บทที่ 521 เหตุใดเขาถึงแย่งแม้แต่งานของสาวใช้
เผยยวนตื่นแต่เช้า เมื่อเห็นว่าจี้จือฮวนยังหลับอยู่จึงโน้มตัวลงไปจูบแก้มของนางอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเตรียมตัวออกไปตักน้ำมาให้
แต่ใครจะคิดว่าทันทีที่เขาเปิดประตู สิ่งแรกที่เขาเห็นจะเป็นใบหน้าที่สวมหน้ากากนั่นของจีฝูเย่
เผยยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และคิดว่าตัวเองน่าจะยังไม่ตื่นดี
ดังนั้นจึงปิดประตูลง
จีฝูเย่ “???”
ผ่านไปไม่กี่อึดใจเผยยวนก็เปิดประตูออกอีกครั้ง จีฝูเย่จึงตะโกนขึ้นมาว่า “ท่านอาจารย์ ข้าสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำร้อนที่ผสมเครื่องหอมเอาไว้แล้ว เชิญท่านล้างหน้าบ้วนปากได้เลยขอรับ”
เอ่ยจบ จีฝูเย่ก็ปรบมือสองสามครั้ง คนรับใช้ที่อยู่ทางด้านหลังก็เดินเรียงแถวเข้ามา หลังจากวางสิ่งของลงแล้ว ก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ
ส่วนจีฝูเย่ก็ไม่ได้มีสภาพสะบักสะบอมเช่นเมื่อวานอีกแล้ว
“เจ้า…”
จีฝูเย่เอ่ยด้วยความนอบน้อม “ท่านอาจารย์ต้องการสิ่งใด เรียกข้าได้เลยขอรับ อีกทั้งข้าก็ได้ให้คนไปเตรียมอาหารเช้าเอาไว้แล้ว”
ไม่ให้โอกาสคนได้พูดบ้างเลย
จี้จือฮวนถูกเสียงดังรบกวนจนตื่นขึ้นมา เมื่อเผยยวนกลับเข้ามา นางก็มองดูสิ่งของที่วางเรียงรายอยู่ภายในห้องด้วยความตกตะลึง
“จีฝูเย่?”
“อืม” เผยยวนเช็ดหน้าให้นาง “เขาคงเห็นข้าเป็นอาจารย์ไปแล้วจริง ๆ นอบน้อมมากเลยทีเดียว”
“คนผู้นี้ช่างหมกมุ่นกับการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เสียจริง”
เหมือนกับเย่จิ่งฝูที่เพื่อให้ได้เรียนวิชาแพทย์ ถึงกับยอมเป็นเด็กต้มยา ติดตามนาง และไม่ยอมจากไปไม่ใช่หรือ?
หากมองจากอีกมุมหนึ่ง พวกเขาต่างก็เป็นพวกที่ชอบแสวงหาความสมบูรณ์แบบให้ชีวิต
จี้จือฮวนพึมพำออกมา “เป็นคนซื่อบื้อจริง ๆ”
แต่จากข้อมูลที่นางได้รับรู้มาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย บอกเพียงว่า เจ้าหมอนี่เพื่อเงินแล้วก็สามารถร่วมมือได้กับทุกฝ่าย
ทางด้านนี้ล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้านจีฝูเย่ที่อยู่ด้านนอกก็ยังตะโกนไม่หยุด “ท่านอาจารย์ อาหารได้จัดเตรียมไว้ที่ห้องโถงหลักแล้วขอรับ”
“อืม”
เผยยวนขัดไม่ได้ แต่เมื่อเขาพาจี้จือฮวนมาถึงห้องโถงหลัก ก็พบว่าจีฝูเย่กับพวกเยว่พั่วหลัวกำลังทะเลาะกันอยู่
“นี่ เจ้าประสาทหรืออย่างไรกัน มีข้าวเช้าแต่ไม่ให้พวกเรากินอย่างนั้นหรือ เจ้าเป็นใครกัน!?”
“หึ ท่านอาจารย์ตามใจพวกเจ้าเกินไปแล้วจริง ๆ ในฐานะคนรับใช้ ก็ควรรอให้เจ้านายออกมาก่อน มีใครเขากินข้าวก่อนเจ้านายอย่างพวกเจ้ากัน?
ไม่มีกฎระเบียบ!”
เมื่อคืนนี้เยว่พั่วหลัวแบ่งของที่ริบมาได้กับไป๋จิ่นอยู่นานเกือบครึ่งค่อนคืน เมื่อง่วงจนทนไม่ไหวจึงได้ซุกตัวนอนในผ้าห่ม เช้ามานางรู้สึกหิวมาก จึงอยากจะมาหาอะไรรองท้องเสียหน่อย สุดท้ายกลับถูกเจ้าหมอนี่ขวางเอาไว้ ความโมโหจึงปะทุขึ้นมา และอยากจะสู้ตายกับเขาให้รู้แล้วรู้รอดไป
“เจ้าหลบไปนะ!”
จีฝูเย่เอ่ยเสียงเย็น “ซือเยียน!”
“เจ้าค่ะนายท่าน!”
“มัดพวกเขาไว้ พวกไม่รู้กฎระเบียบ กล้าล่วงเกินคนที่เหนือกว่า ดังนั้นสั่งสอนพวกเขาด้วยว่าอะไรคือนาย อะไรคือบ่าว”
“เจ้าค่ะ!”
“หยุด” เผยยวนเดินเข้าประตูมา เยว่พั่วหลัวกำลังคิดจะฟ้อง และให้เขาไล่เจ้าจีเย่ฝูหรือจีฝูเย่อะไรนี่ออกไปเสีย
สุดท้ายจีฝูเย่กลับเร็วกว่านาง ครู่เดียวก็เบียดเยว่พั่วหลัวจนกระเด็นออกไป และพุ่งเข้าไปตรงหน้าเผยยวน ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ท่านอาจารย์ อาหารเหล่านี้ข้าเป็นคนสั่งมาด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าจะถูกปากท่านอาจารย์หรือไม่ แต่ท่านวางใจ ข้าให้คนชิมไปรอบหนึ่งแล้ว และทดสอบพิษเรียบร้อยแล้วขอรับ”
เผยยวนมองเขา “ทดสอบพิษ?”
จีฝูเย่พูดอย่างเคร่งขรึม “ใช่ขอรับ ซือถูรุ่ยผู้นี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใจคอโหดเหี้ยม เป็นคนบ้าตัวจริงเสียงจริง คนที่ฆ่าได้แม้แต่พ่อของตัวเอง ดังนั้นเพื่อให้ได้มาซึ่งอาวุธ มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้กัน การวางยาพิษในอาหารสามารถพบได้บ่อยครั้ง แต่ท่านอาจารย์วางใจได้ ทั้งหมดนี้ข้าเป็นคนเตรียมการด้วยตัวเอง แม้คนที่ซือถูรุ่ยเตรียมไว้ ข้าก็ช่วยท่านไล่ไปหมดแล้วขอรับ”
เผยยวนรู้สึกว่าประเมินเขาต่ำเกินไปแล้วจริง ๆ ที่แท้เขาก็รู้อยู่แล้วว่าซือถูรุ่ยเป็นคนเช่นไร
แต่ก็ไม่เหมาะที่จะถามว่าเหตุใดถึงมาทำการค้ากับซือถูรุ่ย เพราะนี่ไม่เท่ากับยอมรับทางอ้อมว่าตนแอบอ้างเป็นเขาหรอกหรือ?
“ท่านอาจารย์คงอยากจะถามศิษย์เป็นแน่ ว่าเหตุใดศิษย์ถึงทำการค้ากับซือถูรุ่ยใช่หรือไม่ขอรับ? เหตุผลนั้นไม่มีอะไรมาก เพราะเงินอย่างไรเล่าขอรับ ซือถูรุ่ยสัญญาว่าจะให้ทองคำสิบหีบ ศิษย์เป็นคนรักทรัพย์สินเงินทอง ย่อมไม่มีทางปฏิเสธ แต่ทองคำสิบหีบเมื่อเทียบกับท่านแล้ว นั่นก็เป็นแค่เงินไม่กี่เหวินเท่านั้น” จีฝูเย่ทำท่าทางหยิ่งทะนง
“ความสามารถของท่านต่างหาก ที่เป็นสมบัติที่ไม่มีผู้ใดในโลกเทียบได้”
หลังจากได้ยินคำชมเช่นนี้ พวกเผยยวนก็ขนลุกไปทั้งตัว
เยว่พั่วหลัวจึงบ่นออกมา “คนผู้นี้หากไม่เป็นพ่อค้าอาวุธอะไรนั่นเสียก่อน อาจไปเป็นหัวหน้าขันทีก็เป็นได้ เจ้าดูการประจบสอพลอของเขาสิ”
เผยยวนจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “กินข้าวเถอะ”
กินเสร็จแล้ว ยังต้องไปดูว่าทางด้านซือถูรุ่ยเป็นเช่นไรบ้าง
เผยยวนเอ่ยจบ เยว่พั่วหลัวก็นั่งลงทันที
เผยยวนยกหน้ากากขึ้นเล็กน้อยแล้วลงมือกินทันที
จีฝูเย่มองคนที่ไม่มีกฎระเบียบเหล่านี้ ที่เหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น ก็ถอนหายใจออกมา
ดูท่าภายหน้าเขาไม่เพียงต้องเรียนรู้วิชากับท่านอาจารย์!
ยังต้องช่วยท่านอาจารย์สั่งสอนคนเหล่านี้ด้วย และต้องทำหน้าที่ของศิษย์ให้ดีที่สุด
ขืนท่านอาจารย์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะปลอมตัวเป็นเขาได้อย่างแนบเนียนได้อย่างไรกัน?
ลูกน้องของตนเองไร้กฎระเบียบเช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกัน
จนกระทั่งกินกันอิ่มแล้ว ด้านนอกก็มีคนรายงานบอกว่าซือถูรุ่ยมา
เผยยวนกินเสร็จพอดี เขาจึงเช็ดปากแล้วเดินออกประตูไป
ซือถูรุ่ยที่เข้ามาแล้ว เมื่อเห็นเผยยวนก็เอ่ยพร้อมหัวเราะเสียงดัง “พี่จี เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่ เรือนนี้ท่านพอใจหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่เลว แต่ท่านเจ้าเมืองซือถูมาเช้ายิ่งนัก”
“เมื่อคืนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ไม่ค่อยได้พักผ่อนจริง ๆ แต่ในเมื่อพี่จีต้องการชมทหารของเมืองเจว๋เฉิงของข้า แน่นอนว่าข้าย่อมต้องมาดูแลพี่จีก่อน เช่นนี้พวกเราก็จะได้หารือขั้นต่อไปกันได้ด้วย”
ซือถูรุ่ยเอ่ยพร้อมกับทำท่าทางเชิญชวน
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว พี่จีเชิญ”
เดิมทีเย่จิ่งฝูคิดจะติดตามไปคอยปรนนิบัติข้างกายเผยยวนกับจี้จือฮวน เพราะอย่างไรเสียฐานะของนางตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสาวใช้ตัวเล็ก ๆ
ทว่าสุดท้ายจีฝูเย่กลับเร็วกว่า อีกทั้งยังเตรียมของเอาไว้พร้อมสรรพ ขณะติดตามข้างกายเผยยวน ก็จ้องซือถูรุ่ยด้วยสีหน้าระแวดระวัง ราวกับกลัวว่าซือถูรุ่ยจะกินอาจารย์ของเขาอย่างไรอย่างนั้น
แม้แต่จี้จือฮวนก็ยังถูกเขาเบียดให้ไปอยู่ด้านหลัง
ซือถูรุ่ยมองหน้าจีฝูเย่ แต่กลับพูดกับเผยยวน “พี่จีช่างมีเมตตายิ่งนัก นักต้มตุ๋นเช่นนี้ยังจะเก็บเอาไว้ข้างกายอีก ระวังเอาไว้หน่อยจะดีกว่า”
“เฮอะ เรื่องนี้ไม่รบกวนท่านเจ้าเมืองซือถูให้ต้องมาเป็นกังวลหรอกขอรับ ท่านเจ้าเมืองเอาเวลาไปกังวลเรื่องกองทัพทหารเกราะเหล็กของเผยยวนจะดีกว่า” จีฝูเย่พูดจาเสียดสี
ลืมท่าทางโมโหตอนเข้ามาแล้วพบว่ามีคนปลอมตัวเป็นเขาเมื่อวานนี้ไปจนหมดแล้ว
ซือถูรุ่ยจ้องจีฝูเย่เขม็ง “หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของพี่จี คนอย่างเจ้าไม่อยู่ในสายตาของข้าหรอก”
จีฝูเย่หัวเราะเสียงเย็น ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่พยายามเขียนจดหมายให้เขา เชิญเขามาที่เมืองเจว๋เฉิงโทรม ๆ แห่งนี้!
เฮอะ หากรู้ตั้งแต่แรกเขาไม่มีทางมาอย่างแน่นอน
จีฝูเย่คิดไปคิดมา ช่างเถอะ หากไม่มาแล้วจะพบท่านอาจารย์สุดที่รักของเขาได้อย่างไรกัน!
ดังนั้นเขาจะไม่ถือสาเจ้าซือถูรุ่ยคนเสียสตินี่อีกแล้ว
“ท่านอาจารย์ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย ท่านเจ้าเมืองซือถูอย่าเล่นใหญ่ไปเองจะดีกว่า” จีฝูเย่สะบัดพัดออก ท่าทางนั้นหยิ่งทะนงยิ่งนัก
ในเมืองเจว๋เฉิงแห่งนี้ ซือถูรุ่ยเคยถูกคนยั่วโมโหเช่นนี้ที่ใดกัน?
“เจ้าเด็กนี่ กล้าไม่เบา”
“พูดได้ดี”
ไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถขายอาวุธไปได้ทุกที่ได้อย่างไรกัน?
ช่างหาได้ยากจริง ๆ เป็นแค่เจ้าเมืองเจว๋เฉิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับคิดว่าตัวเองสำคัญเสียเต็มประดา!
เจ้าเมืองของอีกเจ็ดเมือง มีใครบ้างที่ไม่ปฏิบัติต่อเขาด้วยความนอบน้อม?
เก่งจริงก็อย่ามาขอร้องข้าสิ กลับไปข้าจะบอกท่านอาจารย์ ว่าอาวุธแต่ละแบบให้เพิ่มราคาอีกสิบเท่า หากเขาไม่จ่ายก็ไม่ต้องขาย ให้เขาสู้กับเผยยวนไป ทางที่ดีให้เผยยวนตีเจ้าบ้านี่ให้ตายไปเสียเลย
.
.
.