เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 509 ปลามังกรผสมกัน*

บทที่ 509 ปลามังกรผสมกัน*

บทที่ 509 ปลามังกรผสมกัน*

* ปลามังกรผสมกัน (鱼龙混杂) หมายถึง คนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน

สาวใช้ที่ดูแลดอกไม้ต้นไม้จ้องมองไปยังประตูที่ปิดสนิทด้วยความเขินอาย

ตั้งแต่เมื่อครู่ เสียงเอี๊ยดอ๊าดนั่นก็ไม่เคยหยุดลงเลย

ระหว่างนั้นก็มีคนไปเคาะประตูถามว่าต้องการอะไรหรือไม่ คนด้านในกลับพูดมาเพียงประโยคเดียวว่า ‘ไสหัวไป’

แม้ว่าด้านในจะเป็นเตียงไม้หนานมู่**แกะสลักอย่างดี แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเตียงจะไม่หักหรอกหรือ?

** ไม้หนานมู่ (楠木) หมายถึง เป็นไม้หายากที่แข็งแรงทนทาน

พอดีกับเย่จิ่งฝูเดินผ่านมา สาวใช้เหล่านั้นจึงได้ถามนางถามว่า ด้านในต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่

เย่จิ่งฝูกะพริบตาเล็กน้อยและฟังเสียงที่ดูทรมานด้านในก็เอ่ยตอบไปว่า “อ้อ พวกเขากำลังนวดกันอยู่ เป็นเรื่องปกติ”

เพราะตอนที่นางนวดให้ศิษย์น้อง ยังครวญครางดังกว่านี้มาก

ดังนั้นเย่จิ่งฝูจึงเดินไปตบประตูห้อง “ร้องดัง ๆ หน่อย กลั้นเอาไว้ไม่ดีต่อร่างกายนะ”

ให้ตายเถอะ เรื่องการดูแลสุขภาพต้องเผยแพร่ให้คนได้รู้มากกว่านี้เสียแล้ว!

ทำให้ยอดฝีมือที่ละทางโลกอย่างนางต้องเป็นกังวลไปด้วย

แต่ตอนนี้นางยังไม่มีเวลาว่างมาสนใจพวกเขา นาง! ทายาทตระกูลหมอเทวดา! ตัดสินใจแล้วว่าจะไปเดินเล่นใกล้ ๆ แถวนี้ เพื่อสืบข้อมูลของซือถูเซิง

ส่วนอาเหริ่นนั่น แทบจะทนไม่ไหวอยากออกไปตามหาด้วยตัวเองตั้งนานแล้ว ขืนนางยังไม่ออกไปอีกล่ะก็ เกรงว่าเจ้าหมอนั่นต้องทำให้เสียเรื่องเป็นแน่

“นวดอย่างนั้นหรือ?”

“คงใช่กระมัง”

บรรดาสาวใช้ก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวน พวกนางมีหน้าที่แค่จับตาดูจีฝูเย่เท่านั้น ส่วนคนรับใช้เหล่านี้ก็ไม่เกี่ยวกับพวกนาง

หลังจากคิดได้ดังนี้ บรรดาสาวใช้ก็ได้แยกย้ายกันไป

ในตอนเย็น จี้จือฮวนและเผยยวนหาที่ในห้องอาบน้ำสำหรับนอนพักผ่อนจนเต็มอิ่มแล้วจึงได้ออกมา และสตรีสามคนบนเตียงก็ใกล้จะตื่นแล้วเช่นกัน

ส่วนห้องที่อยู่ที่ติดกันนั้น

ไป๋จิ่นรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกล้อรถทับมาอย่างไรอย่างนั้น!

สภาพราวกับตุ๊กตาผ้าขาด ๆ ตัวหนึ่งก็มิปาน!

เขาหมุนกายไปมองเยว่พั่วหลัวที่นอนเหมือนกับหมูตายอยู่ข้าง ๆ ด้วยความรู้สึกเศร้าใจระคนแค้นใจ!

ทั้ง ๆ ที่รอบที่สามเขากำลังจะพอเพราะยาหมดฤทธิ์แล้ว ทว่าสุดท้ายนางกลับยังไม่พอ กระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้ง

ไป๋จิ่นกัดมุมผ้าห่ม เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในลานบ้าน จึงได้ผลักเยว่พั่วหลัวเบา ๆ “ผีทะเล ตื่นได้แล้ว”

เยว่พั่วหลัวเหนื่อยจนแทบกระดิกนิ้วไม่ไหว แต่เมื่อได้ยินดังนั้นก็กลับลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ปากก็ยังพูดไปด่าไป “ข้าจะไปตามหาเจ้าสุนัขนั่นที่ทำให้ข้าโดนวางยา และหั่นมันเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้ปากากินซะ!”

ทันทีที่นางเลิกผ้าห่มออก รอยแดงบนตัวยังคงอยู่ ไป๋จิ่นรีบเบนสายตาหนี แข้งขาของนางก็พลันอ่อนแรง จึงทรุดตัวลงไปนั่งอีกครั้ง

ก่อนจะหันหน้าไปมองไป๋จิ่นด้วยความโมโห

ไป๋จิ่นเบนสายตาหนีด้วยความร้อนตัว “อะไร ข้าอ่อนโยนสุด ๆ แล้วนะ”

เยว่พั่วหลัวมองเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายบนพื้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “แล้วจะใส่อะไรกัน เละเทะไปหมด”

ไป๋จิ่นชี้ไปที่สัมภาระด้านข้าง “มีชุดสำรองอยู่ เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปตักน้ำมาให้”

เวลานี้ไป๋จิ่นกลับเอาใจใส่นางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หลังจากทั้งสองคนจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็ปรากฏตัวตรงหน้าจี้จือฮวนและเผยยวน โดยที่คนหนึ่งเอามือจับเอวของตัวเองเอาไว้ ส่วนอีกคนก็เอาแต่ก้มหน้า ทว่าทุกคนกลับไม่ได้สนใจพวกเขา

เพราะหากวันใดที่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะกัน แสดงว่าต้องเกิดปัญหาขึ้นอย่างแน่นอน!

ส่วนภายในห้อง สาวใช้สามคนที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็อิงแอบกันอยู่ข้าง ๆ เผยยวนด้วยใบหน้าแดงก่ำ “งานเลี้ยงมื้อค่ำเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้าเมืองกำลังรออยู่ เชิญนายท่านไปร่วมงานได้แล้วเจ้าค่ะ”

พูดไปทั้งสามคนก็ทำสีหน้าราวกับผ่านศึกหนักมาก็มิปาน ก่อนจะชำเลืองมองเผยยวนด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกนางถึงมีอารมณ์เช่นนี้กับเผยยวนที่สวมหน้ากากผู้นี้ได้ ส่วนเยว่พั่วหลัวนั้นก็อยากบอกพวกนางว่า นางปวดเอวมากจริง ๆ

ส่วนเผยยวนเองก็มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นกัน แต่งานเลี้ยงมื้อค่ำใกล้เข้ามาแล้ว ถึงเวลาต้องไปค้นหาความจริงแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา

“ข้าอาศัยตอนที่พวกเจ้าพักผ่อนกันอยู่ ออกไปเดินเล่นมา อาเหริ่นบอกว่าแม่ครัวของจวนพวกเขาเป็นคนที่ชอบพูดมาก แต่ตอนที่ข้าไปแม่ครัวเหล่านั้นก็ไม่อยู่แล้ว ได้ยินว่าหายตัวไปพร้อมกับซือถูเซิง”

เย่จิ่งฝูแบ่งปันข้อมูลที่ตัวเองสืบมาได้ให้กับทุกคนได้รู้

อาเหริ่นเป็นกังวล “เช่นนั้นเซิงเซิง…”

“มีความเป็นไปได้สองอย่าง ก็คือเจ้าบ้าซือถูรุ่ยนั่นอาจจะเอาความโกรธไปลงกับคนอื่น จึงฆ่าคนเก่าแก่ในจวนตอนนั้นทิ้งหมดแล้ว หรือไม่เซิงเซิงก็อาจจะมีชีวิตอยู่ แม่ครัวเหล่านั้นจึงต้องตามไปดูแลนาง”

จี้จือฮวนคิดไปคิดมา “ชิ พวกเจ้าสองคนเหตุใดถึงเงียบเช่นนั้นกัน ทะเลาะกันจนเป็นใบ้ไปแล้วหรือ?”

นางเอ่ยถามเยว่พั่วหลัวกับไป๋จิ่น

ทว่าทั้งสองคนกลับน้ำท่วมปาก เพราะพวกเราถูกปีศาจสูบพลังจนแห้งเหือดไปหมดแล้วน่ะสิ

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น แต่เลือกที่จะพูดขึ้นมาว่า “ข้างกายซือถูรุ่ยมียอดฝีมืออยู่ พวกเราสองคนจึงโดนเล่นงานมา”

“!!!”

ทุกคนต่างก็ตกใจ เพราะข่าวนี้ไม่ต่างอะไรจากฟ้าผ่าตอนกลางวัน

“ดังนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทางที่ดีทุกคนควรอยู่รวมกันไว้ และต้องมีอาชิงอยู่ด้วยทุกที่!”

ไม่อย่างนั้น! ฮือ ๆ ๆ พูดไม่ออกแล้ว ขืนพูดต่ออีกน้ำหูน้ำตาต้องไหลออกมาพร้อมกันเป็นแน่

“พวกเจ้าหมายความว่า ข้างกายของซือถูรุ่ยมียอดฝีมือที่เก่งเรื่องการใช้พิษกว่าพวกเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นใช่คนที่ทำร้ายอาเหริ่นหรือไม่?”

“มีความเป็นไปได้มาก ดังนั้นต้องรอไปอยู่ข้างกายซือถูรุ่ยให้ได้ก่อน พวกเราจึงจะสามารถรู้ได้ แต่ว่ามีอาชิงอยู่พวกเราก็เหมือนมีไพ่ไม้ตายอยู่ในมือ นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายก็มีราชากู่เหมือนกัน และต้องดูว่าราชากู่ของใครจะเก่งกว่ากันแล้ว”

ตอนนั้นเองหนวดสีดำเล็ก ๆ ก็โผล่ออกมาจากหูของอาชิง ราชาร้อยกู่สะบัดหัวมุดกลับเข้าไปอย่างเย่อหยิ่ง กำลังดูถูกใครกัน

ใครจะเก่งกว่ากันอย่างนั้นหรือ?

ไม่มีทาง

ข้าต่างหากที่เจ๋งที่สุด!

ทันทีที่ออกจากเรือน คนทั้งกลุ่มก็ได้พบกับคนในยุทธภพหลายคน ไม่รู้ว่าไปดื่มที่ใดมาแต่ละคนจึงมีกลิ่นเหล้าหึ่งไปหมด ถือกาเหล้าเดินไปอย่างโซซัดโซเซ และหนึ่งในนั้นก็มีเท้าที่ใหญ่โตมาก เพียงแค่เขาเดินไปก็ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนจนขาคนถึงกับชาได้

สายตาของเขาจับจ้องไปที่เผยยวนและคนอื่น ๆ เมื่อเห็นว่าพวกเผยยวนต่างก็สวมหน้ากากเอาไว้ ก็แค่นเสียงเย็นออกมาอย่างดูแคลน ก่อนจะเดินผ่านไป

“เสแสร้ง”

ทางที่เจ้าคนขี้เมาเดินไป ก็คือห้องโถงบนเรือสำราญที่ใช้จัดงานเลี้ยงมื้อค่ำ และพบว่ามีคนจำนวนมากใช้วิชาตัวเบาเหาะขึ้นไปบนเรือ แม้อยู่ริมฝั่งก็สามารถได้ยินเสียงหัวเราะของพวกเขาแล้ว

และแน่นอนว่าก็มีส่วนหนึ่งที่มาเป็นกลุ่มแบบพวกเขา ดังนั้นจึงเลือกที่จะใช้เรือข้ามฟากแทน

คนที่มายืนรอเรือข้ามฟากพร้อมกับพวกเขาเป็นสตรีผู้หนึ่ง มองจากด้านข้างก็นับว่าเป็นสาวงามนางหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งนั้นกลับเป็นใบหน้าของผู้ชาย เสียงที่พูดออกมาก็แยกไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย ในอ้อมแขนยังอุ้มเด็กตัวเล็ก ๆ เอาไว้คนหนึ่ง โดยที่สายตาก็เอาแต่มองตรงไปข้างหน้า

มองดูแล้วอาอินก็คันไม้คันมืออยากจะชกขึ้นมา

“คิดว่าท่านคงเป็นคุณชายจีฝูเย่ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือผู้นั้นกระมัง”

เผยยวนปรายตามองนางเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยตอบแต่อย่างใด

ทว่าเยว่พั่วหลัวที่กำลังยืนรอเรือข้ามฟากอยู่ จู่ ๆ ขาของนางก็เกิดอ่อนแรงจนเกือบจะลื่นล้ม ไป๋จิ่นจึงคว้าตัวนางและกอดเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองโดยไม่รู้ตัว และหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มา สายตาที่ทั้งสองคนใช้มองอีกฝ่ายก็ดูแปลกไป คล้ายกับแฝงอะไรบางอย่างเอาไว้

ดังนั้นตอนที่สบตากัน คนหนึ่งก็หน้าแดง อีกคนก็หูแดงขึ้นมา

“พวกเจ้าสองคนทำอะไรกัน ทำอย่างกับเป็นผู้หญิงอ่อนแอไปได้” เย่จิ่งฝูบ่นเบา ๆ อยู่ข้าง ๆ

ปกติแค่มองหน้ากันก็แทบจะพังหลังคาได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับมองตากันหวานฉ่ำ คงไม่ได้ป่วยกระมัง!

“อะแฮ่ม” ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวจึงได้สติขึ้นมา ก่อนจะแยกออกจากกันทันที

ส่วนอาชิงน้อยก็อ้าปากหาวขึ้นมา และเห็นว่าที่ท่าเรือข้ามฟากข้าง ๆ มีกลุ่มเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงอายุไล่เลี่ยกับเขา แต่งตัวงดงามอย่างมาก ทว่าสีหน้าของพวกเขาราวกับสูญเสียพ่อแม่ไปอย่างไรอย่างนั้น ไม่ได้ดูสดใสเหมือนเด็กทั่วไป

ไป๋จิ่นเห็นดังนั้นก็รีบดึงเขามาทันที “อย่ามองไปทางนั้น นั่นคือคนสารเลวที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ เชี่ยวชาญเรื่องการขโมยลูกคนอื่น โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุเท่ากับเจ้า เขาชอบมากที่สุด”

.

.

.

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Score 10
Status: Completed
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม! จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคน จี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอ แต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถ ในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม! . โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย! . เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน! . . ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ . . จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

Options

not work with dark mode
Reset