บทที่ 529 ทวนรู้ที่มานั้นหลบง่าย แต่เกาทัณฑ์ที่แอบยิงมานั้นป้องกันได้ยาก
อีกด้านหนึ่ง ซือถูรุ่ยค้นเรือนของเผยยวนจนทั่วแล้ว แม้แต่ภูเขาจำลองก็ไปเดินดูมาแล้ว อย่าว่าแต่ซือถูเซิงเลย แม้แต่ชายเสื้อของนางก็ยังไม่เห็น
“พวกผู้หญิงถอดหน้ากากออกให้หมด” ซือถูรุ่ยเมื่อหาคนไม่เจอ ก็เริ่มสงสัยพวกผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นขึ้นมา
ทว่าพวกจี้จือฮวนก็ไม่ได้ใส่ใจ
บอกให้ถอดก็ถอด
“โอ๊ะ ผู้หญิงพวกนี้หน้าตาไม่เลวเลย” มีคนพึมพำขึ้นมาเบา ๆ แต่ทันใดนั้นก็ถูกแส้ฟาดปากเข้าเต็ม ๆ
จี้จือฮวนเก็บแส้ในมือกลับไปพร้อมสีหน้าที่เย็นชาและเย่อหยิ่ง
“พูดอีกประโยคเดียว ข้าจะตัดน้องชายของเจ้าทิ้งซะ”
“แม่นางซือเยียนช่างโมโหร้ายยิ่งนัก ในเมื่อข้าหาคนที่เรือนของพวกเจ้าไม่พบ คงต้องขอให้ทุกท่านอย่าเพิ่งออกไปจากเรือนนี้” ซือถูรุ่ยเอ่ยขึ้นมา
“ซือถูรุ่ย เจ้าประสาทหรืออย่างไร!?” พวกจี้จือฮวนยังไม่ทันพูดอะไร จีฝูเย่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ด่าออกมาทันที
“ข้าไม่เคยเห็นคนบ้าเช่นเจ้ามาก่อน คนที่สงสัยว่าคนอื่นเป็นโจรก็คือเจ้า หาของไม่เจอก็ไม่รู้จักขอโทษ ตอนนี้ยังมาทำตัวกร่างอีก เจ้าไม่ให้พวกเราไป พวกเราก็ต้องเชื่อฟังด้วยอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”
จีฝูเย่ด่าไปก็เอ่ยปลอบเผยยวนไปด้วย “ท่านอาจารย์โปรดวางใจ ข้าต้องหาทางพาท่านออกไปอย่างปลอดภัยได้แน่นอนขอรับ
ข้าตายก็ไม่เสียดายชีวิต แต่คนที่มีความสามารถอันน่าตกตะลึงเช่นท่าน จะถูกโจรสุนัขอย่างซือถูรุ่ยเหยียดหยามได้อย่างไรกัน!”
จีฝูเย่คิดถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกควักหัวใจ
เห็นได้ชัดว่านอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครรู้สึกเช่นเดียวกับเขาเลย
เพราะเวลานี้จี้จือฮวนได้ลงมือแล้ว
ในเมื่อซือถูเซิงอยู่ในมิติอย่างปลอดภัยแล้ว และตอนนี้ก็มีแค่ซือถูรุ่ยและลูกน้องไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนถูกซือถูรุ่ยสั่งให้ออกไปตามหาซือถูเซิงหมดแล้ว ดังนั้นหากไม่ลงมือตอนนี้ แล้วจะรอไปถึงเมื่อใดกัน!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เผยยวนก็ได้ตามจี้จือฮวนไปติด ๆ ทั้งสองคนลงมือโจมตีซือถูรุ่ยพร้อมกัน
และพวกเยว่พั่วหลัวก็เริ่มลงมือเช่นกัน พวกเขาเหาะเข้าไปหาลูกสมุนเหล่านั้นของซือถูรุ่ยทันที
ส่วนหานฉีก็คอยปกป้องเด็กทั้งสามคนเอาไว้ ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้พวกเขาได้แม้แต่คนเดียว
ซือถูรุ่ยคิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จีฝูเย่จะลงมือเช่นนี้ เมื่อรับฝ่ามือได้แล้วก็คิดที่จะขอประนีประนอมกับเขาขึ้นมา
“พี่จี! ในเมื่อเรื่องเข้าใจผิดได้รับการแก้ไขแล้ว และข้ายังต้องรีบไปตามหาคน เชิญท่านตามสบายก็แล้วกัน” ซือถูรุ่ยเอ่ยด้วยความร้อนรน
ทว่าเผยยวนกลับเอ่ยเสียงเย็นขึ้นมา “ท่านเจ้าเมือง ในเมื่อมาแล้วไม่สู้ไปด้วยกันจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นข้าก็ต้องมาคอยกังวลกลัวว่าท่านเจ้าเมืองจะพูดกลับไปกลับมาอีก!”
จี้จือฮวนซัดฝ่ามือไปที่แผ่นหลังของเขา แล้วยื่นกรงเล็บเหล็กออกไปกระชาก แต่ใครจะคิดว่าซือถูรุ่ยจะสวมเกราะคุ้มกายที่อ่อนนุ่มเอาไว้ด้วย ทำให้หลบฝ่ามือนี้ของจี้จือฮวนไปได้
ซือถูรุ่ยเองก็โมโหมากเช่นกัน “พี่จี นี่หมายความว่าอย่างไร ท่านคิดจะเปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรูอย่างนั้นหรือ?”
“ผิดแล้ว ข้าไม่ได้เปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรู แต่เป็นกลยุทธ์จับโจรเอาหัวโจกต่างหากเล่า!” คราวนี้เผยยวนไม่ได้ปิดบังพลังเอาไว้อีกแล้ว ก่อนจะใช้กระบวนท่าโจมตีเข้าใส่อย่างต่อเนื่องอีกหนึ่งชุด และอาศัยจังหวะที่ซือถูรุ่ยไม่ทันตั้งตัวโค่นเขาลงทันที
ดาบของเขาและมีดทหารของจี้จือฮวนจ่ออยู่ที่คอของซือถูรุ่ยในเวลาเดียวกัน จี้จือฮวนจึงใช้โอกาสนี้กระชากชุดเกราะของเขาออกด้วยกรงเล็บเหล็ก
ซือถูรุ่ยดวงตาเบิกโพลง “เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร!?”
เขาคิดไม่ถึงว่าวรยุทธ์ของจีฝูเย่ผู้นี้จะเหนือกว่าเขา อีกทั้งยังเข้าขากับสาวใช้ของเขาได้เป็นอย่างดี ด้วยการโจมตีพร้อมกันของคนทั้งคู่ ประกอบกับเขาเอาแต่กังวลเกี่ยวกับซือถูเซิง คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้จีฝูเย่เป็นฝ่ายได้เปรียบไป
อีกทั้งคนของเขาส่วนใหญ่ก็ถูกสั่งให้ออกไปค้นหาคนตามที่ต่าง ๆ ในจวนแล้วด้วย!
เขาประมาทศัตรูเกินไป จึงเปิดโอกาสให้จีฝูเย่เล่นงานเขาเช่นนี้!
จี้จือฮวนนำเชือกไนลอนออกมาจากในมิติแล้วมัดซือถูรุ่ยเอาไว้ และยังผูกเงื่อนเอาไว้ด้วย “ข้าขอเตือนเจ้า ทางที่ดีอย่าขัดขืนจะดีกว่า ยิ่งขัดขืนเงื่อนก็จะยิ่งรัดแน่นขึ้น คนที่ลำบากก็คือตัวเจ้าเองนะ เจ้าเมืองซือถู”
“จีฝูเย่ เจ้าคิดว่าจับข้าเป็นตัวประกันแล้วจะสามารถออกไปจากเมืองเจว๋เฉิงได้อย่างนั้นหรือ!” ซือถูรุ่ยเอ่ยเตือน
“เจ้าอย่าพลาดตกในเงื้อมมือข้าบ้างก็แล้วกัน เจ้ามันก็แค่พ่อค้าอาวุธตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่คิดที่จะสู้กับข้า…”
‘ตุ้บ!’ ไม่รอให้ซือถูรุ่ยพูดจบ จี้จือฮวนก็ชกเข้าที่ใบหน้าของเขาหนึ่งหมัด ทำให้ซือถูรุ่ยล้มลงไปกองกับพื้นทันที ก่อนจะถูกเผยยวนหิ้วตัวขึ้นมา
“หมัดนี้ ข้าชกแทนซือถูเซิง”
จี้จือฮวนกระโดดดึ๋ง ๆ อยู่ที่เดิมสองครั้ง ก่อนจะกระโดดเตะเข้าที่หน้าท้องของซือถูรุ่ยหนึ่งที “ลูกเตะนี้ ข้าเตะแทนราษฎรเมืองเจว๋เฉิง”
ซือถูรุ่ยถึงกับตัวงอ น้ำย่อยทะลักออกมาจากปากอย่างไม่อาจควบคุมได้
“และนี่คือครั้งสุดท้าย เพราะข้ารีบทำเวลาจึงขอเก็บดอกเบี้ยก่อน ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ ความชั่วบางอย่างหากเจ้าทำแล้วก็ต้องชดใช้!”
พูดจบนางก็ตวัดมีดทหารในมือ กรีดไปยังตำแหน่งที่อยู่ต่ำกว่าสะดือไปสามชุ่นของซือถูรุ่ย
เซียวเซวียนจิ่นรีบปิดตาของเจ้าตัวเล็กทั้งสองเอาไว้
“โอ๊ย!!!!!” เสียงคำรามของซือถูรุ่ยดังขึ้นมาเพียงครั้งเดียว จากนั้นเสียงก็เงียบหายไป ดวงตาทั้งสองข้างแทบจะถลนออกมา เขาอ้าปากพะงาบ ๆ และมือกำเป็นหมัดแน่น แทบอยากจะฆ่าจี้จือฮวนเพื่อแก้แค้นเสียเดี๋ยวนี้
จีฝูเย่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบกระชับกางเกงทันที ทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?
เช่นนั้นพวกเขายังจะสามารถออกจากเมืองเจว๋เฉิงได้อีกหรือไม่!
ภายในลานบ้าน คนอื่น ๆ ที่ซือถูรุ่ยพามาล้วนถูกพวกไป๋จิ่นจัดการเรียบร้อยแล้ว มีเลือดไหลนองไปทั่วพื้น
ส่วนทางด้านจีฝูเย่นั้นก็ตกตะลึงจนนิ่งงันไปแล้ว เขายังไม่เคยเห็นใครเจรจาการค้าไม่สำเร็จแล้วตัดส่วนนั้นของเจ้าเมืองเช่นนี้มาก่อน
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี พวกเขายังจะสามารถเดินออกไปได้อีกหรือไม่?
เวลานี้ประตูลานบ้านถูกเผยเสี่ยวเตาปิดเอาไว้แล้ว ในเรือนหลังอื่นก็มีเสียงร้องตะโกนดังขึ้นเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นเสียงตะโกนเรียกซือถูรุ่ยให้ออกไปพูดให้รู้เรื่องว่าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ไม่อยากให้พวกเขาอยู่ที่เมืองเจว๋เฉิงต่อไปแล้วใช่หรือไม่?
จี้จือฮวนหันไปเอ่ยกับเย่จิ่งฝู “อย่าเพิ่งให้เจ้านี่ตาย ทาผงห้ามเลือดให้เขาด้วย”
เย่จิ่งฝูจึงเดินเข้าไปในห้องด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ผงห้ามเลือดเสียของเกินไป ใช้ขี้เถ้าของธูปก็พอ”
ขณะที่พูดก็สาดขี้เถ้าของธูปที่เพิ่งดับไป ลงไปบนเป้าของซือถูรุ่ยทันที
ต่อให้เป็นยอดฝีมือแต่ก็เป็นผู้ชาย เมื่อเจอเรื่องเช่นนี้นอกจากเจ็บเจียนตายแล้วยังจะมีปฏิกิริยาใดได้อีก คราวนี้จบเห่แล้ว ตาทั้งสองข้างของเขาเหลือกขึ้นก่อนจะสลบไป
จากนั้นเย่จิ่งฝูก็เอากระถางธูปครอบลงบนหัวของเขาแล้วบิดไปมา
“พวกเราจะลากเขาไปเช่นนี้หรือ?”
ตอนนี้พวกเขามีเพียงสองทางเท่านั้น เมื่อเอาตัวซือถูรุ่ยไปเมืองเจว๋เฉิงก็จะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นให้ทัพใหญ่บุกประชิดก็จะสามารถยึดได้ทันที!
แต่พวกเสือสิงห์กระทิงแรดภายในเมืองเหล่านั้นหากไม่มีคนควบคุม เกรงว่าจะต้องก่อความวุ่นวายที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือคนเหล่านั้นจะยอมปล่อยพวกเขาไป เพียงเพราะซือถูรุ่ยคนเดียวหรือไม่?
คนเหล่านี้เดิมก็เข้าตาจนอยู่แล้วจึงได้มาเข้าร่วมกับซือถูรุ่ย การยอมสละชีวิตเพื่อซือถูรุ่ยนั้นย่อมไม่มีทางอย่างแน่นอน
ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดกันอยู่นั้น เสียงเหยี่ยวที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นบนท้องฟ้า~
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อบินวนรอบจวนซือถูหนึ่งรอบ ก่อนจะถลาลงมาหาพวกเขาอย่างสง่างามและรวดเร็ว
“เดี๋ยวนี้แม้แต่หมูก็บินได้แล้วอย่างนั้นหรือ?” จีฝูเย่ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ทันทีที่เผยยวนยกแขนขึ้น หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อก็ร่อนลงมา ไม่ได้เจอแค่ไม่กี่วันดูเหมือนมันจะอ้วนขึ้นอีกแล้ว เมื่อเห็นพวกเขามันก็กระพือปีกขึ้น และยื่นกรงเล็บเล็ก ๆ ของตัวเองออกมาด้วยความดีใจ
จี้จือฮวนเปิดจดหมายอ่าน ก่อนจะเอ่ยด้วยความยินดีขึ้นมา “ทัพใหญ่มาถึงหลักเขตแดนแล้ว ได้ยินเสียงกลองของเมืองเจว๋เฉิง จึงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพวกเรา ดังนั้นพวกเราไปกันเถอะ!”
.
.
.