บทที่ 494 อดีตของพวกเขา
ตั้งแต่เล็กจนโตนางเติบโตมาข้างกายเผยยวน ตอนนี้ให้นางยอมรับอีกคนเป็นพ่อ อาอินจึงรู้สึกยากที่จะยอมรับได้
แต่เห็นเขานอนอยู่อย่างนั้น นางก็รู้สึกเสียใจและไม่สามารถบรรยายออกมาได้
“เหตุใดเขาถึงเป็นเช่นนี้กัน?” เด็กทั้งสองคนต่างถามคำถามเดียวกัน
อูหลางเลือกที่จะไม่ตอบพวกเผยยวนได้ แต่ไม่สามารถไม่สนใจลูกหลานของเผ่าหมาป่าทั้งสองคนได้
โดยเฉพาะพวกเขาที่เป็นลูกของอาเหริ่น
“เรื่องนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน…”
เผ่าหมาป่าหิมะในเวลานั้น มักเลือกที่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่หนาวเย็นเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศของพื้นที่นั้น ๆ เนื่องจากการย้ายที่อยู่เป็นเรื่องปกติ
ตอนที่พวกเขามาถึงพั่นโจวก็พบกับพายุหิมะที่ตกหนัก อาเหริ่นที่ยังอยู่ในวัยเยาว์ก็ได้พลัดหลงกับเผ่าเพราะเหตุนี้
ทุกคนตั้งใจฟังที่ท่านย่าอูหลางเล่าอย่างเงียบ ๆ และเพราะหนาวเย็นทุกคนจึงเบียดเข้ามาอยู่ใกล้กันเพื่อรักษาความอบอุ่น เผยยวนกอดเด็ก ๆ และจี้จือฮวนเอาไว้ในอ้อมแขน และคลุมทับด้วยผ้าห่มอีกผืนหนึ่ง แววตาของอูหลางมืดมนและดูล้ำลึกอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อพูดถึงเรื่องในอดีตกลับเผยความอ่อนโยนออกมา
“จากนั้นเล่า เขาไปที่ใดกัน?”
อูหลางถอนหายใจออกมา “เขาถูกฝังอยู่ในหิมะ ถูกกองกำลังที่ผ่านมาเอาตัวไป และนำกลับไปที่เมืองพั่นโจว”
คนจากเผ่าหมาป่าที่ต้องเข้าไปอยู่ในเมือง จะต้องสร้างปัญหาอย่างแน่นอน
“ตอนที่เขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในที่ว่าการ ด้วยความกลัวและตกใจจึงเริ่มกัดและทุบตีคนที่เข้ามาใกล้ ทำให้คนเหล่านั้นโมโหและมัดคอของเขาเอาไว้ ปฏิบัติต่อเขาเหมือนหมูเหมือนหมา ในเผ่าของเรามีน้อยคนที่จะเรียนภาษาต้าจิ้น แต่หลายปีมานี้เพื่อความสะดวกในการสื่อสาร จึงได้มีคนหรือสองคนที่เริ่มเรียนภาษา แต่อาเหริ่นไม่ได้อยู่ในจำนวนนั้น”
“เช่นนั้นเขากลับมาได้อย่างไร?” เยว่พั่วหลัวสงสัย
“เขาในเวลานั้นไม่ได้กลับมา และเกือบจะไม่ได้กลับมา เพราะตอนนั้นพั่นโจวถูกยึดครองไปแล้ว และเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองเจว๋เฉิง เจ้าเมืองก็คือคนของตระกูลซือถู
ผู้นำในเวลานั้นคือซือถูคัง เป็นพ่อของซือถูรุ่ยเจ้าเมืองคนปัจจุบัน ก่อนที่จะยึดครองพั่นโจว เดิมก็เป็นแค่หัวหน้ากองพันของกองทัพก็เท่านั้น”
เผยยวนจึงเงยหน้าขึ้นทันที แม้แต่จี้จือฮวนเองก็อดมองไม่ได้เช่นกัน
“ซือถูคังนำกองทัพก่อการกบฏ และกลายเป็นเจ้าเมืองของเมืองเจว๋เฉิงในปัจจุบัน เผ่าของเราไม่สามารถเข้าไปได้เลย แต่อาเหริ่นกลับได้รับการช่วยเหลือจากลูกสาวของเขานามว่าซือถูเซิง”
“ซือถูเซิง?”
“ถูกต้อง คนเป็นดั่งชื่อ ดังนั้นนางจึงมีเสียงร้องที่ไพเราะที่สุด ตอนที่อาเหริ่นหลบหนี นางได้พาเขาที่มีบาดแผลทั่วร่างกายกลับไปที่จวนซือถู…”
เด็กสาวที่อายุเพิ่งสิบกว่าขวบ สอนเด็กหนุ่มเผ่าหมาป่าที่เต็มไปด้วยความก้าวร้าวให้กินข้าว ใช้ตะเกียบ และพูดภาษาคน ดังนั้นนอกจากซือถูเซิงแล้วอาเหริ่นก็ไม่ฟังใครทั้งนั้น
ไม่ต้องให้ท่านย่าอูหลางพูดออกมา ทุกคนก็เริ่มรู้แล้วว่าโศกนาฏกรรมกำลังจะเกิดขึ้น
พ่ออย่างซือถูคังจะยอมให้ซือถูเซิงตกหลุมรักเด็กหนุ่มเผ่าหมาป่าคนหนึ่งได้อย่างไรกัน
“จากนั้นเล่า? พวกเขารักกันอย่างนั้นหรือ?”
ท่านย่าอูหลางพยักหน้ารับ “อาเหริ่นใช้ชีวิตอยู่กับซือถูเซิงในจวนซือถูหลายปี เป็นความรักแรกแย้มของหนุ่มสาว เผ่าหมาป่าของพวกเรามีความภักดี ทั้งชีวิตจะมีคู่ครองเพียงคนเดียวเท่านั้น อาเหริ่นรักซือถูเซิง นั่นก็หมายถึงทั้งชีวิตของเขา”
“ซือถูเซิงเล่า?”
ท่านย่าอูหลางถอนหายใจออกมา “นางเป็นสตรีที่เพียบพร้อม อ่อนโยนและงดงาม ไม่เหมือนพ่อกับพี่ชายของนาง แต่นางกลับอ่อนแอมาก ตอนที่อาเหริ่นพานางหนีออกมาจากเมืองเจว๋เฉิง และกลับมาที่เผ่าหมาป่านางก็ได้ตั้งท้องแล้ว”
“ตระกูลซือถูไม่ยอมรับหรือ?”
ท่านย่าอูหลางส่ายหน้า “อาเหริ่นเป็นสายเลือดเผ่าหมาป่าที่บริสุทธิ์ เขามีพลังมหาศาล และยังสามารถโต้ตอบกับสัตว์ชนิดต่าง ๆ ได้ พรสวรรค์ของเผ่าหมาป่าของเราเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าคงรู้สึกได้กระมัง?”
คำถามนี้นางจงใจถามฝาแฝด อาอินมีพลังมากจนทำให้คนตกใจจริง ๆ จึงไม่เหมือนกับเด็กทั่วไป ส่วนอาชิงก็สามารถผูกมิตรกับสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยได้ทุกชนิด พวกเขาจึงมีพรสวรรค์เหมือนกัน
แต่อาชิงคงจะออกไปทางแม่ของเขามากกว่า
“ซือถูคังรักลูกสาวมาก เมื่อเห็นว่าอาเหริ่นสามารถเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องลูกสาวของเขาได้ จึงให้อาเหริ่นเป็นแม่ทัพทหาร และให้เขาไปเฝ้ากำแพงเมือง อาเหริ่นจึงได้มีโอกาสแสดงความสามารถที่ไม่ธรรมดา ทำให้ซือถูคังพอใจอย่างมาก”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?” ในเมื่อพ่อของฝ่ายหญิงไม่ได้คัดค้านการแต่งงานนี้ เดิมก็ควรจะจบลงอย่างมีความสุขแล้วนี่นา
“หากเรื่องราวจบลงแค่ตรงนี้ก็คงดี จะได้ไม่ต้องมีใครเสียใจ แต่ตัวแปรของเรื่องนี้กลับอยู่ที่เจ้าเมืองเจว๋เฉิงคนปัจจุบัน ซือถูรุ่ย”
อูหลางพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าก็เผยความขยะแขยงออกมา “ไม่รู้ว่าพวกเจ้าเคยได้ยินข่าวลือว่าตระกูลซือถูล้วนเป็นคนบ้าระห่ำหรือไม่?”
มีเพียงเผยยวนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เขาจึงได้อธิบาย “มีการพูดเช่นนี้จริง แต่ข้าก็ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงขอรับ”
“ข่าวลือที่บอกว่าตระกูลซือถูฆ่าพ่อและลูกของตัวเองมีออกมาไม่ขาด แต่เมื่อมาถึงรุ่นของซือถูคังอย่างน้อยก็ดีกว่ารุ่นก่อน ๆ ทว่าซือถูรุ่ยผู้นั้นกลับเป็นคนที่ชั่วร้ายอย่างมาก และเขาก็หลงรักน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง”
เมล็ดแตงโมในมือของเยว่พั่วหลัวถึงกับหล่นลง ไป๋จิ่นคว้าเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ยังตกใจอยู่ดีจนต้องสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง
เซียวเซวียนจิ่นอยากปิดหูอาอินเอาไว้ แต่อาอินกลับไม่ยอม
นางไม่ใช่เด็กแล้ว นางต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เมื่อรู้ว่าน้องสาวที่ตัวเองหลงรัก ตกหลุมรักคนป่าจากเผ่าหมาป่า ซือถูรุ่ยก็พยายามที่จะล่วงเกินนาง แต่อาเหริ่นก็ช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้ง ซือถูคังจึงตีซือถูรุ่ยเพราะเรื่องนี้ และเพราะเหตุนี้ โศกนาฏกรรมจึงได้เริ่มต้นขึ้น”
คิ้วของจี้จือฮวนขมวดขึ้นมา “ซือถูรุ่ยเป็นคนฆ่าซือถูคังอย่างนั้นหรือ?”
ท่านย่าอูหลางพยักหน้ารับ “ถูกต้อง เขาฆ่าทุกคนที่ขวางทางของเขาและขึ้นเป็นเจ้าเมือง ตอนนั้นพั่นโจวถูกศัตรูยึดครองจึงกลายเป็นนรกบนดินไปนานแล้ว ดังนั้นหากฆ่าพ่อของตัวเองเพิ่มอีกสักคนจะเป็นอะไรไป
อาเหริ่นจึงพาซือถูเซิงหนีกลับมาที่เผ่าของเรา
เซิงเซิงไม่เหมือนพ่อและพี่ชายของนาง นางขี้กลัวทั้งยังอ่อนแอ ตอนที่กลับมานางก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ และมีอาการหวาดผวาจนนอนไม่หลับ ทว่าต่อมาโชคดีที่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของเผ่าเราได้ แต่กลับถูกคนที่ซือถูรุ่ยส่งมาพบเข้า”
เรื่องต่อจากนั้นไม่จำเป็นต้องพูดอีก เพราะทุกคนนั้นสามารถจินตนาการได้แล้ว
เกรงว่าเผ่าหมาป่าก็คงยอมแลกกับราคามหาศาล แต่กลับไม่สามารถช่วยนางไว้ได้
“เช่นนั้น…นางยังอยู่หรือไม่?” อาอินกลั้นหายใจ จับมือของอาชิงเอาไว้ แล้วถามด้วยความประหม่าออกมา
“วันนั้นซือถูรุ่ยสังหารหมู่เผ่าหมาป่า หมาป่าหิมะจึงล้มตายไปเป็นจำนวนมาก เซิงเซิงใกล้จะคลอดอยู่แล้ว แต่กลับยอมรับปากซือถูรุ่ยว่าจะกลับไปกับเขา อาเหริ่นในตอนนั้นลุกขึ้นยืนไม่ไหวอีกแล้ว จึงทำได้เพียงมองดูเซิงเซิงถูกซือถูรุ่ยพาขึ้นหลังม้าไป”
“พวกเราทุกคนจึงคิดว่าเด็กคงไม่รอดแล้ว ตอนนี้เมื่อมาคิดดูดี ๆ นางคงจะคลอดลูกระหว่างทาง จากนั้นก็ถูกซือถูรุ่ยโยนทิ้งในภูเขาหิมะหวังให้พวกเขาตายไปเอง และตอนนั้นพวกเราก็กำลังยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดเศษซากและจะไปจากที่นี่ ทว่าอาเหริ่นหลังจากสลบไปวันนั้นเขาก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย หากไม่ใช่เพราะพวกฮวาหลางไล่ตามหมาป่าหิมะไป เกรงว่า…”
เกรงว่าอาเหริ่นชีวิตนี้คงไม่ได้เจอหน้าลูกของตัวเองอีกแล้ว
“ดังนั้น ซือถูเซิงจึงมีโอกาสมากที่จะยังอยู่กับซือถูรุ่ย!” ไป๋จิ่นพูดประเด็นสำคัญออกมา
ช่างประจวบเหมาะจริง ๆ เพราะเป้าหมายต่อไปของพวกเขาก็คือยึดพั่นโจวกลับมา บุกโจมตีเมืองเจว๋เฉิงบัดซบนั่น!
ซือถูรุ่ย! ต้องตาย!
อาชิงได้ยินดังนั้นก็ขยับเข้าใกล้อาเหริ่น พร้อมกับจับมือของเขาและเอาใบหน้าของตัวเองแนบลงไป “ท่านได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ ท่านตื่นขึ้นมาเถอะขอรับ”
.
.
.