บทที่ 544 กอเอี๊ยะหนังสุนัข
เผยยวนควบม้ามาตลอดทาง ระหว่างทางเขาหยุดพักเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น เมื่อจ้านอิ่งดื่มน้ำและกินหญ้าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ พอตกค่ำจึงได้หยุดพัก
ตอนที่หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อมาถึง หลิวเฟิงและคนอื่น ๆ ก็กำลังย่างเนื้อหมูป่ากันอยู่ พวกเขาจึงได้แบ่งเนื้อหมูป่าสด ๆ ให้มันกินด้วย
เผยยวนเดิมกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ เมื่อได้ยินว่ามันมาแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
จดหมายที่จี้จือฮวนเขียนมาช่วยบรรเทาความคิดถึงของเขาได้
แต่เขาเขียนไปสามหน้าเต็ม ๆ เหตุใดฮวนฮวนถึงตอบกลับมาเพียงบรรทัดเดียวเช่นนี้เล่า?
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อแทบจะกลอกตามองบนใส่ ระยะทางเพียงเท่านี้ยังจะให้มันเอาจดหมายไปส่งอีก!
แต่โชคดีที่ระหว่างทางมันได้จีบเหยี่ยวตัวเมียเอาไว้ มิเช่นนั้นการไปครั้งนี้หมู ๆ ไม่ยอมหรอก!
แม้ว่าจะมีเพียงบรรทัดเดียว แต่เผยยวนก็รู้สึกได้ว่าข้อความนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงของฮวนฮวนที่มีต่อเขา
ทั้งที่ความจริงแล้วจดหมายที่จี้จือฮวนตอบกลับบอกแค่ว่า ‘ทุกอย่างปกติ ไม่ต้องห่วง รีบกลับมา’
ฮวนฮวนและลูกต้องคิดถึงเขาอย่างแน่นอน พรุ่งนี้เขาต้องเร่งเดินทางให้เร็วกว่านี้เสียแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น เผยยวนก็เอาความกดดันไปลงที่จ้านอิ่ง
เมื่อถูกเจ้านายจ้องเขม็งเช่นนี้ จ้านอิ่งก็สะบัดหางไปมา ทั้งยังแบ่งหญ้าให้แม่ม้าตัวน้อยที่อยู่ถัดไปด้วย
ถึงเวลาที่มันจะต้องมีลูกสักสองสามตัวบ้างแล้ว
หลังจากกินเสร็จ คนทั้งกลุ่มก็เตรียมตัวที่จะเข้านอน
พอตกกลางดึก จู่ ๆ พวกเผยยวนก็ลืมตาขึ้นมาโดยพร้อมเพรียงกัน
เนื่องจากได้ยินเสียงฝีเท้าม้า และยังไม่ได้มีแค่ตัวเดียวอีกด้วย
หลิวเฟิงชักอาวุธออกมา ก่อนจะพาคนไปสำรวจด้านในป่า
แต่เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายของเผ่าถูกู่หุนหลายคนกำลังอุ้มองค์หญิงจินฮวาไว้ในอ้อมแขน หลิวเฟิงก็รู้สึกรังเกียจผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมาก!
ขนาดเขาทำให้นางได้รับบาดเจ็บแล้ว ผู้หญิงคนนี้ยังจะไล่ตามมาอีก
ดูจากขาที่มีไม้ดามเอาไว้ หากเป็นคนปกติคงจะกลับไปที่ค่ายใหญ่ของเผ่าถูกู่หุนแล้ว เพราะบรรดาองครักษ์เหล่านี้ย่อมไม่มีทางเอาร่างกายขององค์หญิงมาล้อเล่นเป็นแน่
เช่นนั้นก็เหลือคำอธิบายเพียงอย่างเดียว
นั่นก็คือ องค์หญิงจินฮวาผู้นี้ไม่ยอมกลับไป และจะตามมาให้ได้
เขาไม่เคยเห็นกอเอี๊ยะหนังสุนัข*เช่นนี้มาก่อนจริง ๆ!
ไม่มีศักดิ์ศรีแล้วหรืออย่างไร?
* กอเอี๊ยะหนังสุนัข (狗皮膏药) หมายถึง พวกที่เกาะไม่ยอมปล่อย
“องค์หญิง พบร่องรอยของเนี่ยเจิ้งอ๋องแห่งต้าจิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงจินฮวาเวลานี้อ่อนแอเป็นอย่างมาก เนื่องจากกระดูกขาของนางหัก จึงต้องใช้ไม้ดามเอาไว้ก่อนจะไล่ตามมา ในเมื่อนางยอมแลกมากมายเพียงนี้ นางย่อมทนไม่ไหวเป็นแน่หากจะให้นางปล่อยเผยยวนไป อีกทั้งนางก็ไม่สามารถกลืนความแค้นนี้ลงไปได้!
ในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือคนทั่วไป ขอเพียงเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี ต่างก็พ่ายแพ้ยอมสยบอยู่ใต้กระโปรงของนาง ผู้ชายที่นางถูกใจไม่มีใครสามารถหนีไปได้!
“ไปรายงาน บอกว่าข้ามาแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลิวเฟิงกระโดดลงจากต้นไม้และชี้ปลายกระบี่ไปทางคนจากเผ่าถูกู่หุนกลุ่มนั้น
“หยุด! ไม่มีคำสั่งจากท่านอ๋อง ใครก็ไม่สามารถเข้าไปได้”
“บังอาจ! องค์หญิงจินฮวาของเราใช่คนที่เจ้าสามารถขวางได้อย่างนั้นหรือ?”
องค์หญิงจินฮวายกมือขึ้น แล้วเอ่ยกับหลิวเฟิง “พวกเจ้าไม่ให้ข้าเข้าไปก็ได้ แต่อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาหามู่หรงเจี๋ยเพราะอะไร ข้าขอเดาว่าพวกเจ้าคงมาเพื่อสร้างพันธมิตรกระมัง ดังนั้นไปบอกเนี่ยเจิ้งอ๋องของพวกเจ้า หากอยากหาพันธมิตรให้มาคุยกับข้า เพราะข้ามีอำนาจตัดสินใจกว่ามู่หรงเจี๋ย”
หลิวเฟิงไม่ยอมขยับ
องค์หญิงจินฮวาจึงตวาดขึ้นมา “ทำไม พ่อข้าเป็นชิงเหออ๋อง อำนาจเป็นรองแค่เพียงท่านข่านเท่านั้น ต้าจิ้นของพวกเจ้าต้องการยึดหลงซีทั้งแปดเมืองคืน หากเผ่าถูกู่หุนของข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าผ่าน เกรงว่าอย่างน้อยพวกเจ้าคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีกระมังกว่าจะบุกเข้าไปได้ แต่พวกเจ้าจะลองดูก็ได้!
วันนี้หากพวกเจ้าล่วงเกินข้า เกิดข้าไม่พอใจขึ้นมา พวกเจ้าก็ลองชั่งน้ำหนักดูเอาเองก็แล้วกัน”
พอนางพูดเช่นนี้ หลิวเฟิงก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามอีก
ทว่านางพูดเสียงดังเพียงนั้น เผยยวนย่อมได้ยินอยู่แล้ว “ให้นางเข้ามา”
หลังจากนั้นไม่นานหลิวเฟิงก็เดินออกมาจากป่า และพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง “องค์หญิงเชิญ”
องค์หญิงจินฮวาทำท่าทางภาคภูมิใจ ก่อนจะส่งสัญญาณให้องครักษ์อุ้มนางเข้าไป
เผยยวนมองนางด้วยสีหน้าเย็นชา องค์หญิงจินฮวาจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเดินเหินไม่สะดวก เนี่ยเจิ้งอ๋องไม่รักหยกถนอมบุปผาอุ้มข้าไปและมอบความอบอุ่นให้แก่ข้าสักหน่อยหรือ?”
“ข้าว่าเจ้าอยู่ตรงนั้นก็ดีแล้ว มีอะไรก็รีบพูดมาเถอะ”
เผยยวนเอ่ยพร้อมกับเฉือนเนื้อชิ้นหนึ่งป้อนให้หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อ
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อกลอกตาไปมา พลางจ้ององค์หญิงจินฮวาผู้นั้น ก่อนจะหันหน้าหนีด้วยความเย่อหยิ่ง
“เนี่ยเจิ้งอ๋องท่าทางห่างเหินเช่นนี้ ทำให้ข้าเสียใจอย่างมากจริง ๆ” องค์หญิงจินฮวานั่งลงใกล้ ๆ ไม่ห่างจากเผยยวนมากนัก แต่ท่าทางนั้นกลับเต็มไปด้วยจริตมารยา ทั้งยังแสร้งบิดกายไปมา จุดประสงค์ของนางนั้นชัดเจนอย่างมาก
ทว่าเผยยวนกลับสงบนิ่งราวกับหลวงจีน “องค์หญิงมีเรื่องอันใดก็พูดมาตรง ๆ จะดีกว่า หากว่าบนกายมีหมัดขึ้น ต้าจิ้นของเรามียาดีอยู่ อย่าเอาตัวถูไถส่งเดชเช่นนั้นเลย หากเอาไปติดคนอื่นคงจะไม่ดีเป็นแน่”
คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ เมื่อองค์หญิงจินฮวาได้ฟังย่อมต้องโมโหอยู่แล้ว!
แต่ขณะเดียวกันก็ไปกระตุ้นความปรารถนาที่อยากเอาชนะของนางด้วย
“เผยยวน ต้าจิ้นของพวกเจ้ามีประโยคหนึ่งพูดเอาไว้ว่า คนตรงไม่พูดอ้อมค้อม ข้าชอบเจ้า และอยากได้เจ้ามาเป็นคนรักของข้า”
เผยยวนเผยสีหน้าเย้ยหยันออกมา ก่อนจะพูดตรง ๆ “คนรักหรือ?”
“ใช่ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะมีผู้หญิงคนอื่นหรือไม่ ข้าเพียงแค่ต้องการหลับนอนกับเจ้าสักครั้ง เจ้ายินดีหรือไม่?”
เผยยวนยิ้มเยาะ “แต่ข้าเป็นคนช่างเลือก”
เขาเอ่ยจบก็พิจารณาองค์หญิงจินฮวาแล้วเอ่ยขึ้นมา “พระชายาของข้างดงามกว่าเจ้าร้อยเท่า ให้ข้าทิ้งพระชายาที่ดี แล้วมาเป็นคนรักของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าชาวต้าจิ้นของเรากินไม่เลือกหรืออย่างไร?
ไม่ทราบว่าองค์หญิงขาดกระจกหรือไม่ ด้วยหน้าตาอย่างเจ้า ที่ต้าจิ้นของเรา หญิงสาวในหอนางโลมล้วนงดงามกว่าเจ้าทั้งสิ้น
อย่างน้อยก็งดงามและมีความสามารถ สามารถเต้นรำและขับร้องได้”
ทั้งชีวิตนี้ของเผยยวน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาเสียดสีเช่นนี้กับสตรี
แต่จะให้ผู้หญิงคนนี้มาตายด้วยน้ำมือของเขาในตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงสั่งให้คนโยนนางออกไปตั้งนานแล้ว
“เจ้า! สุราคารวะไม่ดื่ม ชอบดื่มสุราลงทัณฑ์อย่างนั้นหรือ!”
ขณะที่องค์หญิงจินฮวาเตรียมจะแตกหักกับเผยยวน ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาสมทบ
คนที่มาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมู่หรงจาวที่เร่งมู่หรงเจี๋ยให้มาพาตัวองค์หญิงจินฮวากลับไป
แต่หากใช้รถม้าก็จะเดินทางได้ล่าช้า ดังนั้นมู่หรงจาวจึงฝากลูกไว้กับผู้หญิงในเผ่าของมู่หรงเจี๋ย แล้วขี่ม้ามากับมู่หรงเจี๋ยแทน
ในที่สุดก็ตามมาทัน แต่คิดไม่ถึงว่าความหน้าด้านขององค์หญิงจินฮวาจะมากกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก ถึงกับมาเสนอตัวให้เผยยวนแล้ว
ทันทีที่หลิวเฟิงเห็นมู่หรงจาวก็รีบเอ่ยกับนางทันที “เหตุใดเจ้าถึงย้อนกลับมาอีก?”
มู่หรงจาวเอ่ยเสียงเบา “ข้าเดาว่าองค์หญิงจินฮวาคงไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ จึงได้ให้พี่ชายพาข้ากลับมา เจ้าวางใจ ข้ามีแผนการในใจแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ทำให้ท่านอ๋องและพระชายาต้องระคายเคืองใจอย่างแน่นอน”
คนอย่างนางมู่หรงจาวไม่มีความสามารถอย่างอื่น แต่เรื่องความกตัญญูรู้คุณนางไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน
องค์หญิงจินฮวาเมื่อได้ยินว่าพวกเขาตามมา ก็คิดว่ามู่หรงเจี๋ยคงจะหึงหวง จึงเอ่ยด้วยความดูแคลนขึ้นมา “เจ้ามาทำไม ข้าไม่เป็นอะไร”
มู่หรงจาวเดินผ่านหน้าองค์หญิงจินฮวาและไปหยุดตรงหน้าเผยยวน ก่อนจะคารวะแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าออกไปคุยกับข้าด้านนอกสักเดี๋ยวจะได้หรือไม่เจ้าคะ?”
เผยยวนพยักหน้าให้ ตอนที่ลุกขึ้นยืน องค์หญิงจินฮวาก็หมายจะคว้าตัวเขา ทว่าถูกเผยยวนสะบัดออกทันที ส่วนมู่หรงจาวก็แผ่ไอสังหารออกมา ก่อนจะเดินนำหน้าไป จนกระทั่งเดินมาถึงตรงที่ไม่มีคน แล้วจึงได้คารวะเผยยวนอีกครั้งแล้วเอ่ย “ท่านอ๋องขออย่าได้ตำหนิเลยนะเจ้าคะ เรื่องระหว่างพี่ใหญ่ข้ากับองค์หญิงจินฮวานั่นเป็นเพียงความสัมพันธ์ชั่วคราวเท่านั้น สิ่งที่นางกระทำในวันนี้ก็ไม่ใช่ความคิดของพี่ใหญ่ข้านะเจ้าคะ
นอกจากนี้ ที่ข้าไล่ตามมาก็เพื่อต้องการกำจัดปัญหาให้ท่านอ๋องด้วยเจ้าค่ะ”
.
.
.