บทที่ 397 งานแต่ง (ตอนต้น)
เมืองหลวง
เผยยวนนำขบวนสู่ขอไปขอบพระทัยที่หน้าตำหนักไท่จี๋ จากนั้นก็ออกเดินทางไปรับภรรยาของเขา
ขบวนสู่ขอนั่นราวกับมังกรไฟสีแดงเพลิงตัวหนึ่ง เดินไปก็โปรยผลไม้แห้งและเงินมงคลจนเกลื่อนพื้น เจ้าบ่าวมีใบหน้าหล่อเหลา สวมชุดแต่งงานสีแดงสด กวานประดับผมสีทองอมม่วงลายเมฆา สวมที่รัดเอวหยก พร้อมสวมรองเท้าลายเมฆา มุมปากประดับด้วยรอยยิ้ม ดวงตาอ่อนโยน ทำให้บรรดาหญิงสาวริมถนนต่างอิจฉาความโชคดีของจี้จือฮวน
นอกจากกองทหารเกียรติยศของวังหลวงจะคอยเปิดทางให้แล้ว พี่น้องของกลุ่มกองเรือวันนี้ก็สวมชุดสีแดงเช่นกัน เพื่อเสริมหน้าตาให้สองสามีภรรยา ไป๋จิ่นกับเซียวเย่เจ๋อตามมาทางด้านหลัง พลางยิ้มจนตาหยี
บรรดาชาวบ้านต่างร่วมแสดงความยินดี
“ขอแสดงความยินดีกับแม่ทัพเผยที่ได้แต่งงานด้วย!”
“ขอให้ครองรักกับฮูหยินตลอดไป!”
“มีลูกเร็ว ๆ นะขอรับท่านแม่ทัพ!”
รอยยิ้มของเผยยวนไม่จางหายไปเลยแม้แต่น้อย และยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้แต่งงานกับฮวนฮวนแล้ว
นับจากนี้ไปเขาก็จะได้เป็นสามีที่ถูกต้องของนางแล้ว
เนื่องจากงานยิ่งใหญ่อลังการเป็นอย่างมาก ทั้งในและนอกวังต่างส่งคนมาคอยรักษาความสงบเรียบร้อย
เพื่อให้สามารถไปรับเจ้าสาวได้ทันตามฤกษ์ยาม คนทั้งหมดจึงได้ไปขึ้นเรือที่ท่า พอถึงตอนเที่ยงก็ได้ข้ามแม่น้ำไปจนถึงตำบลฉาซู่ ซึ่งเร็วกว่าทางบกมากทีเดียว โดยเฉพาะเรือลำใหญ่ของกลุ่มกองเรือทำให้ราบรื่นตลอดการเดินทาง
…
ผมของจี้จือฮวนถูกมัดเป็นมวยสูงและหวีอย่างเรียบร้อย ก่อนจะสวมมงกุฎหงส์ ปิ่นปักผมไข่มุก คิ้วถูกเขียนราวกับใบหลิวที่อ่อนโยน ลดความเย็นชาของนางลงไปได้หลายส่วน และช่วยเพิ่มความอ่อนหวานของสตรีให้นางไม่น้อย ในที่สุดก็สวยสมกับเป็นเจ้าสาวแล้ว
นางขยับหัวเล็กน้อย เมื่อรู้สึกเหมือนคอใกล้จะพับลงไป
แค่นั่งมองดูพวกเขาม้วนผมให้นางก็แทบจะหลับอยู่แล้ว ส่วนข้างนอกก็มีการกินดื่มกันอย่างคึกคัก
“นายอำเภอเจียงได้ขี่ลามาแล้ว อีกทั้งเหล่านักเรียนของสำนักศึกษาชิงอวิ๋นก็มากันแล้วด้วย”
จี้จือฮวนจึงเอ่ยกำชับ “ดูแลพวกเขาให้ดี อย่าปล่อยปละละเลยล่ะ”
“วางใจเถอะ!”
ตอนนี้มีการประกาศฐานะพระราชนัดดาของเผยจี้ฉือออกมาแล้ว ทำให้สหายที่เรียนชั้นเดียวกับเขาทุกวัน ราวกับฝันไปอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะหลินเซวียเหวิน เมื่อเห็นเผยจี้ฉือก็ไม่รอให้เขามาคารวะตัวเอง ก็รีบไปคารวะอย่างเป็นทางการให้เขาก่อนทันที “พระราชนัดดา!”
“ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าเป็นนักเรียนของท่าน อย่าได้คารวะเป็นทางการเช่นนี้เลยขอรับ”
ไท่ซ่างหวงพยักหน้าเห็นด้วย “คำพูดนี้ถูกต้องแล้ว มีผู้อาวุโสที่ใดคารวะให้นักเรียนของตัวเองกัน”
โหลวเฉิงเย่สวมชุดนักเรียนชุดใหม่ มองเผยจี้ฉือตาปริบ ๆ แทบอยากจะทำป้ายติดไว้ที่หน้าผากตัวเองว่า ‘ข้าเป็นสหายร่วมศึกษาของพระราชนัดดา!’
สหายในสหายร่วมศึกษาอีกที มิตรภาพที่คนสองคนสวมกางเกงตัวเดียวกันได้*!บราวนี่ออนไลน์
* สองคนสวมกางเกงตัวเดียวกัน (穿一条裤子) หมายถึง มิตรภาพที่ลึกซึ้ง
เผยจี้ฉือเห็นท่าทางของเขาก็หัวเราะออกมา “รีบมานั่งเถอะ”
“เจ้าเป็นพระราชนัดดาจริง ๆ หรือ?” โหลวเฉิงเย่รู้สึกว่าเส้นสายของตัวเองช่างยิ่งใหญ่จริง ๆ
“อืม แต่เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าพระราชนัดดาหรอก ข้าชอบให้พวกเจ้าเรียกชื่อเดิมของข้า”
ทุกคนยังคงอึดอัดเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็กลับมาเป็นปกติ ทุกคนต่างก็ภาคภูมิใจ
“อาฉือ เช่นนั้นต่อไปพวกเราจะพยายามสอบจอหงวนให้ได้ เพื่อที่พวกเราจะได้เจอกันในราชสำนักอีก”
พวกเขาไม่กล้าพูดว่าภายภาคหน้าเขาจะได้ครองบัลลังก์ จึงทำได้เพียงใช้วิธีพูดอ้อม ๆ เช่นนี้แทน
เผยจี้ฉือพยักหน้าให้พวกเขา “เช่นนั้นก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่อย่างนั้นหากต้องเข้าประตูหลังข้าไม่ช่วยหรอกนะ”
หนุ่มน้อยทั้งกลุ่มมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะเห็นว่าบนคันนาบรรดาเด็กน้อยของหมู่บ้านตระกูลเฉินสวมเสื้อกันหนาวสีแดงใหม่เอี่ยม ในมือถือโคมไฟเล็ก ๆ วิ่งไปมาขณะรอเจ้าบ่าวอย่างมีความสุข
ท่านป้าหยางมองจี้จือฮวน “ข้ามองแล้วหน้ายังขาวไม่พอ ปากก็ยังแดงไม่พอ เติมอีกหน่อยเถอะ”
จี้จือฮวนจึงยึดเครื่องประทินโฉมบนหน้าของตัวเองเอาไว้ทันที ขืนทาอีกก็คงน่าเกลียดแย่
องค์หญิงใหญ่จึงเอ่ยขึ้นมา “เท่านี้ก็พอแล้ว ถึงเวลาเข้าห้องหอก็ต้องล้างออกอยู่ดี”
ท่านป้าหยางพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมรอยยิ้ม “ก็จริง ๆ”
ฟางจวิ่นเหมยกลับพูดตรงกว่า “โอ๊ย นางไม่ได้เป็นเจ้าสาวครั้งแรกเสียหน่อย เพียงแต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งที่หวานกว่าเดิมก็เท่านั้น คืนนี้ต้องตั้งท้องเด็กน้อยตัวอวบ ๆ อ้วน ๆ ให้ได้ล่ะ”
จี้จือฮวนเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที นางอายเกินกว่าจะบอกว่าตัวเองกับเผยยวนเคยแนบชิดกันแค่สามครั้งเท่านั้น
พูดถึงเรื่องนี้องค์หญิงใหญ่ก็เอ่ยเสียงเบาออกมา “เจ้ากับเผยจื่อ…ต้องให้ข้าสอนเพิ่มหรือไม่?”
ปกติแล้วนี่เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสที่เป็นสตรีในครอบครัวเป็นผู้สอน แต่จี้จือฮวนไม่มีแม่ ดังนั้นองค์หญิงใหญ่ย่อมต้องรับผิดชอบหน้าที่นี้
นางคิดไปคิดมาแล้วก็ตบบ่าจี้จือฮวนเบา ๆ “ช่างเถอะ ถือซะว่าเป็นการเพิ่มอรรถรสให้คู่สามีภรรยา ก็ดีเหมือนกัน รูปแบบที่ถู่เจียของเราค่อนข้างดุดันเหมาะกับพวกเจ้าสองคนยิ่งนัก”
เวลานี้ความคิดของจี้จือฮวนยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
เวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละนิด ทว่าเมื่อถึงตอนเที่ยงในหมู่บ้านกลับเงียบสงบลง
จนกระทั่งเสียงประทัดดังขึ้น หัวใจของจี้จือฮวนพลันเต้นรัวขึ้นมา
มาแล้ว!
พริบตาต่อมาก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความดีใจของพวกเด็ก ๆ “เจ้าบ่าวมาแล้ว!”
“เจ้าบ่าวขี่ม้าตัวใหญ่ มาสู่ขอเจ้าสาว มีลูกน่ารัก!”
ในหมู่บ้านหากมีงานมงคลก็จะคึกคักเช่นนี้
เด็กน้อยทั้งสามก็สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ จ้องไปที่ทางเข้าหมู่บ้านตาปริบ ๆ ในที่สุดก็เห็นธงสีแดง พวกเขาอยากจะวิ่งโผเข้าไปด้วยความดีใจ
สุดท้ายกลับถูกพวกท่านอาทหารเกราะเหล็กยกตัวขึ้นเหนือหัว “อย่าวิ่งไปข้างหน้า รอมาถึงแล้วค่อยไปเอาลูกอมมากินกัน”
วันนี้ทหารเกราะเหล็กทั้งหมดก็ติดดอกไม้สีแดงบนหน้าอก ถึงเวลาพวกเขาต้องส่งฮูหยินออกเรือน
ทันทีที่เผยยวนที่สวมชุดสีแดงและกวานประดับผมสีทองอมม่วงปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน พวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ต่างก็ส่งเสียงทักทายกันไม่หยุดหย่อน เซียวเย่เจ๋อกับไป๋จิ่นก็เช่นกัน พวกเขาแกว่งแขนจนเกือบจะหลุดอยู่แล้ว
จ้านอิ่งเมื่อวานก็ถูกจับอาบน้ำเป็นกรณีพิเศษ ตอนนี้กำลังส่งเสียงฟืดฟาดออกมา พลางวิ่งไปหาพวกเขาอย่างสง่างาม หากคนไม่เยอะ มันก็ไม่อยากจะหยุด อยากวิ่งตรงกลับบ้านไปเลย
“เจ้าบ่าวมาแล้ว!” มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา
คนของกลุ่มกองเรือก็เข้ามาแจกอั่งเปา เพื่อขอร้องชาวบ้านทุกคนว่า ตอนรับเจ้าสาวอย่ากลั่นแกล้งพวกเขาให้มากนัก
ทุกคนล้วนเป็นคนกันเอง หักกระดูกยังเหลือเส้นเอ็น** เผยยวนในเมื่อเป็นเขยของหมู่บ้านตระกูลเฉิน ก็ถือเป็นลูกชายของหมู่บ้านตระกูลเฉินด้วย ทุกคนต้องตีฆ้องร้องป่าวเชิญเข้าไปอยู่แล้ว
** หักกระดูกยังเหลือเส้นเอ็น (打断了骨头还连着筋) หมายถึง ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น แม้มีเหตุขัดแย้งกันบ้าง แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ขาดสะบั้นลง
ความคิดทั้งหมดของเผยยวนล้วนจดจ่ออยู่ที่จี้จือฮวนที่อยู่ในห้องเล็ก ๆ แล้ว เขาจึงอาศัยตอนที่ทุกคนแย่งอั่งเปาและลูกอมกันอยู่ ส่งสัญญาณให้พวกเซียวเย่เจ๋อและพุ่งตัวไปด้านหน้าก่อนทันที
“อ๊ะ เจ้าบ่าวจะไปรับเจ้าสาวแล้ว พวกเราต้องกั้นประตูก่อน”
คนในหมู่บ้านใครจะขวางได้กัน ทุกคนต่างก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยเขาเข้าไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ของกรมพิธีการถูกเยว่พั่วหลัวทรมานจนเกือบตาย แต่ก็ยังไม่ลืมหน้าที่ของตัวเอง รีบยกชุดเครื่องแบบตามไป ในที่สุดก็มาถึงประตูเรือน และพบว่ามีเสือขาวที่มีท่าทางคล้ายสุนัขจ้องหน้าพวกเขาอยู่ พวกเขาจึงหายใจไม่ออกจนเกือบจะสะอึกขึ้นมา
เซียวเย่เจ๋อจึงรีบเอ่ยถาม “ขั้นตอนต่อไปคืออะไร?”
เจ้าหน้าที่ของกรมพิธีการมอบห่านป่าที่ตัวเองถือให้กับเผยยวน “ขอท่านโหวท่องกลอนเร่งเจ้าสาว เจ้าสาวจึงจะออกมาขอรับ”
พวกท่านป้าหยางที่อยู่ภายในห้องรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง “อะไรคือกลอนเร่งเจ้าสาว?”
คนบ้านนอกไม่รู้เรื่องพวกนี้
ฮวาเซียงเซียงกับเยว่พั่วหลัวที่มากับขบวนสู่ขอ เวลานี้ก็รีบวิ่งเข้ามาในเรือนหลังเล็กแล้ว ในฐานะเพื่อนเจ้าสาวฮวาเซียงเซียงมีสิทธิ์พูดมากที่สุด
“ก็คือการแต่งกลอน ทดสอบความรู้”
นอกเรือน เสียงที่ชัดเจนของเผยยวนดังขึ้นแล้ว
“ราตรีนี้สาวทอผ้ามายังโลก จดจ้องหน้ากระจกอย่างนิ่งงัน นางนั้นมีใบหน้าที่งามล้ำ ไม่จำเป็นต้องผัดแป้งให้ระคายใจทั้งสองรู้จักกันมาเนิ่นนาน เมื่อผ่านอุปสรรคก็เกรงว่าจะสายวิ่งหากระต่ายในจันทร์ที่เศร้าโศก เมื่อตกหลุมรักขอเจ้าจักไม่ขมวดคิ้ว”
.
.
.