บทที่ 384 เป็นขันที
เยว่พั่วหลัวได้ยินเซี่ยหยางเอ่ยเช่นนี้ ก็รู้ว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่เตรียมแผนสำรองเอาไว้
“ออกไปก่อนเถอะ” เซี่ยหยางเห็นสาวใช้เหล่านี้จ้องมองตัวเองเช่นนี้ ก็โมโหที่มือเท้าของตัวเองตอนนี้ยังต้องให้คนช่วยป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ ในน้ำเสียงจึงแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“เพคะ”
เยว่พั่วหลัวลอบถอนหายใจ น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นเขาถูกพิษกับตา ต้องอาศัยเจ้าแล้ว แมงมุมน้อย
ฝีเท้าของเยว่พั่วหลัวหมุนอย่างแผ่วเบา หมุนตัวตามเหล่าคนรับใช้ไปรออยู่ด้านนอก รวมพวกนางด้วยแล้ว ในสวนของเซี่ยหยางเวลานี้มียอดฝีมือกว่าสามสิบคน เจ้าเด็กนี่ทำเรื่องชั่วช้ามากเพียงใดกันแน่ถึงได้กลัวขนาดนี้?
ผ่านไปสักพักผู้ที่ทดสอบพิษพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงเข้าไปรายงาน เซี่ยหยางเพียงเอ่ยเสียงเรียบขึ้นมา “รู้แล้ว”
เขานอนลงและคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างจี้จือฮวน เผยยวน ยังมีไท่ซ่างหวงและองค์หญิงใหญ่ด้วย โดยพยายามหาจุดร่วมในการเป็นพันธมิตรของพวกเขา เพื่อที่จะทำลายความสัมพันธ์นี้ลงให้ได้
ความจริงแล้วสิ่งที่เซี่ยหยางคิดและอยากจะทำที่สุดก็คือ การทำให้ไท่ซ่างหวงสิ้นพระชนม์ ส่วนองค์หญิงใหญ่รอพวกถู่เจียจากไปแล้ว ยังมีวิธีการอีกมากมายที่จะจัดการกับหญิงชราคนหนึ่งอย่างนาง แต่เพราะตอนนี้มีฐานะของไท่ซ่างหวงคอยกดเอาไว้ ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างยากที่จะจัดการได้
เสด็จพ่อเองก็อาจเกลียดที่ไท่ซ่างหวงคอยขัดแข้งขัดขา แต่หากเขาสามารถหาวิธีกำจัดไท่ซ่างหวงได้ เผยยวนกับจี้จือฮวนก็คงทำได้แค่หนีออกจากเมืองหลวงไป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาเป็นใหญ่ได้
แต่หากยังมีไท่ซ่างหวงอยู่ พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรเผยยวนและภรรยาได้ นี่ช่างทำให้คนอึดอัดใจยิ่งนัก
ยังมีหานเหล่ยอีกคน เวลานี้จะออกจากเมืองหลวงไปแล้วหรือยัง?
“เด็ก ๆ”
“องค์ชาย”
“ไปจับตามองจวนอัครมหาเสนาบดีหานเอาไว้ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจำไว้ว่าให้กลับมารายงานข้าทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เสด็จพ่อต้องการหานเหล่ย ไม่แน่อาจจะให้คนปลอมเป็นหานเหล่ยและส่งออกจากเมืองหลวงไปแทน แล้วเก็บหานเหล่ยตัวจริงเอาไว้ข้างกาย เช่นนั้นก็คงจะให้คนมาส่งข่าวให้เขาในไม่ช้า เขาเพียงต้องรออยู่เงียบ ๆ ก็พอ
เพียงแต่เซี่ยหยางก็ยังเป็นกังวล หานกุ้ยเฟยโง่เง่านั่นตายไปแล้ว หานเหล่ยจะเปลี่ยนฝ่ายหรือไม่?
ตอนนี้ถูกคนขัดขวางทุกทาง ทำให้เขาสูญเสียโอกาสไป เซี่ยหยางต้องข่มความโมโหเอาไว้มากจริง ๆ
ขณะที่เขาจ้องมองไปยังที่หนึ่งด้วยความเหม่อลอยอยู่นั้น แมงมุมที่ห้อยอยู่บนผ้าม่านก็ไต่ลงไปบนผ้าห่ม และไต่เข้ามาในตัวเขาตามเนื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
หลังมือของเซี่ยหยางปัดไปโดยไม่รู้ตัว ขณะกำลังคิดว่าควรจะกำจัดไท่ซ่างหวงโดยไม่ให้ใครรู้ได้อย่างไรนั้น ก็รู้สึกว่าส่วนสำคัญของร่างกายเจ็บปวดขึ้นมา
ทันใดนั้นเซี่ยหยางก็ขมวดคิ้วขึ้น พลางคิดว่าตัวเองคิดมากไป แต่จุดใต้สะดือลงไปสามนิ้วกลับเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ
นี่เป็นของสำคัญของบุรุษทุกคน ไหนเลยเขาจะกล้ามองว่าเป็นเรื่องล้อเล่น เขาค่อย ๆ ยกชายผ้าห่มขึ้น ความรู้สึกปวดแปลบนั้นก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ราวกับว่ามีบางอย่างมุดเข้าไปในนั้นอย่างไรอย่างนั้น
เซี่ยหยางรีบตะโกนขึ้นมา “ไปเรียกท่านหมอเย่มา! เร็วเข้า!”
“องค์ชาย!” คนจำนวนมากพุ่งตัวเข้ามา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเซี่ยหยางซีดขาวด้วยความเจ็บปวด เหงื่อกาฬบนใบหน้าผุดออกมาแล้ว ก็คิดว่าอาการบาดเจ็บที่มือและเท้าของเขากำเริบ จึงรีบให้คนออกไปตามเย่จิ่งฝู
เยว่พั่วหลัวขยับริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมา ไม่รู้ว่าแมงมุมน้อยลูกรักของนางกัดที่ใดเข้า ถึงทำให้เขาเจ็บปวดเพียงนี้
เยว่พั่วหลัวในเวลานี้ไหนเลยจะรู้ว่า แมงมุมกู่ลูกรักของนางถูกไป๋จิ่นจับโยนลงในตะกร้าพิษและยัดของดีจำนวนไม่น้อยให้ตั้งนานแล้ว ทั่วทั้งตัวของมันล้วนเต็มไปด้วยพิษ ประกอบกับเยว่พั่วหลัวยังยัดต้นกำเนิดของพิษในเมืองหลวงที่ปรับปรุงแล้วให้มันด้วย คราวนี้พิษหลายชนิดจึงถูกรวมเข้าด้วยกัน แมงมุมกู่รีบร้อนที่จะระบายพิษออกไป จึงรีดพิษทั้งหมดให้เซี่ยหยางในอึดใจเดียว
เพียงพริบตาเดียว เซี่ยหยางก็ปวดแปลบไปทั่วทั้งร่าง พร้อมกับน้ำลายฟูมปาก
“องค์ชาย องค์ชาย! เร็ว รีบไปตามคนมาสิ!”
“แย่แล้ว องค์ชายถูกพิษ จับคนพวกนี้เอาไว้!”
เหล่าสาวใช้ย่อมยากที่จะเลี่ยงความผิดไปได้ ทุกคนที่เข้ามาในห้องนี้ล้วนต้องถูกสอบสวน เยว่พั่วหลัวจึงแสร้งทำเป็นหวาดกลัว นั่งยอง ๆ รวมกับสาวใช้เหล่านั้น
มียอดฝีมือเข้ามาสกัดจุดให้เซี่ยหยาง ทำให้พิษไม่แพร่กระจายอีก แต่อาการของเซี่ยหยางก็ยังไม่ได้ดีขึ้น
“ตรวจสอบ! ตรวจสอบทีละคน ใครก็ห้ามละเว้น!”
“ใต้เท้า ข้าบริสุทธิ์นะเจ้าคะ องค์ชายไม่ได้เสวยอาหารที่พวกเรานำมานะเจ้าคะ พวกเราไม่รู้เรื่องนะเจ้าคะ” เหล่าสาวใช้ร้องออกมา
แต่เมื่อครู่นี้ในห้องมีเซี่ยหยางอยู่เพียงคนเดียว! หากพวกเขาไม่หาแพะมารับบาป จะให้บอกว่าเป็นพวกเขาที่ทำงานไม่รอบคอบอย่างนั้นหรือ?
ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า แม้แต่บนหลังคาตำหนักของเซี่ยหยางก็มีคนเหาะขึ้นไปตรวจสอบจนทั่ว ไม่เพียงไม่เจอร่องรอยของมนุษย์แล้ว ยังคล้ายกับว่าพิษนั่นจู่ ๆ ก็ถูกกรอกเข้าไปในร่างกายของเซี่ยหยางอย่างไรอย่างนั้น
“องค์ชายถูกกัดที่ใดอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” มีคนถามขึ้นมา
ทุกคนจึงได้สงบสติลงและถอดเสื้อผ้าของเซี่ยหยางออก คราวนี้ทุกคนต่างก็อึดอัดใจขึ้นมา เมื่อเห็นว่าของสำคัญของเซี่ยหยางเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงหมดแล้ว มองแวบเดียวก็ดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เย่จิ่งฝูนั่งรออยู่ในสวนจนเกือบจะผล็อยหลับ ตอนกลางคืนลมพัดเย็น ในใจกลับก่นด่าเซี่ยหยางนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะเห็นว่ามีคนร้องโวยวายเรียกหานางอยู่
เย่จิ่งฝูยังคิดว่าจะค่อย ๆ เดินไป ทว่าองครักษ์ผู้นั้นกลับรอไม่ไหวอีก จึงลากเย่จิ่งฝูให้วิ่งไปด้วย
เย่จิ่งฝูวิ่งจนหอบแฮก ๆ ทันทีที่เข้าไปและได้เห็นสิ่งสกปรกของเซี่ยหยาง ก็แทบจะล้วงเข็มเงินออกมาทิ่มเขาซะ
คิดไม่ถึงเลยว่าคนเมื่อครู่จะใช้พิษเก่งจริง ๆ ไม่เพียงต้องการเอาชีวิตเซี่ยหยาง ทว่ายังต้องการให้เขาไร้ทายาทสืบสกุลด้วย
เย่จิ่งฝูนั่งลงตรวจชีพจรให้เขา ก็เห็นชายกลุ่มหนึ่งเบียดเสียดกันอยู่ในห้องจนแม้แต่น้ำสักหยดก็ผ่านเข้ามาไม่ได้ จึงเอ่ยอย่างหมดความอดทนออกมา “ออกไป ไปเรียกสาวใช้ข้ามา พวกเจ้าอยู่นี่บังแสงข้าหมดแล้ว”
“ท่านหมอเย่ ท่านต้องรักษาองค์ชายของพวกเราให้หายนะขอรับ!” องครักษ์ผู้นั้นมีสีหน้ากระวนกระวาย
เย่จิ่งฝูหยิบเลือดพิษจำนวนหนึ่งออกมา และป้อนยาหัวใจบริสุทธิ์ให้เซี่ยหยาง จากนั้นเซี่ยหยางก็ไม่กระตุกอีก แต่อาการชาและเจ็บปวดในร่างกายกลับรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“พิษนี้…ข้าบอกได้แค่ว่าหากจะรักษาให้หายขาดนั้น เกรงว่าด้วยความสามารถของข้าก็ยังทำไม่ได้”
เซี่ยหยางได้ยินก็เลือดลมแปรปรวน กระอักเลือดออกมาทันที
เย่จิ่งฝูจึงใช้เข็มเงินปกป้องหัวใจของเขาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบออกมา “องค์ชายรอง พิษนี้ห้ามโมโหเด็ดขาด ข้าจะคิดหาวิธีก่อน แต่ตอนนี้ท่านยังไม่เป็นอะไร”
แต่หากลากต่อไป เกรงว่าเขาคงได้กลายเป็นขันทีอย่างแน่นอน
ข้างนอก เยว่พั่วหลัวและสาวใช้คนอื่น ๆ ถูกพาตัวไปแล้ว ต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะที่พวกเขาเดินผ่านมุมสวน ทันใดนั้นเยว่พั่วหลัวก็หันกลับมาและเขย่าข้อมือใส่องครักษ์ข้างหลังทีหนึ่ง สายตาของคนผู้นั้นนิ่งงัน ก่อนจะเดินผ่านนางและเดินหน้าต่อไป โดยไม่ได้เผยพิรุธใด ๆ
เยว่พั่วหลัวรีบกลับไปที่จุดนัดพบกับไป๋จิ่น ทั้งสองคนกลับไปทางเดิม ทั้งยังแวะแผงลอยริมถนนเพื่อซื้อแป้งทอดกลับไปกินอีกด้วย
เยว่พั่วหลัวมองดูแป้งทอดที่ตัวเองเลือกมาอย่างดี ก่อนจะกัดลงไปที่เนื้อเหนียวนุ่ม หอมหวานอร่อย นางชอบจงหยวนมากจริง ๆ
“แมงมุมกู่ของเจ้าปล่อยพิษเข้าไปแล้วหรือ?”
“แน่นอน ข้าลงมือเองเสียอย่างจะพลาดได้อย่างไรกัน? พวกเขาหาเบาะแสในห้อง ไหนเลยจะรู้ว่าแมงมุมกู่ของข้าเข้าไปในผ้าห่มของเซี่ยหยางภายใต้การชี้นำของข้าเรียบร้อยแล้ว”
“เฮอะ หากไม่ใช่เพราะข้าใส่พิษเร่งแมงมุมกู่ของเจ้า พิษของเขาจะกำเริบเร็วเพียงนี้อย่างนั้นหรือ?”
เยว่พั่วหลัวชะงักไป ดมร่างกายของตัวเองก่อนจะหรี่ตาลง “ไร้สี ไร้กลิ่น ข้าไม่เห็นได้กลิ่นเลย”
ไป๋จิ่นอารมณ์ดีอย่างมาก เจ้าต้องไม่ได้กลิ่นอยู่แล้ว เพราะข้าโกหกเจ้าอย่างไรเล่า เจ้าเดาไปเถอะ! ให้คืนนี้เจ้างุนงงทั้งคืน!
.
.
.