บทที่ 477 พ่อไก่ตัวใหญ่!?
เจ้าหน้าที่ที่ไร้คุณธรรมนั่น ช่วงเวลาสำคัญพึ่งพาไม่ได้ แต่เวลาประจบสอพลอกลับเร็วกว่าผู้ใด
หากเป็นเมื่อก่อน เมื่อเผยยวนเจอสถานการณ์เช่นนี้ก็คงจะปล่อยผ่านไป แต่ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วว่า พวกประจบสอพลอและอาศัยอำนาจของผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ ในร้อยคนการจะหาสักคนที่สามารถรับผิดชอบงานได้นั้นหายากเป็นอย่างยิ่ง
การสังหารหนึ่งเพื่อเตือนร้อย ย่อมดีกว่าให้พวกเขาแต่ละคนเสนอหน้ามาโดนด่าราวกับไก่ตาดำ*
* ไก่ตาดำ (乌眼鸡) หมายถึง คนที่โกรธเกลียดกัน
เดิมทีคิดว่าเจ้าเด็กนั่นพูดจาส่งเดช เนี่ยเจิ้งอ๋องต้องไว้หน้าพวกเขาอย่างแน่นอน เพราะที่นี่อยู่ห่างจากส่วนกลางมาก ดังนั้นหากยุทธปัจจัยและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพทหารเกราะเหล็กขาดแคลน พวกเขาเลือกที่จะบ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่มีของ ไม่มีเงิน เผยยวนก็ไม่สามารถเอากำลังมาช่วงชิงได้ ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง
แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาต้องการเล่นแง่ ทว่าทางนั้นกลับไม่เล่นด้วย อย่าว่าแต่สร้างความสัมพันธ์อันดีกับพวกเขาเลย แม้แต่การให้เกียรติเรื่องพื้นฐานก็ยังไม่มีให้ด้วยซ้ำ
หลังจากเจ้าเด็กน้อยคนนั้นสั่งออกไป กองปืนไฟที่อยู่ข้าง ๆ ก็ลงมือทันที ลากครอบครัวนั้นโยนออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋อง! ท่านอ๋องท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ! ท่านอ๋อง ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อท่านนะขอรับ”
พวกเขายังคงร้องเรียกไม่หยุด โดยเฉพาะแม่นางผู้นั้น ถึงกับคว้าแขนเสื้อของเผยยวนเอาไว้ น้ำตาเอ่อคลออย่างน่าสงสาร “ท่านอ๋อง ผู้น้อยชื่นชมท่านอ๋องด้วยใจจริงนะเจ้าคะ ขอท่านอ๋องได้โปรดรับผู้น้อยไว้ปรนนิบัติข้างกายด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
มู่เหยากวงออกแรงเต็มที่ จนทำให้ข้อมือของนางหัก “ถึงกับยอมลดตัวให้ต่ำตม! ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดเสนอหน้าไปเป็นอนุคนอื่นเช่นนี้มาก่อน! อย่ามาทำให้สายตาของพวกเราต้องแปดเปื้อน”
เอ่ยจบก็ลากเด็กสาวคนนั้นออกจากร้านขายยาไป
พวกชาวบ้านเองก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่โง่ที่โผล่มาจากที่ใด ตอนเมืองจินโจวตกอยู่ในอันตราย เหตุใดพวกเขาถึงไม่วิ่งออกมากัน ตอนนี้พ้นจากวิกฤตแล้วต่างก็เสนอหน้ามา ทำอย่างกับมีคุณูปการใหญ่หลวงต่อจินโจวอย่างไรอย่างนั้น
ท่านอ๋องและพระชายาเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก ช่วงที่ผ่านมาเป็นดั่งเงาตามตัว พวกเขาต่างก็รักใคร่กันดี ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่าคนเหล่านี้มาถึงก็จะยัดอนุให้สามีภรรยาเขา นี่มันเรื่องอะไรกัน
เมื่อมีตัวอย่างให้เห็น เจ้าหน้าที่ที่เหลือต่างก็รีบเอ่ยอีกสองสามประโยค จากนั้นก็ขอตัวลาอย่างรีบร้อน
เผยยวนกับจี้จือฮวนมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็พูดไม่ออก
ทว่าตอนนั้นเองก็มีมือเล็กที่จ้ำม่ำคู่หนึ่งจับใบหน้าของเผยยวนเอาไว้ แล้วพูดอย่างจริงจังขึ้นมา “ท่านพ่อ ท่านห้ามไปถูกใจผู้หญิงไร้ยางอายข้างนอกนะขอรับ! ไม่อย่างนั้นข้ากับพี่หญิงจะไม่ยอมรับท่านเป็นพ่ออีก และจะไล่ท่านออกจากบ้านด้วย”
เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น เฮอะ เขาล่ะแปลกใจจริง ๆ เขาทำร้ายทารุณพวกเขาหรือว่าอย่างไรกัน เหตุใดคนที่ต้องรับกรรมต้องเป็นเขาทุกครั้ง!
จากนั้นอาชิงก็ส่ายก้นเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา “หากว่าท่านพ่อไม่เชื่อฟังล่ะก็ ท่านแม่ต้องการอนุชายสักคน อาชิงสามารถยอมรับได้นะขอรับ”
เผยยวน “???”
เส้นเลือดที่ขมับของเผยยวนถึงกับเต้นตุบ ๆ ก่อนจะโยนเจ้าเด็กคนนี้ไปให้ไป๋จิ่นที่เพิ่งเปิดม่านเข้ามา “ข้าเห็นว่าช่วงนี้พวกเจ้าเสียการเรียนไปมาก รีบพาเขาไปเรียนเถอะ!”
ส่วนเขา! ที่เป็นถึงศิษย์ดีเด่นในชั้นเรียนคุณธรรมบุรุษ เรื่องไม่เชื่อฟังภรรยาไม่มีทางแน่นอน
ส่วนเรื่องอนุชายอะไรนั่น หากมาหนึ่งคนเขาก็จะฆ่าหนึ่งคน!
เผยยวนจูงมือของจี้จือฮวนเข้าไปที่ลานด้านใน อาศัยตอนที่ลู่เอี้ยนยังไม่ตามเข้ามา จูบแก้มของนางแรง ๆ หนึ่งที “เจ้าเป็นของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”
จี้จือฮวน “…”
เจ้าช่วยสำรวมหน่อยได้หรือไม่ เนี่ยเจิ้งอ๋อง
“อืม ส่วนข้าก็จะเป็นของฮวนฮวนคนเดียว”
มุมปากของจี้จือฮวนโค้งขึ้น “เจ้าไม่พูดข้าก็รู้”
จากนั้นนางก็พิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเอ่ยเตือนขึ้นมา “วันนี้ควรส่งส่วยได้แล้ว”
เพราะอีกไม่นานต้องบุกไปโจมตีสือฟางแล้ว คงต้องงดเว้นไปอีกหลายวัน เผยยวนจึงกระแอมเล็กน้อย ใบหูก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาทันที
“เช่นนั้นส่งส่วยหลายรอบได้หรือไม่?”
จี้จือฮวนหลุบตาลง “ต้องดูสถานการณ์ก่อน”
เย่จิ่งฝูเดิมกำลังจะเอนตัวไปด้านหลัง แต่เมื่อเห็นลู่เอี้ยนเข้ามาก็แทบจะซุกหน้าเข้าไปในตู้ยา
นางบอกเอาไว้ว่าอย่างไร!
นางบอกเขาไปแล้วว่าผู้ชายไม่เหมาะสมกับผู้สูงส่งที่ละทางโลกอย่างนางอย่างไรเล่า!!!
เมื่อคืนนี้นางฝันว่าลู่เอี้ยนส่งพ่อไก่ตัวใหญ่ตัวหนึ่งมาแต่งงานกับนาง นางยังต้องปรนนิบัติพ่อไก่ตัวนั้นทั้งเรื่องกินเรื่องอึ ทุกวันเวลาออกไปข้างนอกยังต้องโปรยข้าวหนึ่งกำมือให้ไก่ตัวนั้นด้วย
เมื่อตื่นจากความฝัน นางก็ตกใจกลัวจนเหงื่อท่วมตัว
ตอนนี้เมื่อเห็นลู่เอี้ยน ในหัวของนางจึงเต็มไปด้วยภาพพ่อไก่ตัวใหญ่ที่มีหงอนสีแดงนั่น!
“ท่านหมอเย่ ท่านทำเรื่องน่าละอายใจกลางวันแสก ๆ อย่างนั้นหรือ ถึงต้องหลบหน้าข้าเช่นนี้?”
บรรดาศิษย์ของตระกูลหมอเทวดาต่างบีบมือกันแน่นด้วยความตื่นเต้น
“เข้าใกล้แล้ว ๆ พวกเขาจะพูดอะไรกันนะ? ใต้เท้าลู่คงไม่ได้จะสู่ขอศิษย์พี่ตรงนี้หรอกกระมัง? โอ๊ย ข้าไปซื้อสินเดิมตอนนี้ยังทันหรือไม่? เพราะตอนนี้ข้ามีแค่แป้งอบแผ่นเดียวเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”
“กะทันหันเช่นนี้คงไม่ใช่หรอก! แต่ข้ายังมีเผือกอีกหนึ่งหัว”
พวกเขากำลังกังวลเรื่องสินเดิมอยู่
ส่วนทางด้านนี้เย่จิ่งฝูกลับขนลุกไปทั้งตัว นางหันหน้าไปมองเขาอย่างแข็ง ๆ และเอ่ยทักทาย
“ไก่…ไก่ ๆ ตัวใหญ่…”
ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของลู่เอี้ยนถึงกับแข็งค้าง และถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไก่ตัวใหญ่อะไร?”
“อ่อ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้บอกว่าท่านใหญ่นะ อึก อึก!”
ลู่เอี้ยนแข็งเป็นหินไปทันที จากนั้นก็กระซิบเบา ๆ ขึ้นมา “หากใช้เรื่องนี้เป็นเหตุผลในการถอนหมั้นล่ะก็ ต้องขออภัยด้วยที่ผู้น้อยไม่สามารถยอมรับได้ เรื่องนี้เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
ท่านหมอเย่ช่วยหาเหตุผลที่เข้าท่ากว่านี้หน่อยจะได้หรือไม่ ผู้น้อยคงไม่ได้ไปทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองหรอกกระมัง?”
เย่จิ่งฝูร้อนรนขึ้นมา “ข้าไม่ได้บอกว่าท่านใหญ่ อึก อึก! และไม่ได้บอกว่าท่าน อึก อึก ไม่ใหญ่ อ่อ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้บอกว่าเล็ก ถุย ข้าหมายความว่าข้าจำคนผิด”
คิดว่าเจ้าเป็นไก่ตัวผู้ในความฝันไปเสียแล้ว
ลู่เอี้ยนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ยกมือเป็นสัญญาณว่ารอเดี๋ยวให้กับเผยยวน จากนั้นก็ลากเย่จิ่งฝูออกจากร้านขายยาไป
“นี่ ๆ ๆ จะทำอะไรของท่านกัน! ข้ายังต้องบดยาอีกนะ”
ลู่เอี้ยนดึงนางมาอยู่ข้างกาย ทว่าออกแรงเยอะไปจึงเกือบทำให้เย่จิ่งฝูล้มลง โชคดีที่เขาดึงนางขึ้นมาได้เสียก่อน
“ยานั่นของท่าน หากท่านขืนบดต่ออีกล่ะก็ คงได้กลายเป็นน้ำหมดแน่ ยังจะบดอะไรอีก จะเอาไว้ชงดื่มหรืออย่างไร?”
เมื่อเห็นเย่จิ่งฝูถูกเขาทั้งจูงทั้งลากเข้าไปในตรอกแล้ว บรรดาศิษย์ของตระกูลหมอเทวดาก็รีบล้วงลูกเต๋าออกมาจากในกระเป๋า
“วางเดิมพันเสร็จแล้วก็เอามือออกได้เลย มาเดิมพันกันว่าคืนนี้ศิษย์พี่จะตัดสินใจแต่งงานกับเขาหรือไม่!”
“คงไม่เร็วปานนั้นหรอกกระมัง ข้าเดิมพันว่าไม่สำเร็จ คงลากไปอีกไม่ต่ำกว่าครึ่งเดือนแน่”
“เช่นนั้นข้าขอเดิมพันว่าสำเร็จ!”
ทุกคนต่างนำทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยออกมา
แต่จู่ ๆ ก็มีมือจ้ำม่ำเล็ก ๆ ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะโยนหนอนผีเสื้อสีเขียวสองตัวและงูแรกเกิดหนึ่งตัวเข้าไปในวง
“ข้าก็ขอเดิมพันด้วย!” อาชิงเอ่ยจบก็ถูกไป๋จิ่นหิ้วตัวไปทันที
“ข้าแทงสูงนะ!”
“ได้เลย ข้าจะจดเอาไว้ให้!”
…
เย่จิ่งฝูถูกดันเข้าไปติดกำแพง ลู่เอี้ยนวางมือทั้งสองข้างลงไปกักขังนางเอาไว้ระหว่างกำแพงกับหน้าอกของเขา
“ท่านหมอเย่ ท่านไปเห็นของใครมา ถึงคิดว่าของผู้น้อยเล็กกัน?”
เย่จิ่งฝูตอนนี้ต่อให้มีเหตุผลก็คงใช้ไม่ได้แล้ว
“ข้าไม่ได้รังเกียจว่าเล็ก อีกอย่างข้าก็ไม่เคยเห็นของท่านเสียหน่อย”
เมื่อเห็นลู่เอี้ยนทำหน้าตึง นางก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกเขาสองคนต้องมาพูดเรื่องนี้กันที่นี่ด้วย
“ก็แค่เมื่อคืนนี้ข้าฝัน ฝันว่าท่านกลายเป็นไก่ตัวผู้ตัวใหญ่ ข้าเลยเผลอเรียกท่านว่าพ่อไก่ตัวใหญ่ แต่เป็นท่านที่คิดมากไปเอง”
ลู่เอี้ยนนึกขัน “ดังนั้นก็เลยโทษข้าอย่างนั้นน่ะหรือ?”
“นั่น…นั่นก็ไม่สามารถโทษข้าได้เหมือนกัน เป็นท่านเองที่กลายเป็นไก่มารบกวนข้าในความฝัน ข้าเอารำมาให้ท่านกิน แต่ท่านก็ยังจะเลือกนั่นเลือกนี่อีก”
เยี่ยม นางยังจะบ่นเขาอีก
ลู่เอี้ยนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกทั้งโมโหทั้งขบขันในเวลาเดียวกัน
.
.
.
………………………………………………..