บทที่ 582 แตกยอดอ่อนแล้ว
อาจารย์ใหญ่หลินเพิ่งจะกลับมาจากการไปซื้อของว่างที่ออกมาใหม่จากเค่ออวิ๋นไหล แต่ทันทีที่มาถึงก็ได้ยินว่าในสำนักศึกษาเกิดเรื่องขึ้น ก็รีบเรียกคนมาสอบถาม
ตระกูลเกาเป็นวงศ์ตระกูลเช่นไร ในเมืองหลวงมีเส้นสายอะไรบ้าง อาจารย์หลินไม่ได้สนใจแม้แต่นิดเดียว แต่เจ้าเด็กนั่นฝ่าฝืนกฎของสำนักศึกษา เช่นนั้นก็ทำได้เพียงไล่ออกจากสำนักศึกษาแล้ว
ทำอะไรกัน ยัดเยียดผู้หญิงให้เนี่ยเจิ้งอ๋องอย่างนั้นหรือ อยากเป็นอนุจนต้องวิ่งมาหาหวงไท่ซุนถึงที่นี่เลยอย่างนั้นหรือ!
นี่ไม่เท่ากับยุยงให้หวงไท่ซุนแตกหักกับเนี่ยเจิ้งอ๋องหรอกหรือ?
รู้จักแค่เพียงผิวเผิน แต่คิดจะมาเป็นพวกด้วยอย่างนั้นหรือ?!
เห็นหวงไท่ซุนเป็นเหมือนอดีตฮ่องเต้หรืออย่างไรกัน?!
เรื่องนี้ไม่นานก็ถูกอี เอ้อร์ ซาน ซื่อ ใส่สีตีไข่รายงานจนถึงหูองค์หญิงใหญ่ที่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ในตำบล
“ครบแล้ว!” องค์หญิงใหญ่ปัดมือไปมา “ผู้หญิงคนนั้นเล่า?”
“ถูกพวกเราโยนออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ และขึ้นรถม้าไปกับบรรดาคุณหนูที่มาจากเมืองหลวงเหล่านั้น คาดว่าคงไปร้องห่มร้องไห้อยู่ในโรงเตี๊ยมที่ไหนสักแห่งเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ให้คนไปจับตาดูให้ดี ดูสิว่านางยังจะเล่นลูกไม้อะไรอีก”
เซี่ยวั่งซูรู้สึกว่าเวลาเล่นไพ่ได้ยินเรื่องเช่นนี้ช่างไม่เป็นมงคลจริง ๆ
อีและเอ้อร์ยังใส่ไฟต่อด้วยสีหน้านิ่งเฉย “พวกเรายังได้ยินมาอีกว่านางรังเกียจลิ้นจี่ของหมู่บ้านเรา และบอกว่าไม่ได้เรื่องด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ บอกว่านั่นเป็นของที่คนบ้านนอกกินกัน คนสูงศักดิ์อย่างพวกนางไม่กล้ากินหรอก”
ลิ้นจี่ที่คนในหมู่บ้านปลูกอย่างยากลำบากจะไม่อร่อยได้อย่างไรกัน! รดน้ำใส่ปุ๋ยทุกวัน ดังนั้นจึงไม่อยากให้คนมาซื้อเพียงเพราะชื่อเสียงของพวกเขา!
อี เอ้อร์ ซาน ซื่อยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห!
ตอนเป็นมือสังหารยังไม่เคยอัดอั้นตันใจเช่นนี้มาก่อน!
ดูถูกลิ้นจี่ของใครกัน!
ผู้หญิงแพศยา!
“อย่างนั้นหรือ?” องค์หญิงใหญ่วางฝาถ้วยชาลง เห็นได้ชัดว่านางเองก็โมโหเช่นกัน
…
เกาเสียนถูกสำนักศึกษาเชิญออก ส่วนเกาซิ่วก็ถูกจับโยนออกมาจากสำนักศึกษาชิงอวิ๋น คุณหนูที่ตามมาจากเมืองหลวงเหล่านั้นความจริงแล้วล้วนเป็นคนที่หวังเกาะตระกูลเกา ในใจคิดว่าหากเกาซิ่วสามารถเข้าไปอยู่จวนเนี่ยเจิ้งอ๋องได้ พวกนางก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย ได้ปรนนิบัติท่านอ๋องร่วมกัน คนในครอบครัวก็จะได้เป็นสุนัขระกาเยี่ยมวิมานไปด้วย
ใครจะคิดว่าจะเป็นการไปล่วงเกินหวงไท่ซุนเข้า
ตอนนี้ในโรงเตี๊ยมที่พักก็อึมครึมเป็นอย่างมาก
ใครที่เข้าไปปลอบเกาซิ่วล้วนถูกนางตบตีต่อว่าจนต้องเผ่นออกมา ส่วนเกาเสียนก็ไม่อยากจะพบผู้ใดอีก
เพราะสำนักศึกษาชิงอวิ๋นในตอนนี้ ไม่ใช่สำนักศึกษาในชนบทธรรมดาทั่วไป นี่เป็นที่ที่หวงไท่ซุนทรงศึกษาอยู่ ทุกครอบครัวต่างก็แก่งแย่งกันเพื่อให้ลูกหลานได้เข้าไปเรียน
ความคิดไม่เข้าท่าของท่านแม่เขาก็คือ ให้พี่สาวเขาเสนอตัวเป็นอนุ แต่กลับประเมินความสัมพันธ์ระหว่างหวงไท่ซุน เนี่ยเจิ้งอ๋อง และพระชายาต่ำเกินไป
ยังคิดว่าจะสามารถทำให้พวกเขาแตกกันได้จริง ๆ
ทว่านอกจากจะไม่แตกหักกันแล้ว กลับกลายเป็นว่าบนคอของพวกเขาตอนนี้มีดาบเล่มหนึ่งพาดอยู่แทน
เกาเสียนแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็เป็นผู้ชายในครอบครัว หากไม่มีความรู้ก็คงไม่สามารถเข้าสำนักศึกษาชิงอวิ๋นนี้ได้
เมื่อได้ยินว่าเกาซิ่วยังคงโวยวายไม่เลิก เขาจึงตรงไปที่ประตูห้องของเกาซิ่ว และผลักประตูเข้าไป แต่สิ่งที่เขาพบก็คือมีถ้วยชาใบหนึ่งกำลังลอยมา “ออกไป! ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่อยากพบใคร!”
“พี่หญิง ยังจะโวยวายไม่เลิกอีกหรือ ตระกูลเราเจอกับหายนะแล้ว”
เกาซิ่วลุกขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นน้องชายตัวเอง ก็ดึงเขาเข้ามาแล้วพูดขึ้น “เสียนเอ๋อร์ ข้าเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเจ้านะ เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“พี่หญิง ตระกูลเราเกรงว่าคงได้จบสิ้นจริง ๆ แล้ว ท่านเตรียมตัวให้พร้อมเถอะขอรับ”
เกาเสียนคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบลงง่าย ๆ แน่
แล้วก็จริง ผ่านไปไม่นานฝูกงกงที่อยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ก็ได้มาที่โรงเตี๊ยมด้วยตัวเอง มาเพื่อประกาศราชโองการขององค์หญิงใหญ่
โดยให้เกาซิ่วไปปฏิบัติธรรมที่อารามของราชวงศ์เป็นเวลาสามปีเพื่อขอพรให้บ้านเมืองและราษฎร แล้วมอบอนุให้กับผู้หญิงของตระกูลเกาที่ออกเรือนไปแล้วครอบครัวละสิบคน คนที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ให้ใส่เอาไว้ในรายชื่อสินเดิมที่จะตามออกไปด้วย ผู้หญิงตระกูลเกาคุณธรรมสูงส่ง ภรรยาที่มีคุณธรรมเช่นนี้ จะต้องทำให้เหล่าชนชั้นสูงจากตระกูลต่าง ๆ ในเมืองหลวงอยากมาสู่ขออย่างแน่นอน จะได้ไม่ต้องเอาแต่คิดถึงเรื่องบนเตียงของคนอื่น
เกาซิ่วฟังจบก็ตาเหลือกแล้วสลบไปทันที
เท่านั้นยังไม่พอ ภาษีที่ดินของตระกูลเกาก่อนหน้านี้ ราชสำนักทวงไม่สำเร็จมาโดยตลอด ครั้งนี้จึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของกรมคลังไปที่จวนของพวกเขาด้วยตัวเอง
เพื่อเป็นการยุติเรื่องนี้ ตระกูลเกานอกจากจะต้องเสียเงินจำนวนมากแล้ว องค์หญิงใหญ่ยังให้คนนำอนุที่เลือกไว้ส่งไปที่จวนของพวกเขาด้วย เรียกว่าชุลมุนวุ่นวายไปหมด ทุกคนต่างก็ยกเรื่องที่เกาซิ่วเสนอตัวเป็นอนุขึ้นมาพูด ตระกูลเกามีธรรมเนียมเช่นนี้อยู่แล้ว จะเสแสร้งไปทำไมกัน?
ทำให้คนในเมืองหลวงแตกเป็นสองฝ่าย คนที่ไม่มีความคิดเช่นนี้ก็มองว่าเป็นเรื่องขบขัน แต่คนที่มีความคิดเช่นนี้เหมือนกันก็ต้องหุบปากลง
คราวนี้ใครจะกล้าพูดเรื่องให้เนี่ยเจิ้งอ๋องรับอนุอีกเล่า!
…
หลงซี
เถาองุ่นในลานบ้านของตระกูลกู้ถูกรดด้วยยาหลิงเฉวียน จึงทำให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เด็กทั้งสองคนก็กำลังนอนตากลมอยู่ใต้เถาองุ่น และกินแตงโมไปด้วย อาชิงเรอออกมา แล้วพลิกตัวหันไปหาพัดลมที่ใช้ลมตามธรรมชาตินั่น
“สบายจังเลย”
ตัวร้อนเหมือนเตาไฟน้อย ๆ อย่างไรอย่างนั้น
อาชิงเม้มปากหนึ่งที ช่วงนี้อากาศร้อน เผ่าหมาป่าจึงไม่ให้พวกเขาขึ้นไปบนภูเขาหิมะ กลัวว่าเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวพวกเขาจะป่วยเอาได้
“พี่หญิง ข้าอยากกินน้ำแข็งไส”
อาอินกลอกตามองบน วุ่นวายจริง ๆ
นางแทบอยากจะสวมแค่ผ้ารัดหน้าอกเดินไปมาอยู่แล้ว ร้อนจะตายอยู่แล้ว หลงซีแห่งนี้รู้สึกเหมือนแม้แต่ลมก็ไม่มี
นางเช็ดเหงื่อที่หน้าผากหนึ่งที ก่อนจะสวมรองเท้าไม้เล็ก ๆ ที่จี้จือฮวนออกแบบสำหรับพวกเขาสองคนโดยเฉพาะแล้วเดินไปที่ห้องครัว
ทางด้านจีฝูเย่ไม่ได้ออกมาข้างนอกสองสามวันแล้ว แต่กังหันน้ำและกังหันลมที่เขาและจี้จือฮวนปรับปรุง ก็ได้สร้างขึ้นมาแล้ว
แต่เขากลัวร้อนจึงไม่อยากขยับตัว
ส่วนจี้จือฮวนเนื่องจากท้องอยู่ และนางก็ไม่อยากให้ถึงเวลาแล้วคลอดลำบาก จึงหมั่นออกไปเดินเล่นเป็นประจำ
ก่อนหน้านี้นางแอบสาดยาหลิงเฉวียนลงไปในนาข้าว คิดว่าดินเค็มนั่นก็คงสามารถปลูกอะไรได้บ้างแล้ว
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง บรรดาชาวบ้านต่างส่งเสียงร้องด้วยความดีใจอยู่ในนาจริง ๆ!
“พระชายา! พระชายา ที่พวกเราปลูกไปล้วนแตกยอดอ่อนแล้วขอรับ! เร็วยิ่งนัก!”
ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข มีชาวนาที่อายุมากแล้วหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ
น้ำใต้ดินนั่นครอบคลุมไปหลายเมือง หากที่นี่สำเร็จเมืองอื่น ๆ ก็แค่ทำตามพวกเขา ภายหน้าก็จะสามารถปลูกพืชผลได้ทั่วทุกที่!
เผยยวนจูงมือจี้จือฮวนไปดูท้องนาด้วยกัน แม้จะเป็นเพียงต้นกล้าสีเขียวเล็ก ๆ แต่ก็เติบโตได้อย่างน่าพึงพอใจ ต้นกล้าสีเขียวอ่อนเช่นนี้เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากสำหรับที่นี่!
“ดูท่าคงจะสำเร็จแล้ว”
“พวกเราเร่งมือเข้า ดึงน้ำเข้าคลอง การบุกเบิกพื้นที่รกร้างต้องทำตามกำหนดเวลา”
เพราะนางกับเผยยวนใกล้จะกลับไปเมืองหลวงแล้ว เวลาสามเดือนแค่กะพริบตาก็ผ่านไปแล้ว
“ได้เลย!”
และชาวบ้านที่เดิมไม่ได้คาดหวังเมื่อได้ยินดังนั้น ต่างก็พากันวิ่งมาที่ชานเมือง เมื่อเห็นต้นกล้าสีเขียวงอกขึ้นมาจริง ๆ ทุกคนจึงตกตะลึง
“นี่ต้องเป็นเพราะสวรรค์เปิดตาแล้ว! เดิมทีมีคนชั่วเหล่านั้นยึดครองดินแดน สวรรค์จึงไม่อยากประทานเมตตาให้กับพวกเขา!”
คำพูดนี้ทุกคนต่างก็เห็นด้วย วันดี ๆ เช่นนี้พวกเขาต่างไม่กล้าคิดถึงมันมาก่อน!
“ขอบคุณสวรรค์! ขอบคุณสวรรค์!”
และช่างบังเอิญยิ่งนัก เมื่อถึงตอนหัวค่ำก็มีพายุฝนฟ้าคะนองตกลงมาจริง ๆ หลงซีมีฝนตกไม่บ่อยนัก ฤดูฝนที่เป็นปัญหาของเจียงหนาน แต่สำหรับหลงซีกลับเป็นฝนมงคล ทุกครัวเรือนต่างก็ยกอ่างและถังออกมารองน้ำฝน ถึงขนาดมีคนถอดเสื้อผ้าออกมาตากฝนอีกด้วย!
ตอนที่จี้จือฮวนกับเผยยวนกางร่มกลับมา ฟางซวินก็ได้พาคนไปเตรียมอาหารในครัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
.
.