บทที่ 458 ปราบปรามสือฟาง
“ฝ่าบาท ฝ่าบาท” มีคนด้านนอกกำลังร้องเรียก
เซี่ยเซวียนจึงเปิดม่านหน้าต่างออก สองวันนี้เขาดื่มด่ำกับสุรานารี หากไม่นอนถึงยามเที่ยง ไม่มีทางตื่นอย่างแน่นอน
แต่จู่ ๆ ก็มีคนมาขัดจังหวะการนอน สีหน้าย่อมดูไม่ดีเท่าใดนัก ที่เรียกว่าพระราชวังนอกเมืองหลวงนี้ ก็แค่บ้านของตระกูลร่ำรวยตระกูลหนึ่งที่สือฟางปล้นมาก็เท่านั้น เขาเพิ่งจะแต่งงานได้ไม่ถึงสองวันก็แต่งตั้งตำแหน่งในวังหลังแล้ว แม้แต่ลูกสาวของหลาย ๆ คนที่ไม่ใช่สายตรงของขุนศึกหลักทั้งสี่ต่างก็ได้เข้าวังด้วย รวมถึงลูกสาวคนเล็กของเจ้าของบ้านเดิมหลังนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยหน้าตาที่นับว่างดงามไม่น้อย เซี่ยเซวียนจึงรับนางเอาไว้
แต่น่าเสียดายที่คนรับใช้เหล่านี้ ยังรอบคอบสู้คนในจวนอ๋องก่อนหน้านี้ไม่ได้
“มีอะไร?”
“อัครมหาเสนาบดีหานมาขอเข้าเฝ้าและรออยู่ด้านนอกพ่ะย่ะค่ะ บอกว่าทางเมืองหลวงมีความเคลื่อนไหว และเกิดปัญหาขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยเซวียนหัวเราะเสียงเย็น “จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้”
สาวงามที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มกอดก่ายเขา เซี่ยเซวียนจึงหันไปกอดและจูบอีกหนึ่งที นางจึงได้ออกไปโดยที่สวมเสื้อผ้ายังไม่เรียบร้อยด้วยซ้ำ
หานเหล่ยรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของเขายังมีรอยจูบประทับอยู่ ก็พูดขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่ว่าเกาะโจรสลัดเกิดเรื่องแล้ว?”
เซี่ยเซวียนชะงักไป “เกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร? ไหนท่านบอกว่าเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ!”
ไหนบอกว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม เหตุใดจู่ ๆ ถึงเกิดเรื่องขึ้นได้!?
“ฟุมิโอะ มัตสึโมโตะพ่ายศึก แม้แต่หมู่เกาะก็โดนกองทัพเรือยึดครอง ตอนนี้เจียงหนานแข็งแกร่งอย่างมาก ยากที่จะโจมตีได้อีก กลุ่มกองเรือก็กลายเป็นคนของเผยยวนแล้ว!”
หานเหล่ยเอ่ยถึงตรงนี้ ในที่สุดก็ระเบิดความโมโหออกมา โดยเฉพาะเมื่อเห็นเซี่ยเซวียนยังมัวมั่วสตรีทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตอนนั้นหากเซี่ยหยางไม่เกิดเรื่องขึ้นก็คงจะดี
เขาต่างหากคือคนที่หานเหล่ยถูกใจให้มารับช่วงต่อ
น่าเสียดายที่ตระกูลเซี่ยไม่มีคนที่ได้เรื่องได้ราวแม้แต่คนเดียว คนเดียวที่ดูมีอนาคตก็ถูกเผยยวนเก็บไปเสียได้
เซี่ยเซวียนตื่นตระหนกจนลนลาน “เช่นนั้นพวกเรายังจะตีเมืองหลวงอีกหรือไม่?”
“เหตุใดถึงจะไม่ตีเล่าพ่ะย่ะค่ะ? มาถึงขั้นนี้แล้ว พระองค์คิดว่าพวกเรายังมีทางให้ถอยอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? ไท่ซ่างหวงมีราชโองการทำสงคราม เกรงว่าตอนนี้เผยยวนคงรวบรวมกองทัพใหญ่มุ่งหน้ามาหาพวกเราแล้ว”
เซี่ยเซวียนยกถ้วยชาขึ้น แต่กลับพบว่ามือของตัวเองสั่นเทาเพียงใด “พวกเรายังมีสือฟางอยู่ไม่ใช่หรือ?”
“พระองค์ยังกล้าเอ่ยถึงเขาอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ? ฮองเฮาแต่งกับพระองค์ คืนวันอภิเษกพระองค์ก็ปล่อยให้นางเฝ้าห้องหอเพียงลำพัง! สองวันนี้กระหม่อมไปขอพบสือฟาง เขาไม่ยอมแม้แต่จะให้พบหน้าด้วยซ้ำ พระองค์เคยคิดบ้างหรือไม่ หากเขาไม่อยากทำอีก และเป็นหัวหน้ากบฏชาวบ้านเช่นนี้ต่อไป แล้วจับตัวท่านมัดส่งให้เผยยวน เขาก็ไม่มีอะไรเสียหายนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เซี่ยเซวียนใจไม่ดีขึ้นมา เสียงของหานเหล่ยยังคงก้องอยู่ข้างหู “พระองค์อย่าลืมว่าสือฟางไม่ใช่คนที่มีคุณธรรมอะไร เดิมเขาก็เริ่มจากการซ่องสุมคนบนภูเขาเพื่อต่อต้านราชสำนัก และปล้นสะดมผู้ที่ผ่านทางอยู่แล้ว!”
เซี่ยเซวียนรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วจริง ๆ “ท่านอัครมหาเสนาบดีหาน เช่นนั้นตอนนี้ข้าควรทำเช่นไรดี?”
หากเผยยวนรวบรวมกองทัพทหารเกราะเหล็กมาโจมตี เขาคงไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย
“ปรับแผนตามสถานการณ์ตรงหน้า ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ เมืองที่อยู่ใกล้ ๆ นี้ตีได้หนึ่งเมืองก็นับว่าเป็นหนึ่งเมือง! กว่าเผยยวนจะมา คนมากมายเพียงนั้นก็ไม่ใช่วันสองวันแล้วจะมาถึง”
หานเหล่ยเอ่ยถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมา “รูปร่างหน้าตาของฮองเฮาแค่พอไปวัดไปวาได้ก็จริง แต่เพื่อสถานการณ์โดยรวม ควบคุมฮองเฮาให้ได้ก่อนจึงจะสามารถควบคุมสือฟางได้! กับผู้หญิงที่รู้จักแค่แต่งหน้าแต่งตัวในวังหลังเหล่านั้น แต่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ พระองค์ต้องเลือกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แน่นอนว่าเซี่ยเซวียนรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ดี เขาจึงลุกขึ้นเพื่อจะไปง้อฮองเฮาทันที แต่กลับถูกหานเหล่ยเรียกเอาไว้
“พระองค์คิดจะไปสภาพนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เซี่ยเซวียนร้อนใจจนหน้ามืด จึงเดินวนอยู่ที่เดิมสองรอบ ก่อนจะบ่นออกมา “ฟุมิโอะ มัตสึโมโตะนั่น เหตุใดถึงได้ไร้ประโยชน์เพียงนี้ เกาะโจรสลัดนั่นเหตุใดจึงได้อ่อนแอนัก”
ไหนบอกว่าหลายปีมานี้กองทัพเรือก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้อย่างไรเล่า!
หานเหล่ยจึงเอ่ยขึ้น “ตามที่สายลับเจียงหนานบอกมา กลุ่มกองเรือมีคนกลุ่มหนึ่งใช้ของสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าปืนไฟ สามารถสังหารคนได้แม้อยู่ไกลนับพันลี้ เกาะโจรสลัดจึงได้ตกอยู่ในมือของศัตรูเพราะเหตุนี้”
“ปืนไฟ? มันคืออะไรกัน!”
“นั่นคงเป็นสิ่งที่กลุ่มกองเรือใช้จัดการโจรสลัด ไม่มีค่าอะไรให้ต้องกังวล แต่ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือเผยยวน ฝ่าบาททรงรีบจัดการตัวเองแล้วไปง้อฮองเฮาเถอะพ่ะย่ะค่ะ ทางด้านสือฟาง กระหม่อมจะไปโน้มน้าวเขาเอง อย่างไรเสียหากเผยยวนบุกมาจริง ๆ สือฟางจะหลบไปอยู่ที่ใดได้?”
เพราะเขาคอยสนับสนุนเซี่ยเซวียนอยู่ คนอย่างเผยยวนจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร?
เซี่ยเซวียนพยักหน้ารับ และรีบไปทันที
ส่วนเรื่องปืนไฟ หานเหล่ยยังคงจับตาดูอยู่ เขาให้คนไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อดูว่าใช่ฝีมือของเผยยวนหรือไม่
เขารู้สึกว่ากลุ่มกองเรือไม่น่าจะสามารถสร้างของเช่นนี้ขึ้นมาได้
เพียงแต่เจ้าโง่เซี่ยเซวียนหากบอกเขาหมด ไม่แน่ปากที่ราวกับกรวยนั่นอาจจะเอาไปบอกกับผู้หญิงที่นอนข้าง ๆ คนใดคนหนึ่งก็เป็นได้
…
หลังจากผ่านวันที่สิบไป กองทัพทหารเกราะเหล็กก็มารวมตัวกันครบ และออกเดินทางไปกวาดล้างคนเลว ปราบปรามสือฟาง
บนกำแพงเมืองมีธงปักอยู่อย่างเป็นระเบียบ บรรดาชาวบ้านต่างก็รู้ข่าวนี้ ผู้คนมากมายจึงเบียดเสียดกันชนิดที่ไหล่ชนไหล่ และมารออยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อดูเผยยวนและกองทัพทหารเกราะเหล็กของเขาออกเดินทางด้วยตาตัวเอง
เพียงแค่เห็นเผยยวนเดินไปตรงหน้าไท่ซ่างหวงที่อีกฟากหนึ่งของแท่นสูง ทุกคนก็ตั้งตารอคอยแล้ว
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของฝูงชน เผยยวนสวมชุดเกราะเหล็กคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อรับตราพยัคฆ์ที่ไท่ซ่างหวงประทานให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผยยวนสัญญาว่าจะยึดดินแดนที่เสียไปกลับคืนมา เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจที่ดังกึกก้องก็ปะทุขึ้นมาทันที
ภาพเช่นนี้กองทัพทหารเกราะเหล็กเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยหนักแน่นและน่าตื่นเต้นเท่าเวลานี้มาก่อน
พวกเขาหลายคนต่างไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาถึงวันนี้ได้!
จะได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ไม่ใช่เพื่อปกป้องชายแดน แต่เพื่อกอบกู้ดินแดนที่ต้าจิ้นสูญเสียไปกลับคืนมา!
“กองทัพทหารเกราะเหล็ก! กองทัพทหารเกราะเหล็ก! กองทัพทหารเกราะเหล็ก!”
เผยยวนสวมชุดเกราะที่งดงาม ถือดาบและก้าวขึ้นหลังม้าท่ามกลางฝูงชน “งานใหญ่ยังไม่สำเร็จ เผยยวนไม่กล้ารับเกียรติและความรักนี้ ทว่ารอวันที่กองทัพของข้ากลับราชสำนักอีกครั้ง นั่นจะเป็นวันที่ต้าจิ้นสามารถยึดดินแดนกลับคืนมา เป็นวันที่พี่น้องร่วมแผ่นดินกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง!”
มีบรรดาชาวบ้านยืนส่งกองทัพทหารเกราะเหล็กออกจากเมืองไปตลอดทาง เมื่อไปถึงประตูเมือง รถม้าของพวกจี้จือฮวนจึงได้ตามหลังไปด้วย
ออกศึกครั้งนี้ คนในหมู่บ้านตระกูลเฉินและคนในวังหลวงต่างเตรียมของมากมายให้พวกเขานำมาด้วย จี้จือฮวนปฏิเสธไปไม่น้อย ก่อนจะฝืนรับเอาไว้บางส่วน แต่คาดว่าสัมภาระในการเดินทางที่ท่านป้าให้คนเอามาส่งหลังจากที่พวกเขาออกมาได้ไม่นานเหล่านั้น ต้องมีเครื่องเคียงของหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วยอย่างแน่นอน
บรรดาครอบครัวทหารตอนนี้อยู่ที่นี่ปลอดภัยดี จึงไม่ต้องติดตามกองทัพไปด้วย เหล่าทหารก็สามารถวางใจได้
เผยยวนมองอู๋ซิ่วที่เดินตามมาส่งเล็กน้อย ก่อนจะกำชับ “ปกป้องประตูเมืองให้ดี”
อู๋ซิ่วจึงตบหน้าอกตัวเอง “ท่านอ๋องโปรดวางใจ รอท่านกลับมารับรองว่าข้าจะคืนเมืองหลวงให้ท่านในสภาพเดิมแน่นอนขอรับ”
เผยยวนยกยิ้มขึ้นมา ภายใต้แสงตะวัน ชุดเกราะที่สวมอยู่ก็สะท้อนแสงจนเป็นประกาย
“ได้”
“หลีกทางหน่อย หลีกทางหน่อย!” มีคนเบียดฝ่าฝูงชนและวิ่งเข้าไปหากองทัพทหารเกราะเหล็ก
“ข้าต้องการพบพระชายา ข้าต้องการพบพระชายา!”
จี้จือฮวนจึงเปิดม่านรถม้าออก ก่อนจะเห็นเย่จิ่งฝูหิ้วกล่องยาเล็กมาด้วย พลางโบกมือให้นางอย่างร้อนรน
จี้จือฮวนจึงยกมือขึ้น “ให้นางเข้ามา”
เย่จิ่งฝูรีบวิ่งมาตรงหน้านาง “เจ้าพาข้าไปด้วยเถอะ ข้ากลับไปสำนักครั้งนี้ได้ไปแจ้งอาจารย์ให้ทราบแล้ว เมื่อเขาได้ยินว่าพวกเจ้าจะไปยึดหลงซีกลับคืนมา ก็รีบให้เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของข้าตามมาด้วยทันที ยังดีที่ข้าเร่งเดินทางจึงมาทันเวลา พวกเจ้าออกศึกย่อมต้องการหมออยู่แล้วใช่หรือไม่?!”
จี้จือฮวนมองหน้านางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ในสนามรบอันตรายมาก”
“ข้าไม่กลัว ตระกูลหมอเทวดาหากกลัวตาย ก็คงไม่มีพวกเราอยู่แล้ว”
จี้จือฮวนมองหมอเทวดาน้อยที่เจ้าอารมณ์ผู้นี้ แล้วจึงพยักหน้าให้ “ได้ ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าตามไปแทนท่านอ๋องแล้ว”
.