บทที่ 542 องค์หญิงจินฮวา
มู่หรงเจี๋ยไม่ได้มองมู่หรงจาว แต่กลับมองไปทางเผยยวนแทน “เนี่ยเจิ้งอ๋อง เหตุใดจึงอยากจะร่วมมือกับเรา ข้าอยากรู้ข้อนี้มาก”
เผยยวนเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เผยยวนไม่มีเจตนาที่จะปราบปรามชนเผ่าเร่ร่อนที่อยู่โดยรอบ อีกทั้งแม่นางมู่หรงก็เป็นสหายของพวกเรา ในเมื่อท่านเป็นพี่ชายของนาง ดังนั้นหากเราสามารถเป็นพันธมิตรกันได้ นั่นย่อมเป็นเรื่องดีที่สุด”
หากไม่ใช่เพราะจี้จือฮวนยืนกรานที่จะให้เขามาหารือละก็ เผยยวนก็ไม่คิดที่จะมาหารือเป็นพันธมิตรกับมู่หรงเจี๋ยเช่นนี้มาก่อน
แต่เขาไม่เคยสงสัยในการตัดสินใจของจี้จือฮวนเลย
หลังจากมู่หรงเจี๋ยฟังจบ ก็เอ่ยถามมู่หรงจาวตรง ๆ อย่างไรเสียเผยยวนก็ฟังที่พวกเขาพูดไม่ออก
“อาจาว เจ้าบอกข้ามาตามตรงว่าเจ้าคิดเช่นไร?”
มู่หรงจาวจึงไล่เรียงข้อดีข้อเสียให้เขาฟัง “ในจดหมายข้าได้บอกไว้อย่างละเอียดแล้ว หรือว่าท่านพี่พอใจกับที่ดินเพียงหยิบมือนี้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ เมืองเจว๋เฉิงอยู่ทางตะวันออก ภูเขาหิมะอยู่ทางใต้ สรุปแล้วไม่ดีเท่ากับเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุน แต่ในเมื่อตอนนี้ท่านพี่มีกองกำลังของตัวเองแล้ว หากยืนกรานจะอยู่ที่นี่ ชาตินี้ก็คงเป็นได้แค่ผู้นำดินแดนเล็ก ๆ และยังต้องไปอาศัยบารมีคนอย่างซือถูรุ่ยด้วย
เหตุใดไม่เป็นพันธมิตรกับเนี่ยเจิ้งอ๋องแห่งต้าจิ้นแทนเล่าเจ้าคะ ใช้อำนาจของต้าจิ้นฟื้นฟูเผ่าของเราอย่างเปิดเผย ให้ท่านข่านเห็นว่าเผ่าของเราก็มีนักรบที่กล้าหาญ แทนที่จะปล่อยให้พวกตาแก่ในเมืองหลวงพวกนั้นกำจัดคนที่ไม่ใช่คนของตัวเอง”
มู่หรงจาวยัดลูกที่อยู่ในอ้อมแขนให้กับมู่หรงเจี๋ย “ท่านพี่เจ้าคะ ตอนนั้นเผ่าของเราก็ถูกขับไล่ออกมาโดยคนในเมืองหลวง ท่านลืมชีวิตที่ยากลำบากในตอนเด็กเหล่านั้นไปหมดแล้วหรือเจ้าคะ หรือท่านไม่อยากขึ้นไปยืนอยู่จุดสูงสุดของอำนาจของเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนเจ้าคะ?”
ติดตามซือถูรุ่ยก็เป็นได้แค่มีดเล่มหนึ่ง ที่เขาใช้ให้รักษาความสงบอยู่ตรงนี้
แต่หากยอมติดตามเผยยวน เช่นนั้นก็เท่ากับว่าจะได้รับความช่วยเหลือที่มากกว่า
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนกลางอย่างมู่หรงจาวอีกด้วย
แทบไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว มู่หรงเจี๋ยก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้าเต็มใจที่จะหลีกทางให้ ให้กองทัพทหารเกราะเหล็กบุกโจมตีเมืองเจว๋เฉิง แต่เนี่ยเจิ้งอ๋องจะตอบแทนข้าด้วยการสนับสนุนข้ากับเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนจริงหรือ?”
เผยยวนก็เอ่ยขึ้นมาทันที “ข้าเป็นตัวแทนต้าจิ้น เมื่อรับปากท่านแล้วจะไม่ผิดคำพูดอย่างแน่นอน”
มู่หรงเจี๋ยจึงตัดสินใจได้ในทันที เขายื่นมือออกมาตีมือกับเผยยวนสามครั้ง “สัญญาเป็นสหายตลอดไป ไม่ผิดคำพูดอย่างแน่นอน!”
เอ่ยจบ มู่หรงเจี๋ยก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา “เอาเหล้ามา ข้าจะดื่มกับท่านอ๋อง ไม่เมาไม่เลิก!”
อีกทั้งวันนี้ก็เป็นวันดี ครอบครัวของเขากลับมาอยู่ข้างกายแล้ว ในที่สุดเขาก็จะสามารถปกป้องนางให้ปลอดภัยได้แล้ว
“ท่านพี่ ท่านอ๋องไม่ดื่มเหล้าเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำให้เขาลำบากใจเลยนะเจ้าคะ” มู่หรงจาวไม่เคยเห็นเผยยวนดื่มเหล้ามาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคออ่อนหรือไม่ เกรงว่าอีกเดี๋ยวจะอึดอัดเสียเปล่า ๆ จึงรีบเอ่ยห้าม
มู่หรงเจี๋ยขมวดคิ้ว “ท่านอ๋องดื่มเหล้าไม่ได้ หรือว่าไม่ยินดีจะดื่มเหล้ากับข้ากันแน่?”
มู่หรงจาวหงุดหงิดขึ้นมา จึงเขย่งเท้าแล้วกระซิบที่ข้างหูของมู่หรงเจี๋ย “ท่านอ๋องกลัวพระชายา และพระชายาก็ห้ามไม่ให้เขาดื่มเจ้าค่ะ”
ทุกครั้งที่ตำบลฉาซู่มีงานมงคลอะไร แม้แต่เค่ออวิ๋นไหลเปิดกิจการที่เมืองหลวง เรื่องดีเพียงนั้นเผยยวนก็แค่ดื่มชาพอเป็นพิธีเท่านั้น
ไม่ใช่เพราะดื่มไม่ได้ แต่เป็นเพราะจี้จือฮวนไม่ให้ดื่มต่างหากเล่า
มู่หรงเจี๋ยคิดไม่ถึงว่าเป็นเพราะสาเหตุนี้ ขนาดเป็นเนี่ยเจิ้งอ๋องแล้ว ยังกลัวภรรยาอีกอย่างนั้นหรือ?
มู่หรงเจี๋ยหัวเราะเสียงดัง “คิดไม่ถึงจริง ๆ เช่นนั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากท่านอ๋องไม่ถือสา กินข้าวที่นี่สักมื้อหรือจะไปเยี่ยมชมค่ายของพวกเราดี”
เผยยวนไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่กล้าไป แต่เขาไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นาน มู่หรงเจี๋ยถูกมู่หรงจาวโน้มน้าวได้เร็วเพียงนี้ก็ถือว่าเขาบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นจึงอยากจะกลับค่ายแล้ว
ทิ้งฮวนฮวนไว้ ไม่รู้ว่านางกับลูกตอนนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง
เผยยวนเอ่ยอย่างจนปัญญา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากไป แต่บัดนี้ภรรยาของข้ากำลังรอข้าอยู่ที่ค่าย ข้าไม่วางใจจริง ๆ ต้องขออภัยพี่มู่หรงด้วย”
มู่หรงเจี๋ยประหลาดใจยิ่งนัก “ไม่ทราบว่าพระชายาของท่านอ๋องเป็นสตรีเช่นไรกัน นางเป็นสตรีที่ดุร้ายอย่างนั้นหรือ บนทุ่งหญ้าของพวกเราสตรีที่ดุร้ายขอเพียงปราบพยศให้อยู่หมัด ก็จะยอมตามใจท่านอย่างเชื่อฟัง”
เผยยวนเริ่มรู้สึกไม่ค่อยพอใจขึ้นมา “ภรรยาข้าเป็นคนอ่อนโยนมาก นางมีข้อดีเป็นร้อยเป็นพันข้อ ข้าชมเชยอย่างไรก็ไม่หมด กล่าวได้ว่าหากไม่มีภรรยาก็คงไม่มีเผยยวนในวันนี้”
มู่หรงจาวเองก็เอ่ยกับมู่หรงเจี๋ยว่า “ท่านพี่ท่านไม่รู้อะไร พระชายาเป็นคนที่เก่งกาจมากเจ้าค่ะ ไม่เพียงมีความรู้ ด้านการต่อสู้ก็ยังเก่งกาจไม่แพ้ชายชาตรี และยังเป็นคนใจกว้าง กล่าวได้ว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนท่านอ๋องอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีความสามารถรอบด้าน ท่านไม่สามารถปฏิบัติต่อนางเหมือนสตรีทั่วไปได้นะเจ้าคะ”
มู่หรงจาวเอ่ยถึงตรงนี้ ก็ทอดถอนใจออกมา “ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะพระชายายืนกรานรับข้าเอาไว้ และบอกข้าว่าผู้หญิงควรยืนหยัดด้วยตัวเอง ไหนเลยพวกเราพี่น้องจะมีวันที่ได้พบกันเช่นนี้อีก พระชายาจึงเป็นผู้หญิงที่ข้าเคารพมากที่สุดเจ้าค่ะ”
มู่หรงเจี๋ยได้ฟังก็เกิดความสงสัยในตัวจี้จือฮวนขึ้นมา “หากว่าสงครามจบลงแล้ว ข้าคงต้องขอไปคารวะพระชายาสักครั้งจริง ๆ”
เผยยวนกำลังคิดว่าจะพูดกับพวกเขาอีกไม่กี่ประโยค และในเมื่อเขามาส่งมู่หรงจาวอย่างปลอดภัยแล้ว ดังนั้นจึงตั้งใจจะกลับค่าย แต่ใครจะคิดว่าจู่ ๆ ด้านนอกกระโจมจะเกิดความวุ่นวายขึ้น
“ขออภัยด้วยแม่นาง ท่านอ๋องของเรากำลังหารือกับหัวหน้ามู่หรงอยู่ ไม่สะดวกให้ท่านเข้าไป” เป็นเสียงของหลิวเฟิง
มู่หรงเจี๋ยตั้งใจฟัง ลอบคิดในใจว่า แย่แล้ว
จากนั้นก็ได้ยินเสียงแส้และเสียงด่าทอของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นที่ด้านนอกจริง ๆ
มู่หรงจาวประหลาดใจ “เป็นผู้ใดกัน?”
มู่หรงเจี๋ยเอือมระอา “องค์หญิงจินฮวา ลูกสาวของชิงเหออ๋อง”
แน่นอนว่ามู่หรงจาวเคยได้ยินชื่อของชิงเหออ๋องมาก่อน ในเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนมีเพียงชนชั้นสูงและราชวงศ์ในเมืองหลวงเท่านั้นจึงจะสามารถเรียนภาษาฮั่นได้ อีกทั้งเผ่าของมู่หรงเจี๋ยก็ถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนนานแล้ว ส่วนมู่หรงจาวเพราะระหกระเหินไปถึงต้าจิ้น จึงสามารถพูดภาษาทางการของต้าจิ้นได้
ส่วนชิงเหออ๋องนั้น อยู่ใต้อำนาจของคนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น บัดนี้จึงมีอำนาจเหนือราชสำนัก ทำให้แม้แต่ลูกสาวก็ถูกยกย่องเป็นองค์หญิงด้วย
“องค์หญิงจินฮวาเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
มู่หรงเจี๋ยถอนหายใจออกมา “เรื่องมันยาว แต่นางเป็นคู่รักของซือถูรุ่ย”
มู่หรงจาวสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอด ในบรรดาองค์หญิงของเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุน หากได้รับความโปรดปรานจากครอบครัว ย่อมสามารถเลือกนักรบได้ตามต้องการ เช่นเดียวกับผู้มีอำนาจ เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีคู่รักได้หลายคน
มู่หรงจาวออกจากเผ่าเร่ร่อนถูกู่หุนมาหลายปี จึงไม่รู้ว่ามีองค์หญิงอะไรบ้างแล้ว และรู้แค่ว่าชิงเหออ๋องมีอำนาจมากจริง ๆ
พริบตาต่อมา เสียงของอาวุธก็ดังมาจากด้านนอกอีกครั้ง
มู่หรงเจี๋ยกลัวว่านางจะปะทะกับคนของเผยยวน จึงรีบเปิดม่านออกมา ก่อนจะพบว่ามีสตรีในชุดสีเหลืองคนหนึ่งยืนอยู่ข้างนอก เป็นสาวสะพรั่งที่แฝงไปด้วยความสง่างาม งดงามมากจริง ๆ แต่ดูจากนิสัยคงไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก
ดวงตาของนางมองผ่านมู่หรงเจี๋ยและไปหยุดอยู่ที่เผยยวน ประกายความตกตะลึงพาดผ่านดวงตา ช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามากจริง ๆ
แต่เมื่อเห็นมู่หรงจาว ใบหน้าของนางก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที
“มู่หรงเจี๋ย เจ้าช่างดีเสียจริง ข้าก็คิดอยู่ว่าเจ้าทำลับ ๆ ล่อ ๆ จะไปที่ใดกัน ที่แท้ก็แอบเลี้ยงผู้หญิงไว้ที่นี่นี่เอง! มิหนำซ้ำยังมีลูกด้วยกันแล้วอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงเจี๋ยไม่พอใจขึ้นมา “องค์หญิงพูดเหลวไหลอะไรกัน นางเป็นน้องสาวของข้า ชื่อมู่หรงจาว อาจาว มาคารวะองค์หญิงสิ”
มู่หรงจาวอุ้มลูกเอาไว้ คารวะองค์หญิงจินฮวาด้วยความกระสับกระส่าย องค์หญิงจินฮวาผู้นี้เกลียดหญิงสาวที่งดงามกว่าตนมาตลอด จึงแค่นเสียงเย็นออกมา “เป็นน้องสาวจริง ๆ หรือว่าเป็นน้องสาวสุดที่รักกันแน่?”
มู่หรงจาวที่เป็นคนฉลาดเฉลียว เหตุใดจะมองความสัมพันธ์คาว ๆ ระหว่างพี่ชายตัวเองกับองค์หญิงจินฮวาไม่ออก
เพียงแต่ไม่คิดว่าองค์หญิงผู้นี้จะกินทั้งสองฝ่าย พี่ใหญ่เองก็ช่างเลอะเลือนจริง ๆ จะช่วยซือถูรุ่ยที่กินผู้หญิงคนเดียวกันเพื่ออะไร!
.
.
.