บทที่ 608 อย่าทำให้ข้าผิดหวัง
และสิ่งที่ทำให้พวกเขาพึงพอใจมากที่สุดก็คือ ภรรยาและลูก ๆ ของพวกเขาก็ได้รับการดูแลที่ใส่ใจ และเหมาะสมที่สุดเช่นกัน
ขณะที่พวกผู้ชายล้อมรอบกองไฟ และมีคนยกเหล้าชั้นดีและอาหารรสเลิศมาให้ อาหารที่วิจิตรบรรจงเหล่านั้นผสมผสานกับรสชาติของถู่เจียได้เป็นอย่างดี พวกเด็ก ๆ ก็ชอบกินขนมหวานที่พ่อครัวของต้าจิ้นทำอย่างมาก
บทเพลงและการเต้นรำที่มาจากต้าจิ้นก็ทำให้พวกเขาเพลิดเพลินมากเช่นกัน มันช่างให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากถู่เจียอย่างสิ้นเชิง
บนบัลลังก์ ข่านของถู่เจียที่อายุน้อยที่สุดกับองค์หญิงต้าจิ้นที่งดงาม ทั้งสองต่างก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี
งานเลี้ยงที่ทำให้ทุกคนพอใจในครั้งนี้ ก็ทำให้คนในราชสำนักเองอดที่จะภูมิใจไม่ได้
ท่านข่านแต่งงานมีภรรยา มีคนคอยดูแลเรื่องภายใน มันช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆ
“ดวงจันทร์น้อย พวกนี้เจ้าเป็นคนเตรียมเองอย่างนั้นหรือ?” ชางฉีรู้สึกประหลาดใจ
เรื่องหยุมหยิมทั้งในและนอกราชสำนักเหล่านั้น เขาล้วนไม่มีเวลาจะสนใจ เมื่อก่อนจึงมอบหมายให้อาเอ่อร์ไท่ทั้งหมด บางครั้งหากซูตี๋หย่ามาก็จะรบกวนนางให้เป็นคนจัดการ
แต่มีงานหลายอย่างและยิบย่อยเกินไป แค่รายการอาหารก็มีเยอะมากแล้ว ปกติเมื่อก่อนกินอะไร วันนี้ก็แค่ฆ่าแกะเพิ่มอีกไม่กี่ตัวก็พอแล้ว
การแสดงที่มีความตื่นตาตื่นใจและหลากหลายเช่นนี้ ไม่เคยมีมาก่อนจริง ๆ
หลังจากการร้องรำของต้าจิ้นจบลง ลำดับต่อไปก็คือการแสดงมวยปล้ำของนักรบถู่เจีย
ชาวถู่เจียชอบดูสิ่งนี้ มีหลายคนที่อยากจะขึ้นไปสู้เสียเอง
เซี่ยวั่งซูจับมือเขาอยู่ใต้โต๊ะ “ข้าเป็นภรรยาของเจ้า เรื่องพวกนี้ย่อมเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว”
ชางฉีอดไม่ได้ที่จะดึงนางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะจูบลงบนหลังมือของนางอย่างแผ่วเบา
“ดวงจันทร์น้อย เจ้าช่างมีความสามารถยิ่งนัก”
เขารู้สึกเช่นนี้จริง ๆ
เซี่ยวั่งซูพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ภายหน้าผู้หญิงทุกคนในถู่เจียของเราก็จะสามารถทำได้ทั้งนั้น”
ชางฉีชอบมองท่าทางภาคภูมิใจเช่นนี้ของนาง เพราะทั้งสูงส่งและมีเสน่ห์
นางคือชาวถู่เจียของเรา
ไม่มีคำว่ารักที่สวยงามกว่านี้อีกแล้ว!
เขามีดีอะไรกันถึงมีภรรยาที่สมบูรณ์พร้อมเช่นนี้
จู่ ๆ ชางฉีก็รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยขึ้นมา
มู่เหรินเห็นท่าทางมีความสุขของชางฉี ก็ดื่มเหล้าไปหนึ่งจอก
ถ้าตอนนั้นอูหลุนจูไม่ได้เลือกคนผิด ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็คงเป็นนางกระมัง
องค์หญิงของต้าจิ้นงดงามจับตาเพียงนั้น และเขาก็ไม่เคยเห็นราชสำนักเป็นเช่นนี้มาก่อน ราวกับว่ามีชีวิตใหม่
ทว่าคำพูดต่อจากนั้นของชางฉี ก็ทำให้ทุกคนตกใจกันเป็นอย่างมาก
องค์หญิงท่านนี้พาช่างฝีมือต่าง ๆ มาด้วยมากมาย และเต็มใจที่จะถ่ายทอดให้ชาวถู่เจียทุกคนอย่างไม่เห็นแก่ตัว
ทุกเผ่าสามารถเลือกคนที่เหมาะสมเข้ามาศึกษาในราชสำนักได้
และถู่เจียก็กำลังจะสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ขึ้น
ซึ่งพวกเขากำลังกังวลอยู่ว่าจะหาช่างฝีมือที่มีประสบการณ์ได้จากที่ใด ทว่าสุดท้ายต้าจิ้นกลับส่งช่างฝีมือมาให้พวกเขาเสียเองอย่างนั้นหรือ!?
หลายคนต่างก็ยืนขึ้น เพื่อขอบคุณความมีน้ำใจของท่านข่านและเค่อตุน
พวกเขาในฐานะผู้นำชนเผ่า ความเจริญรุ่งเรืองและความตกต่ำของชนเผ่าต่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขา
ท่านข่านยินดีที่จะเป็นผู้นำของพวกเขา เช่นนี้พวกเขาก็จะได้รับการปกป้องหากมีชนเผ่าที่แข็งแกร่งกว่ามารุกราน
มู่เหรินก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ตอนที่เขากำลังจะแสดงความยินดีกับชางฉี ปี้ลี่เก๋อที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า
“มู่เหริน ซูตี๋หย่าไข่มุกที่งดงามที่สุดบนทุ่งหญ้าของเราเล่า? เมื่อก่อนนางจะออกมาร่ายรำทุกครั้ง ปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับนางกัน นางเกิดเขินอายขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”
ปี้ลี่เก๋อเอ่ยจบก็คารวะให้กับชางฉี “ท่านข่าน ข้ามีประโยคหนึ่งอยากจะถามท่าน”
เซี่ยวั่งซูรู้ว่าชายผู้นี้เป็นผู้นำชนเผ่าที่อยู่ห่างจากราชสำนักมากที่สุด แต่อำนาจของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสองปีที่ผ่านมา
“อยากพูดอะไรก็พูดออกมาได้เลย คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองก็แล้วกัน”
ปี้ลี่เก๋อพยักหน้ารับ “บัดนี้ท่านข่านก็แต่งงานกับเค่อตุนแล้ว เช่นนั้นซูตี๋หย่า ท่านข่านมีความคิดจะรับนางเข้าราชสำนักด้วยหรือไม่?”
ความจริงแล้วหลายปีที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็คิดว่าซูตี๋หย่าจะได้ติดตามชางฉี
เช่นนี้ชนเผ่าของมู่เหรินที่ได้รับการสนับสนุนจากชางฉี ก็จะแข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย
ทว่าซูตี๋หย่ารอจนอายุปูนนี้แล้ว ชางฉีก็ไม่มีทีท่าแต่อย่างใด ดูท่าคงหมดหวังแล้ว
หากว่าชางฉีไม่ต้องการ เช่นนั้นยังมีผู้ชายอีกหลายคนที่อยากจะเก็บไข่มุกเม็ดนี้ไว้เสียเอง
รอยยิ้มของชางฉียังไม่เปลี่ยนแปลงไป จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ซูตี๋หย่าเป็นน้องสาวของอูหลุนจู ดังนั้นก็นับเป็นน้องสาวของข้าด้วย ข้าไม่มีทางรับนางเข้าสู่ราชสำนักอย่างแน่นอน หากนักรบท่านใดชื่นชอบซูตี๋หย่าก็ให้แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา และแต่งนางออกไปได้เลย!”
มู่เหรินได้ยินดังนั้นก็ใจคอไม่ดีขึ้นมา เขารู้ว่าซูตี๋หย่าต้องเสียใจอย่างแน่นอน
แต่ปี้ลี่เก๋อกลับดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “เช่นนั้นขอเชิญทุกท่านมาดื่มเหล้ามงคลของข้ากับซูตี๋หย่าล่วงหน้าด้วยกันเถิด!”
เซี่ยวั่งซูเหลือบมองผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของปี้ลี่เก๋อ หลังจากที่ชางฉีนั่งลงเขาก็มองตามสายตาของนาง ก่อนจะอธิบายให้นางฟัง “นั่นคือภรรยาของปี้ลี่เก๋อ พ่อของนางเป็นผู้นำของสามเผ่าใหญ่”
เช่นนั้นหากซูตี๋หย่าแต่งไป มิเท่ากับต้องไปเป็นอนุหรอกหรือ?
เห็นได้ชัดว่ามู่เหรินไม่พอใจ ปี้ลี่เก๋อลุกไปที่โต๊ะเขา คาดว่าคงเพื่อเจรจาเรื่องสินสอดเป็นแน่ ก่อนจะถูกมู่เหรินปฏิเสธกลับมา
เซี่ยวั่งซูอาศัยตอนที่ทุกคนเริ่มดวลเหล้ากัน พูดเรื่องที่นางสั่งสอนซูตี๋หย่าวันนี้ขึ้นมาเบา ๆ
หลังจากชางฉีฟังจบก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “เมื่อวานข้าไล่นางไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าวันนี้นางจะกล้ามาดูหมิ่นเจ้าต่อหน้าเช่นนี้อีก เรื่องนี้ข้าจะให้คำอธิบายกับเจ้าอย่างแน่นอน”
เซี่ยวั่งซูฟังแล้วก็รู้สึกประดักประเดิดขึ้นมาเล็กน้อย เขาลำเอียงอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ราวกับว่าไม่ว่านางจะทำอะไร เขาก็พร้อมที่จะชื่นชมอย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าไม่คิดว่าข้าโหดร้ายเกินไปอย่างนั้นหรือ?”
ชางฉีขมวดคิ้ว “เช่นนั้นการที่ข้าฆ่าคน เจ้าคิดว่าข้าโหดร้ายหรือไม่?”
เซี่ยวั่งซูส่ายหน้า “คนที่เจ้าฆ่าต้องเป็นคนที่สมควรตายอย่างแน่นอน”
“คำพูดนี้ก็เหมือนกับที่ข้าคิดอยู่ในใจ การที่เจ้าตีซูตี๋หย่าเช่นนั้นก็เป็นเพราะนางทำไม่ถูก”
ดวงจันทร์น้อยของเขา เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลและเห็นแก่ส่วนรวมที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา หัวใจของนางแม้แต่ผู้ชายอกสามศอกก็ยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
นับประสาอะไรกับคนอย่างซูตี๋หย่ากัน
ทางด้านมู่เหรินเพิ่งจะปฏิเสธปี้ลี่เก๋อจนเกือบทะเลาะกัน
แต่เขาก็ยังเป็นห่วงซูตี๋หย่าอยู่ จึงลุกขึ้นพูดกับชางฉี ชางฉีจึงตบหลังมือของเซี่ยวั่งซูเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นโอบไหล่ของมู่เหริน แล้วพาเขาออกไปพูดคุยอีกด้านหนึ่ง
“มู่เหริน เจ้ากับข้าเป็นสหายกัน ข้าก็จะขอพูดกับเจ้าอย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกัน ซูตี๋หย่าไม่เหมาะที่จะอยู่ในราชสำนัก เจ้าพานางกลับไปด้วยเถอะ ข้าไม่อยากเห็นหน้านางอีก”
มู่เหรินตกใจจนหน้าถอดสี “ชางฉี เพราะอะไรกัน ซูตี๋หย่าทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ?”
“นางยั่วยุเค่อตุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างต้าจิ้นกับถู่เจียหมายความว่าอย่างไร นางมีกี่หัวกันถึงกล้าทำเช่นนี้?”
มู่เหรินสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าอก
จากนั้นชางฉีก็ได้พูดต่อ “นางยังยุแยงอาฉื่อน่าหลู่ให้เด็กคนนั้นเกลียดข้า เกลียดเค่อตุน หากซูตี๋หย่าไม่ใช่น้องสาวของเจ้า เวลานี้ข้าคงฆ่านางด้วยมือของข้าเองไปแล้ว”
มู่เหรินมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะให้นางออกจากราชสำนักเดี๋ยวนี้ จะส่งนางออกไปตั้งแต่คืนนี้”
“มู่เหริน เรื่องของอูหลุนจูตอนนั้น เจ้ากับข้าต่างก็รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นดี ข้าไม่อยากให้เจ้าถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง และไม่อยากให้อาฉื่อน่าหลู่ถูกคนชี้หน้าด่า เจ้าคงรู้ดีที่สุด ต่อให้ข้าจะทำผิดต่อใคร แต่ข้าไม่มีทางทำผิดต่อครอบครัวเจ้า และผิดต่ออูหลุนจู”
มู่เหรินรู้สึกละอายใจ “ชางฉี เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เป็นอูหลุนจูที่เลอะเลือนเอง!”
ตอนนั้นเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง แม้แต่เขาที่เป็นพี่ชายนางก็แทบจะไม่สนใจ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มู่เหรินจึงรู้สึกผิดต่อชางฉีอย่างมาก แต่ใครจะคิดว่าตอนนี้ซูตี๋หย่าจะเจริญรอยตามอูหลุนจูด้วย
ชางฉีจึงพูดขึ้นมา “เจ้าคิดได้เช่นนี้ก็ดีแล้ว เค่อตุนเป็นคนสำคัญที่สุดของข้า ข้าไม่อยากให้คนที่คิดร้ายกับนางอยู่ในราชสำนัก มู่เหริน หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”