ตอนที่ 106 ปีศาจกินคน
เกิดเสียงดัง ‘บึ้ม’
แผ่นดินสั่นสะเทือน
ร่างเงายักษ์ดุจภูเขาเล็กกระเด็นถอยกลับไป
สิ่งที่ถูกอัดกระเด็นถอยไปกับเขายังมีดาบยาวที่หมุนในอากาศ ผ่าหมอกหนา ตอกเข้ากับหินภูเขาแท่นสูงมรณะ ตัวดาบยังสั่นไหวไม่หยุด แต่ปกคลุมด้วยรอยแตกหลายชั้น แตกแทบจะชิดขอบ
ศิษย์ภูมิใจของสำนักวิญญาณยักษ์แดนทักษิณถูกกระแทกลอยไปกลางหมอก ดวงตาขุ่นมัว ทั้งตัวเหมือนกระสุนยักษ์ พุ่งเข้าไปบนภูเขาสูงตระหง่านไกลๆ กระแทกแตกเป็นใยแมงมุมยักษ์
ดังนั้นทั้งนอกภูเขาแดง แท่นสูงมรณะจึงเข้าสู่ความเงียบ
พายุสวรรค์จู่โจมเข้ามาไกลๆ พัดหญ้าน้ำค้างบนพื้นสั่นไหว และยังพัดไอเงามืดทะมึนที่วนเวียนรอบรถม้าคันนี้
นอกรถม้า เมื่อหมอกสลายไป ข้ารับใช้หลายคนที่ยืนสอดแขนเสื้ออยู่เผยใบหน้าแท้จริงพวกเขา แต่ละคนใบหน้าแห้งเหี่ยว ดูไม่ต่างจากคนตาย แม้จะหลังค่อม แต่ก็ยังสูงมาก ชายผ้าใหญ่สีเทาอมครามวนเวียนด้วยกลิ่นอายมารเงามืดบางๆ ไม่มีพลังชีวิตไปนานแล้ว
เป็นคนตายทั้งหมด
ผู้บำเพ็ญที่พุ่งเข้าไปหารถม้าคันนี้อึ้งงันกันหมด พายุพัดผ่านเหมือนน้ำเย็นราดที่หัวใจพวกเขา ทำให้เขาได้สติทันที…ไอภูตผีมืดทะมึนในที่แห่งนี้ไม่อาจอธิบายได้ พันรอบตัวพวกเขา ลุกลามไปบนอาภรณ์และบิดเบี้ยว
สายลมพัดม่านรถม้าคันนี้
หญิงสองคนแห่งสำนักครองคู่ ผู้บำเพ็ญผอมสูงจากเขาผาภูต ผู้บำเพ็ญป่าเขาที่ฝึกวิชาหลอมกาย จับจ้องร่างเงาอรชรนั้นหลังม่านรถ
ม่านรถแกว่งไกวไปมา ด้านข้างใบหน้าคนนั้น เค้าโครงชัดเจน มือลูบริมฝีปากเบาๆ ลูบได้ครึ่งหนึ่งก็หยุดลงช้าๆ
มือขาวหิมะยื่นออกจากรถม้า คลำตัวนอกรถม้า
ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นสตรี
แขนขาวหิมะนี้ ขาวจนคนพร่ามัว กำลังคลำบางอย่างนอกรถม้า ปลายนิ้วห้านิ้วมือ ไม่รู้เปื้อนเลือดจากที่ใด เมื่อนางลูบนอกรถม้า เลือดก็ไหลจากนิ้วมือนางลงมาเป็นทาง
นางคลำดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์นั้น
ถอนหายใจเบาๆ
ดอกบัวขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของค่ายแดนประจิมถูกห้านิ้วมือนางกดลง พลันแตกออก เลือดสีแดงย้อมเหมือนน้ำหมึก ภายในรถม้าเกิดไอหยินล้นฟ้าขึ้น เพียงลมหายใจเดียว สีขาวบริสุทธิ์นอกรถม้าก็ถูกไอหยินห่อหุ้ม นางดีงมือกลับ ยันเก้าอี้ข้างในลุกขึ้นช้าๆ คนตายผอมสูงสองคนเปิดม่านให้ นางก้าวออกมาช้าๆ นางสวมหมวกปิดบังใบหน้า ดูมีรูปร่างสูงโปร่ง นุ่มนวลถึงที่สุด ลงรถได้ก็ปรบมือเบาๆ เสียงแตกพังดังกังวาน ดังขึ้นสองฝั่งของที่ราบภูเขาแดง
เกิดเสียงดังสนั่นตรงรถม้า ไอหยินหมุนม้วนล้อมนางเป็นใจกลาง เศษหญ้าน้ำค้างขาวแกว่งไกว ก่อนจะมืดลง
นางมองไปรอบๆ หัวเราะเสียงเบา
ในระยะหนึ่งลี้โดยรอบ พื้นดินแห้งแล้ง รกร้าง ไร้สายลมอีก น่ากลัวเหมือนแดนภูตผี
และ ‘รถม้า’ ที่เผยใบหน้าแท้จริงออกมา วาดดอกบัวสีดำ เผยมาอย่างละเอียด
ไกลออกไปยังมีเสียงเบาที่สังเกตเห็นไม่ได้ง่ายๆ
ผู้บำเพ็ญสำนักวิญญาณยักษ์ที่ฝังกับผนังหิน กระบอกตาเว้าลึกลงไป ก่อนเสียงนั้นจะดังขึ้น ในตาขาวมีเส้นเลือดสีแดงลุกลามมาหยุด เหมือนมังกรน้ำเล็ก ไหลไปรวมตรงใจกลาง
ทว่าหลังจากหญิงคนนั้นปรบมือ ตรงหัวใจของชุดคลุมดำของศิษย์สำนักวิญญาณยักษ์ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
ร่างใหญ่ยักษ์นั้นชิดกับหินภูเขา พลันไร้เรี่ยวแรง ไหลตกลงมาช้าๆ
ไอหยินหุ้มกาย หลังสลายไป หญิงที่ชุดคลุมขาวหมวกขาวกลายเป็นสีดำสนิท อาภรณ์สั่นไหวเองแม้ไร้สายลม นางมองแท่นสูงมรณะพลางเอ่ยเบาๆ “ปลาที่ใหญ่ที่สุดไม่กินเบ็ด”
ผู้บำเพ็ญแดนบูรพาสามคน ผู้รอดตายแดนทักษิณสี่คน เหมือนอยู่ในดินเลน หันหน้าไปมองสองร่างเงาบนแท่นสูงมรณะอย่างยากลำบาก
หนิงอี้มีสีหน้าปั้นยาก เขาจ้องนกกระจอกเงินเขม็ง แท่นสูงลมแรงมาก ใบหญ้าปลิวว่อน
“นี่คือภารกิจของเจ้ารึ”
หนิงอี้กดนิ้วมือที่พินิจเหมันต์ตรงเอว
เขานึกไปถึงการปะทะกันในหุบเขาก่อนหน้านี้ ผู้บำเพ็ญแดนทักษิณห้าคนนี้ พรสวรรค์โดดเด่นแต่พลังบำเพ็ญธรรมดา เป็นหน่ออ่อนดีในการบ่มเพาะ ไม่ใช่คนที่เหมาะจะสังหารปล้นชิง
ทว่าเยี่ยนจือไม่ยอมให้คนฆ่าผู้บำเพ็ญแดนทักษิณห้าคนนี้มาตลอด…
ภารกิจของเขาคือส่งทุกคนมาแท่นสูงมรณะ หญิงที่ออกมาจากรถม้านั้นทำให้หนิงอี้รู้สึกหวาดกลัวที่เขาคุ้นเคยอย่างยิ่ง
โรงเตี๊ยมเก่าในวันฝนตกหนัก
คุณชายน้ำค้างที่ไม่กล้าลงมือตามใจในเขตเมืองหลวงมาถึงเขตต้องห้ามปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณนอกแดนเหนือแล้ว ในที่สุดเขาก็ลงมือได้อย่างไม่เกรงกลัว…ได้ยินว่าในหลอดแก้วของแดนบูรพาเก็บ ‘กายเนื้อ’ ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นบ้างหน้าตาโดดเด่นไว้หลายร่าง หานเยวียฝ่าฝืนกฎต้าสุยไม่ได้ เขามีนิสัยชอบกินคนมาตลอด จนถึงตอนนี้ หนิงอี้ก็เข้าใจเหตุผลที่ ‘ผู้คงแก่เรียนสุภาพ’ จะทำข้อตกลงกับตนตอนนั้น
โลหิตบริสุทธิ์ชีวิตวิถีกระบี่หนึ่งหยดหรือ
หากหนิงอี้ยอมใช้โลหิตบริสุทธิ์แลก เช่นนั้นตอนนี้ หญิงในรถม้าก็จะมีหมื่นวิธีใช้โลหิตบริสุทธิ์หยดนั้น ขังหนิงอี้ไว้บนที่ราบแห่งนี้ วิชาชั่วร้ายของแดนทักษิณซับซ้อนอย่างยิ่ง คุณชายน้ำค้างเองก็เป็นผู้ครอบครองทุกสำนักแดนบูรพาและแดนทักษิณ
หญิงคนนั้นจะใช้ตัวเองเป็น ‘เหยื่อ’ มาตกผู้บำเพ็ญแดนบูรพาแดนทักษิณที่มีพรสวรรค์โดดเด่น!
หนิงอี้มีเหงื่อซึมมาจากหน้าผากแล้ว เขาถอยไปสองก้าวเงียบๆ พินิจเหมันต์กับท่องหล้ากระบี่สองเล่ม พร้อมออกจากฝักสังหารทุกเมื่อ
เขาชำเลืองตามองหญิงสิบนิ้วแดงคนนั้นที่กำลังมองตนบนที่ราบแห้งแร้งสีดำ
หญิงคนนั้น…คือกายเนื้อของหานเยวียหรือ
ปลาที่ใหญ่ที่สุดที่นางบอกหมายถึงตน
ทันทีที่หนิงอี้สบตากับหญิงคนนั้น ก็รู้สึกขยะแขยงในใจ ดูท่าองค์ชายรองต้าสุยที่มาในจวนภูเขาครามคนนั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน จับจ้องตนนานแล้ว ยืมดอกไม้ถวายสงฆ์ เล่น ‘ข้อตกลง’ เช่นนี้ พูดจาดี ให้คำมั่นสัญญา เพียงเพื่อล่อหนิงอี้เข้ามา จะได้ให้อาจารย์ตนหานเยวียหลอมรวมหนิงอี้
“แดนบูรพาเฮงซวย…” หนิงอี้จับด้ามดาบจ้องนกกระจอกเงิน แค่นยิ้ม “มีโอกาสออกไปเมื่อไรข้าจะขุดหลุมศพบรรพบุรุษน้ำค้าง ข้าอยากรู้นักว่าในสุสานจะมีทั้งรากเหง้าถูกเขาหลอมรวมนอนอยู่หรือไม่”
นกกระจอกเงินทำเป็นไม่ได้ยิน ประกายในดวงตาเขาถอยไปช้าๆ กลายเป็นสีดำสนิท เห็นได้ชัดว่าถูกหานเยวียหลอมรวมไปนานแล้ว บางทีผู้บำเพ็ญอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดังโลกเทาคนนี้ หลังจาก ‘โชคดี’ ได้รับการชี้แนะจากหานเยวียก็ไม่ใช่เยี่ยนจือคนนั้นอีก
……
หญ้าสีขาวน้ำค้างกลายเป็นสีดำสนิท
ผู้บำเพ็ญแดนบูรพาสามคนไม่ทันตั้งตัวก็ได้ยินเสียงใบหญ้าปลิวขึ้นข้างหู
หญิงชุดคลุมดำคนนั้น ส่งเสียงหัวเราะดังก้องที่ราบ ก้มตัวลงทั้งตัว พลันหายวับไป หมวกนางถูกสายลมพัด หญิงงามคนนี้ถูกหานเยวียหลอมรวมแล้ว ร่างกายเหมือนจะเสียหายเล็กน้อย ตรงระหว่างคิ้วบนใบหน้ามีรอยแตกเล็กน้อยเหมือนหลอดไฟ
หานเยวียมาปรากฏตรงหน้าผู้บำเพ็ญแดนบูรพาคนแรก เขาเอาหน้าผากชิดหน้าผาก หมวกตกลงมาอีกครั้ง ใบหมวกกว้าง ผ้าดำตกลงมา เหมือนกับใช้รูปแบบปากชนปาก ผู้บำเพ็ญแดนบูรพาคนนั้นกอดหญิงอรชรตรงหน้าไว้แน่น ตาเหลือก ขาสองข้างอ่อนแรง อ่อนยวบไปทั้งตัวจะล้มลงหลายครั้ง แต่ถูกหานเยวียใช้สองมือที่สอดผ่านใต้รักแร้ประคองไว้ด้วยเจตนาดี ทว่าร่างก็ไหลลงไปไม่หยุดเหมือนถุงทรายแตก
ริมฝีปากกับฟันชิดกัน ไฟราคะลุกลาม
หญิงพลันเงยหน้าขึ้น พ่นไข่มุกเลือดเป็นพรวนในอากาศ
หานเยวียเคี้ยวลิ้นยาวสีแดงเหมือนผ้าแล้วก็ปล่อยสองมือขาวหิมะที่ประคองผู้บำเพ็ญแดนบูรพา ไม่สนใจศพที่ร่วงลงพื้นดังตึงอีก
ผู้บำเพ็ญที่ล้มลงพื้นคนนี้ ร่างยังชักกระตุกโดยไม่รู้ตัว
สำหรับหานเยวียที่เสียความเป็นเทพในหลอดแก้วไปจำนวนมากแล้ว ผู้บำเพ็ญชั้นเลิศคืออาหารบำรุงทีดี่ที่สุดที่หาได้ในเขตต้องห้ามนี้
นางมองไปเงียบๆ
เพียงแค่สบตากัน หญิงสองคนจากสำนักครองคู่ก็พ่ายแพ้ย่อยยับ หน้าซีดขาว ทะเลวิญญาณแตกกระเจิง คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกัน
พวกนางคือผู้บำเพ็ญภูตผี แต่พวกนางจะเคยเห็นวิธีเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้อย่างไร
คนที่อยู่ตรงหน้าตน…คือหานเยวีย ผู้บำเพ็ญภูตผีแดนทักษิณที่มีชื่อเสียงเรื่องเปลี่ยนหน้า เป็นอาจารย์ของคุณชายใหญ่แดนบูรพาคนนั้น!
ยังมีคนที่มีสติอยู่ บุรุษที่มีท่าร่างรวดเร็วยิ่งคนนั้น พลันกัดปลายลิ้น ร่างพุ่งไปเหมือนลูกธนู พายุคลั่งหมุนม้วนบนที่ราบทุ่งหญ้า เขากลายเป็นค้างคาวนับพันนับหมื่นตัวบินไปทางที่ไม่มีคน
หานเยวียเผยแววตาเย็นชา
หมวกที่ไม่ถือว่าแข็งเท่าไรกระทั่งนุ่มเล็กน้อยถูกนางปาออกไปตามใจ เหมือนมีดบินตัดหญ้ายาว ลากเป็นเส้นโค้งสะท้านจิตวิญญาณ รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ชั่วอึดใจเดียวก็ตามเงาค้างคาวเต็มฟ้าทัน ฟันผ่านไป
หมวกนั้นพุ่งเข้าไปในที่ราบ ดูไม่มีอานุภาพแกร่งเท่าไร หลังทะลวงผ่านเงาค้างคาวก็ตกลงพื้น เด้งขึ้นสูง เหมือนปาหินลงทะเลสาบจนเกิดคลื่นน้ำ เด้งซ้ำไปมาเช่นนี้ออกไปไกล
บนที่ราบมี ‘ศพ’ สองส่วนไหลลงมา
ผู้บำเพ็ญเขาผาภูต ครึ่งบนกับครึ่งล่างแยกจากกัน ตรงรอยขาดไม่เห็นบาดแผลฟันลากเป็นน้ำเหนียวข้นเลย เลือดสาดกระจาย และยังกลิ้งไปต่อ
ยังไม่จบเท่านี้
นางยกมือขึ้นเงียบๆ ศพสองส่วนนั้นลอยมาทางนาง นางใช้ห้านิ้วมือควักตรงคอครึ่งบนของบุรุษผอมสูง กระชากไข่มุกโลหิตออกมาเป็นพรวน
ครึ่งล่างที่ถูกฟันขาดนั้นตกใกล้กับนางสามฉื่อ กระแทกแตกกระจาย กลายเป็นหมอกโลหิต
หานเยวียมีสีหน้าอ่อนโยน สบตากับ ‘บุรุษผอมสูง’ ตรงหน้า ถามเสียงเบาอย่างยิ่ง “เจ้าจะหนีอะไร กลัวข้ากินเจ้ารึ”
ถูกตัดเอวขาดเป็นสองส่วนก็ยังไม่ได้ตายในทันที ยังคงมีลมหายใจ
อีกฝ่ายไม่ทันตอบ หานเยวียก็ก้มตัวลงไป
หลังจากเงียบชั่วขณะ
ที่ราบภูเขาแดงที่เงียบสงัดยิ่งส่งเสียงตะโกนน่าเวทนาอย่างยิ่ง
หญิงที่โยนแขนท่อนหนึ่งทิ้งไป เช็ดมุมปาก ในที่สุดก็วางมืออย่างพอใจ เสื้อคลุมที่ลูบด้วยมือเปื้อนเลือดแล้ว แขนเล็กขาวหิมะมีคราบเลือดแข็งตัว ก่อนจะถูกนางเลียอย่างระมัดระวัง
ทำทุกอย่างเรียบร้อย นางเงยหน้ามองฟ้าหรี่ตาลง พ่นลมหายใจอย่างสบายใจ
………………………..