บทที่ 436 พิษเหนือ กู่ใต้
ท่าเทียบเรือในตอนเช้า เสียงผู้คนโหวกเหวก พ่อค้าปลาเดินขวักไขว่ บรรดาเรือประมงจอดเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ พวกผู้ชายที่ทำงานแบกหามก็กินอะไรง่าย ๆ ก่อนจะเช็ดเหงื่อและเริ่มทำงานต่อ
จนกระทั่งเรือขนาดใหญ่เจ็ดแปดลำแล่นเข้าสู่ท่าเรือ จึงดึงดูดความสนใจของทุกคนเป็นอย่างมาก
ท่าเทียบเรือของเจียงหนานมีขนาดใหญ่ ไม่เหมือนกับทะเลสาบปิด ปากน้ำแคบ และท่าเรือของที่นี่ก็หันหน้าออกไปทางทะเล แต่คนงานที่ทำงานบนท่าเรือมานานก็มีน้อยมากที่จะได้เห็นเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เช่นนี้
และหากเป็นเรือรบก็คงไม่มีทางแล่นเข้าท่าเรือของเรือบรรทุกสินค้า อีกทั้งเรือลำนี้ก็งดงามเป็นอย่างมาก แม้แต่ภาพวาดบนเรือก็งดงามมากเช่นกัน ยิ่งเมื่อกระทบกับแสงสีทองที่ส่องสว่างก็ราวกับจะเปล่งแสงออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น
ขณะที่ทุกคนกำลังถูกเรือลำนี้ดึงดูดอยู่นั้น ก็มีคนจากฉวนปั๋วซือมาที่นี่ จัดการหาที่ว่างให้เรือเหล่านั้นได้จอดเทียบท่า
“เมื่อวานข้าก็ได้ยินคนพูดกันว่า จะมีพ่อค้าที่มั่งคั่งจากเมืองหลวงมาที่นี่ คงไม่ใช่เรือเหล่านี้หรอกกระมัง”
“ไอ้หยา เช่นนั้นต้องมีเงินมากเพียงใดกัน? ก่อนหน้านี้ตอนคนตระกูลเซียวของอู่อันโหวมาซื้อร้านค้า ก็ไม่ได้มีขบวนที่ใหญ่เพียงนี้ แต่ตระกูลของอู่อันโหวก็ร่ำรวยมากแล้วนะ”
มีคนมามุงดูมากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างก็อยากรู้ว่าเป็นคนรวยที่มาจากที่ใดกันแน่
ก่อนจะเห็นว่าภายใต้แสงแดด มีสามีภรรยาคู่หนึ่งค่อย ๆ เดินออกมาจากวงล้อมของคนรับใช้มากมาย ผู้ชายหล่อเหลา ผู้หญิงงดงาม ช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก
โดยเฉพาะฮูหยินท่านนั้น ตอนที่ลงมาจากเรือ แม้แต่ไข่มุกที่ประดับเอาไว้ที่หัวรองเท้าก็ยังมีขนาดที่ใหญ่มาก
“โอ๊ย ท่านพี่เจ้าคะ~ แดดแรงยิ่งนัก จะแผดเผาผิวบอบบางของข้าเอานะเจ้าคะ~” เยว่พั่วหลัวกะพริบตาเล็กน้อย พร้อมกับเผยข้อมือออกมาให้เห็น ข้อมือนั้นมีกำไลสวมอยู่อย่างน้อยแปดวง ทับทิมฝังบนทองคำ บนนิ้วทั้งสิบยังสวมแหวนทองคำวงใหญ่ เปล่งประกายเจิดจ้าจนเกือบทำให้คนตาบอด
ไป๋จิ่นเชยคางของนางขึ้น “ใช้ได้ที่ใดกัน ไม่สู้เอาเช่นนี้ ข้าจะให้คนซื้อบ้านพักบนภูเขา สองวันนี้เจ้าจะได้พักผ่อนก่อน”
“อ้า~ ท่านพี่ ท่านช่างดีกับข้ายิ่งนัก” เยว่พั่วหลัวอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขา มุมปากประดับไว้ด้วยรอยยิ้มหวานที่มีความสุข แต่ในมุมที่คนอื่นมองไม่เห็นนางกลับกัดฟันแล้วเอ่ยออกมา “เจ้าแสดงได้ห่วยแตกยิ่งนัก ข้าฟังแล้วแทบอยากจะอาเจียนออกมา ยังมีผมหยิกหย็อยของเจ้าอีก มันอะไรกัน ไม่เท่ากันเลยสักเส้น”
ไป๋จิ่นพอใจกับการแต่งตัวของตัวเองมาก และไม่ได้สนใจคำแนะนำเกี่ยวกับทักษะการแสดงของเยว่พั่วหลัวเลยสักนิด “การแต่งกายของเจ้าต่างหากที่ดูอลังการเกินไปมาก อย่างข้าเรียกว่าเป็นคนถ่อมตนและไม่โอ้อวด แต่ของเจ้ามันอะไรกัน คนบ้านนอกที่รวยชั่วข้ามคืนอย่างนั้นหรือ?”
เยว่พั่วหลัวหยิกที่แขนของเขาอย่างแรงไปหนึ่งที “ท่านพี่ ข้าจะซื้อบ้านพักบนภูเขาหลังที่ใหญ่ที่สุดนะเจ้าคะ~!”
ไป๋จิ่นยิ้มเจิดจ้ายิ่งขึ้น พลางกระชับเอวของเยว่พั่วหลัวเอาไว้แน่น ต้องการทำให้นางหายใจไม่ออก “เจ้าฝันไปเถอะ!”
ทั้งสองคนด้านหนึ่งก็หยิกกันไปมา ส่วนอีกด้านก็แสดงละครตบตาไปด้วย ทันทีที่ลงจากเรือก็พาเหล่าผู้ติดตามของกองทัพทหารเกราะเหล็ก ไล่ซื้อของตั้งแต่ทิศตะวันออกของถนนไปจนถึงทิศตะวันตก ชอบอะไรก็ซื้ออันนั้น ไม่ว่าจะราคาเท่าใดก็ไม่เกี่ยง
บรรดาเจ้าของร้านได้ยินดังนั้นก็รีบเอาสินค้าของตัวเองออกมา
ในมือของไป๋จิ่นมีตั๋วเงินอยู่หนึ่งปึก จึงเอ่ยออกมาอย่างสบาย ๆ “นำของที่แพงที่สุดในร้านออกมา ของไม่มีราคาเช่นนี้กำลังดูถูกข้าอยู่หรืออย่างไร?”
“เร็วเข้า ๆ ๆ ที่ท่าเรือมีเศรษฐีโง่คนหนึ่งมา แม้แต่ของไร้ค่าก็ซื้อในราคาที่สูงถึงสองเท่า ขอเพียงขึ้นราคาให้สูงเข้าไว้ก็สามารถขายได้แล้ว ส่วนของที่ต่ำกว่าร้อยตำลึงไม่ต้องเอามา”
“รีบเอาของดีมา”
ไป๋จิ๋นสวมสร้อยคอให้กับเยว่พั่วหลัวอีกเส้น เมื่อเห็นว่าเยว่พั่วหลัวใกล้จะหายใจไม่ออกเต็มที ไป๋จิ่นจึงได้หยุดลง “หิวแล้ว กินข้าวกันเถอะ หาภัตตาคารที่แพงที่สุด”
ด้วยการกว้านซื้อของตั้งแต่เช้าจรดเย็นเช่นนี้ จึงทำให้พ่อค้าที่อยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือทุกคนรู้ว่ามีพ่อค้าผู้มั่งคั่งมาเยือน
“ได้ยินว่าที่บ้านมีเงินเยอะมากจนใช้ไม่หมด”
“มีคนรับใช้มากมาย บนเรือนั่นก็เต็มไปด้วยของดี ๆ หากสามารถทำการค้ากับเขาได้ มิเท่ากับรวยตายเลยอย่างนั้นหรือ?”
“เจ้าว่าเขาจะสามารถออกไปได้หรือไม่ มิใช่ว่าพรุ่งนี้ก็ถูกพวกโจรสลัดปล้นแล้ว”
“เฮ้ย เถ้าแก่ไป๋บอกว่าเขาจ้างยอดฝีมือในยุทธภพมาด้วยหลายคน โจรสลัดย่อมไม่อยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว ก็แค่พวกที่ภายนอกเหมือนจะแข็งแกร่งแต่ที่จริงแล้วอ่อนแอก็เท่านั้น หากเขาจับได้คงจะถูกถลกหนังทั้งเป็นกระมัง ก่อนจะโยนลงทะเลเพื่อเป็นอาหารปลา”
“พวกเจ้ายังจะมัวคุยกันอยู่ที่นี่อีก เถ้าแก่ไป๋ผู้นั้นได้ซื้อโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว! โรงเตี๊ยมตงไห่ที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองที่ใกล้กับท่าเรือ”
…
โรงเตี๊ยมตงไห่
เยว่พั่วหลัวกับไป๋จิ่นเพิ่งจะสู้กันจบไปหนึ่งยก เวลานี้ทั้งสองคนจึงหยุดสู้กันชั่วคราว แล้วเปลี่ยนไปใส่ชุดนอน รออยู่ที่นี่อย่างเงียบ ๆ เพื่อรอให้โจรสลัดมาจับตัวไป
“แค่วันเดียว พวกมันจะมาหรือ?”
ไป๋จิ่นกลับไม่แยแส “วันเดียวไม่สำเร็จก็สองวัน พรุ่งนี้ตอนปล่อยข่าวก็ด่าพวกมันไปด้วย ว่าเป็นพวกสารเลวลูกโสเภณี ข้าจะดูสิว่าพวกมันจะมาหรือไม่”
เยว่พั่วหลัวนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง “วันนี้ข้าได้ยินเสี่ยวเอ้อนั่นเตือนพวกเราว่ามีเงินไม่ควรป่าวประกาศ บอกว่าก่อนหน้านี้ก็เคยมีพ่อค้าที่มั่งคั่งมาที่นี่ แล้วก็ถูกฆ่าตาย และถูกปล้นของไปจนหมดอีกด้วย”
ไป๋จิ่นวางจอกชาลง “เป็นเช่นนั้นจริง ๆ โจรสลัดกลุ่มนี้ชอบแสดงอำนาจ ชอบบุกเข้าเมืองมาปล้น ต้องให้เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว เพื่อสร้างความอับอายให้กับกองทัพเรือ”
ภายในห้องดับเทียนลงแล้ว หากไม่คุยกันก็จะได้ยินเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งเท่านั้น
และเสียงนี้ก็ช่วยกลบการเคลื่อนไหวที่แผ่วเบาได้เป็นอย่างดี
ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวนอนอยู่บนเตียงหลังหนึ่ง ทั้งสองคนต่างไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่าย แต่กลับเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่บริเวณโดยรอบแทน
ทั้งโรงเตี๊ยมนี้พวกเขาได้เหมาเอาไว้หมดแล้ว
หากเป็นเมื่อก่อนไป๋จิ่นคงจะเทยาพิษไว้ตามที่ต่าง ๆ ตั้งนานแล้ว ส่วนเยว่พั่วหลัวก็เคยชินกับการฝังพิษกู่ชนิดต่าง ๆ ลงไปในที่ที่ตนเองพักผ่อนและนอนหลับ เมื่อมีผู้บุกรุกแน่นอนว่าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
แต่คืนนี้พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น หลังจากกินจนอิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุข
และเฝ้ารอให้คนเหล่านั้นมาหาถึงที่อีกด้วย พวกเขาพนันกันว่ากลุ่มโจรสลัดจะออกอาละวาด และบริเวณใกล้ ๆ นี้น่าจะมีสายของพวกมันคอยจับตามองอยู่ พนันว่าพวกมันคงแทบจะรอไม่ไหวแม้แต่อึดใจเดียว ที่จะเข้ามาฆ่าแกะอ้วนตัวใหญ่อย่างพวกเขา
เยว่พั่วหลัวนับเวลาดู ทันใดนั้นก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ ดังมาจากทางบันได นางจึงหันไปทางด้านหลัง กอดไป๋จิ่นเอาไว้ ส่งสัญญาณให้เขารู้ว่ามีคนมาแล้ว
ไป๋จิ่นจึงกอดเอวของนางเอาไว้ทันที ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย เพียงพริบตาก็กอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น เหมือนสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังนอนหลับสนิทอย่างไรอย่างนั้น
มีควันจากยาสลบถูกเป่าเข้ามาตามรอยแยกของประตูและหน้าต่าง ทั้งสองคนหลับตาแน่น ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ผ่านไปสักพักประตูก็ถูกผลักเข้ามา ฝีเท้าเบายิ่งนัก ไม่มีแม้แต่บทสนทนา จากนั้นก็เอากระสอบคลุมพวกเขาทันที แยกไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวออกจากกัน ขนรางวัลแห่งชัยชนะออกจากโรงเตี๊ยมด้วยความรวดเร็ว
เยว่พั่วหลัวรู้สึกว่าตัวเองถูกพาไปบนเรือเล็กลำหนึ่ง เรือโคลงเคลงไปมาท่ามกลางคลื่นลม หลายครั้งที่คลื่นซัดเข้ามาใส่ร่างของนาง จนกระสอบเปียกปอนไปหมด ทำให้นางพลอยลำบากไปด้วย
เยว่พั่วหลัวคิดในใจ เพื่อขอเพิ่มเนื้ออีกสักชิ้นในข้าว นางทุ่มสุดตัวแล้วจริง ๆ ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรจี้จือฮวนก็ต้องทำข้าวกล่องที่ประณีตและงดงามให้นาง!
โชคดีที่นางมีร่างกายที่แข็งแรง ฤดูหนาวเช่นนี้จึงไม่ถึงขั้นทำให้นางแข็งตาย เพียงแต่เรือของพวกโจรลำนี้แล่นช้ายิ่งนัก สิ่งที่พวกโจรสลัดพูดกันนางก็ฟังไม่เข้าใจ
แต่ไม่เป็นไร นางคิดออกแล้วว่าจะทรมานเจ้าสารเลวพวกนี้เช่นไรดี!
เพียงแต่นางรู้สึกสงสารโจรสลัดกลุ่มนี้ที่ยังคิดว่าตัวเองตกได้ปลาตัวใหญ่ ไหนเลยจะรู้ว่าได้จับตัวพิษเหนือและกู่ใต้ไป