิ่งใหญ่ไว้ หลายปีมานี้เดินผิดทางมาตลอด…ข้าขอโทษแทนเขาด้วย”

เมื่อเอ่ยจบ เหลียนชิงก็สะบัดชุดคลุมเบาๆ งอเข่าเล็กน้อย ก้มตัวคารวะ

หนิงอี้เผยแววตาตกใจเล็กน้อย

ในสำนักศึกษา การงอเข่าเป็นการเคารพอย่างสูง

เป็นการสำนึกผิดจากใจจริง

แต่จะเห็นได้ชัดว่าผู้บำเพ็ญสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวไม่ได้อภัยให้เพราะการกระทำของคุณชายคราม พวกนางยังคงมองเขาอย่างเย็นชา

อ้อยอิ่งยังมีใบหน้าเรียบนิ่ง เพียงแต่ความเย็นชาในแววตาหายไปสามส่วนแล้ว

“แดนบูรพามาเมืองหลวง ผนึกกำลังกดขี่ ทรัพยากรสำนักศึกษาไม่เป็นหนึ่งเดียวเพราะแบ่งแยกกันตลอดทั้งปี ต่อสู้กันเองภายใน ตอนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว” คุณชายครามพูดอย่างจริงจัง “ข้ามาขอโทษตอนนี้ไม่ใช่เพื่อขอทรัพยากร และข้าเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับการให้อภัยด้วย เพียงแต่ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาสำคัญ สู้กันไปก็เปล่าประโยชน์ จวนขานฟ้าจะยกลานไผ่ม่วงที่ใช้ฝึกบำเพ็ญมาตลอดหลายปีนี้ออกมาใช้ร่วมกัน ตราประทับทำนองศิลาหินหุบเขานิรันดร์ แล้วก็วิชาฝึกฝนของคุณชาย…”

เขาพูดถึงทรัพยากรมากมายช้าๆ และสงบนิ่ง

เขาหันกลับมามองสหายร่วมสำนักที่มีสีหน้าไม่ดีนักข้างหลังตน ก่อนพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ว่าสำนักศึกษาถ้ำกวางขาวจะเลือกอย่างไร ของพวกนี้ก็เป็นการแสดงความจริงใจจากจวนขานฟ้า อีกสองสำนักศึกษาก็เช่นกัน”

อ้อยอิ่งเอ่ยอย่างเฉยชา “นี่มันอะไรกัน จะเป็นพันธมิตรก่อนรบกันรึ”

คุณชายครามส่ายหน้า

“แดนบูรพามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อหุบเขานิรันดร์ พวกเขาต้องการมากกว่านั้น” เสียงเหนื่อยล้าดังขึ้นจากข้างหลังเขา จงหลีกับกู้ชางก้าวออกมา สองคนเดินมาหน้าอ้อยอิ่ง ก่อนพูดด้วยความทุกข์ใจ “เทพหยินเทพหยางแห่งเขาล่องโอฬาร มีวิชาแปลก ดูดดวงชะตาได้…”

สองคนเล่าเรื่องความพ่ายแพ้ของตนคร่าวๆ

อ้อยอิ่งเลิกปลายคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองคุณชายพลัดพรากกับคุณชายสมุทร ก็เห็นจริงๆ ว่าสองคนมีบาดแผลในระดับต่างกัน หยินหยางตัดสลับ ตัดดวงชะตาออกมา ถูก ‘มนุษย์เทพ’ สองคนนั้นแห่งเขาล่องโอฬารชิงไป

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”

อ้อยอิ่งมีสีหน้าจริงจังเช่นกัน

“สองตัวประหลาดจากเขาล่องโอฬาร ยังไม่เคยเห็นเขาศักดิ์สิทธิ์ใดมีบุตรศักดิ์สิทธิ์สองคนเลย เทพหยินเทพหยาง สู้ตัวต่อตัว ยังเบียดอยู่ในระดับสุดยอดผู้บำเพ็ญได้” จงหลีพูดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจริง “วันนั้นเริ่มขึ้นริมทะเลสาบอิสระเมืองหลวง ข้ากับกู้ชางสองคน ตอนแรกแบ่งกันไปสู้กับเทพหยินกับเทพหยาง ต่อมาก็เป็นสองต่อสอง วิชาโจมตีประสานของสองคนนี้สุดยอดมาก ยากจะหาคู่ต่อสู้พบได้ในใต้ฟ้าต้าสุย”

“ผู้บำเพ็ญในมือองค์ชายรองมาเมืองหลวง เหมือนกำลังมาปล้นดวงชะตา เอาไปทีละนิดก็สั่งสมเยอะได้ รักษาควันธูปเอาไว้ไม่ได้เหมือนกัน” กู้ชางพูดเสียงแหบ “สำนักศึกษาเดียว เกรงว่าคงเอาตัวรอดได้ยาก หากเรื่องนี้ผู้อาวุโสซูมู่เจอออกมือ ด้วยพลังบำเพ็ญนิพพานก็น่าจะทำลายฉากกำบังลงได้ทั้งหมด”

“ข้าพอจะเข้าใจความหมายของพวกเจ้าแล้ว เรื่องดวงชะตา ข้าจะรายงานกับเจ้าสำนักแล้วค่อยตัดสินใจอีกที ส่วนเรื่องพันธมิตรสี่สำนักศึกษา”

อ้อยอิ่งขมวดคิ้วขึ้น นางเหมือนลังเลในการตัดสินใจ ไม่ต้องถามเลย นางเป็นผู้นำรุ่นเยาว์สำนักศึกษาถ้ำกวางขาว อำนาจในเรื่องนี้ต้องอยู่ในมือนาง

นางหยั่งเชิงมองหนิงอี้ เห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ทันใดนั้นเองมีเสียงดังมาจากบนศีรษะ

อ้อยอิ่งเงยหน้าขึ้น หันไปมองก็เห็นหมอกบนยอดหุบเขานิรันดร์ไหลหลากลงมาเหมือนกับคลื่น

นี่มันปรากฏการณ์อะไรกัน

นางโบกมือก่อนจะพูดด้วยความปวดหัว “หมอกจะสลายไปแล้ว หุบเขานิรันดร์จะปิดภูเขา เรื่องนี้ไว้ค่อยตัดสินใจทีหลัง…”

ปรากฏการณ์บนยอดหุบเขานิรันดร์เหมือนกับเทพเจ้ามาเยือน เกิดเสียงระฆังเหลืองดังบนยอดเขา ก่อนหมอกจะแผ่กระจายลงมาทีละระลอก

หนิงอี้รู้แก่ใจว่าศึกนั้นคงรู้ผลแล้ว

ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสฉู่เซียวชนะหรือว่าคนเฝ้าหุบเขาจะเหนือกว่ากันแน่

………………………………….

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Score 10
Status: Completed
ขลุ่ยกระดูกธรรมดาที่เด็กหนุ่มครอบครอง กลับเป็นยอดสมบัติที่จะทำให้เขากลายเป็นเชียนกระบี่อันดับหนึ่งในใต้หล้า หนิงอี้' เด็กหนุ่มยากจนจากเทือกเขาประจิมลอบเข้าไปปลันสุสานใต้ดินกับน้องสาว 'เผยฝาน' โชคดีเก็บ 'ไข่มุกตะวันคร้าน' สมบัติที่ผู้บำเพ็ญเพียรจากสำนักใหญ่ตามหาได้ แต่เขาดันทำมันแตก! ซ้ำยังสลบไปจนน้องสาวต้องลากออกมา แม้จะรอดชีวิตจากสุสานใต้ดินมาได้ แต่กลับต้องมาถูกปีศาจแมงมุมตามล่า เพราะมันเข้าใจว่าไข่มุกตะวันคร้านอยู่ที่เขา หนิงอี้ไม่กลัว ถ้ำเกิดอะไรขึ้นเขายังมี 'ขลุ่ยกระดูก' ที่แม้ภายนอกจะดูเหมือนขลุ่ยใบไม้ธรรมดา ทว่าคมจนตัดเหล็กกล้ำได้ แต่หนิงอี้ไม่ทันได้ควักขลุ่ยกระดูกออกมาใช้ก็มีคนมาช่วยพวกเขาไว้เสียก่อน ผู้ใหม่คือ 'สวีจิ้ง ผู้บำเพ็ญอันดับ 3 แห่งต้สุยที่ถูกหลายสำนักหมายหัว และการได้พบกับสวีจั้งนี้เองที่ทำให้ชีวิตของหนิงอี้เปลี่ยนไป ประตูสู่โลกของผู้บำเพ็ญที่เขาไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไปได้เปิดออก ขลุ่ยกระดูกธรรมดาๆ ที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดกลับกลายเป็นยอดสมบัติ! ทั้งยังมีความลับเบื้องหลังชาติกำเนิดที่รอวันเปิดเผย เส้นทางสู่การอยู่เหนือคนทั้งใต้หล้าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset