บทที่ 490 คืนเด็กให้พวกเรา
เจ้าเมี้ยวเมี้ยวตัวนี้ ชาวเมืองเพี่ยวโจวไม่มีใครที่ไม่รู้จัก!
วันนั้นที่สือฟางฆ่าตัวตาย เสือตัวนี้ก็คอยติดตามข้างกายเนี่ยเจิ้งอ๋องตลอด มันห้าวหาญอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ทำร้ายชาวบ้านโดยไม่มีเหตุผลอีกด้วย ที่สำคัญเป็นมิตรกับคนและมักจะหงายท้องให้คนลูบอยู่บ่อย ๆ
เมื่อเห็นเสือขาวที่สะดุดตาตัวนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กที่ตั้งแผงอยู่นั่นเป็นลูกหลานบ้านใด
ช่วงเวลายามบ่ายที่ชวนให้คนเซื่องซึม มีผู้คนเดินกันขวักไขว่บนถนนผ่านหน้าอาชิงไปคนแล้วคนเล่า เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมซื้อสมบัติล้ำค่าของอาจารย์เขา อาชิงจึงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
อะไรกัน ของของอาจารย์ไม่มีค่าอย่างนั้นหรือ? ต่อไปเขาคงไม่ใช่ว่าไม่มีเงินไปซื้อข้าวกินหรือไปขอผู้หญิงไม่ได้หรอกกระมัง!
เห็นเช่นนี้แล้วควรรับเงินอั่งเปาไว้อีกหลาย ๆ ปีดีกว่า
ชีวิตไม่ง่ายเลย อาชิงถอนหายใจออกมา
เมื่อไรจึงจะสามารถซื้อหมาป่าได้กัน?
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็สังเกตเห็นว่าที่ทางเข้าตรอกฝั่งตรงข้าม มีก้อนขนก้อนหนึ่งที่ขาวราวกับหิมะอยู่ตรงนั้น
ทันใดนั้นอาชิงก็เบิกตากว้างขึ้นมา “เมี้ยวเมี้ยว! พวกเราไปดูกันเถอะ!”
เขาเก็บยาพิษบนพื้นใส่กระสอบ แล้ววิ่งตึงตังไปที่ฝั่งตรงข้ามทันที
เสี่ยวเอ้อที่แทะเมล็ดแตงโมอยู่ที่ประตูจับตามองอยู่ตลอด กลัวว่าจะมีคนตาบอดมาลักพาตัวคุณชายน้อยของท่านอ๋องไป
ไม่ว่าเมี้ยวเมี้ยวจะผ่านไปที่ใด ชาวบ้านก็มักจะหลีกทางให้
ทันใดนั้นอาชิงก็หยุดฝีเท้าลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงใบหน้าใหญ่ของเมี้ยวเมี้ยวแล้วอ้อมไปอีกด้าน
คนที่อยู่หลังตรอกนั่นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนของเผ่าหมาป่าที่ย้อนกลับมาอีกครั้ง
คราวนี้พวกเขาไม่ได้พาหมาป่าหิมะมาด้วย เพียงหิ้วลูกหมาป่าตัวหนึ่งมาวางไว้ที่ทางเข้าตรอก และพวกเขาก็เอาตัวแนบไปกับกำแพง กำลังมองดูอาชิงที่จะเข้ามาติดกับ
แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่า มีจุกผมเล็ก ๆ ที่แกว่งไกวไปมาโผล่ออกมาจากมุมตรอก และลอบสังเกตพวกเขาอยู่เช่นกัน
“เมี้ยวเมี้ยว พวกเขาเป็นพวกลักพาตัวเด็กใช่หรือไม่ จะจับข้าไปขายอย่างนั้นหรือ?!”
แน่นอนว่าเมี้ยวเมี้ยวไม่สามารถตอบเขาได้
อาชิงจึงพูดกับตัวเอง “ไม่ใช่สิ ข้าน่ารักเพียงนี้ และไม่มีค่าเท่าหมาป่าหิมะ คงไม่ใช่ฝ่ายสอดแนมของศัตรูหรอกกระมัง ที่คิดจะจับข้าไปข่มขู่ท่านพ่อกับท่านแม่!”
เช่นนั้นก็เป็นคนเลวน่ะสิ! อาชิงจะตีคนเลว!
อาชิงคันไม้คันมือขึ้นมาทันที เขาค่อย ๆ หยิบงูสองตัวที่กำลังง่วงงุนออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่
อาชิงจับพวกมันไว้ในมือแล้วเขย่าไปมา “ตื่นเร็ว เลิกนอนได้แล้ว!”
งูหนึ่งและงูสองอ่อนระโหยโรยแรง ไม่มีชีวิตชีวาแม้แต่น้อย
“เฮ้อ ช่างเถอะ ช่วงเวลาสำคัญก็ต้องพึ่งตัวเองแล้ว!” อาชิงยัดพวกมันกลับไป
เขาค้นในกระเป๋าไปมา โยนสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทั้งหมดออกไป จากนั้นก็หยิบประทัดสายหนึ่งออกมา “ฮี่ ๆ ๆ ๆ…”
เผ่าหมาป่า เจ้าจับตามองข้า ข้าก็จะจับตามองเจ้า!
เผ่าหมาป่ากำลังจ้องมองทางเข้าตรอกอยู่ เพราะกลัวจะถูกคนพบเข้า
ทันใดนั้นวัตถุสีแดงสายหนึ่งก็ตกลงมาจากท้องฟ้า และตกลงมาใกล้กับเท้าของพวกเขา
สิ่งนี้คืออะไรกัน?
เหตุใดถึงมีควันด้วย?
คงไม่ใช่พริกย่างบ้านใครหรอกกระมัง
พวกเขาใช้จมูกสูดดมตามความเคยชิน แต่ยังไม่มีใครหนีไปไหน จนกระทั่งพริกย่างนั่นระเบิดและส่งเสียงดังขึ้นมา พวกเขาจึงได้นำอาวุธออกมาฟันประทัดนั่นอย่างแรง
เหตุใดถึงมีคนสู้กับประทัดกัน! ดูท่าสิ่งนี้คงจะยังร้ายกาจไม่พอ เอาอันที่ใหญ่กว่านี้ออกมาดีกว่า!
ดูท่าคงต้องใช้ท่าไม้ตายของราชาร้อยกู่แห่งหมู่บ้านตระกูลเฉินแล้ว
อาชิงโยนประทัดทะลุฟ้าออกไป ต้องทำให้พวกเขาขวัญหนีดีฝ่ออย่างแน่นอน!
เผ่าหมาป่าที่เพิ่งจะสู้กับพริกย่างเสร็จ คิดไม่ถึงว่าจะมีพริกที่เม็ดใหญ่กว่าลอยมาจากบนท้องฟ้าอีกแล้ว ทว่าพวกเขามีประสบการณ์แล้ว ดังนั้นจึงรีบอุ้มลูกหมาป่าตัวนั้นมาไว้ในอ้อมแขน เพื่อเตรียมพร้อมที่จะพุ่งเข้าไปหาพริกย่างนั่น
‘ปัง! ปัง! ปัง!’
หลายวันมานี้เพี่ยวโจวกลับคืนสู่ต้าจิ้น บรรดาชาวบ้านจึงจุดประทัดเพื่อเฉลิมฉลองกันเป็นระยะ ไม่ใช่ทางทิศตะวันออกของเมือง ก็เป็นทางทิศตะวันตกของเมือง นึกครึ้มขึ้นมายังเอาไปจุดไว้ที่ข้างหน้าต่างของคนอื่นด้วย ต่อให้จะด่าบุพการีก็หาไม่เจอว่าใครเป็นคนทำ!
ดังนั้นในช่วงเวลาเช่นนี้ ต่อให้จะจุดประทัดลูกใหญ่ ทุกคนก็แค่สงสัยว่าเป็นบ้านใดกันที่ซื้อประทัดเสียงดังเพียงนี้มาจุด แต่ก็ไม่มีใครสืบเสาะว่าเป็นผู้ใดกันแน่
มีท่านป้าที่มาซื้อผักคนหนึ่งเดินผ่านมา เมื่อพบว่าทางเข้าตรอกมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเต้นแร้งเต้นการอบ ๆ ประทัด ก็ถอนหายใจและพูดขึ้น “ดูสิ สามารถยึดเพี่ยวโจวคืนมาได้แล้ว ทำให้คนพวกนี้มีความสุขจนเป็นบ้าไปแล้ว ถึงกับมีคนเต้นระบำรอบประทัดด้วย นี่ไม่ใช่ดีใจมากจนบ้าไปแล้วหรอกหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ มีคนทะเลาะกับประทัดด้วย ช่างหาได้ยากจริง ๆ”
อาชิงโยนออกไป ทางเผ่าหมาป่าก็สู้กลับ ช่างอึดกันจริง ๆ ประทัดมากมายเพียงนี้ ทว่าพวกเขายังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ราวกับว่าหากไม่ทำให้ประทัดนี่ยอมแพ้ พวกเขาไม่มีวันเลิกราเป็นแน่!
อาชิงกระทืบเท้าด้วยความโมโห เขาไม่เคยเห็นคนค้ามนุษย์ที่ประหลาดเช่นนี้มาก่อน!
เขาจึงได้แต่เกาหัว ทว่าทันทีที่หันกลับไปก็พบกับเงาคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่เหนือหัว ทำให้เขาตกใจจนกอดเมี้ยวเมี้ยวเอาไว้แน่น
เป็นหนึ่งในเผ่าหมาป่าที่เห็นเขา และไม่มีทีท่าหวาดกลัวที่เมี้ยวเมี้ยวแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เลยแม้แต่น้อย เขาเข้ามาถึงก็อุ้มอาชิงไปทันที พร้อมกับพูดและทำท่าทางประกอบไปด้วย!
“พา…พาเจ้า…กลับบ้าน”
“หานฉี! เชลยเฒ่า! ช่วยด้วย! มีคนเลวลักพาตัวเด็กแล้ว! ลักพาตัวเด็กน้อยที่น่ารัก เฉลียวฉลาด สุดหล่อที่ภายภาคหน้าจะเป็นอันดับหนึ่งของยุทธภพ และไม่อยากลุกขึ้นมาฉี่กลางดึกอีกแล้ว!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เผ่าหมาป่าก็ชะงักไปเล็กน้อย ด้านหน้าพลันมีลมหอบใหญ่พัดมา เขาก็คือหานฉีที่ติดตามข้างกายอาชิงอยู่ตลอดเวลา!
มนุษย์กู่ก็คือสิ่งไม่มีชีวิตที่ยังเดินได้ และไม่รู้จักความเจ็บปวด เวลาต่อสู้ขึ้นมา ทุกกระบวนท่าล้วนโจมตีไปที่จุดตายของคน แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้เช่นไร เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
อย่างไรเสียหนอนกู่ก็สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ต่อให้ถึงจุดวิกฤติ เขาก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เว้นแต่จะถูกสับจนเละ จนทำให้หนอนกู่นั่นแยกออกจากร่างกายไปเอง
แต่คิดไม่ถึงว่ายอดฝีมืออย่างหานฉีเมื่อสู้กับเผ่าหมาป่าก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันแต่อย่างใด และเมื่อถูกเผ่าหมาป่าหลายคนรุมเข้ามาพร้อมกัน หานฉีก็ตอบโต้ได้ไม่ทั่วถึง
โชคดีที่เสียงตะโกนนั้นของอาชิง ทำให้เสี่ยวเอ้อเอาข่าวไปรายงานได้อย่างรวดเร็ว ตอนที่จี้จือฮวนกับเผยยวนมาถึงพร้อมท่าทางดุดัน อาชิงก็รีบกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเผยยวนแล้วเริ่มฟ้องทันที “ท่านพ่อ พวกเขาต้องการจะลักพาตัวลูกชายที่น่ารักของท่าน ต่อไปหากท่านไม่มีอาชิงจะทำอย่างไรเล่าขอรับ! จะไม่มีใครจัดงานศพให้ท่านแล้วนะขอรับ!”
มุมปากเผยยวนกระตุกขึ้นมา จากนั้นก็ตีที่ก้นเขาหนึ่งที “ใครใช้ให้เจ้าวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาเช่นนี้กัน แค่เมี้ยวเมี้ยวกับหานฉียังไม่พอ! กลับไปเจ้าจะต้องถูกลงโทษให้คัดหนังสือสามร้อยรอบ!”
อาชิงใจแตกสลาย! เช่นนั้นไม่สู้ส่งตัวเขาให้พวกค้ามนุษย์เสียยังดีกว่า
ทางด้านนี้หานฉีกับเผ่าหมาป่าก็ยังคงสู้กันอยู่ เหล่าองครักษ์ด้านหลังเผยยวนก็พุ่งเข้าไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมียอดฝีมือมากมายเพียงนี้ เผ่าหมาป่านั่นห้าวหาญไร้พ่าย และไม่เคยกลัวสิ่งใดมาก่อน จนกระทั่งอาอินยกหินที่ใช้เหยียบเวลาลงจากหลังม้าที่หน้าประตูโรงเตี๊ยมขึ้นมาจะทุ่มเข้าใส่ เผ่าหมาป่าพวกนั้นจึงได้หันกลับมาจ้องสองพี่น้อง แล้วสะบัดพวกหานฉีออกด้วยท่าทางดุดัน
ก่อนจะเดินมาตรงหน้าเผยยวนกับจี้จือฮวนแล้วเอ่ยขึ้นมา “เด็ก ไม่ พวกเรา!”
เผยยวนดึงอาอินมาอยู่ข้างกายตัวเอง หรี่ตาลงแล้วเอ่ยขึ้น “หลายปีก่อนข้ากับเผ่าของพวกเจ้าอาจจะมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเจ้าจะเข้ามาสร้างปัญหาในเขตแดนของข้าครั้งแล้วครั้งเล่าได้! เด็กคนนี้เป็นของข้า”
“ของพวกเรา! เป็น…ของพวกเรา!” เอ่ยจบ เผ่าหมาป่าก็เอากำปั้นทุบหน้าอกของตัวเอง “หมาป่าหิมะ จะใกล้ชิดกับสายเลือดของพวกเราเท่านั้น พวกเขา…หน้าตา…เหมือน…ในเผ่าของพวกเรา!”
.
.
.