บทที่ 543 เก็บเอาไว้ไม่ได้
เมื่อคิดเช่นนี้สายตาที่มู่หรงจาวใช้มององค์หญิงจินฮวาอีกครั้ง ก็แฝงไปด้วยความดูถูกหลายส่วน
มู่หรงเจี๋ยไม่พอใจอย่างมาก น้องสาวของเขาเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นานก็ถูกคนรังแกเสียแล้ว หากพานางกลับไปที่ค่ายจะไม่ถูกองค์หญิงจินฮวารังแกจนตายหรอกหรือ?
เช่นนี้ไม่ได้การแน่
เขามีสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที “ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องหารือ หากองค์หญิงไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญ”
องค์หญิงจินฮวาแค่นเสียงเย็น “ข้ารบกวนเวลาดี ๆ ของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ มู่หรงเจี๋ย เจ้าอย่าลืมนะว่าที่เจ้ามีวันนี้ได้ เป็นเพราะข้าคอยเป็นคนกลางให้เจ้าที่เมืองหลวง”
มู่หรงเจี๋ยหัวเราะเยาะ เขาต่างหากที่ต่อสู้มาด้วยตัวเอง นางแค่พูดไม่กี่คำ ก็กลายเป็นผลงานของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?
หากพูดตรง ๆ ก็คือชิงเหออ๋องเห็นว่าทางฝั่งเขามีแนวโน้มว่าจะไปได้ดี จึงใช้แผนสาวงามส่งลูกสาวผู้สำส่อนมาให้ ไม่เสียกำลังพลแต่กลับสามารถทำให้เขายอมทำงานให้ชิงเหออ๋องได้แล้ว
ทว่ามู่หรงเจี๋ยหาได้ใส่ใจไม่ เขากับองค์หญิงจินฮวาเดิมต่างฝ่ายต่างก็ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
แต่องค์หญิงจินฮวากลับมองไปทางเผยยวน ชายหนุ่มรูปงามเช่นนี้ ต่อให้เป็นในเมืองหลวงของถูกู่หุนก็ยังหาได้ยาก
ดังนั้นสายตาของนางจึงยิ่งเปิดเผยมากขึ้นเรื่อย ๆ มองจนเผยยวนรู้สึกอึดอัด
“เมื่อครู่ข้าได้ยินคนด้านนอกเรียกเจ้าว่าท่านอ๋อง เจ้าเป็นท่านอ๋ององค์ใดอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยดึงองค์หญิงจินฮวาเอาไว้ “องค์หญิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านควรถาม ที่ตรงนี้ข้าเป็นใหญ่”
องค์หญิงจินฮวาดึงมือของมู่หรงเจี๋ยออก พร้อมกับกลอกตาไปมา ก่อนจะถามด้วยภาษาต้าจิ้น “ได้ยินมาว่าเพี่ยวโจวถูกเนี่ยเจิ้งอ๋องแห่งต้าจิ้นยึดได้แล้ว หรือท่านก็คือเทพสงครามเผยยวนผู้นั้น?”
ในเมื่อมีคนจำได้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง “ถูกต้อง”
องค์หญิงจินฮวาเดินวนรอบกายเขาและพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า “ข่าวลือบอกแค่ว่าท่านมีวินัยทางทหารที่เข้มงวด รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่เหตุใดถึงไม่มีใครเคยบอกเลยว่าท่านอ๋องมีใบหน้าที่หล่อเหลาเพียงนี้ ทำให้คนหลงรักตั้งแต่แรกเห็น”
นางกล้าถึงขนาดหยิบด้ามแส้ขึ้นมาหมายจะเชยคางเผยยวนขึ้น
แต่นางพลาดแล้ว ที่นี่ไม่ใช่ถูกู่หุนและเขาไม่ใช่สนมชายของนาง เป็นแค่ลูกสาวของอ๋องแห่งถูกู่หุนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ย่อมไม่อยู่ในสายตาของเผยยวนอยู่แล้ว
เขาเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย นอกจากจะหลบด้ามแส้ขององค์หญิงจินฮวาผู้นั้นได้แล้ว ยังทำเป็นปัดชายเสื้อของตัวเองด้วยความรังเกียจอีกด้วย
องค์หญิงจินฮวาอยู่ถูกู่หุนอยากได้อะไรก็ต้องได้ เคยถูกคนปฏิบัติเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!
“ท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร?” นางไม่ยอมแพ้ ขยับเข้าไปใกล้อีกครั้ง
ผู้หญิงถูกู่หุนเดิมก็มีความกระตือรือร้นและกล้าหาญอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อชอบผู้ชายคนใดก็จะต้องแย่งมาให้ได้ แต่สิ่งที่นางไม่ชอบมากที่สุดก็คือผู้หญิงที่ชอบทำตัวกระมิดกระเมี้ยนเหล่านั้นของต้าจิ้น
เผยยวนถอยหลัง นางก็ยังคงขยับตาม
ยิ่งเห็นว่าเผยยวนกลัวนาง ราวกับกลัวงูกลัวแมงป่อง นางก็ยิ่งสนุก
ในที่สุดเผยยวนก็หมดความอดทน ผลักนางออกแล้วเอ่ยกับมู่หรงเจี๋ยเสียงเย็น “พี่มู่หรง ข้าจะให้คนเอาจดหมายมาส่งให้พวกท่านอีกครั้ง แต่ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน”
มู่หรงเจี๋ยรู้ว่าเผยยวนคงหงุดหงิดแล้ว การเจรจาที่เดิมยังดี ๆ อยู่นั้น กลับถูกองค์หญิงจินฮวาผู้นี้ทำให้วุ่นวายไปหมด
องค์หญิงจินฮวาเห็นเผยยวนมีท่าทางเช่นนี้ ก็ตะคอกด้วยความโมโหทันที “ท่านอ๋องไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยอย่างนั้นหรือ?”
หลิวเฟิงที่อยู่ด้านหลังกลอกตามองบน
เผยยวนไม่แม้แต่จะชายตาแลนาง และตั้งใจว่าจะกลับแล้ว
องค์หญิงจินฮวาจึงเตรียมไล่ตามเพราะรู้สึกเสียหน้า มู่หรงเจี๋ยรู้ว่าคนผู้นี้จะต้องตามตื๊อไม่เลิกจนกว่าเผยยวนจะยอมอยู่ใต้ชายกระโปรงของนาง ไม่เช่นนั้นนางไม่มีวันยอมแพ้อย่างแน่นอน
เพราะนางเกลียดผู้ชายที่กล้าปฏิเสธนางมากที่สุด ไม่รู้ว่านางไปเอาความหมกมุ่นนี้มาจากที่ใด
“พอได้แล้ว เจ้าคิดจะล่วงเกินต้าจิ้นอย่างนั้นหรือ?”
“คิดว่าข้ากลัวอย่างนั้นหรือ!?” องค์หญิงจินฮวาสะบัดมู่หรงเจี๋ยออก ทางด้านนั้นพวกเผยยวนก็ได้ขึ้นม้าไปแล้ว พวกเขาไม่แม้แต่จะเอ่ยลามู่หรงจาวก็รีบควบม้าจากไปทันที
มู่หรงจาวเห็นองค์หญิงจินฮวาไล่ตามไป ประกายดุร้ายก็พาดผ่านดวงตา
“ท่านพี่ ท่านกับองค์หญิงจินฮวาเป็นอะไรกันกันแน่เจ้าคะ?”
มู่หรงเจี๋ยอึกอักเล็กน้อย “ก็แค่ความสัมพันธ์ชั่วคราว”
“เช่นนั้นหากนางตายจะเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?” จู่ ๆ มู่หรงจาวก็เอ่ยขึ้นมา
มู่หรงเจี๋ยตกใจขึ้นมาทันที “อาจาว เจ้ากำลังพูดอะไรกัน?”
คนที่อยากให้องค์หญิงจินฮวาตายมีไม่น้อย แต่การล่วงเกินชิงเหออ๋องไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
“ท่านพี่ สิ่งที่ข้าได้เรียนรู้มามากที่สุดตอนอยู่ต้าจิ้นก็คือ ยามที่ควรเด็ดขาดแต่ไม่เด็ดขาด จะเกิดภัยตามมาทีหลัง องค์หญิงจินฮวาผู้นั้นเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ เผยยวนเป็นพันธมิตรของท่าน และเป็นคนที่จะสนับสนุนท่านให้เดินบนถนนที่ราบรื่นในภายหน้า แต่องค์หญิงจินฮวาผู้นั้นกลับไม่รู้อะไรควรไม่ควรแม้แต่น้อย และยังสมรู้ร่วมคิดกับซือถูรุ่ย ไม่แน่การที่เผยยวนไม่สนใจนางเช่นนี้ และนางยังรู้สถานการณ์ในตอนนี้ของซือถูรุ่ย เมื่อกลับเมืองหลวงไปอาจพูดจาเหลวไหลก็เป็นได้”
มู่หรงจาวหันหน้าไปมองมู่หรงเจี๋ย “ท่านคิดให้ดีนะเจ้าคะ ว่าตอนนั้นเหตุใดเผ่าของเราถึงได้ลงเอยเช่นนี้ ก็เพราะมีคนชั่วไปใส่ร้ายพวกเราต่อหน้าท่านข่านไม่ใช่หรือเจ้าคะ! หากว่าองค์หญิงจินฮวาผู้นี้เข้าข้างท่านก็ดีไป แต่หากควบคุมไม่ได้ละก็ รีบตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่านะเจ้าคะ”
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจของราชวงศ์ถูกู่หุนนั้นอาศัยความแข็งแกร่ง ไม่เหมือนราชสำนักของราชวงศ์ต้าจิ้น เพราะแค่การส่งสายตาก็สามารถสื่อความหมายได้หลายอย่างแล้ว
สำหรับคนถูกู่หุนแล้ว หากไม่ยอมก็ต้องใช้กำลังตัดสิน ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดแล้ว
มีคนที่เล่นการเมืองเป็นที่ใดกัน
และตอนนี้มู่หรงจาวก็กลับมาแล้ว ดังนั้นนางต้องต่อสู้เพื่ออนาคตของพี่ชายและเผ่าของนาง
สิ่งที่นางได้เรียนรู้มาจากจี้จือฮวนมากที่สุดก็คือ ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
องค์หญิงจินฮวาผู้นั้นต้องสร้างความยุ่งยากมากมายให้กับเผ่าของนางเป็นแน่
ดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยให้ผู้หญิงเพียงคนเดียว มาทำลายมิตรภาพระหว่างพวกเขากับต้าจิ้นได้!
มู่หรงเจี๋ยได้ยินนางเอ่ยแนะนำเช่นนี้ จึงรีบให้คนไปพาตัวองค์หญิงจินฮวากลับมา
“อาจาว เจ้าเปลี่ยนไปมากจริง ๆ”
มู่หรงจาวหรี่ตาลงและยิ้มออกมาเล็กน้อย “ท่านพี่ คนเราไม่สามารถย่ำอยู่กับที่ได้ จะเป็นหรือตายล้วนไม่ใช่เรื่องสำคัญ เช่นนั้นไม่สู้ทุ่มสุดตัว ลองดูสักตั้ง บางทีพวกเราพี่น้องสักวันหนึ่งอาจจะได้ครองเมืองหลวง ทำให้พวกคนชั้นสูงที่เห็นชีวิตของพวกเราเป็นผักปลาเหล่านั้น ได้ลิ้มรสชาติของการถูกพวกเราเหยียบย่ำไว้ใต้เท้าในสักวัน”
…
อีกด้านหนึ่ง องค์หญิงจินฮวาผู้นั้นยังไม่รู้ว่าอันตรายใกล้เข้ามาแล้ว นางยังคงไล่ตามม้าของเผยยวนไปอย่างไม่เลิกรา
จ้านอิ่งพ่นเสียงออกมาทางจมูก ผู้หญิงบ้าอะไร เอาแต่ตามมาอยู่ได้!
จ้านอิ่งที่เดิมก็อยากจะรีบกลับไปหานายหญิงอยู่แล้ว จึงเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม
องค์หญิงจินฮวาที่ควบม้าเร่งไล่ตามมา กลับทำได้เพียงถูกดินเหลืองปกคลุมหน้าเท่านั้น เมื่อเห็นว่าไล่ตามไม่ทันแล้ว นางจึงดึงปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาแล้วแทงเข้าไปที่ก้นม้า
ม้าตัวนั้นรู้สึกเจ็บปวด จึงส่งเสียงร้องออกมาแล้วห้อตะบึงไปข้างหน้าอย่างคลุ้มคลั่ง
แต่จ้านอิ่งใช่ม้าที่จะสามารถไล่ตามทันที่ใดกัน?
ม้าตัวนั้นเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ทั้งยังถูกองค์หญิงจินฮวาใช้แส้ฟาดไม่หยุด มันจึงยอมแพ้และสะบัดองค์หญิงจินฮวาจนตกลงมาจากหลังของมัน
คนรับใช้ของนางที่ตามหลังมา เมื่อเห็นองค์หญิงจินฮวาตกลงมาจากหลังม้าอย่างกะทันหัน แต่ละคนต่างก็รีบดึงบังเหียนเอาไว้ ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ห้ามเข้ามา ถอยไป! ถอยไปให้หมด!” องค์หญิงจินฮวาตะโกนออกมา แต่นี่ใช่เรื่องที่แค่สั่งให้หยุด แล้วจะสามารถหยุดทันได้ที่ใดกัน!
องค์หญิงจินฮวากรีดร้องออกมา “กรี๊ด!!!” กระดูกขาของนางถูกม้าที่วิ่งตามมาเหยียบจนหัก!
“องค์หญิง!”
“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่!?”
องค์หญิงจินฮวาผู้นี้ไม่เคยได้รับความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน จึงหมดสติไปทันที
หลิวเฟิงชักมือกลับ หึ โชคดีที่อาวุธลับถูกซัดออกไปทันเวลา ผู้หญิงไร้ยางอายนี่ ช่างน่ารำคาญอย่างกับแมลงวันก็มิปาน
ครั้งนี้นางได้รับบทเรียนแล้ว หากครั้งหน้าพบกันอีก เขาต้องให้นางรู้ถึงความร้ายกาจมากกว่านี้อย่างแน่นอน
“ย่ะ!”
.
.
.