บทที่ 567 แมวป่าสับเปลี่ยนพระโอรส*
* แมวป่าสับเปลี่ยนพระโอรส (狸猫换太子) หมายถึง การสับเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
ไป๋จิ่นกลอกตามองบน “นี่จะเป็นกางเกงได้อย่างไรกัน เจ้าลองกางออกดูสิ”
เยว่พั่วหลัวคลี่ออกอย่างสงสัย มองซ้ายทีขวาที ห่อผ้าใบเล็กสองใบนี้จะสามารถใส่อะไรได้กันล่ะเนี่ย
สายตาของนางจับจ้องไปที่ไป๋จิ่นน้อยด้วยความสงสัย
ไป๋จิ่นกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเอื้อมมือดึงตัวนางลงมา แล้วพูดที่ข้างหูของนาง “อยากรู้จริง ๆ หรือว่ามันเอาไว้ทำอะไร?”
เยว่พั่วหลัวสัมผัสได้ถึงอันตรายทันที จึงพึมพำขึ้นมา “อะไรกัน ไม่บอกก็ช่างเถอะ”
ไป๋จิ่นอมยิ้มเล็กน้อย “เจ้าฝึกลุกนั่งได้ไม่เลว ข้าเองก็ต้องฝึกวิดพื้นด้วยไม่ใช่หรือ?”
เยว่พั่วหลัวได้สติขึ้นมาก็โมโหใส่ทันที แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไป๋จิ่นสติหลุดไปแล้ว เมื่อไฟที่ร้อนรุ่มในใจไม่มีที่ระบายออก เขาจึงโน้มตัวลงไปตรึงกู่หญิงแห่งแดนใต้ผู้นี้เอาไว้มั่น พลางพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ “ข้าไม่สนใจ แต่ไหน ๆ ข้าก็ทำให้แล้ว เจ้าสวมให้ข้าดูหน่อยจะได้หรือไม่ ข้าอุตส่าห์ใช้กรรไกรตัดอย่างดี รับรองว่าสมมาตรกันอย่างแน่นอน”
เยว่พั่วหลัวเดิมก็อายจนหน้าดำหน้าแดงอยู่แล้ว จึงพูดขึ้นมาด้วยความโมโห “ด้านนอกคนอื่นกำลังกินข้าวกันอยู่”
“เช่นนั้นเจ้าก็ร้องเบา ๆ หน่อยสิ” เขาเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “เจ้าร้องได้น่าฟัง เก็บไว้ให้ข้าฟังเพียงคนเดียวก็พอแล้ว”
ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปดับเทียนในกระโจมที่ริบหรี่นั่น ในเวลานี้ผ้าเรืองแสงนั่นจึงดูวาบหวิวเป็นอย่างมาก
หลังปีใหม่งูหนึ่งและงูสองก็โตขึ้นอีกขวบแล้ว อาชิงหยิบพวกมันออกมาจากตะกร้า และคิดว่าจะทำอาหารให้พวกมันกินสักหน่อย ดังนั้นเมื่อเขาวิ่งดุกดิกไปที่กระโจมของไป๋จิ่น ตอนที่เขาเปิดม่านแล้วเดินเข้าไป เสียงกรีดร้องของไป๋จิ่นกลับดังกว่าของเยว่พั่วหลัวเสียอีก
เหล่าทหารที่กำลังกินข้าวกันอยู่ต่างก็หันมองมา เพราะคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จากนั้นก็เห็นอาชิงน้อยปิดหน้าวิ่งออกมา “ท่านแม่! ท่านอาจารย์กำลังสู้กันอยู่ขอรับ! พวกเขาไม่สวมเสื้อผ้า ก้นของท่านอาจารย์ขาวมากเลยขอรับ”
เผยยวนรีบปิดปากของอาชิงทันที จากนั้นก็ได้ยินเสียงคำรามด้วยความโมโหดังมาจากในกระโจม “เจ้าศิษย์อกตัญญู!!!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ” เหล่าทหารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างก็หัวเราะเสียงดัง และรู้สึกว่าข้าวที่กินอยู่ในชามไม่อร่อยอีกต่อไปแล้ว!
ฮือ ๆ ๆ พวกเขาก็อยากซุกตัวใต้ผ้าห่มกับภรรยาเหมือนกัน!
เมื่อใดศึกนี้จะจบเสียที!
…
ตอนกลางคืน ฝูงหมาป่าสีขาวราวกับหิมะเคลื่อนตัวผ่านป่าทึบไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
กีบม้าที่ถูกห่อด้วยผ้าฝ้ายวิ่งตามหลังพวกมันไปติด ๆ คนทั้งกลุ่มวิ่งไปตามเส้นทางสายเล็ก ๆ ในป่า
ฉู่จิ้นโน้มตัวเล็กน้อย ครั้งนี้คนของกองปืนไฟไม่มีใครมาด้วย เพราะแต่ละคนมีด้านที่ตัวเองถนัดไม่เหมือนกัน และครั้งนี้พวกเขาก็ตามเผยเสี่ยวเตามารับผิดชอบเรื่องการลอบโจมตีกลุ่มเสบียงโดยเฉพาะ
เหล่าหมาป่าหิมะกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง โดยที่พวกเขาถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มละยี่สิบคนตามหลังหมาป่าหิมะไป พวกเขามัดม้าทั้งหมดไว้ในที่ปลอดภัย จากนั้นก็รีบสวมเสื้อผ้าที่มีหญ้ามัดเอาไว้เพื่อพรางตัวให้เรียบร้อย
เวลานี้พวกเขาพรางตัวและกลมกลืนไปกับพุ่มไม้ในป่าเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มีแสงไฟจากระยะไกลและเสียงของทหารลาดตระเวนดังมาเป็นระยะ ที่ตรงนั้นเป็นค่ายทหารทางเหนือของซู่โจว
ส่วนค่ายตะวันตกอีกด้านหนึ่งก็มีคนไปที่นั่นแล้วเช่นกัน
…
และในขณะที่กลุ่มของพวกเขากำลังค้นหาข้าวสารที่กองทัพซู่โจวซ่อนเอาไว้บนภูเขา ทางด้านเนี่ยเทียนโฉวก็กระวนกระวายอย่างมาก
“คนไม่พอ คนไม่พอได้อย่างไรกัน!” เนี่ยเทียนโฉวคว้าคอเสื้อของทหารชั้นผู้น้อยที่มารายงาน พลางเอ่ยถาม “แล้วคนไปที่ใดกันหมด!?”
ทหารชั้นผู้น้อยเองก็อยากจะร้องไห้ “ท่านเจ้าเมือง ผู้น้อยก็ไม่ทราบขอรับ!”
ก่อนหน้านี้พวกเขาลอบทำร้ายกองทัพทหารเกราะเหล็กหลายครั้งไม่สำเร็จ แต่ตัวเองกลับถูกคนตบหน้าแทน ความแค้นในใจของเนี่ยเทียนโฉวยังไม่จางหายไป และตอนนี้เขาก็เพิ่งสั่งให้คนไปลาดตระเวนจับตาดูการป้องกันชายแดนของกองทัพทหารเกราะเหล็ก แต่กลับมาบอกว่ามีกำลังคนไม่พออย่างนั้นหรือ?
อันที่จริงเขาเองก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเขาก็ไม่สามารถติดต่อคนของฮั่วชิงหยางได้
หลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน นอกจากนี้พวกเขาก็ทำการค้ากับฮั่วชิงหยางอย่างราบรื่นมาโดยตลอด หากไม่ใช่เพราะที่ดินส่วนใหญ่ของพวกเขาไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก พวกเขาก็คงไม่ต้องซื้อข้าวจากฮั่วชิงหยางทุกปี
หากไม่สามารถติดต่อฮั่วชิงหยางได้ ไม่เท่ากับเป็นการตัดทางรอดของพวกเขาเองหรอกหรือ?
แม้จะมีเสบียงเหลืออยู่ แต่เนี่ยเทียนโฉวก็ยังคงไม่สบายใจ ทั้งม้าศึกและทหารต่างทยอยล้มลง หมอในเมืองต่างก็ถูกเขานำตัวมาหมดแล้ว ทว่าก็ยังไม่พอ
เขาในฐานะเจ้าเมืองก็ไม่ได้กลับเข้าเมืองมาครึ่งเดือนแล้ว วัน ๆ เอาแต่สู้กับเผยยวนอยู่ที่ค่ายนี่
เช่นนี้ไม่สู้ตะโกนด่า แล้วออกมาสู้กันซึ่ง ๆ หน้ายังจะดีเสียกว่า!
การค่อย ๆ เฉือนเนื้ออย่างช้า ๆ เช่นนี้ จะทรมานเขาไปถึงเมื่อใดกัน
“ไป ไม่มีคนก็ไปหามาให้ข้า!”
เนี่ยเทียนโฉวกระวนกระวายใจจนอธิบายออกมาไม่ได้ ในค่ายทหารก็เริ่มเอาอาหารที่กักตุนไว้ออกมากินแล้ว ทหารกว่าห้าหมื่นนาย รวมถึงผู้คนอีกกว่าสองแสนคนที่อยู่ในเมือง ดังนั้นแต่ละวันย่อมต้องการอาหารในปริมาณที่เกินกว่าจะจินตนาการได้
“ไปเรียกรองแม่ทัพมา!”
“ขอรับ!”
เนี่ยเทียนโฉวยังคงเดินไปมาภายในกระโจม ไม่นานรองแม่ทัพก็มาถึง
“ท่านเจ้าเมืองขอรับ”
“ไม่ต้องคารวะแล้ว รีบไปดูในเมืองสิว่าชาวนาที่ให้เช่าที่นาทำกินกับร้านขายข้าวสารเหล่านั้นมีข้าวที่เก็บไว้อีกเท่าใด จากนั้นก็ให้พาคนออกจากเมืองด้วยตัวเอง ไปถามทางเมืองอู่โจวว่ามีข้าวสารหรือไม่ ถ้ามีก็ให้ช่วยแบ่งมาให้ทางเราก่อน”
รองแม่ทัพได้ฟังก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “เสบียงของเราปกติจะถูกส่งมาจากพ่อค้าโดยตลอดไม่ใช่หรือขอรับ?”
ทว่าฮั่วชิงหยางเจ้าโจรเฒ่านั่นไม่รู้ว่าเล่นอะไร ถึงติดต่อไม่ได้มาครึ่งเดือนแล้ว!
“เช่นนั้นคนที่เคยติดต่อเล่าขอรับ?”
“กลุ่มขนเสบียงไปหาพวกเขามาสามสี่รอบแล้ว ทว่าทางนั้นกลับเงียบหายไป ขืนเป็นเช่นนี้ไม่ได้การแน่ ดังนั้นเจ้าไปถามทางอู่โจวก่อน ว่าพวกเขาสามารถหาซื้อเสบียงได้หรือไม่”
“ขอรับ”
เนี่ยเทียนโฉวคิดไปคิดมา “เด็ก ๆ ให้นายกองจางพาคนไปขนข้าวสารที่เก็บไว้กลับมาบางส่วน”
…
หมาป่าหิมะนำบรรดาทหารเกราะเหล็กไปยังที่สำคัญ ๆ ก่อนจะใช้กรงเล็บขุดหลุมบอกตำแหน่ง
ทุกคนจึงหยิบพลั่วยืดหดได้ที่จีฝูเย่มอบให้ออกมา ด้ามจับที่สั้นก็ยาวขึ้นทันที และเริ่มทำงาน
หลังจากขุดดินชั้นบนสุดออกแล้ว จึงขุดโดนแผ่นหินที่อยู่ใต้ดิน ทว่าด้านล่างของแผ่นหินกลับเป็นทราย
หลังจากขุดทรายเหล่านั้นออก จึงพบว่ามีข้าวอยู่ข้างใน
“เจ้าสุนัขพวกนี้ซ่อนของเก่งจริง ๆ!”
“ก็ใช่น่ะสิ หากไม่ใช่เพราะมีหมาป่าหิมะช่วย ให้ตายข้าก็คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีข้าวสารซ่อนอยู่”
เหล่าทหารเกราะเหล็กขุดดินชั้นบนออก แล้วขนข้าวสารออกไปทีละกระสอบ วิ่งไปกลับสองรอบจึงได้พบกับกลุ่มอื่น
“เจอหรือไม่?”
“เจอแล้ว พวกเจ้าเดาสิว่าซ่อนอยู่ที่ใด”
“ที่ใด?”
“เจ้าเศษสวะพวกนี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ไม่มีถ้ำพวกมันก็ขุดห้องใต้ดินแทน! ข้างหลังนั่นยังมีหุ่นไล่กาอีกสองสามตัว ด้านในล้วนมีแต่ข้าวชั้นดี ข้าก็ว่าทำไมถึงได้หนักนัก”
“ทางนี้ก็เหมือนกัน แต่เลิกคุยได้แล้ว รีบขนของกันก่อนเถอะ”
หลังจากที่ทุกคนออกแรงทำงานขุดห้องใต้ดินจนหมด พวกเขาก็พบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะขนเสบียงทั้งหมดออกไปในคืนเดียว แต่พวกเขาจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้อย่างเด็ดขาด จึงหยิบกระสอบป่านที่จี้จือฮวนเตรียมไว้ให้พวกเขาออกมา นี่คือกระสอบข้าวสารที่ยึดมาจากในถ้ำก่อนหน้านี้ จากนั้นก็โกยโคลนและกรวดมายัดเข้าไปจนเต็มกระสอบ แล้ววางไว้ให้พวกเขาอีกครั้ง
“เร็วเข้า มีคนขึ้นเขามาแล้ว ไปเร็ว!”
เหล่าทหารเกราะเหล็กกลบดินให้เรียบร้อย จากนั้นก็วิ่งหายเข้าไปในป่า สิ่งที่สามารถตบตาได้ดีที่สุดคือกิ่งของต้นไม้ที่พวกเขาเอามาพรางตัว หากไม่สังเกตดี ๆ ร่างทั้งร่างล้วนกลมกลืนไปกับแสงยามค่ำคืน
กองทัพทหารเกราะเหล็กขนข้าวสารไปหมดแล้วกว่ากองทัพซู่โจวจะรู้ตัวว่าในกระสอบนั่นไม่ใช่ข้าวสาร และพบว่ามันกลายเป็นโคลนและหิน! พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก นอกจากออกไปหาซื้อข้าวสารจากข้างนอก ถึงเวลานั้นกองทัพทหารเกราะเหล็กก็ค่อยไปปล้นข้าวสารที่พวกเขาซื้อมาอีกที!
.
.
.
……………….