บทที่ 441 ถูกเลือก
“คนเล่า? เหตุใดถึงไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว” โจรสลัดกลุ่มหนึ่งขึ้นมาบนเกาะผีเพื่อรับตัวคน แต่กลับไม่เห็นใครลาดตระเวนอยู่ที่ท่าเรือ หลังจากสังเกตอยู่นานก็ไม่พบกองกำลังศัตรู เมื่อคืนนี้ก็ไม่มีทางมีคนจะเล็ดลอดสายตาของพวกเขาเข้ามาจนถึงหมู่เกาะได้
หรือว่าจะแอบขี้เกียจอยู่ที่ใด?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลูกสมุนกลุ่มนี้ก็ออกตามหาคนบนเกาะ พลางพึมพำด่าไปด้วย
ตอนที่ยายเฒ่ามังกรปรากฏตัว พวกเขาจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา “เหตุใดถึงไม่มีคนอยู่ที่ท่าเรือข้ามฟากเลยเล่า?”
ยายเฒ่ามังกรลืมตาขึ้นเล็กน้อย พลางกลอกตาไปมา แต่ยามปกตินางก็มีหน้าตาที่น่ากลัวอยู่แล้ว จึงไม่มีใครสนใจท่าทางแปลก ๆ ของนาง
“เมื่อคืนปล้นปลาตัวใหญ่ได้ คาดว่าคงจะดื่มไปเยอะกระมัง”
“พวกเจ้าไปดูทีสิ” ลูกสมุนพวกนี้ขี้ระแวงเป็นอย่างมาก จึงให้คนไปตรวจสอบดูอีกทีว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่ จากนั้นจึงได้เอ่ยกับยายเฒ่ามังกร “หัวหน้าใหญ่ให้มาถามเจ้า ช่วงนี้ยามากุจิเอาตัวเชลยหญิงไปกี่คนแล้ว?”
ยายเฒ่ามังกรหัวเราะออกมาอย่างแปลกประหลาด “ตัวประกันที่จับมา ข้าเลือกแต่ของดีเอาไว้ให้หัวหน้าใหญ่ ที่ยามากุจิเอาไปล้วนเป็นของมีตำหนิ บอกหัวหน้าใหญ่ให้วางใจได้ ปลาตัวใหญ่ที่จับมาได้ครั้งนี้ ข้ายังไม่ได้ส่งไปให้ยามากุจิแต่อย่างใด”
ลูกสมุนพยักหน้ารับรู้ “หัวหน้าใหญ่ได้บอกแล้วว่า ครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นของอะไร ต้องส่งไปให้ที่เกาะก่อน”
ดวงตาที่เลื่อนลอยของยายเฒ่ามังกรเริ่มกลอกไปมา ราวกับจู่ ๆ ก็ได้สติขึ้นมา “หืม วันนี้หัวหน้าใหญ่อยู่ที่เกาะใดอย่างนั้นหรือ?”
ทว่าลูกสมุนกลับไม่พอใจ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะถามได้ รีบไปเตรียมคนให้พร้อมแล้วพาตัวออกมา จะได้พาไปพร้อมกันเลย”
ยายเฒ่ามังกรหลุบตาลง พลางเดินหลังงุ้มเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง
“บ้าจริง ใบหน้าของยายแก่นั่น ข้าเห็นแล้วอยากจะอาเจียนจริง ๆ”
ลูกสมุนเอ่ยจบ ก็รู้ว่ายายเฒ่ามังกรจะพาผู้หญิงเหล่านั้นออกมาต้องใช้เวลาและแรงไม่น้อย จึงได้สั่งให้ลูกน้องสองสามคนเข้าไปช่วย ส่วนตัวเองก็เข้าไปในป่าเพียงลำพัง เพื่อดูว่าคนอื่น ๆ กำลังทำอะไรกันอยู่
บนเกาะโจรสลัด ต่อให้จะเป็นแค่ลูกสมุนก็ยังถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ
อย่างเขาที่สามารถไปยังเกาะต่าง ๆ เพื่อส่งข่าวตามที่มัตสึโมโตะสั่งได้ กับพวกลูกสมุนที่คอยเฝ้าตัวประกันตามเกาะที่อยู่รอบนอกเหล่านี้ เพียงเท่านี้ก็แตกต่างกันแล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฝีเท้าของเขาก็ก้าวเร็วขึ้น แต่กลับพบว่าลูกน้องที่ตัวเองพามานั้นกำลังพิงตัวกับต้นไม้และอาเจียนอยู่ เมื่อเห็นว่าเขามาก็ชี้ไปที่กระท่อมไม้ด้านหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ทุกคนอยู่ในนั้นขอรับ”
ท่าทางนั่นราวกับว่าข้างในนั้นมีอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอยู่อย่างไรอย่างนั้น ชายผู้นั้นถีบประตูเข้าไป ก็พบว่ามีคนหลายคนกระจัดกระจายอยู่ในห้อง ทั้งยังคงกอดรัดพลางถูไถกันไปมา สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปในทันที และถอยกลับออกมาด้วยความรังเกียจ
ประสาท ผู้หญิงมีมากมายเพียงนั้น แต่กลับดื่มจนเมามายแล้วมามั่วกามกันอยู่ที่นี่ มิน่าเล่าถึงไม่มีใครเฝ้ายามเลย
“ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเราเอาคนกลับไปก่อน”
ภายในถ้ำ
เยว่พั่วหลัวยืนอยู่ตรงมุมกับผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง มองดูยายเฒ่ามังกรเลือกชุดที่งดงามมากมาย แล้วลากผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ในกรงออกมา ให้พวกนางเปลี่ยนชุด
แม้จะกลายเป็นมนุษย์กู่แล้ว แต่การเคลื่อนไหวตามจิตใต้สำนึกของร่างกายก็ยังคงอยู่ เยว่พั่วหลัวสังเกตนางอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงไปหยิบเสื้อผ้าที่งดงามชุดหนึ่งมาเปลี่ยน
การกระทำของนางกระตุ้นความไม่พอใจของผู้หญิงคนอื่น ๆ ทันที
เยว่พั่วหลัวรู้ว่าพวกนางกำลังคิดอะไรอยู่ คงคิดว่านางเต็มใจที่จะเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ และจะไปเอาอกเอาใจผู้ชายกระมัง
แต่นางไม่ถือสาผู้หญิงเหล่านี้ เพราะวีรสตรีมักจะต้องแบกรับความเจ็บปวดที่ไม่มีใครเข้าใจอยู่แล้ว~
เยว่พั่วหลัวหันหลังไปสูดจมูกสองที ไม่รู้ว่าที่มัตสึโมโตะอยู่มีของอร่อยกินหรือไม่ เพราะตอนนี้ท้องของนางแทบจะส่งเสียงร้องออกมาอยู่แล้ว
ยายเฒ่ามังกรจัดระเบียบผู้หญิงเหล่านั้นเสร็จแล้ว จึงเดินนำทางอยู่ด้านหน้า
เยว่พั่วหลัวอยู่ในถ้ำสักพัก เมื่อออกมาก็ถูกสายตาของลูกสมุนกลุ่มนั้นโลมเลีย ทว่านางกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด
ส่วนคนอื่น ๆ กลับมีสีหน้าราวกับคนหมดอาลัยตายอยาก พวกนางรู้ว่าสิ่งที่กำลังรออยู่ อย่างไรเสียก็ไม่มีวันหนีพ้น
นางเห็นชายกลุ่มหนึ่งกำลังพิจารณาพวกนางอยู่ เยว่พั่วหลัวจึงก้มหัวลง ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้หญิง
“ผู้หญิงพวกนี้ล้วนมอบให้หัวหน้าใหญ่อย่างนั้นหรือ?” ลูกสมุนเอ่ยถาม
“ใช่” ยายเฒ่ามังกรพยักหน้ารับช้า ๆ
“คลุมหัวพวกนางเอาไว้ แยกกันลงเรือ”
เยว่พั่วหลัวแอบด่าคนเหล่านี้ว่าฉลาดไม่เบา แต่นางก็คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว!
บนตัวของหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อมีกู่สะกดรอยที่นางแขวนเอาไว้ ขอเพียงนางเข้าไปอยู่ข้างกายของฟุมิโอะ มัตสึโมโตะได้สำเร็จ ต่อให้เขาจะซ่อนตัวจนสุดหล้าฟ้าเขียว หนอนกู่ก็จะสามารถพาหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อไปตามหานางจนเจอได้อย่างแน่นอน!
ถึงเวลา ขอเพียงจี้จือฮวนและคนอื่น ๆ ตามหมูเหยี่ยวล่าเหยื่อไป ทลายรังของศัตรูบนทะเล ยังจะต้องกลัวว่าเจ้าสารเลวนี่จะไปซ่อนตัวที่อื่นอีกอย่างนั้นหรือ?
แมลงพิษเหล่านั้นของไป๋จิ่นก็เก่งแค่ตอนอยู่บนพื้นดินเท่านั้น หากอยู่บนฟ้า ก็ต้องยกให้สำนักกู่ของนาง
เรือโคลงเคลงไปมา พวกลูกสมุนก็ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไรกันอยู่ เยว่พั่วหลัวอดไม่ได้ที่จะหาวออกมา พวกผู้หญิงที่อยู่รอบกายก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
มีเสียงผู้ชายสบถดังขึ้น และมีคนเอาแส้มาฟาด ก่อนที่เสียงนั้นจะเบาลง
เยว่พั่วหลัวรออย่างเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดเรือก็ได้เทียบท่า คนบนเรือสื่อสารกันข้ามฝั่งไปมา ผ้าสีดำที่คลุมหัวของเยว่พั่วหลัวถูกดึงออก นางหรี่ตาลงเพื่อสำรวจรอบ ๆ เกาะแห่งนี้ มองแวบแรกไม่ได้มีอะไรพิเศษ อีกทั้งยังดูรกร้างกว่าเกาะเมื่อครู่นี้อีกด้วย แต่กลับมีคนอยู่จำนวนมาก แค่คนที่รับผิดชอบเฝ้าระวังและลาดตระเวนเพียงอย่างเดียว ก็มีมากกว่าเกาะผีถึงสิบเท่า
“ลุกขึ้นมา!”
เยว่พั่วหลัวถูกดึงให้ลุกขึ้น นางเดินเซไปทางหัวเรือจนกระทั่งขึ้นไปบนฝั่ง ก่อนจะเห็นไป๋จิ่นถูกคุมตัวพาขึ้นฝั่งมาเช่นกัน
หลังจากทั้งสองคนมองหน้ากัน เยว่พั่วหลัวก็ขยับไปหาไป๋จิ่นสองก้าว ก่อนจะถูกใครบางคนกระชากกลับมาอย่างแรงจนเกือบจะล้มลงไปกับพื้น ฉากการกลับมาพบกันของสามีภรรยาหลังจากห่างหายไปนาน แสดงให้พวกมันดูเพียงเล็กน้อยก็คงพอแล้วกระมัง
เมื่อเยว่พั่วหลัวถูกลากตัวกลับไปรวมกับกลุ่มผู้หญิงเหล่านั้น ผู้หญิงเหล่านั้นก็พลันเบิกตากว้างขึ้นทันที “เจ้ามีสามีแล้วอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเหตุใดถึงได้ยอมเจ้าปีศาจเหล่านั้นเล่า?”
เยว่พั่วหลัวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “เพื่อมีชีวิตรอด”
ผู้หญิงเหล่านั้นต่างก็เงียบลง “เจ้ายังนับว่าโชคดี เพราะบางครั้งต่อให้เรายอมสละร่างกาย ก็ใช่ว่าจะมีชีวิตรอดไปได้”
“รอดสิ พวกเจ้าจะต้องปลอดภัย” จู่ ๆ เยว่พั่วหลัวก็เอ่ยขึ้นมา
แต่หลังจากที่นางพูดจบ ก็หมุนตัวเดินตามคนที่อยู่ด้านหน้าไปทันที
หลังจากเข้าไปในป่าทึบริมชายฝั่ง เยว่พั่วหลัวจึงพบว่าที่นี่มีถ้ำซ่อนอยู่ ด้านในยังมีบ้านหินขนาดใหญ่ด้วย คาดว่าคงจะกลัวไฟป่า แต่ละห้องจึงค่อนข้างเตี้ย และซ่อนอยู่ในป่าลึก นอกจากจะมีคนสามารถมองลงมาจากที่สูงได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางหาเจออย่างแน่นอน
ทว่าลานบ้านกลับกว้างขวางมาก มีคนเดินลาดตระเวนไปมาจำนวนมาก ภูมิทัศน์ก็สวยงาม ท่อไม้ไผ่กระแทกเข้ากับอ่างหินตามการไหลของน้ำ ทำให้เกิดเสียงที่ดังขึ้นมา มีก้อนกรวดสีขาวปูอยู่บนพื้น ไกลออกไปยังมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งตั้งเอาไว้อีกด้วย
เยว่พั่วหลัวเห็นดังนั้นก็แทบจะกลอกตามองบน ทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมมากมายเพียงนั้น แต่กลับเสแสร้งอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอะไรกัน
น่าสะอิดสะเอียนจริง ๆ
เยว่พั่วหลัวยืนอยู่ตรงลานบ้าน ใช้เวลาว่างพิจารณารอบ ๆ เมื่อเสียงกระดิ่งลมดังขึ้น จึงเห็นชายกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากบ้านหินนั่น พวกเขาสวมรองเท้าแตะไม้ คนที่เป็นผู้นำมีดาบซามูไรห้อยอยู่ที่เอว ดวงตาคมกล้า แต่สิ่งที่ดึงดูดเยว่พั่วหลัวกลับเป็นสตรีที่สวมชุดกิโมโนสีแดงสดข้างหลังเขา สตรีผู้นั้นมัดผมหางม้า ตั้งแต่คอไล่ลงมาถึงกระดูกไหปลาร้ามีรอยสักขนาดใหญ่
มีเสน่ห์ทว่ากลับดูดุร้ายในเวลาเดียวกัน ในมือยังถือกล้องยาสูบอันหนึ่งเอาไว้ด้วย สายตาจ้องมองร่างของชายเหล่านั้นอย่างไม่ปิดบังเลย
นางพิงตัวกับเสาด้วยท่าทางเกียจคร้าน พลางชี้ไปที่กลุ่มผู้ชายสองสามคน จากนั้นก็มีพวกลิ่วล้อเดินเข้ามา พาตัวไป๋จิ่นและหนุ่มรูปงามอีกสองสามคนออกมา ในหมู่พวกเขาไป๋จิ่นค่อนข้างสะดุดตามากทีเดียว ไม่ใช่เพราะเขามีใบหน้าที่หล่อเหลาจนเอาชนะผู้ชายเหล่านั้น แต่เป็นเพราะท่าทางของเขาที่ไม่ได้ดูขี้ขลาด และไม่มีท่าทางประจบประแจงอย่างคนไร้ศักดิ์ศรี เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ดูหวาดกลัวเหล่านั้น ไป๋จิ่นดูเป็นที่ถูกอกถูกใจปีศาจสาวนั่นอย่างเห็นได้ชัด
.