บทที่ 488 เผ่าหมาป่า
เมื่อเห็นกองทัพทหารเกราะเหล็กมา ชาวบ้านก็รีบหลีกทางให้พวกเขาทันที
นายพรานที่ขายสัตว์ป่าเหล่านั้นก็เปลี่ยนสีหน้าหันมายิ้มประจบทันที เพราะในเมืองอื่น ๆ คนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยมากที่สุดก็คือทหาร ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาถูกไล่ออกไป การค้าก็คงไม่ต้องทำกันแล้ว
“คารวะท่านเจ้าหน้าที่ ท่านไม่รู้อะไร ราคานี้ข้าไม่ได้ตั้งขึ้นมาส่ง ๆ นะขอรับ นี่เป็นจ่าฝูงของหมาป่าหิมะจริง ๆ เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่า อีกทั้งเผ่าหมาป่าหิมะกล้าหาญและไร้พ่าย จึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถจับมาได้แบบตัวเป็น ๆ”
อาชิงจับฉู่จิ้นเอาไว้ “พี่ฉู่จิ้น ข้าอยากได้ขอรับ”
ฉู่จิ้นมองอาอินเล็กน้อย เห็นเด็กน้อยกำลังล้วงเงินออกมาจากถุงเงินก็เอ่ยขึ้นมา “ลดให้หน่อยไม่ได้หรือ?”
“คงไม่ได้แล้วขอรับ”
แต่โชคดีที่มีฉู่จิ้นอยู่ด้วย คนอื่นที่ต้องการจะซื้อหมาป่าหิมะจึงไม่ส่งเสียงออกมาอีก
เพราะกองทัพทหารเกราะเหล็กเป็นคนที่ยึดเพี่ยวโจวคืนมา ทำให้พวกเขาได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกัน ช่วยเหลือพวกเขาให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมาน ดังนั้นเพื่อสัตว์ไม่กี่ตัวถึงกับต้องไปแย่งกับพวกเขา เช่นนั้นมิเท่ากับกลายเป็นคนไร้มนุษยธรรมหรอกหรือ?
นายพรานเองก็พอจะมองออกแล้วว่าเด็ก ๆ เหล่านี้ คงมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพทหารเกราะเหล็กเป็นแน่ สองพันตำลึงก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว จึงคิดว่าขายให้พวกเขาไปก็แล้วกัน
“ได้ เช่นนั้นข้าก็จะขายให้พวกเจ้าก็แล้วกัน”
นายพรานกำลังจะกลับไปต้อนหมาป่าหิมะเข้ากรง แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดความโกลาหลขึ้นท่ามกลางฝูงชนเสียก่อน เมื่อมีชายร่างกำยำหลายคนล้อมผู้หญิงสองคนที่บุกเข้ามาเอาไว้
ใบหน้าของพวกเขามีการวาดสัญลักษณ์สีแดงเอาไว้ ผมก็ถูกถักเป็นเปียเล็กหลายเส้น ร่างกายของพวกเขาล้วนถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยหนังสัตว์ เครื่องแต่งกายที่แปลกตาเช่นนี้ ทำให้พวกเขาดูสะดุดตาอย่างมาก
แต่หมาป่าหิมะที่เดิมยังคงดิ้นรนขัดขืนอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาปรากฏตัวขึ้นก็ส่งเสียงครวญครางออกมาราวกับสัตว์ตัวเล็ก ๆ ทันที แค่ดูก็รู้แล้วว่าพวกเขาเป็นเจ้าของหมาป่าหิมะตัวจริง
ชายร่างใหญ่หลายคนที่อยู่ด้านหลัง เมื่อเห็นหมาป่าหิมะถูกทุบตีจนเป็นแผลไปทั่วทั้งตัว ก็โมโหจนชกไปที่เสาหินที่อยู่ด้านข้างทันที ทำให้เสาหินต้นนั้นพังทลายลงมา!
พลังมหาศาลเช่นนี้ เทียบได้กับพลังของอาอินเลยทีเดียว
สตรีสองคนนั้นก็ไม่พูดไม่จา ใช้สองแขนสองขาประสานกัน วิ่งเข้ามาราวกับอมนุษย์ก็มิปาน โจมตีนายพรานเหล่านั้นทันที
พวกชาวบ้านที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ต่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว พากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงอย่างรวดเร็ว กลัวว่าหากพวกเขาสู้กันไปสู้กันมา จะทำให้สัตว์ป่าในกรงหลุดออกมาด้วย
หัวหน้ากลุ่มที่รับผิดชอบการลาดตระเวนข้างกายฉู่จิ้นจึงรีบเอ่ยขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามต่อสู้กันในเมือง!”
ทว่าพลังของคนกลุ่มนั้นกลับแข็งแกร่งอย่างมาก!
พลังมหาศาล ทุบแผงขายของนั่นจนเละเทะ ทหารเกราะเหล็กหลายนายวิ่งเข้าไปห้าม ก็ถูกพวกเขาผลักออกมา
ทหารเกราะเหล็กยามที่ประลองกับคนอื่น ก็ไม่เคยพ่ายแพ้ยับเยินเช่นนี้มาก่อน!
แม้จะไม่ใช่การประลองด้านทักษะการใช้ดาบหรือปืน แต่แค่พละกำลังพวกเขาก็ไม่สามารถสู้ได้แล้ว
“รีบล้อมพวกเขาเอาไว้!”
“อย่า!” ทันใดนั้นอาอินก็เอ่ยขึ้นมา “พวกเขาเป็นเจ้าของหมาป่า ต้องเป็นเพราะนายพรานแอบจับหมาป่าหิมะมา พวกเขาถึงได้โกรธแค้นเช่นนี้ ให้พวกเขาจากไปพร้อมกับหมาป่าหิมะเถอะ!”
หัวหน้ากลุ่มจึงสั่งให้คนอื่นหยุดทันที และคนเหล่านั้นก็หยุดด้วยเช่นกัน
แววตาของพวกเขาที่กำลังมองมายังฝูงชน เต็มไปด้วยความระแวดระวังและรังเกียจ
“เปิดทาง”
อาอินก้าวเข้าไปหนึ่งก้าวก็ถูกเซียวเซวียนจิ่นดึงกลับมา
เซียวเซวียนจิ่นเอ่ยขึ้น “พวกเจ้าไปเถอะ พวกเราจะไม่ทำอะไรพวกเจ้า”
มีเสียงคำรามต่ำ ๆ คล้ายกับเสียงสุนัขหลุดออกมาจากลำคอของคนเหล่านั้น ก่อนจะทิ้งคนไม่กี่คนเอาไว้ป้องกันคนที่อยู่รอบ ๆ ส่วนคนที่เหลือก็หมุนตัวไปปลดโซ่ให้หมาป่าหิมะ
เนื่องจากไม่มีกุญแจ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องปลดมันเช่นไร ดังนั้นจึงกระชากโซ่ออกด้วยความโมโห หมาป่าหิมะหอนขึ้นมาทันที ทำให้พวกชาวบ้านหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าพวกมันจะเข้ามากัดเหมือนสุนัข
“ใจหายใจคว่ำหมด”
“นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว ท่านแม่ทัพ พวกท่านปล่อยคนไปเช่นนี้ หากออกจากเมืองไปแล้วเกิดไปทำร้ายคนที่ผ่านไปผ่านมาเข้าจะทำอย่างไรเล่า”
เซียวเซวียนจิ่นรับรู้ได้ถึงความกระตือรือร้นของอาอิน ก็พูดขึ้นมาเบา ๆ “นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เจ้าจะเอาอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้ห้ามเข้าไปเด็ดขาด”
อาอินกลับเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังออกมา “ข้าสัมผัสได้ว่าพวกมันไม่มีทางทำร้ายข้า ท่านไม่เห็นหรือว่าคนเหล่านั้นกลัวมากเพียงใด?”
ที่พวกเขาแสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง ก็เพราะพวกเขากำลังกลัวอย่างไรเล่า
อาชิงก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ พี่หญิงพูดถูกต้องแล้ว”
พวกลู่เอี้ยนกลับมองไม่ออกว่าคนเหล่านี้กำลังกลัว ย่อมไม่มีทางปล่อยเด็กทั้งสองคนเข้าไป หากคนใดคนหนึ่งเกิดเป็นอะไรขึ้นมา พวกเขาคงไม่สามารถไปอธิบายกับเผยยวนสองสามีภรรยาได้
ทว่าพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
เผยยวนกับจี้จือฮวนหารือเรื่องสำคัญอยู่ใกล้ ๆ นี้ ตอนที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงได้ตามมาดู ก็บังเอิญเห็นภาพที่เกิดขึ้นพอดี
“ปล่อยพวกเขาไป แล้วอพยพชาวบ้านด้วย”
เผยยวนประสานมือคารวะให้กับคนเหล่านั้น และทำสัญญาณมือสองสามครั้ง
คนเหล่านั้นก็ระงับอารมณ์ลงทันที หลังจากมองหน้ากันก็พยักหน้าให้กับเผยยวน
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เผยยวนจึงอธิบายกับจี้จือฮวน “พวกเขาคือเผ่าหมาป่าบนทุ่งหิมะที่พั่นโจว พวกเขาซ่อนตัวจากโลกเมื่อหลายปีก่อน พวกเขาเป็นพวกเดียวกับหมาป่าหิมะ นับถือเทพเจ้าหมาป่าเช่นเดียวกับชาวถู่เจีย ครั้งนี้ต้องเป็นเพราะพวกนายพรานเหล่านี้จับสหายของพวกเขามาเป็นแน่ พวกเขาจึงได้ตามมาถึงเพี่ยวโจว”
“เช่นนั้นเมื่อครู่เจ้าทำอะไร?”
“เป็นวิธีการแสดงความเป็นมิตรของเผ่าหมาป่า ตอนที่ข้านำกองกำลังผ่านพั่นโจว เคยได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าหมาป่า ตอนนั้นจึงเคยเห็นพวกเขาสื่อสารกันเช่นนี้”
พูดถึงตรงนี้เผยยวนก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไป โดยไม่กลัวหมาป่าหิมะที่กำลังแยกเขี้ยวใส่เขาเลยแม้แต่น้อย
และในตอนนั้นเองสตรีเผ่าหมาป่าก็เห็นอาอินกับอาชิงเข้า พวกนางเบิกตากว้างขึ้นมาทันที พร้อมกับทำท่าจะกระโจนเข้ามาหาเด็กทั้งสอง ราวกับจะอุ้มพวกเขาไป
ทว่าพริบตาต่อมาจี้จือฮวนก็เข้าไปขวางตรงหน้าของพวกเขาเอาไว้
ไอพลังที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน จี้จือฮวนที่ปกป้องลูกก็ไม่กลัวพวกนางเหมือนกัน
นางสามารถปล่อยให้พวกเขาเดินอย่างอิสระในเมืองได้ แต่หากจะลงมือชิงลูกของนางไปล่ะก็ เช่นนั้นต่อให้จะเป็นเผ่าสวรรค์ก็ไม่ต้องเกรงใจอีกแล้ว
เด็กทั้งสองคนก็อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของจี้จือฮวนทันที และมองพวกเขาอย่างระแวดระวัง
คนของเผ่าหมาป่าจึงหันกลับไปพึมพำกันอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็หันกลับมาจ้องมองเด็กทั้งสองคนไม่เลิก
“สรุปพวกเขาจะไปหรือไม่ไปกันแน่?”
“อึก ๆ อัก ๆ พูดอะไรกัน”
พวกนายพรานถูกทุบตีจนไม่กล้าส่งเสียงตั้งนานแล้ว
กลับเป็นเผยยวนที่รออย่างใจเย็น จนกระทั่งมีลูกหมาป่าน้อยเดินโซเซเข้ามา อาชิงจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปอุ้ม คิดไม่ถึงว่าลูกหมาป่านั่นจะเข้ามาคลอเคลียเขาจริง ๆ และไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงอีกด้วย
“พี่หญิง มันเลียฝ่ามือข้าด้วย น่ารักจังเลยขอรับ” อาชิงรู้สึกชอบเป็นอย่างมาก
อาอินจึงมองจี้จือฮวนเล็กน้อย ก่อนจะนั่งยอง ๆ และลองยื่นมือออกไป
พวกเผ่าหมาป่าก็ไม่ได้ห้าม กลับเป็นตอนที่เย่จิ่งฝูอยากลูบดูบ้าง พวกเขาจึงได้ส่งเสียงคำรามต่ำออกมาพร้อมกัน แม้แต่ลูกหมาป่าที่ดูเชื่อง ๆ เหล่านั้นก็ยังแยกเขี้ยวออกมา!
เย่จิ่งฝูตกใจอย่างมาก โอ๊ย เหตุใดถึงต้องเลือกคนด้วยเล่า ไม่ใช่เด็กหน้าตาน่ารักก็เลยไม่ให้ลูบอย่างนั้นหรือ?
อาชิงลูบอีกสองที อาอินก็อุ้มลูกหมาป่าไว้ในอ้อมแขน ท่าทางสนิทสนมราวกับเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ
เห็นได้ชัดว่าพวกเผ่าหมาป่าก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน จากนั้นก็เปิดปากพูดกับอาอิน แม้จะพูดจาแข็ง ๆ แต่ท่าทางที่แสดงออกก็ไม่ได้แย่ “เจ้า ชอบหรือ?”
.
.
.