บทที่ 424 ไล่ออกจากค่ายทหาร
อาวุธที่ร้ายกาจเช่นนี้ กลับประกอบขึ้นมาจากของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่วางอยู่บนโต๊ะเมื่อครู่เหล่านั้นจริง ๆ หรือ?
สิ่งนี้ทำให้พวกผู้ชายที่เคยสู้ตายในสนามรบมาก่อน ต่างก็ไม่สามารถยอมรับได้
นี่มันคืออะไรกันแน่ มิเท่ากับว่ายอดฝีมือของยุทธภพเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน ก็กลายเป็นเพียงคนไร้ค่าหรอกหรือ!
สามารถยิงทะลุหม้อเหล็กได้ ไม่เพียงแต่มีอานุภาพรุนแรงกว่าธนูร้อยเท่า แต่หากระยะการยิงแม่นยำ ไม่ต้องเข้าใกล้ก็สามารถเอาชีวิตคนได้แล้ว! สามารถยิงทะลุหม้อเหล็กได้ เช่นนั้นหากทำเป็นปืนใหญ่ มิเท่ากับสามารถระเบิดเมืองทั้งเมืองได้หรอกหรือ?
ฉู่จิ้นสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอด จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าตาเขม็ง จนถึงตอนนี้ก็ยากจะเชื่อว่าจี้จือฮวนใช้ของเล็ก ๆ นั่น ยิงทะลุหม้อเหล็กได้
“เอามาดูสิ” รองแม่ทัพผู้หนึ่งเอ่ยปาก
บรรดาทหารชั้นผู้น้อยจึงรีบไปแกะหม้อออกมา หม้อเหล็กใบใหญ่นั่นเป็นหม้อที่ในกองทัพใช้ทำอาหาร จึงหนาและใหญ่กว่าหม้อของคนทั่วไป หิ้วคนเดียวค่อนข้างลำบาก สองคนร่วมแรงนำหม้อเหล็กมาวางบนพื้นทราย
คนที่ตาไม่บอดมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าตรงกลางหม้อเหล็กถูกยิงทะลุจนเป็นรูหนึ่งรูจริง ๆ
ภายใต้ความตกใจครั้งใหญ่นี้ ก็ทำให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมา
มีอาวุธที่ร้ายแรงเช่นนี้ ต้าจิ้นยังจะต้องกังวลว่าไม่สามารถครองใต้หล้าได้อีกทำไมกัน?
โจรผู้ร้ายในแปดเมืองของหลงซีเหล่านั้นมีอะไรน่ากลัวกัน?
กองปืนไฟนี่เป็นเช่นไรกันแน่?
เมื่อเห็นท่าทางของทุกคนเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มถามจากตรงไหนดี
จี้จือฮวนจึงชิงเอ่ยออกมาก่อน “ใครยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปืนไฟให้ถามมาได้เลย”
“ฮูหยิน ปืนไฟนี่สามารถมาแทนที่ธนูได้หรือไม่ขอรับ ต้นทุนของมันสูงหรือไม่ สามารถทำให้ร้ายกาจกว่านี้ได้อีกหรือไม่ขอรับ?”
“ตอนนี้ยังไม่สามารถมาแทนที่ธนูได้ นักธนูยังคงเป็นกำลังหลัก กองปืนไฟไม่ได้มีไว้สำหรับการโจมตีกลุ่มใหญ่ แต่เอาไว้ล้อมสังหารและมีขนาดกลุ่มที่เล็กกว่ามาก อีกทั้งต้นทุนการผลิตก็นับว่าสูง แต่ประสิทธิภาพการสังหารนั้นรุนแรงมาก อยากฝึกมือปืนดี ๆ สักคนจึงไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน”
จี้จือฮวนเอ่ยต่ออีกว่า “และปืนไฟกระบอกนี้เป็นเพียงตัวเริ่มต้นเท่านั้น มันยังต้องปรับปรุงอีก ที่เจ้าถามว่าสามารถทำให้ร้ายกาจกว่านี้ได้หรือไม่นั้น สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่อาวุธเช่นนี้หากนำออกมาใช้ ก็หมายความว่าเมื่อปืนไฟของเราถูกศัตรูเก็บไปหรือชิงไปได้ พวกเขาก็จะสามารถแยกชิ้นส่วนเพื่อสร้างปืนแบบเดียวกันกับเราขึ้นมา และกลับมาสังหารพวกเราได้เช่นกัน ในสนามรบอาวุธไร้ตา ต้าจิ้นของเราเท่ากับมีเจตนายั่วยุให้เกิดสงคราม เพราะจุดประสงค์ในการเลี้ยงดูและฝึกทหารมีไว้เพื่อต่อต้านการรุกรานของศัตรูจากภายนอก ไม่ใช่เป็นฝ่ายเริ่มการโจมตีก่อน ดังนั้นทหารทุกคนที่ได้รับเลือกให้เป็นกองปืนไฟจะต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด หากมีคนแอบใช้ปืนไฟเพื่อเรื่องส่วนตัว สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูและขายปืนให้ จะต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร”
นางเริ่มจากการพูดเรื่องที่ฟังไม่เข้าหูก่อน จึงทำให้ไฟที่เพิ่งจะลุกโชนขึ้นมาในใจของนักรบที่ดีจำนวนหนึ่งพลันมอดดับลง
“เครื่องยิงหินที่ตอนนี้ค่ายทหารของเราใช้เพื่อโจมตีเมืองสามารถเก็บเอาไว้ก่อนได้ และกรมโยธาก็กำลังพัฒนาปืนใหญ่แล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็สามารถนำออกมาให้ทุกคนได้เห็นกัน”
ประโยคนี้ของนาง ทำให้กลุ่มคนที่เพิ่งจะผิดหวังเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง “ปืนใหญ่หรือขอรับ ฮูหยิน ปืนใหญ่นั่นร้ายกาจเหมือนปืนไฟหรือไม่ขอรับ?”
“ปืนใหญ่สี่กระบอกสามารถทำลายเมืองหลวงได้ ที่เหลือต้องลองสัมผัสเอาเอง”
ทั้งสนามเงียบลงอีกครั้ง
ทุกคนอยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่กล้าเชื่อ
มันคืออะไรกัน ร้ายกาจเพียงนั้นเชียวหรือ ไม่ใช่ว่าฮูหยินกำลังคุยโวอยู่หรอกกระมัง?
แต่สีหน้าของนางดูมั่นใจเพียงนี้ ดูไม่เหมือนคนโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย
“ฮูหยิน สามารถเทียบความแตกต่างระหว่างธนูกับปืนไฟให้พวกเราดูได้หรือไม่ขอรับ?”
ในบรรดาทหารเหล่านี้ กองเดียวที่เกี่ยวข้องกับกองปืนไฟก็คือพลธนู พวกเขาบางส่วนเริ่มหวั่นไหวแล้ว แต่เมื่อครู่จี้จือฮวนลั่นไกเร็วเกินไป พวกเขายังมองไม่ชัดนางก็ยิงเสร็จแล้ว
“ได้แน่นอน”
จี้จือฮวนกระซิบเผยยวนสองประโยค เผยยวนจึงเรียกพลธนูมาสิบคน ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ของกองธนู ปกติการฝึกของพลธนูจะเน้นความว่องไว ขี่ม้าเพื่อยิงวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ โดยเน้นการยิงเข้าจุดสำคัญ และพวกเขาสามารถยิงได้โดยไม่พลาดแม้แต่ดอกเดียวอีกด้วย
ฟักเขียวลูกใหญ่หลายลูกถูกอุ้มออกมาจากครัว และแขวนไว้ที่ตำแหน่งยิง
ขณะที่เหล่าพลธนูหยิบลูกธนูและดึงคันศรเพื่อเล็งนั้น ‘ปัง ปัง ปัง!’ จี้จือฮวนก็ยิงฟักทั้งหมดครบแล้ว
ด้วยความเร็วที่เร็วปานสายฟ้าแลบ
เหล่าพลธนูไม่จำเป็นต้องยิงธนูอีก เพราะการเปรียบเทียบนั้นได้จบลงแล้ว
ความเร็วเช่นนี้ พลังสังหารเช่นนี้ แม้จะเคยเห็นเพียงครั้งเดียว อีกทั้งผลลัพธ์ของการประลองที่แท้จริงยังไม่ทันเริ่มก็จบลงเสียแล้ว ทำให้ในใจของทุกคนรู้สึกตื่นตกใจเป็นอย่างมาก
“ฮูหยิน ปืนไฟทรงพลังมาก ข้าอยากเข้าร่วมกองปืนไฟขอรับ!”
“ข้าก็อยากเข้าร่วมด้วยขอรับ! ฮูหยิน กองอื่นสามารถสมัครได้หรือไม่ขอรับ?”
“ฮูหยิน เงื่อนไขคืออะไรหรือขอรับ?”
“การคัดเลือกกองปืนไฟนั้นค่อนข้างเข้มงวดมากจริง ๆ เดี๋ยวข้าจะร่างเงื่อนไขขึ้นมา หลังจากได้รับการคัดเลือกเข้ากองปืนไฟแล้ว ผู้ที่รับผิดชอบเป็นผู้นำของพวกเจ้าจะมีเพียงข้าเท่านั้น เพราะทั้งใต้หล้านี้ไม่มีใครรู้จักปืนไฟดีกว่าข้าอีกแล้ว พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้าอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามกฎ หากมีผู้ละเมิดกฎจะถูกลงโทษอย่างไม่มีข้อยกเว้น”
ฉู่จิ้นยังคงยืนอยู่ตรงนั้น หากจะบอกว่าไม่หวั่นไหวก็คงเป็นไปไม่ได้
สหายที่อยู่ข้าง ๆ สะกิดเขาหนึ่งที “ข้าอยากเข้าร่วมกองปืนไฟ ฉู่จิ้น เจ้าจะไปด้วยหรือไม่?”
ขณะที่ฉู่จิ้นกำลังสับสนอยู่นั้น ก็ถูกสหายลากไปตรงหน้าจี้จือฮวนแล้ว “ฮูหยิน พวกเราก็อยากเข้าร่วมด้วยขอรับ”
จี้จือฮวนยังไม่ทันเอ่ยปาก เผยยวนกลับเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน “เจ้าเป็นทหารใหม่อย่างนั้นหรือ? เก็บสัมภาระของเจ้าแล้วออกไปซะ”
ฉู่จิ้นเงยหน้าขึ้นมาทันที พลางมองด้วยความโกรธแค้น “แม่ทัพเผย เป็นเพราะข้าประลองฝีมือกับลูกสาวของท่านอย่างนั้นหรือ ท่านถึงได้ไม่พอใจข้า”
เผยยวนไม่ได้มีท่าทางโมโหต่อคำกล่าวหาของเขาแต่อย่างใด แต่กลับสงบนิ่งอย่างมาก “กองทัพทหารเกราะเหล็กไม่ต้องการคนมุทะลุที่ไม่เชื่อฟัง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ไม่เห็นเพื่อนร่วมรบอยู่ในสายตา ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเป็นเพียงทหารใหม่ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามา ยังไม่ใช่ทหารอย่างเป็นทางการ ตอนที่เจ้าเข้ามาในค่ายทหาร ข้าก็ได้บอกพวกเจ้าอย่างชัดเจนแล้วว่า คนที่พูดจาหยาบคาย เหยียดหยาม ดูถูกสหายร่วมรบจะถูกไล่ออก”
“ข้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเผยถังอินลงมือทำร้ายข้าเล่า? นางเป็นคนบอกเองว่านางก็เป็นทหารเกราะเหล็กตัวจริง”
“ถูกต้อง ดังนั้นเผยถังอินต้องฝึกซ้อมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ลดเงินรายเดือนลงเป็นเวลาครึ่งปี ลงมือทำร้ายคน ลงโทษให้คัดกฎระเบียบทหารห้าสิบรอบ หากวันนี้นางก็เป็นฝ่ายพูดจาดูถูกเหยียดหยามคนอื่นก่อนล่ะก็ ข้าก็จะไล่นางออกจากค่ายทหารโดยไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน กฎเกณฑ์ข้างต้น กฎระเบียบทางทหารเขียนเอาไว้อย่างชัดเจน และพวกเจ้าก็รับรู้ตั้งแต่วันที่ทหารใหม่เข้ามาที่ค่ายทหารวันแรกแล้ว”
เดิมการที่ทหารใหม่และทหารเก่าของกองทัพทหารเกราะเหล็กจะประลองกันนั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีข้อห้ามที่เข้มงวดอยู่ว่า ไม่อนุญาตให้ตีกัน ต่อให้นางจะเป็นลูกสาวของเผยยวนก็ต้องถูกลงโทษ
ดังสุภาษิตที่ว่า หากใจอ่อนก็ไม่สามารถควบคุมอำนาจทหารได้ เผยยวนยอมร่วมเป็นร่วมตายกับเหล่าทหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้พวกเขาเมินเฉยต่อกฎระเบียบของทหารได้
ข้อนี้บรรดาทหารเก่าล้วนรู้ดี หากแตะต้องขีดจำกัดของเผยยวนเข้า ต่อให้จะสนิทเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
ฉู่จิ้นโมโหเป็นอย่างมาก “ไม่ยุติธรรม นี่มันไม่ยุติธรรม ข้าพูดประโยคไหนผิดกัน ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพทหารเกราะเหล็กมีทหารหญิงสักกี่คนกัน”
“ฉู่จิ้น พูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ” สหายของเขาดึงเขาอีกครั้ง
“เรื่องอะไรข้าต้องพูดให้น้อยลงด้วย ข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายทหารใหม่ แต่เพียงเพราะข้าต่อว่าผู้หญิง ดังนั้นเจ้าก็เลยไม่พอใจข้าอย่างนั้นหรือ?!”
“จาบจ้วงผู้บังคับบัญชา รู้ความผิดแต่ไม่แก้ไข ไว้หน้าแล้วแต่ก็ยังไม่สำนึก ลากตัวออกไป หากมีคนที่มีความคิดเหมือนกับเขาอีกก็ออกไปได้เลย กองทัพทหารเกราะเหล็กไม่เก็บคนเช่นนี้เอาไว้”
.
.
.