บทที่ 470 เขามาแล้ว!
หัวใจของจี้จือฮวนชาวาบขึ้นมาทันที แต่ยังคงไม่หยุดการโจมตี
หมวกที่หวังป้าเทียนสวมถูกกระสุนนัดเมื่อครู่ของจี้จือฮวนยิงจนปลิวออกไป ซึ่งช่วยให้เขารอดชีวิตจากกระสุนนัดเมื่อครู่มาได้ แต่ตอนนี้ผมของเขากลับกระเซอะกระเซิงและอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเห็นว่ามีกำลังเสริมมาช่วย จึงได้หัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยขึ้นมา “ชายหนุ่มทั้งหลายเอ๋ย จงอดทนอีกหน่อย! กำลังเสริมมาแล้ว! ฆ่าพวกมัน สังหารคนจินโจวซะ!”
“เจ้าก็ต้องมีความสามารถเช่นนั้นด้วย!” จี้จือฮวนตะคอกออกมา แหวกฝูงชนที่ล้อมอยู่ แล้วแย่งดาบของทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งมา พร้อมกับแทงไปทางหวังป้าเทียน
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา หน้าอกก็ถูกดาบเล่มใหญ่แทงจนทะลุ!
“ท่านแม่ทัพ!”
“ท่านแม่ทัพ!” ทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่ข้างกายตะโกนขึ้นมา
จี้จือฮวนที่ยืนอยู่ด้านหลังหวังป้าเทียนเผยประกายสังหารออกมาทางดวงตา ก่อนจะชักดาบเล่มนั้นออกมาอย่างแรง และฟันลงไปสุดแรงอีกทีหนึ่ง หัวของหวังป้าเทียนก็พลันกระเด็นและกลิ้งไปบนพื้น ทว่าร่างยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“หวังป้าเทียนตายแล้ว ทหารทั้งหลาย ลูกหลานต้าจิ้นของเราไม่เคยยอมแพ้! สู้ตายกับพวกมัน!”
ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด แม่ทัพกลับถูกสตรีผู้หนึ่งสังหาร ขวัญกำลังใจของกองกำลังสือฟางจึงเตลิดเปิดเปิง! ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีสตรีในกองทัพทหารเกราะเหล็ก ทั้งยังฆ่าแม่ทัพของพวกเขาอีกด้วย
“ฆ่า! ฆ่าผู้หญิงคนนั้น!”
คนจำนวนมากต่างพุ่งเข้าหาจี้จือฮวน
กองทัพทหารเกราะเหล็กก็ไม่ใช่พวกที่จะรังแกได้เช่นกัน พวกเขาบุกทะลวงและปกป้องจี้จือฮวนไว้ในวงล้อมอย่างรวดเร็ว
และคนที่เป็นหัวหน้าของกำลังเสริมที่กำลังรีบมาก็คือพี่น้องร่วมสาบานของสือฟาง เหลียงจง หรือที่รู้จักกันในนาม ‘นกฮูก’! ทันทีที่เขาเห็นหวังป้าเทียนถูกฆ่าจากระยะไกล ดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกโพลงขึ้นมาทันที ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “น้องสาม!!”
“พี่น้องทั้งหลาย ทำลายเมืองจินโจวให้ราบคาบ ล้างแค้นให้น้องสาม!”
เหลียงจงฟาดม้าจนแส้แทบจะหัก
…
ปกติแล้วเยว่พั่วหลัวที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง ต้องสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทว่าเวลานี้พื้นดินกลับกำลังสั่นสะเทือน เยว่พั่วหลัวจึงเอ่ยถามขึ้นมา “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?!”
มีทหารชั้นผู้น้อยชี้ไปทางประตูเมืองด้านหลังแล้วเอ่ยขึ้น “เหมือน…เหมือนว่ากำลังเสริมจะมาถึงแล้วขอรับ”
เยว่พั่วหลัวจ้องเขม็ง แต่นางกลับมองเห็นไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงใช้วิชาตัวเบากระโดดไปข้างหน้าเพื่อไปอยู่บนคาน ทว่าเพิ่งจะกระโดดขึ้นไปได้ไม่ทันไร ก็เห็นทหารรักษาการณ์โบกธงของกองทัพทหารเกราะเหล็ก มีควันหนาทึบตลบอบอวลอยู่ด้านหน้า เสียงฝีเท้าม้าสั่นสะเทือนฟ้าดิน ประตูเมืองที่ปิดสนิทถูกเปิดออกจากทั้งสองด้านโดยทหารที่ดูแลเมือง และมีม้าตัวหนึ่งพุ่งออกมาก่อนพร้อมกับธงของกองทัพทหารเกราะเหล็ก ธงสีดำปลิวไสวไปตามสายลม เกราะเหล็กของเผยยวนส่องแสงสีเงินระยิบระยับภายใต้ดวงอาทิตย์
เยว่พั่วหลัวดีใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “กำลังเสริมมาถึงแล้ว! เปิดประตูเมือง!!!”
ลู่เอี้ยนที่อยู่บนกำแพงเมืองได้ยินดังนั้น ก็รีบสั่งการทันที “เปิดประตูเมือง!”
ทหารเกราะเหล็กที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน ตามเผยยวนเข้าประตูเมืองไปอย่างไม่ขาดสาย ทางที่ดาบยาวในมือของเผยยวนฟาดฟันออกไป กลายเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือด
คนของเหลียงจงเพิ่งจะมาถึง ประตูเมืองจินโจวก็เปิดออก กองทัพทหารเกราะเหล็กที่มีคนจำนวนมากก็กรูออกมา ราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกมาจากกรง ตามด้วยเสียงคำรามของเสือ
เสือขาวที่สะดุดตาตัวหนึ่งกระโจนเข้าไปในฝูงชนและฉีกร่างของศัตรูทันที มันก็คือเมี้ยวเมี้ยวที่ครั้งนี้ตามมาด้วย
เป้าหมายของเหลียงจงก็คือจี้จือฮวนที่เป็นคนสังหารหวังป้าเทียน แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเขาเข้าไปใกล้ จะมีกองทัพทหารเกราะเหล็กกลุ่มใหญ่กรูออกมาจากในเมืองจินโจว
อีกทั้งแต่ละคนยังมีขวัญกำลังใจเต็มเปี่ยม เหมือนถูกขังมานาน จึงเตรียมที่จะมาปลดปล่อยด้วยการสังหารศัตรูที่นี่
ในสนามรบการมีแม่ทัพที่ดีเป็นผู้นำก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่าก็คือขวัญกำลังใจ! หากไม่มีขวัญกำลังใจแล้วล่ะก็ วิธีการใดก็ไม่สามารถช่วยได้แล้ว!
เมื่อเห็นสตรีชุดแดงถูกทหารเกราะเหล็กกลุ่มหนึ่งปกป้องเข้าไปอยู่ในกองทัพทหารเกราะเหล็กแล้ว เหลียงจงก็ทำได้เพียงแก้ไขวิกฤตตรงหน้าก่อน เพราะจะหนีก็ไม่ทันกาลแล้ว อีกทั้งยังจะเป็นการเผยที่ตั้งของค่ายอีกด้วย ไม่สู้อยู่ฆ่าพวกมันที่นี่ดีกว่า!
จี้จือฮวนกับจ้านอิ่งวิ่งมาที่ด้านข้างของเผยยวน ทันใดนั้นแขนที่แข็งแรงก็ยกนางขึ้นไปบนหลังม้าของตัวเองทันที เผยยวนเกี่ยวเอวของนางเอาไว้ “กลับไปรอข้าในเมือง”
จี้จือฮวนเห็นเขาสลับม้ากับนางแล้ว ภายใต้แสงแดดที่แผดเผา ใบหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาของชายหนุ่ม เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว
“ระวังตัวด้วย!”
“อืม!”
ท่ามกลางการสู้รบอันดุเดือด เหลียงจงมองแวบเดียวก็เห็นชายหนุ่มรูปงามที่นั่งอยู่บนหลังม้า มาพร้อมกับธงของแม่ทัพใหญ่ โจมตีอย่างรวดเร็วและรุนแรงราวกับพายุหมุน กองกำลังสือฟางล้วนถูกสังหารภายใต้กีบม้าเหล็กของเขา
ระหว่างที่ควบม้าไปก็รู้สึกราวกับอยู่ในสนามของเขาก็มิปาน ท่าทางนั้นดูแคลนอย่างมาก ดาบยาวที่อยู่ในมือไร้เทียมทาน ทุกการเคลื่อนไหวไม่มีอะไรที่มากเกินไปหรือดูขัดใจเลย
“ข้าคือเหลียงจงแห่งกองกำลังสือฟาง ไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้ใด!”
นัยน์ตาหงส์ของเผยยวนกวาดมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็พุ่งเข้าหาเหลียงจงทันที ด้านหลังของเขาคือเหล่าทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็กที่อดกลั้นมานานแล้ว สิงโตที่ออกจากกรงแล้วจะหยุดเพียงเท่านี้ที่ใดกัน!
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พุ่งถึงขีดสุด
อาวุธที่เหลียงจงใช้สามารถใช้ได้สองวิธี เพราะด้านบนของหอกยังมีตะขอยาวที่สามารถเหวี่ยงออกไปได้ราวกับโซ่เหล็กก็มิปานอยู่ด้วย ดังนั้นมันจึงง่ายมากที่จะอาศัยตอนที่ดึงกลับฆ่าคนเพิ่มอีกสองสามคน
เมื่อเห็นเผยยวนพุ่งเข้ามา เหลียงจงก็เหวี่ยงอาวุธออกไปหมายจะโจมตีใบหน้าของเขา เผยยวนเอียงคอเล็กน้อยก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่เมื่อจ้านอิ่งเห็นเจ้านายของมันถูกโจมตี ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาทันที พร้อมกับยกขาหน้าขึ้น และเตะไปที่ม้าของเหลียงจงอย่างแรง
บัดซบ กล้าลอบกัดเจ้านายข้าหรือ!!
เหลียงจงที่นั่งไม่มั่นคง จึงต้องการจะกระชับบังเหียน ทว่าเผยยวนก็โจมตีก่อนแล้ว ดาบสังหารฟันลงไปที่หัวของเขา คมดาบนั่นฟันเข้าไปที่ไหปลาร้าของเหลียงจง เมื่อเผยยวนพลิกฝ่ามือเหลียงจงก็เอนตัวไปด้านหลัง จึงสามารถหลบคมดาบพ้น
หลังจากปะทะกันก็ตระหนักได้ว่า อีกฝ่ายนั้นมีฝีมือไม่ธรรมดา
เหลียงจงเวลานี้จึงได้สติขึ้นมา “หย่งกวานโหวเผยยวน!?”
เผยยวนไม่ได้สนใจเขา และเปิดการโจมตีครั้งที่สองทันที เขากับจ้านอิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้ม้าของเหลียงจงต้องถอยร่นครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จ้านอิ่งจะกระแทกม้าของเหลียงจงอย่างแรงอีกครั้ง
เหลียงจงเมื่อเห็นว่าตัวเองสู้เผยยวนไม่ได้ จึงคิดจะใช้วิธีสกปรก แต่ก็ถูกเผยยวนใช้ดาบสังหารรับเอาไว้ได้
เหลียงจงจึงตะคอกออกมา “ยอดฝีมืออยู่ที่ใด!”
ที่แท้แนวหลังของกองกำลังสือฟางยังมียอดฝีมือจากยุทธภพอีกหลายคนที่พวกเขาจ่ายเงินซื้อตัวมาด้วย ล้วนเป็นพวกชั่วช้าสามานย์ที่สุดในยุทธภพ ทันทีที่เข้าสู่สนามรบก็นำของเล่นที่โหดเหี้ยมต่าง ๆ ออกมา
จี้จือฮวนหันไปมองเล็กน้อยก็พบว่าเวลานี้เอี๋ยนเฟินฟาง เมิ่งชื่อฮว่า และคนอื่น ๆ หาตำแหน่งที่ดีบนเนินเขาได้แล้ว
เมื่อจี้จือฮวนส่งสัญญาณ คนของกองปืนไฟทั้งหมดก็เตรียมพร้อมแล้ว การจะยิงให้โดนศัตรูขณะที่กำลังต่อสู้กันอย่างอุตลุดนั้น สำหรับพวกเขาแล้วถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ กองทัพทหารเกราะเหล็ก! ให้ข้าเสี่ยวชิง-”
‘ปัง!’
‘ปัง ๆ ๆ !’
พวกที่ถูกเรียกว่ายอดฝีมือของยุทธภพที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อสือฟางเหล่านั้น ต่างถูกสังหารลงตรงนั้นทันที
เหลียงจงได้แต่ตกตะลึง! นี่มันวรยุทธ์อะไรกัน อาวุธอะไรกัน?
เอี๋ยนเฟินฟางต้องการยิงรองแม่ทัพของกองกำลังสือฟางอีกสองสามคน จึงจะขยับเพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ทว่ากลับพบชาวยุทธ์คนหนึ่งเข้า และเห็นว่าในมือของชายผู้นั้นถือหุ่นเชิดอยู่ ทั้งยังสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ด้วย ทว่าไม่รอให้อีกฝ่ายออกกระบวนท่า มู่เหยากวงก็ยิงเขาตายภายในนัดเดียวจากด้านข้าง “เรื่องไร้สาระเยอะจริง ๆ จะสู้กันยังจะลีลาอีก!”
ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับที่คีบและมีดเล่มเล็ก ที่จี้จือฮวนเตรียมไว้ให้พวกเขาสำหรับผ่าเอากระสุนออก
เอี๋ยนเฟินฟางลูบหน้าอกตัวเอง จากนั้นก็เดินเข้าไปในพงหญ้าพร้อมกับมู่เหยากวงสองคน พวกเขามีลางสังหรณ์ว่า อีกไม่นานพวกเขาจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วใต้หล้าเป็นแน่!
ต้องให้ทุกคนได้รู้ถึงความร้ายกาจของกองปืนไฟ! ดูสิว่าใครจะกล้ามาโจมตีต้าจิ้นของเราอีก
.
.
.